ที่ๆ คุณสามารถพบว่าคุณเป็นใคร มีสิ่งใดและทำสิ่งใดได้ในพระคริสต์
 
 

จะทำอย่างไรเมื่อภัยใกล้เข้ามา (คริสเตียน)



จะทำอย่างไรเมื่อภัยใกล้เข้ามา


แต่ให้คนทั้งปวงที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์นั้นเปรมปรีดิ์ ให้เขาร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่เสมอ และขอทรงป้องกันเขาไว้ เพื่อคนที่รักพระนามของพระองค์จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์ - สดุดี ๕:๑๑


เมื่อคุณต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ คุณทำอย่างไร สำหรับผู้เขียนสดุดี ท่านเข้าลี้ภัยในพระเจ้า และท่านกำชับทุกคนที่กำลังประสบกับปัญหาต่างๆ ให้ทำเช่นเดียวกัน


ท่านกำชับทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระเจ้าให้กระทำบางสิ่งซึ่งสวนทางกับธรรมชาติฝ่ายเนื้อหนัง ท่านกำชับให้เราเปรมปรีดิ์และร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่ภัยยังคงอยู่


ฝ่ายธรรมชาติ เมื่อปัญหากำลังรุมเร้า เราเข้าลี้ภัยในทุกคนที่เรารู้จัก และเมื่อพบว่าไม่มีใครให้เราลี้ภัยได้ เราค่อยนึกขึ้นได้ว่ามีพระเจ้า จึงค่อยเข้าไปลี้ภัยในพระองค์


และเมื่อเราเข้าไปในลี้ภัยในพระเจ้า แทนที่เราจะทำตามที่ผู้เขียนสดุดีกำชับไว้ เรากลับทำตรงข้าม เราเข้าไปด้วยความหดหู่ ตัดพ้อต่อว่า สงสัย ราวกับพระเจ้าทรงอยู่เบื้องหลังภัยนั้นเสียเอง


เรื่องการมีความชื่นชมยินดีท่ามกลางมรสุมชีวิตคือสิ่งที่สอนตลอดพระคัมภีร์ ในพันธสัญญาใหม่ อัครทูตเปาโลกำชับถึงสองครั้งในข้อเดียวกันว่า “จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด” (ฟป. ๔:๔) จากข้อนี้ ไม่ควรมีแม้แต่เวลาเดียวที่จะไม่ชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า


เราพูดถึงความชื่นชมยินดีจนติดปาก แต่เรากลับไม่ค่อยประพฤติตามสิ่งที่พูดสักเท่าไรนัก เราไม่ทราบแม้กระทั่งว่าจะแสดงความชื่นชมยินดีออกมาอย่างไร ยากอบกล่าวว่า “มีผู้ใดร่าเริงยินดีหรือ จงให้ผู้นั้นร้องเพลงสรรเสริญ” (ยก. ๕:๑๓) นอกจากวันอาทิตย์เช้าแล้ว คุณร้องเพลงสรรเสริญบ้างหรือไม่


จากพระธรรมข้อหลัก “ให้เขาร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่เสมอ” จากฉบับฮีบรู ยังหมายถึง “ให้เขาตะโกนด้วยความชื่นชมยินดีอยู่เสมอ” ใครๆ ก็ร้องเพลงและตะโกนด้วยความชื่นชมยินดีได้เมื่อภัยผ่านพ้นไป แต่เฉพาะคนที่ดำเนินในความเชื่อเท่านั้นที่จะร้องเพลงและตะโกนด้วยความชื่นชมยินดีขณะที่ยังไม่มีวี่แววว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย


จากข้อดังกล่าว คริสเตียนควรชื่นชมยินดีอยู่เสมอ รวมถึงทั้งในยามที่มีภัยและไม่มีภัย ครั้งสุดท้ายที่คุณร้องเพลงสรรเสริญหรือตะโกนด้วยความชื่นชมยินดีคือเมื่อไร


ในพันธสัญญาเดิม กษัตริย์เยโฮชาฟัทของยูดาห์ต้องเผชิญกับกองทัพมหึมาของคนโมอับ คนอัมโมนและชาวภูเขาเสอีร์ (๒ พศด. ๒๐:๑-๒๗) ทันทีที่ทราบข่าวนี้ ท่านเข้าลี้ภัยในพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่าท่าน “มุ่งแสวงหาพระเจ้า” (ข้อ ๘) ท่านทูลพระเจ้าว่า ถ้าเหตุร้ายเกิดขึ้น ข้าพระองค์ “จะยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์” (ข้อ ๙) เมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้นกับคุณ พระองค์คือบุคคลแรกที่คุณจะเข้าหาทันทีหรือไม่


ท่านเชื่ออย่างมั่นคงว่า “พระองค์จะทรงฟังและช่วยให้รอด” (ข้อ ๙) คุณเชื่อเช่นเดียวกันกับเยโฮชาฟัทหรือไม่


จากนั้นบางคนได้ตะโกนสรรเสริญเสียงดังด้วยความชื่นชมยินดี พระคัมภีร์กล่าวว่า “และคนเลวี... ได้ยืนขึ้นถวายสรรเสริญแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยเสียงอันดัง” (ข้อ ๑๙)


เมื่อภัยใกล้ตัวเข้ามา เยโฮชาฟัทและประชาชนทำสิ่งที่พวกเราน้อยคนจะทำ คือร้องสรรเสริญพระเจ้าขณะที่กำลังเดินออกไปเผชิญหน้าศัตรู ผลที่เกิดขึ้นคือ ศัตรูทั้งสิ้นก็แตกพ่ายไป (ข้อ ๒๒-๒๓) เมื่อภัยเข้ามาใกล้ตัวคุณเรื่อยๆ คุณจะทำอย่างไร


ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “พระเจ้าทรงป้องกันเขาไว้ เพื่อคนที่รักพระนามของพระองค์จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์” หลังจากที่พระเจ้าทรงป้องกันพวกเขา พระคัมภีร์กล่าวว่า “เยโฮชาฟัททรงนำหน้ากลับไปยังเยรูซาเล็มด้วยความชื่นบาน เพราะพระเยโฮวาห์ได้ทรงกระทำให้เขาเปรมปรีดิ์" (ข้อ ๒๗)


หากวันนี้ภัยกำลังใกล้ตัวเข้ามา ตัดสินใจที่จะเข้าลี้ภัยในพระเจ้าด้วยความเปรมปรีดิ์ จงร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่เสมอ พระเจ้าจะทรงป้องกันคุณไว้ เพื่อคุณซึ่งรักพระนามของพระองค์จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์ และจะมีประสบการณ์กับชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ


คำอธิษฐานด้วยความเชื่อ: พระบิดาเจ้า ลูกจะลี้ภัยอยู่ในพระองค์ด้วยความเปรมปรีดิ์ ลูกจะร้องเพลงสรรเสริญและตะโกนด้วยความชื่นชมยินดีอยู่เสมอ ลูกขอบพระคุณที่ทรงป้องกันลูกไว้ เพื่อลูกซึ่งรักพระนามของพระองค์จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์ ลูกขอบพระคุณพระองค์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน




 

Create Date : 08 เมษายน 2552   
Last Update : 8 เมษายน 2552 12:16:07 น.   
Counter : 583 Pageviews.  


ทรงนำและทรงทำทางให้ราบรื่น (คริสเตียน)



ทรงนำและทรงทำทางให้ราบรื่น



โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เนื่องด้วยพวกศัตรูของข้าพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ไปโดยความชอบธรรมของพระองค์ ขอทรงโปรดทำทางซึ่งข้าพระองค์เดินนั้นให้ราบรื่น - สดุดี ๕:๘


คุณเป็นเหมือนใครหลายคนหรือไม่ ครั้งแรกที่ใครสักคนเล่าเรื่องพระเยซูให้คุณฟัง เขาบอกคุณว่า เมื่อเชื่อพระเยซูแล้ว คุณจะไม่มีปัญหาอีกเลย แต่คุณกลับพบว่า หลังจากที่คุณเชื่อในพระองค์ คุณกลับยังคงพบกับปัญหามากมายและบางทีอาจจะมากกว่าเดิมเสียอีก


พระเยซูไม่เคยตรัสว่าผู้ที่ติดตามพระองค์จะไม่ประสบปัญหา พระองค์ตรัสว่า ปัญหาย่อมเกิดขึ้นกับทุกคน แต่ผู้ที่ฟังและประพฤติตามพระวจนะของพระองค์จะยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางปัญหา (มธ. ๗:๒๔-๒๗) อัครทูตเปโตรกล่าวถึง “ศัตรู” ของผู้เชื่อทุกคนทั่วโลก ซึ่งก็คือมาร มันวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงโตคำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มั่นจะกัดกินได้ (๑ ปต. ๕:๘) และมันคือต้นเหตุของความยากลำบากของพี่น้องผู้เชื่อทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถมีชัยเหนือมันได้โดย “ยืนต้าน” มันด้วยใจมั่นคงในความเชื่อบนพระวจนะของพระเจ้า (ข้อ ๙)


ผู้เขียนสดุดีเองต้องเผชิญกับศัตรูมากมาย ท่านจึงทูลต่อพระเจ้าว่า “โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เนื่องด้วยพวกศัตรูของข้าพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ไปโดยความชอบธรรมของพระองค์”


คุณสามารถทูลขอการทรงนำได้เช่นกัน พระองค์จะทรงนำคุณไปโดยความชอบธรรมของพระองค์ ไปในทางชอบธรรม (สดุดี ๒๓:๓) ทรงนำด้วยคำปรึกษาของพระองค์ (สดุดี ๗๓:๒๔) ทรงนำอย่างต่อเนื่อง (อสย. ๕๘:๑๑) และหากคุณติดตามพระองค์ไปโดยความชอบธรรมของพระองค์ ไปในทางชอบธรรม ด้วยคำปรึกษาของพระองค์ ติดตามอย่างต่อเนื่อง คุณจะได้รับเกียรติยศ (สดด. ๗๓:๒๔) มีอย่างบริบูรณ์ท่ามกลางภาวะขาดแคลน (อสย. ๕๘:๑๑)


ผู้เขียนสดุดีทูลต่อพระเจ้าต่อไปว่า “ขอทรงโปรดทำทางซึ่งข้าพระองค์เดินนั้นให้ราบรื่น”


หากตลอดมาเส้นทางที่คุณดำเนินอยู่เป็นเส้นทางที่ผิด คดเคี้ยวและอธรรม พระเจ้าได้ทรงทำทางใหม่เตรียมไว้แล้วเพื่อคุณ เป็นทางที่ราบรื่น


คำว่า “ราบรื่น” ยังหมายถึง “ถูกต้อง ตรง ชอบธรรม”


การจะอยู่บนเส้นทางที่พระเจ้าเตรียมไว้ คุณต้องย้ายออกจากเส้นทางของตนเอง เพียงกลับใจออกจากชีวิตที่มีตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง ชีวิตที่เห็นแก่ตัว ชีวิตที่ทำเพื่อตนเอง ชีวิตที่คดงอ ขรุขระซึ่งก้าวสู่การถูกทำลาย และจงก้าวสู่เส้นทางของพระเจ้า ซึ่งเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง ตรง ชอบธรรมและราบรื่น นั่นหมายถึงการเปลี่ยนความคิด คำพูดและการกระทำให้ตรงตามพระวจนะของพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า “จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” (สภษ. ๓:๖)


อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าศัตรูจะไม่พยายามขัดขวางคุณ เพียงแต่มันจะพบโอกาสได้น้อยลง และถึงแม้มันจะเข้ามาโจมตี คุณก็จะพร้อมที่ยืนหยัดต่อต้านมันด้วยใจมั่นคงในความเชื่อบนพระวจนะของพระเจ้า และในที่สุดมันจะหนีคุณไปด้วยความกลัว (ยก. ๔:๗)


หากคุณเบื่อยหน่ายกับชีวิตที่เป็นเป้านิ่งให้ศัตรูซ้อมมือทุกวัน ตัดสินใจวันนี้ที่จะสลัดตัวเก่า ทางเก่า ความคิด คำพูดและการกระทำเก่าๆ ออกไป และสวมชีวิตใหม่ ดำเนินชีวิตใหม่ ให้พระวจนะของพระเจ้าปกครองชีวิตมากขึ้นทุกวัน พระเจ้าจะทรงนำคุณและทำทางเพื่อคุณ คุณจะก้าวไปบนทางที่ถูกต้อง ตรง ชอบธรรมและราบรื่น มีชัยเหลือล้นเหนือศัตรูและมีประสบการณ์กับชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ


คำอธิษฐานด้วยความเชื่อ: พระบิดาเจ้า เนื่องด้วยพวกศัตรูของลูก ขอทรงนำลูกไปโดยความชอบธรรมของพระองค์ ขอทรงโปรดทำทางซึ่งลูกเดินนั้นให้ราบรื่น ลูกขอบพระคุณพระองค์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน




 

Create Date : 08 เมษายน 2552   
Last Update : 8 เมษายน 2552 12:22:20 น.   
Counter : 924 Pageviews.  


นอนไม่หลับ ทำอย่างไรดี (คริสเตียน)



นอนหลับในความสันติ


ข้าพระองค์จะเอนกายลงนอนหลับในความสันติ ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย - สดุดี ๔:๘

คุณกำลังเผชิญกับอาการนอนไม่หลับอยู่หรือไม่ คุณทำทุกวิธีที่ทุกคนแนะนำ แต่กลับพบว่าตนยังคงนอนมองเพดานเหมือนเดิม

หนึ่งในอุปสรรคต่อการนอนหลับอย่างมีสันติสุขคือความกระวนกระวาย คนมากมายกระวนกระวายถึงชีวิตตนจนนอนไม่หลับ (มธ. ๖:๒๕)

คำว่า “กระวนกระวาย” ยังหมายถึง “เอาใจใส่” (ฟป. ๒:๒๐)

แทนที่เราจะเอาใจใส่ในพระสัญญาในพระวจนะของพระเจ้า เรากลับเอาใจใส่ในสถานการณ์รอบข้าง จนไม่เหลือที่ให้พระวจนะทำงานในหัวใจ แม้เราจะอธิษฐาน หรือแม้กระทั่งขอให้ทุกคนที่รู้จักและไม่รู้จักอธิษฐาน แต่หากเรายังคงกังวลต่อไป เรากำลังปล่อยให้ความกังวลรัดพระวจนะ จนไม่เกิดผลในชีวิตของเรา พระเยซูตรัสว่า “...ความกังวลตามธรรมดาโลก ....ก็รัดพระวจนะนั้นเสีย และเขาจึงไม่เกิดผล (มธ. ๑๓:๒๒)

ทราบหรือไม่ว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้คุณนอนหลับอย่างมีสันติสุขทุกคืนตลอดชีวิตของคุณ แม้ชีวิตของผู้เขียนสดุดีจะต้องเผชิญกับการถูกตามล่าทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ท่านยังคงเอนกายลงนอนหลับในความสันติอยู่ได้ ท่านกล่าวถึงสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นว่า “เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย”

หากวันนี้คุณเพิ่มปริมาณยานอนหลับจนถึงขีดอันตรายแล้วยังนอนไม่หลับ ไม่มีทางใดที่จะช่วยให้คุณหลับได้ จำไว้ว่า พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงช่วยคุณได้

การนอนหลับในสันติสุขของพระเจ้าเริ่มจากการตัดสินใจของคุณ ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “ข้าพระองค์ ‘จะ’ เอนกายลงนอนหลับในความสันติ” ตราบใดที่คุณยังปล่อยให้ความกระวนกระวายยังคงวนเวียนอยู่ในหัวโดยไม่ทำอะไร คุณจะไม่สามารถนอนหลับในสันติสุขของพระเจ้าได้

คุณสามารถจัดการกับความกระวนกระวายได้โดย

๑. ปฏิเสธที่จะทุกข์ร้อนกระวนกระวาย พระคัมภีร์กล่าวว่า “อย่าทุกข์ร้อนใน ‘สิ่งใดๆ เลย’ ...” (ฟป. ๔:๖) นั่นหมายความว่า แม้แต่เรื่องเดียวก็ไม่ได้

๒. จงละบรรดาความกระวนกระวาย พระคัมภีร์กล่าวว่า “จงละ ‘บรรดา’ ความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย” (๑ ปต. ๕:๗) ปัญหาคือ เราไม่ได้ละบรรดาความกระวนกระวายของเราไว้กับพระเจ้า เราละเพียงบางส่วน และเก็บส่วนที่เหลือไว้ เรามักจะอธิษฐานว่า “พระบิดาเจ้า ข้าพระองค์ขอละความกระวนกระวายบางส่วนที่ลูกแบกไม่ไหวให้กับพระองค์ ส่วนที่เหลือข้าพระองค์พอจะแบกได้ ก็ขอประทานพระคุณให้ข้าพระองค์แบกต่อไปได้จนกว่าชีวิตจะหาไม่” เป็นคำอธิษฐานที่ฟังดูเพราะ ถ่อม ดูเหมือนรับผิดชอบ แต่ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงการไม่ประพฤติตามพระวจนะ พระสัญญาของพระเจ้ามีเงื่อนไข และเงื่อนไขในข้อนี้คือการละความกระวนกระวาย “ทั้งหมด” เมื่อเราไม่กระทำตามเงื่อนไข เราไม่สามารถคาดหวังได้ว่าเราจะได้ตามพระสัญญา นี่คือสาเหตุที่เราพลาดจากความห่วงใยขององค์พระผู้เป็นเจ้า

๓. ทูลเรื่องความปรารถนาทุกอย่าง พระคัมภีร์กล่าวว่า “อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน...” (ฟป. ๔:๖) น่าเสียดายที่เรามัวอ้ำอึ้ง อารัมภบท คัดสรรคำศัพท์ในการอธิษฐาน เราวนไปวนมาจนหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เราก็ยังไม่ได้ทูลขอ และในที่สุดเราลงท้ายว่า “ข้าพระองค์ไม่สมควรที่จะรบกวนพระองค์ด้วยเรื่องเล็กน้อยของคนเล็กน้อยอย่างข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะได้รับสิ่งดีใดใด และไม่สมควรที่จะรบกวนเวลาอันมีค่าของพระองค์” ความจริงคือ เรารบกวนเวลาพระองค์มาแล้วหนึ่งชั่วโมงโดยที่ยังไม่ประพฤติตามพระวจนะโดยการทูลเรื่องความปรารถนาทุกอย่างของเราต่อพระเจ้าเลย

๔. ขอบพระคุณ หลังจากการอธิษฐาน การวิงวอน พระคัมภีร์ลงท้ายด้วย “...การขอบพระคุณ” การขอบพระคุณเป็นการแสดงออกว่าคุณเชื่อว่าคุณได้รับสิ่งที่คุณทูลขอ พระเยซูตรัสถึงการทูลขอสิ่งที่ปรารถนาว่า “...ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น” (มก. ๑๑:๒๔)

เมื่อคุณทำตามขั้นตอนดังกล่าวแล้ว “สันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจ (หัวใจ) และความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์” (ฟป. ๔:๗)

หากคุณต้องการให้สันติสุขจากพระเจ้าอยู่กับคุณเสมอ คุณต้องเลือกสิ่งที่จะคิด อัครทูตเปาโลกล่าวต่อไปว่า “ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู... และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน” (ข้อ ๘-๙) ความคิดใดที่ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว จงไล่มันออกไป แล้วคุณจะเอนกายลงนอนหลับในความสันติ และพระเจ้าจะทรงกระทำให้คุณอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย และจะมีประสบการณ์กับชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ

คำอธิษฐานด้วยความเชื่อ: พระบิดาเจ้า ลูกจะไม่ยอมกังวลอีกต่อไป เพราะพระองค์ทรงห่วงใยและทรงเตรียมทางออกให้ลูกแล้ว ลูกละความกระวนกระวายทั้งสิ้นไว้กับพระองค์ ลูกจะเอนกายลงนอนหลับในความสันติ เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ลูกอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย ลูกขอบพระคุณพระองค์และสรรเสริญพระองค์ ในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2552 10:56:26 น.   
Counter : 2139 Pageviews.  


วันแห่งความรัก (คริสเตียน)



วันแห่งความรัก


ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร – อฟ. ๕:๒๕

สามีและภรรยามากมายฉลองวันแห่งความรักปีละครั้ง ทั้งๆ ที่ควรจะฉลองกันทุกวัน หลังจากวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ผ่านไป ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ คือกลับเข้าสู่สภาวะสงคราม หลังจากตกลงพักรบกันหนึ่งวัน

พระเจ้าประทานพระบัญญัติเดียวแก่ทุกคนที่บังเกิดจากพระองค์ คือพระบัญญัติแห่งรัก (๑ ยน. ๔:๗-๘) เป็นไปได้ที่ใครสักคนจะท่องพระคัมภีร์ได้มากที่สุด รู้หมดเสียทุกเรื่อง เคร่งครัดจัดจ้านในด้านศาสนา แต่กลับไม่รู้จักพระเจ้า เพราะไม่ดำเนินอยู่ในความรัก (ลก. ๑๑:๔๒)

ทราบหรือไม่ว่าพระเจ้าทรงรักคุณ พระเยซูตรัสว่าพระองค์ทรงรักคุณเท่ากับที่พระบิดาทรงรักพระองค์ (ยน. ๑๕:๙-๑๒) และพระบิดาทรงรักคุณเหมือนดังที่ทรงรักพระเยซู (ยน. ๑๗:๒๓) และความรักที่พระบิดาทรงรักพระคริสต์เวลานี้ดำรงอยู่ในคุณโดยพระวิญญาณของพระองค์ผู้ทรงประทับอยู่ภายในคุณ (ยน. ๑๗:๒๖, รม. ๕:๕)

เพราะเหตุนี้สามีที่บังเกิดใหม่ทั้งหลายจึงไม่มีข้ออ้างอีกต่อไปที่จะเลือกแสดงความรักแก่ภรรยาของตนเพียงปีละครั้ง พระเจ้าบัญชาให้ฝ่ายสามีรักภรรยาของตนทุกวันทุกเวลาด้วยความรักของพระองค์ที่มีอยู่แล้วภายใน

เพราะพระเจ้าทรงรักเราก่อน เราจึงตอบสนองความรักของพระองค์ (๑ ยน. ๔:๑๙) แต่เราทำตรงข้าม คือสามีเรียกร้องให้ภรรยายอมฟังตนเหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่กลับไม่แสดงความรักกับภรรยาเหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักรก่อน

หากที่ผ่านมา บ้านของคุณคือสมรภูมิเดือด ที่ต่างฝ่ายต่างยิงขีปนาวุทธใส่กันทุกนาที ตัดสินใจวันนี้ที่จะดำเนินในความรักของพระเจ้าซึ่งอยู่ในคุณ พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนสนามรบให้เป็นครอบครัวที่บริบูรณ์ด้วยความรัก คู่สมรสของคุณจะตอบสนองความรักของคุณ คุณจะรู้จักพระเจ้าและเติบโตขึ้นฝ่ายวิญญาณ และจะมีประสบการณ์กับชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ

คำอธิษฐานด้วยความเชื่อ: พระบิดาเจ้า (สำหรับสามี) ลูกจะรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร (สำหรับภรรยา) ลูกจะยอมฟังสามีของตน เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า ลูกขอบพระคุณที่พระองค์ทรงกระทำให้ครอบครัวของลูกเป็นครอบครัวบริบูรณ์ด้วยความรักของพระองค์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 10:39:13 น.   
Counter : 952 Pageviews.  


ความชื่นบานจากเบื้องบน (คริสเตียน)



ความชื่นบานจากเบื้องบน


พระองค์ได้ประทานความชื่นบานให้แก่จิตใจของข้าพระองค์ มากกว่าเมื่อได้ข้าวและน้ำองุ่นมากมาย - สดุดี ๔:๗

คุณเป็นหนึ่งในคนมากมายที่กำลังเข้าใจว่าเมื่อใดที่คุณได้ทรัพย์สินทั้งสิ้นที่คุณปรารถนาแล้วคุณจะมีความสุขแท้หรือไม่ หากใช่ คุณกำลังเลื่อนความสุขของคุณออกไปโดยไม่มีกำหนด เพราะคุณอาจไม่มีวันได้สิ่งเหล่านั้น และหากคุณได้มา คุณจะพบความจริงว่า มันให้ความสุขแก่คุณได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง คุณจะตื่นเต้นและมีความสุขกับมันในเวลาสั้นๆ จากนั้นคุณจะเริ่มชิน ในที่สุดความรู้สึกจะจางหายไป ความทุกข์ ความหดหู่ที่คุณมีก่อนหน้ายังไม่หายไปไหน มันยังอยู่ในคุณตลอดเวลา คุณจะพบว่าคุณก็ยังเป็นคนเดิม นิสัยเดิม ไม่มีความสุขเหมือนเดิม ที่เพียงมีทรัพย์สินมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง

พระเยซูตรัสว่า “เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา” (มธ. ๑๖:๒๖) หลายคนเพื่อให้ได้สิ่งของที่ตนต้องการ แต่กลับต้องเสียสติ เสียความดี เสียคนที่รัก ญาติและเพื่อนไป ไม่ว่าเงินเท่าไรก็ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่สูญเสียไปได้

ความสุขแท้อยู่ภายใน หากภายในทุกข์ ไม่ว่าภายนอกจะมีมากเพียงใด ก็ไม่สามารถทำให้มีความสุขได้

กษัตริย์ซาโลมอนได้ทุกสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลายหลัง สวนหลายแปลง สระน้ำหลายสระ มีคนรับใช้มากมาย เงินทองและภรรยา มากกว่าใครๆ ท่านสนองทุกความอยากของท่าน และในที่สุดท่านกล่าวว่า ทุกอย่างก็เปรียบเหมือนลม กลิ่นไอ ความสุขที่ได้ก็จางหายไป (ปญจ. ๒:๔-๑๑)

มีความสุขที่แตกต่างจากความสุขที่เกิดจากการครอบครองทรัพย์สินในโลก เป็นความสุขนิรันดร์ จากสวรรค์ พระเยซูตรัสว่า “เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย” (ยน. ๑๔:๒๗) สันติสุขที่เราได้รับ คือสันติสุขของพระเยซูเอง เพราะคุณมีสันติสุขเดียวกันกับพระองค์ พระเจ้าจึงทรงประสงค์ให้คุณดำเนินชีวิตอย่างมีสันติสุขตลอดวันเวลาในชีวิตของคุณ

ปัญหาคือ เราไม่ทราบว่าเรามีสันติสุขดังกล่าว เราจึงยังไขว่คว้าหาจากโลก จึงลงเอยใช้วิธีและชีวิตตามอย่างโลก และพลาดจากสันติสุขที่แท้จริง

พระคัมภีร์กำชับครั้งแล้วครั้งเล่าให้เรา “ชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอและในทุกสถานการณ์” คริสเตียนควรจะเป็นบุคคลที่ชื่นชมยินดีเสมอไม่ว่ากำลังเผชิญกับสิ่งใดอยู่

พระคัมภีร์กล่าวว่า “เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้น...เป็นความชอบธรรม และสันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์” น่าเสียดายที่หลายคนแม้จะอยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า แต่พลาดจากการให้แผ่นดินของพระเจ้าครอบครองชีวิตของตน

อัครทูตเปาโลกล่าวว่า “ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนัง ก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข” รม. ๘:๖ สาเหตุหลักที่ผู้เชื่อพลาดจากการดำเนินชีวิตอย่างมีสันติสุข เป็นเพราะให้เวลาในการคิดเรื่องฝ่ายวิญญาณน้อยกว่าฝ่ายเนื้อหนัง

ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ความชื่นบานที่พระเจ้าได้ประทานให้แก่จิตใจของท่านมี “มากกว่าเมื่อได้ข้าวและน้ำองุ่นมากมาย”

สำหรับชาวยิวแล้ว เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ข้าวและน้ำองุ่นที่ทวีขึ้นมากมายคือสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความชื่นบานที่สุด พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระองค์จะทรงเพิ่มความชื่นบานของเขา เขาทั้งหลายจะเปรมปรีดิ์ต่อพระพักตร์พระองค์ ดั่งด้วยความชื่นบานเมื่อฤดูเกี่ยวเก็บ” (อิสยาห์ ๙:๓) แต่ไม่ว่าเขาจะชื่นบานหรือเปรมปรีดิ์เพียงใดเพราะการเพิ่มพูน ก็ไม่สามารถเทียบได้กับความชื่นบานจากเบื้องบนที่ประทานเข้ามาในส่วนลึกของมนุษย์

เพราะความชื่นบานจากเบื้องบนอยู่ภายใน ไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก ไม่ว่าวันนี้เงินเดือนจะขึ้นหรือถูกตัด จะมีโบนัสหรือไม่ก็ตาม ความชื่นบานจะยังคงอยู่ในหัวใจต่อไป

ฮาบากุกกล่าวไว้ว่า แม้ทรัพย์สมบัติของท่านจะมลายไป ท่านก็จะไม่ทำเหมือนคนส่วนใหญ่ คือขมขื่นและต่อว่าพระเจ้า ท่านกล่าวว่า “ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า” เพราะเหตุนี้ ท่านจึงได้รับกำลัง ได้รับการปกป้อง ได้รับการยกสูงขึ้นให้พ้นและมีชัยเหนือสถานการณ์ ท่านกล่าวต่อไปว่า “พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เป็นกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ทรงกระทำเท้าของข้าพเจ้าเหมือนอย่างตีนกวางตัวเมีย พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูง” (ฮบก. ๓:๑๗-๑๙) ตีนคู่หลังของกวางตัวเมียมีความสามารถที่จะย่ำลงบนรอยตีนคู่หน้าพอดีโดยไม่พลาดแม้แต่นิ้วเดียว และยังสามารถตะกุยขึ้นที่สูงได้อย่างที่สัตว์ที่กำลังตามล่ามันไม่สามารถขึ้นได้ เมื่อคุณเลือกที่จะร่าเริงและเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าอยู่เสมอ พระองค์จะทรงประทานกำลังและความสามารถพิเศษให้คุณ คุณจะไม่พลาดจากเส้นทางที่นำชีวิตให้ก้าวสูงขึ้น

หากชีวิตคุณในเวลานี้ดูเหมือนจะขาดทรัพย์สิ่งของ อย่ามัวท้อแท้ พร่ำบ่น ต่อว่า อย่าเลื่อนวันแห่งความสุขของคุณออกไปอย่างไม่มีกำหนด คุณมีทรัพย์ล้ำค่าที่ไม่มีใครแย่งไปจากคุณได้อยู่ภายใน คุณมีความชื่นบาน สันติสุขและความชื่นชมยินดีของพระเยซูเอง ตัดสินใจวันนี้ที่จะเลือกร่าเริงในพระเจ้า เปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของคุณ คุณจะมีความชื่นบานยิ่งกว่าได้ทรัพย์สินใดใดในโลก พระเจ้าจะทรงประทานกำลังและความสามารถพิเศษให้กับคุณ จะทรงนำคุณสู่เส้นทางที่พระองค์จะทรงยกคุณขึ้นสูงและมีชัยเหลือล้นเหนือสถานการณ์ และจะมีประสบการณ์กับชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ

คำอธิษฐานด้วยความเชื่อ: พระบิดาเจ้า ลูกขอบพระคุณที่พระองค์ได้ประทานความชื่นบานให้แก่จิตใจของลูก มากกว่าเมื่อได้ข้าวและน้ำองุ่นมากมาย และมากกว่าได้ทรัพย์ทั้งสิ้นในโลก ลูกจะร่าเริงและเปรมปรีดิ์ในพระองค์อยู่เสมอและในทุกสถานการณ์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2552 18:52:15 น.   
Counter : 843 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

ชาญชิต
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




[Add ชาญชิต's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com