สุดท้ายแล้ว เรื่องที่เราเล่าก็คือเรื่องของตัวเอง
|
|||
7. เสียงสะท้อนจากทะเลสาบไบคา
วันที่ 6 กันยายน 2554
อากาศหนาว มีเมฆมาก ทะเลสาบไปคา ทะเลสาปไบคาเป็นทะเลสาปน้ำจืดที รถที่นำเราไปยังทะเลสาปไบคาเป็นรถตู เช้าวันนี้ท้องฟ้ามี ...ในช่วงเวลาที่มืดมน ถ้าเกิดมีแสงสว่างสาดส่องมา ในยามนั้นแสงสว่างที่เห็น จะดูสวยงามมากกว่า มองเห็นแสงแดดส่องลงมาในทุกที่... สุ เราเลือกเดินเลี้ยวเข้าไปในถนนเล็ บางทีเราก็สามารถเห็นชีวิ ...การเดินทางโดยที่ไม่มี ...เวลาเดินบนถนนที่ไม่ได้เป็ ...การเลือกเดินต่อไปทั้งๆที่ ...บางเราต้องเดินถอยหลังย้ ...ยิ่งเดินไปไกลเท่าไหร่ ยิ่งไม่ถึงเป้าหมาย เราก็ยิ่งจะถอดใจ ...แต่แม้ถ้าเราเห็นเป้าหมายเพี ...ยิ่งทางเดินที่แคบและเดิ ...และเพราะทางเดินยากๆเนี่ ..เส้นทางที่เราเลือกเดินบางครั ...การเดินคนเดี ...แต่การมีเพื่อนที่รู้ใจร่ ...บางครั้งก็มีคนแปลกหน้ามาคุ ...แล้วพอเราเห็นเพื่อนร่ ...เป้าหมายไม่ได้ 6 ความเหน็บหนาวของไซบีเรีย
วันที่5 กันยายน 2554 มีเมฆมาก หนาว และฝนตก เอียร์ครุกช์ ประเทศรัสเซีย เราชอบเจ้าหน้าที่หญิงคนนี้จั บางครั้งการสื่อสารก็แปลกเหมือนกันนะ แม้จะฟังไม่เข้าหัวเลยซักคำ แต่ก็เข้าใจมันด้วยหัวใจอยู่ดี การออกเดินทางทำให้มุ เราแบกเป้ขึ้นหลัง แล้วเดินออกมาสัมผัสกั พอออกจากสถานีรถไฟ เราก็มุ่งหน้าไปที่โฮสเทลก่ แต่แผนก็คือแผนการ เพราะเมื่อเราถึงที่พัก เจ้าหน้าที่ก็ทักทายเราด้วยสีหน้าและรอยยิ้ม เมื่อเธอทราบว่า เราพึ่งลงมาจากรถไฟ เธอก็เสนอชาร้อนๆและน้ำอุ่นๆ เราเลยนั่งพักจิบชาคุยเล่นกับเธอไปจนถึงสิบโมงกว่าๆ ถึงตอนนั้นฟ้าถึงจะเริ่มพึ่งสาง แดดพึ่งจะลับขอบฟ้าออกมา ทำให้อากาศอบอุ่นขึ้นหน่อยนึง ถ้าพูดถึงความประทั ในเอียร์คุกส์ห (ชื่อเมืองอ่านยากแบบนี้จริงๆนะ) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงแห่งนึ ๑. เป็นเมืองที่รถไฟสายทรานไซบีเรี ๒. เป็นเมืองหนึ่งที่เชื่อมการเดิ ๓. เป็นเมืองท่าที่อยู่ใกล้กั ๔. เป็นเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็ ทุกวันนี้สามารถเห็นหลักฐานร่ ๕. อื่นๆ ตอนนั้นเราไม่ได้วางแผนเที่ยวเมืองนี้อย่างเป็นกิจลักษณะ เพราะอ่านข้อมูลจากเวปไซด์แล้ ชมบ้านเรือน เดินไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบเร่ง รีบร้อน คงเข้ากับคอนเซปของเมืองแห่งนี้ เราเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆตามใจ เข้าถนนนั้นออกซอยนี้ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มันก็สบายใจดี ใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมง เราก็เดินมาบรรจบที่อีกฟากของแม่น้ำ ใกล้ๆกับสะพานเชื่อม มีรูปปั้นพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ข้ามถนนจากฝั่งพระเจ้าอเล็ พิพิธภัณฑ์ มีการจัดวาง เรียงร้อยเรื่ เนื่องจากเมืองอีสคุกห์อยู่ใกล้ กลับมาเล่าถึงพระเจ้าอเล็ ด้วยระยะทางมากกว่าแปดพันกิ เราเดินเล่นตัดไปอีกถนนนึงค่ะ พอเดินไปถึงตลาดว่าชมตลาดซักหน่อย ฝนก็ตกลงเม็ด จากนั้นฝนเย็นๆก็กลายเป็นลูกเห็บตกดังเสียงเปาะแป๊ะ เราเลยหลบไปนั่งทานอาหาร สั่งอาหารมั่วไปมา เลยได้เกี้ 5. บทสนทนาจากคนแปลกหน้า
วันที่4-5 กันยายน 2554 อากาศสดใส บนรถไฟมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศรัสเซีย วันนี้เราพบกับเพื่อนใหม่สองคน เค้าเป็นคู่แต่งงานที่เดินทางมาจากฝรั่งเศส เราชอบที่จะมองเห็นดวงหน้าของพวกเค้าทั้งสองคนที่ค่อยๆสุกใสขึ้น เมื่อเราถามว่าคุณทั้งสองรู้จักกันได้ยังไง "เรารู้จักกันที่ทำงาน ง่ายดีเนอะ" ฝ่ายผู้หญิงเป็นคนตอบ เรายิ้มอ้อมแอ้ม ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรตอบไปดี "เราสองคนทำงานที่เดียวกัน แล้วเราก็ชอบอะไรเหมือนๆกัน พวกเราชอบท่องเที่ยวแนวผจญภัย เวลาเนื้อตัวมองแมม แฟนผมก็ดูน่ารักดี" แล้วทั้งสองก็ยิ้มหวานให้กัน มันเป็นเรื่องเรียบง่าย ที่ทำให้หัวใจของเราพองโตด้วยความสุข เมื่อเห็นทั้งสองคนมีความรักและห่วงใยกัน "พวกคุณออกเดินทางท่องเที่ยวบ่อยมั๊ยคะ" เราสานต่อบทสนทนา "ก็ตามความสามารถของ คนทำงานออฟฟิศจะมีเวลาครับ แต่ส่วนมาก เราจะออกเดินทางไกลๆปีละครั้้ง ก็เกือบๆจะทั่วโลกแหละครั้บ แล้วส่วนมากพวกเราจะไปแอฟริกา แต่คราวนี้เลือกที่จะมามองโกเลีย ผมกับแฟนกางเต้นท์อยู่ในทะเลทรายโกบี เกือบสองอาทิตย์ จากนี้ก็จะไปอยู่ไบคาอีกสี่วัน จากนั้นก็บินกลับครับ" "พวกคุณเดินทางไปมาทั่วโลกเลยหรอคะ ขอถามได้มั๊ยว่า คุณประทับใจประเทศไหนมากที่สุด?" เราถามเพื่อเก็บข้อมูลไว้ ฝ่ายผู้ชายบอกว่าเราว่า แอฟริกาเป็นประเทศที่มีทัศนียภาพ ทำให้เค้าแทบลืมหายใจ ฝ่ายหญิงเงียบ ไปซักพักทำท่าครุ่น แล้วสักพักก็พูดออกมาว่า "กัมพูชา ค่ะ เพราะว่าเป็นประเทศที่เปลี่ยนชี แล้วประโยคนั้นก็ดังก้องอยู่ในใจเราต่ออีกสักพักใหญ่ๆ การเดินทางที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไป มองเห็นสิ่งที่แตกต่าง ฟังเรื่องราวของคนท้องถิ่น จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่ในระหว่างการเดินทางที่เกิดขึ้่น เราก็ได้เติบโตขึ้นแล้วจริงๆ วันรุ่งขึ้นเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ในที่สุดรถไฟก็เดินทางผ่านด่าน ข้ามจากมองโกเลียไปสู่รัสเซียเสียที จากที่พอมีประสบการณ์ผ่านด่ ๑. เจ้าหน้าทีตม.ขึ้นรถไฟมารับหนั ๒. เจ้าหน้าที่ตม.ขึ้ ๓. เจ้าหน้าที่ตม.ขึ้นมาเพื่อคื ๔. เจ้าหน้ารถไฟแจกใบ สำแดงสิ่งของต้องห้ ๕. เจ้าหน้าที่ตม.ประเทศใหม่ขึ้ พร้อมใบสำแดงการนำสิ่งของเข้ ๕. เจ้าหน้าที่ตม. ขึ้นมาตรวจสิ่งของในขบวนรถไฟ ๖. ระหว่างรถเจ้าหน้าที่ตม. มาแจกหนังสือคืน รถไฟออกเดินทางไปเปลี่ยนสัญชาติ ๗. รถไฟกลับมา ได้รับหนังสือเดินทางคืน ออกเดินทาง ขั้นตอนก็มีประมาณนี้ แต่การตรวจคนผ่านเข้าเมือง ตม.รัสเซียทำเอาจริงเอาจั เรายังจำช่วงเวลาที่รถไฟค่อยๆแล่นข้ามพรมแดน ผ่านเข้าประเทศรัสเซียได้อย่างติดใจ มันเป็นช่วงเวลาตื่นตาระคนตื่นเต้น รถไฟแล่นผ่านไปช้าๆ พร้อมกับเลดี อิน เรด เจ้าหน้าที่รถไฟคอยเดินห้ามประกาศว่าห้ามถ่ายรูป อยู่เป็นระยะ จะว่าไปบรรยากาศตรึงเครียดเล็กๆแบบนี้ก็คล้ายกับบรรยากาศก่อนเข้าห้องสอบยังไงอย่างงั้น พอข้ามถึงเขตรัสเซียไม่กี่ชั่วโมง รถไฟก็หยุดพัก เจ้าหน้าที่ประกาศว่าให้กลับมาขึ้นรถตอน สิบเอ็ดโมงเช้า จากนี้พวกเราชาวผู้โดยสารก็ลงไปหาสเบียงอาหาร และยืดเส้นยืดสายได้ ข้างๆสถานีรถไฟมีตลาดเล็กๆแห่งหนึ่งดูสะอาดตา ของที่นี่มีแทบจะทุกอย่าง ตั่งแต่ข้าวของเครื่องใช้ อาหาร และหนังสือสำหรับเล่นซุโดกุ ที่มีตัวเลขเป็นภาษาสากล เราเป็นคนที่ชอบเดินตลาดมาก เพราะมันเหมือนได้เรียนรู้ว่าคนท้องถิ่นชอบใช้อะไรกินอะไร มันเป็นความสนุกเล็กๆเหมือนได้แอบค้นลิ้นชักของผู้ใหญ่เมื่อตอนที่เรายังเด็ก เช้าวันนั้นมีแดดสดใส แต่อากาศกลับเย็นจนเกินไป เราจำต้องออกมายืนตากแดดรับวิตามินดี อย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ เราเดินแยกกับเพื่อนชาวฝรั่งเศส เพราะพวกเค้าจะเข้าไปทางอาหารกันในคาเฟ่ ส่วนเราก็ปล่อยให้เค้ามีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองบ้าง จากนั้นเราก็ปลีกตัวเดินต่อไปเรื่อยๆ มองเห็นเจ้าวัวน้อยมาคอยเล็มหญ้ากินอยู่ เห็นเด็กนักเรียนออกมานั่งสุมรวมกันอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ แล้วเราก็ค่อยๆสัมผัสกับความเงียบ อากาศสดชื่น ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าจัด พอถึงเวลาก็กลับไปยังรถไฟ ใช้เวลาที่เหลือทั้งวัน ดื่มด่ำสัมผัสกับบรรยากาศที่สวยจับใจ พระอาทิตย์ที่คล้อยใกล้จะตกดิน และหนังสือที่พกติดตัวไปด้วย มันเป็นความสบายที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข เพียงแค่ระลึกถึง 4.2 ประวัติศาสตร์เล็กน้อย
ตามประวัติศาสตร์มองโกเลียเล่
รวมถึงช่วงหลังๆนั้นยังตกเป็ พอถึงปีค.ศ.๑๙๑๑ ประเทศมองโกเลียก็ประกาศอิสรภาพ แต่แน่นอนว่าประเทศจีนปฎิเสธ ในปีค.ศ.๑๙๒๑ มองโกเลียประกาศอิสรภาพอีกครั้ โดยรัฐบาลเจียงไคเช็คที่ตอนนั้ จากนั้นมองโกเลียก็เป็ มีมุมเล็กๆมุมหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ เจงกิสข่านตามประวัติศาสตร์เป็ หลังจากนั้นเราก็นัดเจอบูก้า บูก้าพาไปกินหมี่ผัดที่บอกว่าเป็นเป็ ก่อนจะจบวันที่อุลาบาต๊อก เราส่งโปสการ์ดหาตั พอพระอาทิตย์ลับข้อบฟ้าไป บูก้าก็พาเราเดินไปส่งถึงสถานรถไฟ ตอนแรกเรานึกว่าบูก้าพามาส่งแล้วก็กลับเลย เพราะบูก้ายังไม่ทานอาหารเย็น (ชวนไม่กิน) แต่แล้วบูก้าก็นั่งรอรถไฟเป็นเพื่อนเรา ระหว่างนั้นเราก็นั่งคุยเรื่ และคืนนั้นเอง เราค่อยๆซึมซับทุกความสุ 4 เดินเที่ยวที่อุลาบาตอร์
วันที่3 กันยายน 2554 อากาศสดใส แสงแดดจัด ภายในรถไฟ ประเทศมองโกเลีย ก่อนเวลาอาหารเช้ามาถึง เราออกเดินทางรอบเล็กๆบริ เป็นเวลาแปดโมงเช้าแล้วแต่ตั พูดถึงคืนวันศุกร์ คืนวันศุกร์น่าจะเป็นคืนหนึ่งที หรือบางครั้งก็แค่พักผ่อนดู วันนี้เราตั้งใจจะเดินทางไปดู ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่ โครงกระดูกของเจ้าแหลมนี้ใหญ่ รวมทั้งพิพิธภัณฑ์นี้ยังมีหั เรานึกขึ้นมาได้ถึงภาพวิวั |
อย่าลังเล
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |