ที่ๆ คุณสามารถพบว่าคุณเป็นใคร มีสิ่งใดและทำสิ่งใดได้ในพระคริสต์
 
 

ชำระให้บริสุทธิ์แล้ว ตอนที่ ๒

ในพระคริสต์ ข้าพเจ้าได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ ตอนที่ ๒
เรียนคริสตจักรของพระเจ้า ที่เมืองโครินธ์ ผู้ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ในพระเยซูคริสต์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงเรียกให้เป็นธรรมิกชนด้วยกันกับคนทั้งปวง ในทุกตำบล ที่ออกพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและของเขา ๑ คร. ๑:๒
ในพระเยซูคริสต์ คุณได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้ว คุณคือคริสตจักรของพระเจ้า คุณคือผู้ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ คุณคือธรรมิกชน คุณคือคนบริสุทธิ์
การชำระให้บริสุทธิ์ไม่เป็นเพียงการละเว้นเท่านั้น (๑ ธส. ๔:๓) แต่เป็นการอุทิศตนต่อพระเจ้า (๒ ทธ. ๒:๒๐-๒๒) มีคริสเตียนมากมายทั่วโลกพยายามอย่างหนักที่จะไม่ทำบาป แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ เพราะในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่ได้อุทิศตนต่อพระเจ้าเลย คุณคงไม่บังเอิญรู้จักใครที่เป็นแบบนี้ใช่ไหม
แม้การชำระให้บริสุทธิ์จะเกิดขึ้นในวันที่คุณออกพระนามพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคุณก็จริง แต่การชำระให้บริสุทธิ์ไม่ได้สิ้นสุดลงในวันนั้น เพราะจะดำเนินต่อไปจนกว่าคุณจะกลับไปอยู่กับพระองค์ (๑ ธส. ๕:๒๓)
พระเจ้าทรงชำระคุณให้บริสุทธิ์โดยพระวจนะ (ยน. ๑๗:๑๗) และพระวิญญาณ (๑ ปต. ๑:๒) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ต้องทำอะไรเลยอย่างที่หลายคนคิด คริสเตียนหลายคนยังคงรอวันที่พระเจ้าทรงพร้อม รอวันของพระองค์ที่จะทรงทำลายต่อมบาปให้มลายไป เพื่อจะไม่มีปัญหากับบาปอีกเลย อย่ารอเลยครับ วันที่จะไม่มีปัญหาจริงๆ คือวันที่คุณตายนั่นแหละ ตราบใดที่ยังอยู่ในร่างกายที่มีบาป ก็ยังต้องบังคับร่างกาย (๑ คร. ๙:๗, รม. ๑๒:๑) และเปลี่ยนแปลงความคิด (รม. ๑๒:๒) กันไปตลอดชีวิต
ดังนั้นคุณมีหน้าที่ในการร่วมมือกับพระเจ้าในการชำระชีวิตให้บริสุทธิ์ (๒ คร. ๗:๑, ๑ ยน. ๓:๒, ๓) โดยการรับพระวจนะสม่ำเสมอ ศึกษาพระวจนะด้วยความเชื่อว่าพระวิญญาณกำลังทรงนำคุณไปสู่ความจริงทั้งมวล แต่อย่าเข้าใจผิดว่าแค่อ่านพระวจนะและพึ่งพระวิญญาณแล้วไม่ต้องไปประชุมที่คริสตจักรก็ได้ เพราะพระเจ้าทรงตั้งของประทาน ซึ่งก็คือศิษยาภิบาลและอาจารย์ของคุณไว้สอนพระวจนะเพื่อให้คุณได้รับการชำระด้วย บางคนถามว่า “ต้องชำระกันไปนานแค่ไหน ถึงจะสำเร็จ” ตลอดชีวิตครับ หากระดับอัครทูตเปาโลยังไม่คิดว่าท่านได้แล้ว สำเร็จแล้ว (ฟป. ๓:๑๒-๑๔) คุณก็อย่าพึ่งเลิกเลยครับ
พระเจ้าประสงค์ให้คุณดำเนินชีวิตบริสุทธิ์ไม่ใช่เพื่อให้คุณทนทุกข์ทรมานกับการหมดสนุก การดำเนินชีวิตบริสุทธิ์เป็นผลดีกับคุณเอง สนุกด้วย ต่อไปนี้เป็นผลบางประการที่จะเกิดขึ้นในชีวิตคุณ
๑. คุณจะดำเนินชีวิตนี้ด้วยชีวิตนิรันดร์ (รม. ๖:๒๒) คริสเตียนมากมายคิดว่าชีวิตนิรันดร์เริ่มต้นหลังจากตายจากโลกนี้ไปแล้ว คนเหล่านี้จึงยังดำเนินชีวิตฝ่ายเนื้อหนังต่อไป ชีวิตนิรันดร์ไม่ได้หมายถึงแค่ความยาวนาน แต่หมายถึงคุณภาพ หมายถึงชีวิตของพระเจ้าที่ดำเนินในชีวิตคุณ ผ่านทางชีวิตของคุณ
๒. คุณจะไม่ขาดสิ่งใด (๑ ธส. ๔:๓,๔,๗,๑๒)
๓. คุณจะมีประสบการณ์กับพระสิริของพระเจ้าสำแดงผ่านชีวิตของคุณ (๒ ธส. ๒:๑๓,๑๔)
๔. คุณจะได้รับการชูใจจากพระเจ้า (๒ ธส. ๒:๑๗)
๕. คุณจะมีชีวิตที่ตั้งมั่นคง มีคำพูดและการงานที่ดี (๒ ธส. ๒:๑๗)
๖. คุณจะมีประสบการณ์กับพระเจ้า (ฮบ. ๑๒:๑๔)
ถ้อยคำกล่าวด้วยความเชื่อ: ข้าพเจ้าได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้าออกพระนามพระเยซูคริสต์เป็นองคพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และในแต่ละวันข้าพเจ้าให้พระวจนะและพระวิญญาณช่วยข้าพเจ้าให้ละเว้นสิ่งชั่วร้าย และเข้ามาอุทิศตนต่อพระเจ้า ดังนั้นชีวิตของพระเจ้าดำเนินผ่านข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ขาดสิ่งใด พระสิริและฤทธิ์เดชของพระเจ้าสำแดงผ่านข้าพเจ้า พระเจ้าทรงชูใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีชีวิตที่มั่นคง มีคำพูดและการงานที่ดี ข้าพเจ้ามีประสบการณ์กับพระเจ้าทุกวัน




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2550   
Last Update : 21 ตุลาคม 2550 21:50:40 น.   
Counter : 637 Pageviews.  


ชำระให้บริสุทธิ์แล้ว

ในพระคริสต์ ข้าพเจ้าได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์

เรียนคริสตจักรของพระเจ้า ที่เมืองโครินธ์ ผู้ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ในพระเยซูคริสต์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงเรียกให้เป็นธรรมิกชนด้วยกันกับคนทั้งปวง ในทุกตำบล ที่ออกพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและของเขา ๑ คร. ๑:๒
ในพระเยซูคริสต์ คุณได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้ว
หากคุณยังกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาปเช่นเดียวกับคริสเตียนส่วนใหญ่ก็เท่ากับว่าคุณยังไม่อยู่ในพระคริสต์ หรือคุณอยู่ในพระคริสต์แล้วแต่ยังไม่ได้รับคำสอนที่ถูกต้อง
บางครั้งเรามองสถานที่ประชุมทุกวันอาทิตย์ เราเรียกสถานที่นั้นว่า “วิหารศักดิ์สิทธิ์” เรามองสถานที่ว่า “ศักดิ์สิทธิ์” แต่เรากลับมองชีวิตของเราว่า “สกปรก”
อัครทูตเปาโลเขียนจดหมายถึงคริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์ เราคงนึกถึงมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในเมืองโครินธ์ แต่สังเกตคำต่อไป เปาโลไม่ได้ใช้คำว่า “สถานที่” ที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ แต่ใช้คำว่า “ผู้” ที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ คริสตจักรไม่ได้หมายถึงสถานที่ แต่หมายถึง “บุคคล”
“บุคคล” ใดกัน หมายถึงบุคคลที่ออกพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อคุณออกพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าหรือรับด้วยปากว่าพระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า นั่นคือจุดเริ่มต้นที่คุณได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์
คำว่า “คริสตจักร” ในภาษากรีกไม่เคยหมายถึงอาคารหรือวิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่หมายถึงกลุ่มคนที่ถูกเรียกออกมาประชุมกัน
คุณต่างหากที่เป็นวิหารของพระเจ้า (๑ คร. ๓:๑๖) เปาโลกล่าวต่อไปในข้อ ๑๗ ว่า “...เพราะวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ และท่านทั้งหลายเป็นวิหารนั้น”เมื่อพระองค์ทรงชำระคุณให้บริสุทธิ์ ทรงชำระให้คุณเป็นวิหารบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าแล้ว คุณมีหน้าที่ในการดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์ต่อไปด้วย ดังนั้นการชำระให้บริสุทธิ์ไม่ได้สิ้นสุดลงในวันแรกที่คุณรับพระองค์ แต่จะดำเนินต่อไปจนกว่าคุณจะกลับไปอยู่กับพระองค์
มีสามส่วนในชีวิตที่ต้องรักษาให้บริสุทธิ์ นั่นคือ “วิญญาณ จิตใจและร่างกาย” เปาโลกล่าวไว้ใน ๑ ธส. ๕:๒๓ ว่า “ขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสตเจ้าของเราเสด็จมา”
นั่นหมายความว่าเราจะคิด พูดและทำตามฝ่ายเนื้อหนังต่อไปไม่ได้ หากคุณรับพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือเจ้านาย คุณต้องให้พระองค์เป็นนายสั่งคุณได้ในเรื่องความคิด คำพูดและการกระทำ พระองค์จะทรงสั่งผ่านพระวจนะในพระคัมภีร์ แล้วพระวจนะจะทำหน้าที่ชำระเช่นเดียวกับน้ำ (อฟ ๕:๒๖)
เปาโลเรียกทุกคนที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ว่า “ธรรมิกชน” หรือแปลตรงตัวคือ “ผู้บริสุทธิ์”
คุณยังเรียกตัวเองว่าคนสกปรก คนไร้ค่า คนบาป อยู่หรือไม่ หากใช่ความคิด คำพูดและการกระทำของคุณจะไม่มีวันบริสุทธิ์ ฟังดูถ่อมใจก็จริงอยู่ แต่เป็นการยกความคิดเห็นตนเองสูงกว่าพระวจนะ และเป็นการดูถูกฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า และดูถูกพระโลหิตของพระเยซูว่าไม่มีความสามารถพอที่จะชำระคุณได้
การถ่อมใจที่แท้จริง คือการถ่อมใจต่อพระวจนะ คิด พูดและกระทำตามพระวจนะ เริ่มคิด พูดและกระทำในฐานะธรรมิกชน ผู้ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้ว แล้วชีวิตคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกเลย
ถ้อยคำกล่าวด้วยความเชื่อ: เพราะข้าพเจ้าอยู่ในพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าจึงเป็นผู้ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ ข้าพเจ้าคือธรรมิกชน พระเยซูทรงเป็นนายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิด พูดและกระทำตามพระวจนะของพระองค์ พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของข้าพเจ้าไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสตเจ้าของข้าพเจ้าเสด็จมา




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2550   
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 23:39:09 น.   
Counter : 599 Pageviews.  


พ้นกฎบาปและความตาย

ในพระคริสต์ ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย

เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ ได้ทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย รม. ๘:๒
กฎคือข้อบังคับ ไม่ค่อยไม่ใครชอบคำนี้เท่าไร โดยเฉพาะคริสเตียน
แต่จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม พระคัมภีร์เต็มไปด้วยคำว่า “กฎ” หรือ “พระบัญญัติ”
จากข้อนี้มี ๒ กฎที่คุณต้องเลือกให้บังคับคุณ คุณต้องเลือกเอาว่าจะอยู่ใต้บังคับของกฎของพระวิญญาณหรืออยู่ใต้กฎแห่งบาปและความตาย
การเลือกไม่อยู่ใต้กฎของพระวิญญาณทำให้คุณตกอยู่ใต้กฎแห่งบาปและความตายโดยอัตโนมัติ
นี่คือสาเหตุที่คริสเตียนนับล้านยังคงทำบาปและประสบความทุกข์ยากโดยไม่จำเป็น
แน่นอนพระคัมภีร์ไม่เคยสัญญาว่าเชื่อพระเยซูแล้วจะไม่ประสบความทุกข์ยากเลย พระคัมภีร์กล่าวถึงด้วยซ้ำไป แต่เรามีพระสัญญาในพระธรรมยอห์น ๑๖:๓๓ ว่า “...ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว" ในโลกซึ่งมีมารเป็นเจ้าโลก (ยน. ๑๒:๓๑) มันย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย (ยน. ๑๐:๑๐) นี่คือสาเหตุที่คุณประสบความทุกข์ยาก “แต่” ผมชอบคำว่า “แต่” แต่อะไร แต่จงชื่นใจเถิด อ้าว ประสบความทุกข์ยากแล้วจะชื่นใจได้อย่างไร ได้สิครับ เพราะว่าพระเยซูได้ชนะโลกแล้ว ก็นั่นพระองค์นี่ ใช่ครับ แต่คุณอยู่ในพระองค์ พระเศียรได้ชนะโลก พระกายก็ชนะโลก หากคุณวิ่งแข่งชนะ คุณชนะทั้งหัวและตัวถูกไหม หรือมีใครที่หัวชนะแต่ตัวแพ้ เว้นแต่คุณไม่ใช่อวัยวะในพระกาย หากคุณเชื่อว่าพระเจ้าทรงชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตายในวันที่สาม และรับพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า (เจ้าชีวิตของคุณ) (รม. ๑๐:๙) คุณก็เป็นอวัยวะในพระกาย คุณก็ชนะโลกแล้ว อัครทูตยอห์นกล่าวถึงคนที่บังเกิดจากพระเจ้าใน ๑ ยอห์น ๕:๔ ว่า “เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยต่อโลก...” หากคุณเกิดจากพระเจ้าแล้ว คุณมีชัยต่อโลกแล้ว
ดังนั้นในโลกนี้เราจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าพระเยซูได้ชนะโลกแล้ว และเราเองซึ่งเกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยต่อโลกเช่นกัน
จากพระธรรมโรม ๘:๔ อธิบายให้เราทราบว่าอะไรคือการอยู่ภายใต้กฎของพระวิญญาณ อะไรคือการอย่ภายใต้กฎแห่งบาปและความตาย “... ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ” คริสเตียนที่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนังจะอยู่ภายใต้กฎแห่งบาปและความตาย ส่วนคริสเตียนที่ดำเนินตามฝ่ายพระวิญญาณจะอยู่ภายใต้กฎของพระวิญญาณ
แต่ส่วนคริสเตียนที่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนังไม่เพียงประสบความทุกข์ยาก แต่จะประสบแบบที่ไม่จำเป็น และตราบใดที่ยังยอมอยู่ใต้อำนาจกฎแห่งบาปและความตาย เขาจะไม่พ้นความทุกข์ยากนั้น แต่เขาจะถูกมารลักและฆ่าและทำลายเสีย บาปและความตายจะทำงานในชีวิตเขาไปจนวันตาย
ถึงตอนนี้เราคงอยากอยู่ภายใต้กฎของพระวิญญาณกันแล้วนะครับ พระคัมภีร์บอกเราว่าผลแรกของการดำเนินตามพระวิญญาณคือ ความรัก (กท. ๕:๒๒-๒๕) ดังนั้นกฎของพระวิญญาณคือพระบัญญัติแห่งความรักนั่นเอง พระเยซูตรัสในพระธรรมยอห์น ๑๓:๓๔ ว่า “เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น” นั่นคือ “รักซึ่งกันและกันอย่างที่พระเยซูทรงรักคุณ”
ถ้อยคำกล่าวด้วยความเชื่อ: ข้าพเจ้าบังเกิดใหม่แล้ว ข้าพเจ้าอยู่ในพระคริสต์ ข้าพเจ้าดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ ข้าพเจ้าดำเนินตามพระบัญญัติแห่งรัก ข้าพเจ้ารักซึ่งกันและกันอย่างที่พระเยซูทรงรักข้าพเจ้า ดังนั้นกฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ ได้ทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย แล้ว




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2550   
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 23:34:28 น.   
Counter : 1066 Pageviews.  


พ้นจากการถูกกล่าวโทษ

ในพระคริสต์ ไม่มีการกล่าวโทษ

เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ (ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ) รม. ๘:๑
“การลงโทษ” ในภาษากรีกนอกจากแปลว่า “การลงโทษ” แล้วยังหมายถึง “การกล่าวโทษ, การตัดสินว่าเป็นคนใช้ไม่ได้, ด่าว่า, ตำหนิ. ตราหน้า” ด้วย
แม้คริสเตียนจะอยู่ในพระคริสต์แล้วก็ตาม (๒ คร. ๕:๑๗) แต่คริสเตียนจำนวนมากยังคงถูกพันธนาการด้วยการกล่าวโทษตนเอง การกล่าวโทษตนเองนี้คืออุปสรรคขัดขวางการมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า กับพี่น้องคริสเตียน ขัดขวางการดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์ ขัดขวางการกระทำงานมอบหมายจากพระเจ้าให้สำเร็จในชีวิต
แต่จากข้อนี้กล่าวว่า “การกล่าวโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์” แล้วทำไมคริสเตียนมากมายยังคงทนทุกข์ทรมานกับการกล่าวโทษอยู่ ใครเป็นผู้กล่าวโทษเขา?
หากถามคริสเตียนส่วนใหญ่จะตอบไปในแนวเดียวกันคือ “พระวิญญาณทรงกล่าวโทษฉัน” โดยอ้าง ยน. ๑๖:๘ “...พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความผิด ความชอบธรรม และการพิพากษา” แต่เขาลืมไปว่าข้อนี้พระองค์ทรงแจ้งความผิดกับ “โลก” ไม่ใช่กับคุณ “โลก” หมายถึงใคร คำตอบอยู่ในข้อต่อไป ข้อ ๙ “ในเรื่องความผิดนั้น คือเพราะเขาไม่วางใจในเรา” “โลก” คือทุกคนที่ไม่วางใจในพระเยซู” เมื่อคริสเตียนประกาศข่าวประเสริฐเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู (ถ้าไม่พูดเรื่องการเป็นขึ้นจากความตาย ก็ไม่ใช่ข่าวประเสริฐ) พระวิญญาณจะทรงแจ้งสามสิ่งต่อคนที่คุณประกาศ คือความผิด ความชอบธรรมและการพิพากษา เพื่อเขาจะรู้แจ้งและตัดสินใจรับความรอด ดังนั้นพระวิญญาณไม่ทรงกล่าวโทษคุณ!
แล้วใครกันที่กำลังกล่าวโทษคุณอยู่ในเวลานี้ มีสองบุคคล
๑. จิตสำนึกคุณเอง - เปาโลกล่าวว่าจิตสำนึกมนุษย์จะกล่าวโทษตนเมื่อตนทำผิด
“...ใจสำนึกผิดชอบก็เป็นพยานของเขาด้วย ความคิดขัดแย้งต่างๆของเขานั้นแหละจะกล่าวโทษตัวเขา...” (รม. ๒:๑๕)
๒. มาร - พระธรรมวิวรณ์กล่าวว่ามารเป็น “ผู้ที่กล่าวโทษพวกพี่น้องของเรา ต่อพระพักตร์พระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน”
ความแตกต่างระหว่างจิตสำนึกกับมารคือ คุณสามารถทำบางสิ่งที่ผมจะแบ่งปันต่อจากนี้ แล้วจิตสำนึกของคุณจะเลิกกล่าวโทษ และคุณจะมีจิตสำนึกบริสุทธิ์ต่อพระเจ้าได้ (กจ. ๒๓:๑) แต่คุณอย่าหวังว่ามารจะเลิกกล่าวโทษคุณง่ายๆ
ทันทีที่จิตสำนึกเตือนคุณว่าคุณบาปหรือพลาดเป้า อย่าวิ่งหนีพระเจ้าแต่จงวิ่งเข้าหา พระองค์เท่านั้นที่ช่วยคุณได้ พระองค์ทรงพร้อมยกบาปทั้งสิ้นให้คุณ และทรงพร้อมที่จะชำระคุณให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น มั่นใจในความสัตย์ซื่อและความเที่ยงธรรมของพระองค์ได้เลย (๑ ยน. ๑:๙) แล้วจิตสำนึกของคุณจะเลิกกล่าวโทษคุณ
ข้อความท้ายข้อในวงเล็บซึ่งไม่ปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับภาษาไทย แต่มีในฉบับ Textus Receptus ซึ่งเป็นต้นฉบับของคิงเจมส์ เวอร์ชั่น นั่นคือ (ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ) หากคุณดำเนินชีวิตตามผ่ายวิญญาณ ดำเนินโดยความรัก ดำเนินตามพระวจนะ จิตสำนึกคุณจะไม่กล่าวโทษคุณเลย
แต่อย่าคิดว่ามารจะเลิกกล่าวโทษคุณ ถ้าคุณอนุญาตมัน มันจะกล่าวโทษคุณไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิตคุณ ความแตกต่างระหว่างพระเจ้ากับมารคือ เมื่อพระเจ้าทรงอภัย พระองค์จะไม่ทรงจดจำ (อสย. ๔๓:๒๕) แต่มารจะจดจำทุกเรื่องของคุณ และคอยรื้อฟื้นทั้งกลางวันและกลางคืน และเพราะคริสเตียนเข้าใจผิดว่าพระเจ้าทรงกล่าวโทษเขา เขาจึงยอมให้คำกล่าวโทษนี้ครอบงำชีวิตเขาไปตลอด โดยเข้าใจผิดว่าเขากำลังคิดอย่างคนถ่อมใจ ซึ่งส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า กับพี่น้องคริสเตียน ขัดขวางการดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์ ขัดขวางการกระทำงานมอบหมายจากพระเจ้าให้สำเร็จในชีวิต อาการแบบนี้จะดำเนินไปตลอดชีวิตเขา
ถึงเวลาแล้วที่จะกล่าวถ้อยคำแห่งความเชื่อ นั่นเป็นการต่อต้านมาร แล้วมารจะหนีคุณไป (ยก. ๔:๗)
แล้วจิตสำนึกของคุณจะเข้มแข็งขึ้น และบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า คุณจะมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า กับพี่น้องคริสเตียน ดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์ กระทำงานมอบหมายจากพระเจ้าจนสำเร็จในชีวิต นั่นคือความสุขที่แท้จริงในชีวิต
ถ้อยคำแห่งความเชื่อสำหรับกล่าวทุกวันประจำสัปดาห์นี้: เหตุฉะนั้นการลงโทษ การกล่าวโทษ การตัดสินว่าเป็นคนใช้ไม่ได้ ด่าว่า ตำหนิ ตราหน้า จึงไม่มีแก่ข้าพเจ้าที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะข้าพเจ้าไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2550   
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 23:31:19 น.   
Counter : 736 Pageviews.  


ได้รับความชอบธรรม

ในพระคริสต์ ความชอบธรรมของพระเจ้าได้ประทานแด่ข้าพเจ้า

แต่บัดนี้ได้ปรากฏแล้วว่า ความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้านั้นปรากฏนอกเหนือกฎบัญญัติ ธรรมบัญญัติกับพวกผู้เผยพระวจนะเป็นพยานอยู่ คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งทรงประทานโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ แก่ทุกคนที่เชื่อ เพราะว่าคนทั้งหลายไม่ต่างกัน - รม. ๓:๒๑-๒๒
คริสเตียนเก่าใหม่ไม่ต่างกันในเรื่องกฎบัญญัติหรือสูตรสำเร็จที่ตนคิดค้นรวมทั้งนำของคนอื่นมาลองดูและปรับปรุง เมื่อเราอยากได้สิ่งใดจากพระเจ้า ที่สุดท้ายที่เราพึ่งพาคือพระวจนะของพระเจ้า ส่วนใหญ่เรามักนึกถึงประสบการณ์หรือคำพยานของคนอื่น เราเข้าหาพระเจ้าในนามของคนอื่นแล้วคาดว่าเราจะได้อย่างที่เขาได้บ้าง เราสร้างกฎบัญญัติหรือสูตรสำเร็จเพื่อทรมานตัวเองสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหาร (การอดอาหารมีประโยชน์ครับ ถ้าไม่ใช่เป็นการอดประท้วงพระเจ้าหรืออดเพื่อให้พระองค์เปลี่ยนพระทัยให้สิ่งที่คุณขอจนได้ เพราะยังไงพระองค์ก็ไม่เปลี่ยนพระทัย – มลค. ๓:๖) รวมทั้งอดในรูปแบบต่างๆ ในนามของความชอบธรรมของตน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้คือ หากขอแล้วได้ ก็จะยกความดีความชอบให้กับวิธีทรมานตนเอง ผลตามมาก็คือ คนอีกมากมายจะถูกพันธนาการด้วยวิธีเหล่านี้ไปด้วย แต่หากไม่ได้ ก็มีสองทางให้เลือก คือทรมานตนเองมากขึ้นจนกว่าจะได้หรือเลิกเชื่อไปเลย
พระคัมภีร์ข้อนี้กล่าวว่า “...ในพระคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ...” ถ้าคุณเชื่อ คุณก็อยู่ในพระคริสต์ หากคุณอยู่ในพระคริสต์ ของพระองค์ก็เป็นของคุณ ความชอบธรรมของพระองค์ตลอด ๓๓ ปีที่ไร้ข้อผิดพลาดและบาปผิดก็เป็นของคุณด้วย และนั่นคือ “ความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งทรงประทานโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ แก่ทุกคนที่เชื่อ” แล้วทำไมเราต้องเสียเวลาทรมานตนเองให้ได้มาซึ่งความชอบธรรมระดับผ้าสกปรกด้วย
พระคัมภีร์กล่าวด้วยว่า “เพราะว่าคนทั้งหลายไม่ต่างกัน” เชื่อเถิดครับ การทรมานตนเองของคุณไม่ทำให้คุณต่างจากคนอื่นได้หรอกครับ
สิ่งที่ดีที่สุดคือ อ่านพระวจนะ เชื่อพระวจนะ กล่าวพระวจนะ ประพฤติตามพระวจนะ พระวจนะบอกให้คุณทราบว่าสิ่งใดเป็นของคุณแล้ว น่าเสียดายที่เวลาอธิษฐานของเรามักหมดไปกับการขอสิ่งที่พระเจ้าประทานให้แล้ว เราควรเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นของเราแล้ว จากนั้นกล่าวรับว่าเราได้รับแล้ว และทำตามเงื่อนไขที่พระคัมภีร์กำหนดไว้ อย่างเช่นเงื่อนไขประการหนึ่งของพระพรการเงินคือการถวายเป็นต้น แต่เพราะเราเป็นคริสเตียนที่ยึดติดความรู้สึก ถ้าเราไม่รู้สึกว่าเราได้ทำอะไร เราก็คิดว่าเราไม่สมควรได้อะไร เราคิดว่าการกระทำของเราทำให้เราสมควร มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้เราสมควร นั่นคือสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำให้เราโดยการสละพระองค์เองต่างหาก ไม่ใช่ความคิดของเรา เริ่มเชื่อพระสัญญา กล่าวตามพระสัญญา ทำตามเงื่อนไขในพระสัญญา และระลึกเสมอว่าพระเยซูเท่านั้นได้ทำให้คุณชอบธรรมด้วยความชอบธรรมของพระองค์เองสมที่จะได้รับสิ่งนั้นแล้ว หากคุณไม่ล้มเลิกไปก่อน คุณจะได้สิ่งนั้นแน่นอน
ถ้อยคำกล่าวตามด้วยความเชื่อ – แต่บัดนี้ได้ปรากฏแล้วว่า ความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้านั้นปรากฏนอกเหนือกฎบัญญัติ ธรรมบัญญัติกับพวกผู้เผยพระวจนะเป็นพยานอยู่ คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งทรงประทานโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ แก่ข้าพเจ้าที่เชื่อ เพราะว่าคนทั้งหลายไม่ต่างกัน







 

Create Date : 21 ตุลาคม 2550   
Last Update : 21 ตุลาคม 2550 21:53:53 น.   
Counter : 2292 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

ชาญชิต
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




[Add ชาญชิต's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com