Come Fly With Me...By:Air-lslto-ry...แอร์ตอหลี www.facebook.com/ComeFlyWithMeByLaila

ว่าด้วยวิชา แอร์โฮสเตส 103.2: FASHION POLICE เป้ะ ทุกกระเบียดนิ้ว

(โดฮาเย็นแล้ว แต่สระน้ำอุ่นสบายยย)

(เบื้องหลังการอัพบล้อก.... เอิ่มม ถ้ามันตกน้ำนี่นะ--")

 (IG@litaparis)

สวัสดีค่า หายไปหลายวันเนื่องจากติดภารกิจ (ออกอีเว้นท์ทู้กกวัน) อยากจะมาเขียนที่ค้างไว้เหลือเกิ้น วันนี้ว่างจริงจัง เรามาต่อกันเลยนะคะที่เรื่อง สีลิป เล็บ แล้วก็กฎจุกจิก

 

สีลิปสติกเนี่ยต้องตรงเป้ะๆกับสีเล็บจ้ะ เวลาเค้ามาตรวจต้องกางเล็บให้ดูแล้วก็หมุน 360 องศา ให้ดูทั้งตัว ทุกมุม เล็บสีแดง ปากก้อต้องสีแดง แดงต้องแดงเดียวกันนะคะ ไม่ใช่ว่าปากแดงสด เล็บแดงเลือดนก ที่โดนกันบ่อยก็คือมันไม่ตรงเฉดกัน เวลามองจากขวดสีนึง ทาจริงอิกที เค้าจะให้หาเปลี่ยนทันทีเลยค่ะ วิธีที่safeที่สุดคือ เล็บสีใสไปเลย หรือ French manicure เพราะสีใส จะทาปากได้ทุกสี อ้อ แต่ก็ไม่ใช่ว่าสีตรงกันแล้วจะรอดนะคะ เช่น ทาเล็บสีน้ำเงิน ปากสีน้ำเงินงี้ สีที่อนุญาต ก็โทนสีแดงกับชมพู เท่านั้น เคยทาสีแดงก่ำเกือบน้ำตาลก็โดนจิกค่ะ ไม่ได้ แค่สองสี สจะออกส้มก็ไม่ได้ ชมพูออกส้มก็โดน เพราะห้ามทาสีPastel ลูกเรือเกาหลี ญี่ปุ่น จะชอบทาสีชมพูแบบนมเย็น ก็ไม่ได้ค่ะ ถือว่าเป็นสีpastel

 

ขอต่อตรงที่ผมหน่อย เกือบลืม กิ้ปที่ติดหัวเนี่ย ต้องเป็นกิ้บดำเท่านั้นนะคะ กิ้บแบบตัวเล็กๆยาวๆอ่ะค่ะ ที่ติดกี่ตัวก็ได้   แต่ถ้าเป็นกิ้บที่หักได้ป้อกแป้กเนี่ย ติดได้แค่ 3 ตัวค่ะ 3 ตัวเท่านั้น ต่อให้ต้องใช้เยอะเท่าไหร่ เพื่อเก็บลูกผม ก็ต้องเอาออก ทำไงก้อได้ ให้ติดสามตัวแล้วเรียบ !!!!!!! เคยโดนให้ก้มหัวดูแล้วถอดตัวที่4 ออก ขนาดบอกแล้วว่าถ้าเอาออกผมยุ่งนะ เค้าก้อบอก เอาออก แล้วทำยังงัยก็ได้ให้เรียบ ก็ได้แต่กัดฝันกรอดๆแล้วถอด มัดผมใหม่ ที่เกินไปอิกอันคือ ห้ามทำผมข้างหน้าพองๆ โดยการเก็บผมหน้าไปไว้กลางหัวแล้วtwist ติดกิ้บ เผื่อให้มันอยู่ทรง กรณีนี้อิชั้นก็โดนให้ถอดหมวกและก้มหัวให้ดูมาแล้ว เน็ทคลุมผม ก้อต้องเป็นแบบบางมากกก ใช้ได้แบบเดียวค่ะ ต่อให้ขาดบ่อย ขาดง่ายยังงัย ก็ต้องใช้แบบเดียว โดนเตือนเรื่องนี้บ่อยเหมือนกัน เพราะใช้แบบหนา ตอนนั้นหาไม่ได้จิงๆ แล้วผมยาวถึงตรูดดด แบบนั้น อันเล็กมันคลุมไม่หมด (เอิ่ม เคยโดนทุกกรณี แต่ก็แถรอดมาได้ตลอด แหะๆ ยิ้มเข้าไว้ อย่าไปเถียงงงง)

 

รองเท้าต้องขัดให้มัน ลูกเรือเลยจะมีที่ขัดรองเท้าไว้ตลอด(บางทีก็เอามาจากที่แถมให้ในโรงแรมแหละฮ่ะ เล็กดี) เพราะเค้าตรวจทุกไฟลท์ ถุงเท้าของผู้ชายก็ต้องสีดำ แบบยาวเกินข้อเท้า ถุงน่องห้ามสีตก เปื้อนรอยรองเท้า ห้ามสีเด้งเกินเนื้อจริง ห้ามเป็นแบบแววๆ แล้วที่สำคัญ โดฮาหาซื้อถุงน่องแบบนี้ยากมากกกกกกกกกกกกก เพราะที่โดฮามีแต่แบบmedical แพงมาก แล้วสีไม่ค่อยดี สีจะเนื้อเกินไป  

 

ในเครื่องแบบ ห้าม!ใช้เครื่องมือelectronic ใดๆทั้งสิ้น อันนี้เรื่องใหญ่ เด็กใหม่โดนไล่ออก ไปคนนึงเพราะเหตุชีใช้มือถือแล้ว ท่านพ่อ เห็น อูยยย ซวยม้ากกกก ที่เห็นแอร์เค้าใช้มือถือ ฟังไอแพดน่ะ ไม่ใช่สายการบินนี้จ้า ใครมาใหม่ก็ระวังนะคะ เรื่องนี้ เรื่องใหญ่จริงๆ ดังนั้นถ้าเครื่องแลนด์แล้สวอยากจะติดต่อbabyทันทีละก็ ดูซ้ายดูขวา ซ่อนให้มิดๆนะจ้ะ (ท่าประจำของแอร์คือ เปิดฝากระเป๋าถือบัง เอ่อ ทำยังก้ะคนอื่นดูไม่ออกงั้นอ่ะ)

 

ต่างหูนี่ก็เหมือนกัน ถ้ามีรูหู ต้องใส่ค่ะ ไม่ใส่โดนเช่นเดียวกัน แล้วจะมาใส่แบบสวยเกินหน้าเกินตาไม่ได้ ได้แค่สองแบบเท่านั้นคือ มุกเม็ดไม่เกิน2เซน (มุกขาวอย่างเดียวห้ามเหลือบนี่นั่น) กับแบบทองกลมๆ  ไม่มี detail ใดๆ ทั้งสิ้น! จะมุกจริงมุกปลอมไม่เกียง ดังนั้นกลับมาไทยทีไร ซื้อไปเป็นสิบเลยค่ะ เพราะทำงานไปๆมาๆ หล่นหายมั่ง เกี่ยวเสื้อมั่ง ลงไฟลท์มาเหลือข้างเดียว สร้อยห้ามใส่ กำไลห้ามใส่ นาฬิกาอิก เหมือนกัน ต้องเป็นสายสีเดียว คือจะเงินหรือทองก็ได้ ถ้าเป็นหนังก็หนังสีน้ำตาล อย่ามาสองสามกษัตริย์ เก็บRolex สองกษัตริย์ไว้ใส่เดินห้างอย่างเดียวส หน้าปัดก็ดูค่ะ ห้ามเป็นสีอื่นนอกจากดำหรือขาว เท่านั้น ห้ามมีเพชรแม่แต่เม็ดเดียว จะเพชรจริงปลอมก็ช่าง ที่ว่ามาเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างหน้าปัดนาฬิกาเนี่ย เค้าดูจริงๆค่ะ ไม่รอดสายตาไปเด็ดขาด  เคยโดนเรื่องเพชรในนาฬิกาเหมือนกัน มีหลายเม็ดตามตัวเลข แต่ของเพื่อนมีเม็ดเดียว เล็กเท่า.... ก็เห็น ก้อจะโดนจดชื่อหมายหัวเช็คไฟลท์ต่อไป

 

กระเป๋าที่เอาไปบิน ห้ามมมมมมีตัวอะไรห้อย พวงกุญแจ หรืออะไรเกินเลย นอกจากป้ายลูกเรือแขวนเท่านั้น!! ที่เห็นสายการบินมีตัวน่ารักๆห้อยน่ะ ฝันไปเถอะ ไม่ได้ห้อยอย่างเค้า

 

ที่ว่ามาทั้งสองตอนเรื่องการแต่งตัวเนี่ย เค้าสแกนกรรมกันทุกไฟลท์ค่ะ ทุกคน เช็คทั้งหมดที่ว่านี่ในเวลา3วิเห็นทุกจุด ไม่รอดง่ายๆ ยิ่งกว่าเจน ญาณทิพย์

 

เป็นไงคะกฎจุกจิกจุ้กจิ้กเยอะแยะ insideติดขอบ 5ดาวอย่างเรา ต้องเหมือนกันทุกคน ห้ามผิดแผก เค้าถึงเรียกว่า Uni (1) form(เครื่องแบบ) หรือ เครื่องแบบที่เป็นหนึ่งเดียว เริดมั้ยล่ะค้า^^

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2555 19:36:25 น.   
Counter : 7972 Pageviews.  

ว่าด้วยวิชา แอร์โฮสเตส 103: FASHION POLICE เป้ะ ทุกกระเบียดนิ้ว

(วันgraduate ยุ่งวุ่นวายมากๆๆๆกว่าจะได้รุปนี้ ใช้กล้องตั้งถ่ายเอา )

เกริ่นๆหัวข้อไปแล้วเล็กน้อยนะคะในตอนแรกๆว่าเรื่องgroomingที่นี่เข้มมว้ากกกกกก แต่ลูกเรือบางคนก็เป้ะแบบประหลาดๆ คือ สวยขั้นสุดท้าย ทำยังงัยเค้าก้อไม่สามารถทำให้มันดูดีกว่านี้ได้แล้ว ดูแล้วก้อยังงงๆว่ารับมาได้ยังงัย โคม่ามากกกกกก

 

ก่อนบินเนี่ย ช่วงใดช่วงหนึ่งของการบรีฟฟิ่ง หัวหน้าจะไปเรียกกรูมมิ่งมา คือคนพวกนี้ง่ายๆก็คือfashion policeนั่นเอง จะมีอยู่สี่ห้าคน เวียนตรวจ เค้าก็ไปเรียกมา นางไหนว่างก็นางนั้น ถ้าเป็นคนที่ใจดีก็ดีไป (ซึ่งมีแค่คนสองคน) แต่ถ้าเป็นนางอูฐเนี่ย เกลียดมากกกก ชีเคร่งมาก เพราะว่าชีประสาท สามีทิ้ง(ไม่แปลกใจเลย) เลยมาลงที่ลูกเรือ ช่วงกรูมมิ่งนี่ เครียดมาก ถ้าเป็นนางอูฐก็จะเครียดยิ่งกว่าช่วงถามคำถาม เพราะจะโดนติทุกคน แล้วก็โดนจดชื่อหมายหัวด้วย เค้าก็จะเริ่มมองหัวจรดเท้า วนรอบแรกก็ให้ใส่หมวกก่อน พอวนรอบสองก็จะให้ถอดหมวก เริ่มเช็คจากผม เสื้อผ้า หน้า เล็บ นาฬิกา ถุงน่อง รองเท้า  

 

ไล่มาตั้งแต่เส้นผมเลยค่ะ ส่วนนี้เยอะสุดๆ เพราะว่าทำได้แค่2ทรงเท่านั้น ถ้าผมยาวหรือมัดได้ก้อทำได้แค่มวยกลมๆเฉยๆ ที่ใสส่ดังโหงะข้างในนั่นแหละค่ะ กะทรงfrench twist หรือที่เราเรียกว่าทรงกล้วยหอมน่ะฮ่ะ (มันคล้ายๆกล้วยแนวตั้งอ่ะเลยเรียกกันงี้) แต่ทรงนี้ทำยากเพราะถ้าผมยาวเลยบ่าไปมากจะเก็บไม่หมด ห้าม มีสีผมผิดแผกไปจากของเดิม ของลูกเรือบางคนน่าสงสารมากตรงที่ว่าเค้ามีไฮไลท์ธรรมชาติอยู่แล้ว เช่นพวกอเมริกาใต้ ผมเค้าจะมีเหลือบหลายๆสี ก็โดนให้ไปย้อมดำหรือน้ำตาล ทั้งๆที่เค้าเป็นของเค้าแบบนั้น  อันนี้เห็นกับตาในห้องบรีฟฟิ่งเลย เค้าก็เสียใจ ว่าทำไมถึงว่าเค้า มีสีผมแบบนี้ตั้งแต่เกิดผิดตรงไหน ถ้าผมทองไปเลยเหมือนพวกยุโรปถึงจะไม่ผิดใช่มั้ย sensitive issueนะคะ เรื่องเชื้อชาติเนี่ย แต่ที่นี่ไม่แคร์!! ห้ามทำสีผมผิดแผกไปจากสีดำ น้ำตาล หรือทอง บางคนก็รอดไปได้เพราะเค้าไม่ทันเห็น ตอนที่เทรนอยู่เค้าบอกว่าย้อมอ่อนกว่าสีจริง หรือเข้มกว่าสีจริงได้1 เฉด เอ้า แล้วจะรู้ได้ไงว่า1เฉด มันคือสีอะไร???? ไม่มีมาตรฐานอะไรมาวัดใช่ป่ะคะ ยิ่งเราคนไทย ชอบทำสีผมน้ำตาลอ่อนใช่มั้ยคะ โดนย้อมเข้มหมดเลยค่ะ นิดๆหน่อยๆไม่ได้เลย เลยสุดท้าย ย้อมดำสนิทเลย รู้แล้วรู้รอด รำคาญ ต้องคอยมาเกร็งเวลาโดนตรวจ เคยมีลูกเรือคนนึงของขึ้น เค้าก็ชาติเอเชียนี่แหละค่ะ ย้อมผมอ่อนไปนิดเดียว โดนว่าให้ไปย้อมเป็นสีเข้ม แล้วอารมณ์ขึ้นก็เลยเหวี่ยงไปว่า ทไมทีลูกเรือย้อมผมสีอ่อนนิดหน่อยถึงโดนว่า ไล่ให้ไปย้อมกลับ แต่ทีพวกฝรั่งหัวดำย้อมเป็นสีบลอนด์ เธอไม่ว่า มันยังงัยไม่ยุติธรรม โอ้โหว ขอปรบมือให้ชะนีน้อยนางนี้ที่ริอาจเถียงกะกรูมมิ่ง ก็ไม่รุสรุปว่าชะนีตอบไปว่ากระไร รู้ในส่วนที่อยากรู้เป็นพอ ฮ่าๆๆๆ

 

กรูมมิ่งก็จริงๆเลย เค้าชอบหัวทอง จะไม่ค่อยว่า บางคนผมทองไม่จัด ให้เป็นย้อมเป็นบลอนสด์จัดๆ แน้?!?! อะไรแว้ ... ลองแพรไปยอมสิ มันได้ส่งตั๋วไล่กลับดอยไปเลย เฮ้อะ

 

ทรงผมเป้ะ สีผมเป้ะ ไปแล้ว ต่อไป เรื่องลูกผม โอ้ยยยยยย โดนตาหลอด 3ปีที่บินมา โดนทู้กกกกกที เราก้อ ทำหน้าเหรอหรา เออออห่อหมกทะเล ไปงั้นว่า อุ้ย หรอๆ ๆหน ตรงไหนหลุด ตายแระ เดี๋ยวจะเก็บใสห้เรียบเลยค่า โอเค้ ยิ้มมมมม จบ เพราะพวกนี้เค้าไม่ชอบให้เถียงหรือทำเสียงจิ้กจั้ก ไม่พอใจ คนบางคนที่ผมมีน้ำหนัก เส้นเรียบหนา เค้าก็เก็บได้ไม่กระดิกเนอะ ใส่leave onนิดหน่อยก็พรางตาได้ แต่อิชะนีย์ผมเปราะบาง หักกรอบแกรบอย่างเรา ก้อชี้โด่ชี้เด่มาบ้าง อะไรบ้าง ที่ว่าเรียบแล้ว ต้องอัดสเปรย์ให้เรียบทุกเส้น ย้ำ ทุกเส้น !! อิที่ยากสุดก้ออิตรงท้ายทอย แหม้ มันชอบหลุดๆมา ผมมันงอกใหม่ มันก็เด้งออกมา โอยย มีปัญหานี้กันหลายคน เพราะเค้าจะเอาเรียบเป้ะอย่างเดียว วันนั้นก็โดนว่าไปว่าเอ้ะ นี่ๆ ตรงท้ายทอยอ่ะเก็บๆหน่อยนะ ไอ้เราก้อเก็บจนไม่รุจะเก็บยังไง เส้นสองเส้นยังจะเอาอะไรก้ะตรูเนี่ย เราก็ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ ไม่ทันจะตอบ อิผุชายข้างๆตอบแทนเลยค่า อ้อ เนี่ยๆ ชั้นจะจับเธอโกนให้เองในไฟลท์ ไม่ต้องห่วง อิกรูมมิ่ง งงเลยค่า ก็จริงนะ ด้วยความอุบาทว์ที่ว่าเค้าไม่ได้ดูลักษณะเส้นผมเลยว่าบางทีเส้นสองเส้นมันก้อเด้งออกมาได้ ถ้าสภาพผมต่างกัน จะมาให้เป้ะเหมือนกันหมดทุกกระเบียดคงไม่ได้ บางคนรำคาน โกนไรผมตรงท้ายทอยเลยนะคะ น่ากลัวมากกก เรื่องจริง ไม่ได้โม้ เห็นบางคนท้ายทอยเค้าโกนเลย โคตรจะแมนอ้ะน้องงงงง

 

 

ถัดมาเรื่องขนาดของเสื้อ กางเกง กระโปรง โดนตลอด คับไปมั่ง สั้นไปมั่ง ยาวไปมั่ง ขาดมั่ง เยอะแยะ อิชั้นเคยโดนoffloadมาแล้วรอบนึง มายก้อด วันนั้นไปปารีส มีลางสังหรณ์แปลกๆก่อนไปไฟลท์ ว่าไม่ค่อยอยากไปเลย โดนoffloadก็คงดี ขี้เกียจ ง่วงง่า (ไฟลท์ตีหนึ่ง)ก็ใส่กางเกงไป ทีนี้ด้วยความที่กางเกงยาว เวลาใส่ บางทีมันจะเข้าไปอยู่ในรองเท้าตรงส้นเท้าน่ะค่ะ นึกภาพตามตามนะ เราก็เอาออกนะเวลาเดิน สะบัดๆมันก้อออกมา ไม่ได้น่าเกลียด ปล่อยทิ้งไว้ในส้นประหนึ่งว่าเป็นกางเกงลองจอน (เล้กกิ้งที่มีสายรัดเท้า) ทีนี้พอนานเข้า มันเข้าๆออกรองเท้าก้อเกิดการเสียดสี ตรงปลายเลยรุ่ยๆนิดนึง ถ้าไม่ก้มจ้อง จะไม่เห็นเลยยยย เราก็ใส่กางเกงนั้นไป ใส่มาเป็นปีๆ ไม่โดน เพิ่งใส่ตอนเช้าของวันนั้นอิกไฟลท์ก้อไม่โดน มาโดนรอบเย็น ด้วยความขี้เกียจ ก้อเลยบอกเค้าไปว่า ไม่มีspairกระโปรงอิกตัวหรอก ไปเอาก็ไม่ทัน เอาออกจากไฟลท์ (offload)เหอะ เรียกสแตนบายแทน (ในใจ อิๆๆๆ พอดีเลย ขี้เกียจ) เค้าก็พยายามวิ่งวุ่นหากางเกงให้ จากลูกเรือคนอื่น โค้ววววว มันจะหาได้ไงอ่ะ ใครจะให้ยืม ความสั้นยาวก้อไม่ได้ ก็เลยบอกเค้าให้offloadเราดีกว่า อย่าเสียเวลา รู้ว่าอิกวันต้องวุ่นวาย โดนเรียกไปจัดการที่office เราก็ไม่แคร์ เพราะวันนั้นรู้สึกไม่อยากบินจริงๆ อิกวันก็ยุ่งจริงๆ ต้องไปจัดการซ่อมกางเกงนี่นั่น โดนจดหมายรักส่งมาในตู้เรียบร้อย คาดโทษว่าคราวหน้าทำอิกจะโดนดีแน่ๆ เหอะๆๆ

 

จบเรื่องของเราไป ทีนี้ของคนอื่นๆ ก้อมีเรื่องหลวม คับ ยาว สั้น นี่แหละ(อย่าคิดลึกฮ่ะ) เค้าชอบให้ใส่หลวมๆ แบบป้าๆ เพราะมันจะได้ไม่สวย เอ้ย ไม่ยั่วยุ (แต่มันอุบาทว์มาก บางคนเหมือนแม่บ้านม้าก) เวลามาตรวจ เค้าก็จะตินี่นั่น พอเค้าว่ากระโปรงคับ ลูกเรือก็จะงง อะไรวะ คับได้ไง พวกเราจะแสดงให้เห็นว่ามันหลวมแล้วฟ้อยยย โดยการเอามือสอดเข้าไปตรงเอวแล้วหมุนกระโปรงรอบทิศเลยค่ะ ว่า นี่อ่ะ คับยังงัย กรูมมิ่งไม่ยอมแพ้ค่ะ เอามือดึงกระโปรงส่วนสะโพกสองด้านแล้วทำตึงๆ เค้าว่า นี่ไง คับ เป็นรอยตรงหน้าตักเนี่ย เอ้า อะไร ก้อดึงขยายอย่างงั้นมันจะไม่เป็นรอยได้ไงอ่ะ โอ้โหว ยอมไปเลย หลายคนเป็นแบบนี้คือ กรูมมิ่งบอกว่าคับ ก็เอาไปแก้ พอแก้มาใส่ กรูมมิ่งบอกหลวมอิกไฟลท์ถัดไป เอาใจไม่ถูกเลย เค้าก็บอกว่า เฮ้ย ที่มันหลวมอ่ะเพราะคราวแล้วยูบอกกรูให้เอาไปแก้ แล้วนี่ แก้อิกแล้ว?! ปวดหัวมากค่ะ เยอะจริงๆ

 

สีลิปกับสีเล็บ รองเท้า ถุงน่อง ขออัพตอนถัดไปนะคะ ขอจบดื้อๆแบบนี้ก่อน เพราะมีภารกิจต้องสะสาง เดี๋ยวจะอัพไม่รุเรื่อง เหอๆๆๆ

 




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2555 18:58:45 น.   
Counter : 5494 Pageviews.  

แอร์ สตอ รี่ :ว่าด้วย วิชา แอร์โฮสเตส 102 welcome on board

(สัญลักษณ์ทะเลทรายอาหรับ "อูฐ" ฮ่ะ ไม่ใช่นางที่ยืนเต้ะตรงนั้นนะคะ)

การไปบินไฟลท์แรกนั้นไม่ได้มีอะไรที่เราได้คาดฝันว่าจะเจอซักเท่าไหร่นัก ไม่มีอะไรเหมือนอย่างที่เรียนมาตอนเทรนเลยเว้ยเฮ้ย อะไรเนี่ย?! โอเค ในห้องบรีฟเราก็พอจะนึกภาพออกว่า โอเคมันประมานนี้นะ คือ เพอร์เซอร์หรือCSDเนี่ยก็จะถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องไฟลท์นั้นๆ เรื่องเกียวกับ safety กะ first aid ซึ่งก็พอนึกภาพออกเพราะว่าตอนก่อนเทรนจบเค้าพามาดูในห้องบรีฟจริงว่าเป็นยังงัย

 

เดินมาcheck inคอม ตาก็มองหาห้องบรีฟบนจอ โอเค เจอละ ก็เดินไปด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ ความรู้สึกของหมูโดนเชือดมันเป็นแบบนี้สินะ ฮือออออ กลัวๆๆๆๆ เค้าจะถามอะไร จะโชว์โง่ให้ขายหน้าประเทศชาติมั้ยน้อ สารพัด สารเพ คิดจนเครียด จนจะเป็นลม ก้อทำใจดีสู้เสือ (สิงห์ กระทิง แรด ตัวหลังนี้เยอะสุด) ผลักประตูเข้าไป เซย์ ฮายยยยย hiiiiiii….แล้วฉีกยิ้มนางงามมิตรภาพ ได้ผลแห้ะ โอเค จัดแจงหย่อนสารร่างอันยังไม่ค่อยอวบนักลงไปนั่ง แล้วก็เปิดตำราอ่าน เตรียมรับศึก พอคนมาครบ ได้เวลาreport ก็เริ่ม การแนะนำตัวว่า ชื่ออะไร จากประเทศอะไร บินมากี่ปี จบ ส่วนใหญ่ก็ประมานนี้ แต่เราก็ไม่รู้ไง มาครั้งแรก ร่ายไปซะยาว นึกว่าต้องพูดเหมือนตอนประกวดนางงามบ้านดอน  good evening, my name is lalita, Im from Thailand but not บางกอก ยูโน้ว์? ฟรอม เชียงรายนะ เนียร์ เชียงใหม่ น่ะแหละ นี่เป็นไฟลท์แรก ตื่นเต้นจัง แต่จะพยายามให้ดีที่สุด อ้อๆๆ เรียกชั้นว่าแพรีสก้อได้ค่ะ เพราะว่า คนไทยนี่ยจะมีนิกเนมกันทุกคน เพราะชื่อจริงเรายาว ขอบคุณเคอะ แล้วก็ไม่ได้รู้เรื่องเล้ยยยยย ว่าเค้าไม่ได้ต้องการรู้ขนาดนั้นนนนน สรุป หลังๆ สั้นลง สั้นลง จนเหลือแค่ว่า  I’m Lalita, from Thailand , 3 years with the company…. จบค่า!!!!!!จริงๆ เหลือแค่นั้นจริง ไม่มีใครถามอะไรต่อ เค้าต้องการแค่เนี้ย!!! ใครมาทีหลังอย่าได้โชว์ห่วยอย่างแพรล่ะแหม พอไปบินกะอิลูกเรือไฟลท์นั้นหลังจากผ่านไปสองปี ล้อเราใหญ่เลยว่าเราพร่ามซะยาวเลยหล่อนวันนั้นน่ะ ไม่มีใครเค้าทำกันคร่า เชอะ!!!! ไมไม่บอกตรูให้หยุดพูดฟร้ะ ตอนนั้น

 

สรุป ก้ออายกันไป ตามนั้นน

 

และแล้วก้อได้เวลาถามคำถาม ก็จะโดนถามรอบวงค่ะ โดยที่หัวหน้าไฟลท์ก็จะถามเรื่องเกี่ยวกับ safetyและfirst aid คนละ1ข้อ ตอบไม่ได้ก็จะโดนเหน็บแนมแล้วก็จะโดนหมายหัว ถามอิกรอบ อาจจะเป็นบนไฟลท์ หรือในห้องบรีฟ แล้วเค้าก็จะพูดเรื่องไฟลท์ ว่าโอเคไฟลท์นี้ไปไหน ประเทศอะไร นิดๆหน่อยๆเกี่ยวกับประเทศนั้นๆ แล้วก็พวกโปรไฟลล์ของผู้โดยว่าเป็นแบบไหน ประสบการณ์ไฟลท์นี้จากคนที่เคยบินว่าผู้โดยเป็นยังงัย ขี้เมามั้ย วีนมั้ย สกปรกแค่ไหน คนที่ไม่เคยเจอผู้โดยจากไฟลท์นี้จะได้นึกภาพออกว่าต้องเจอกับอะไร (ทำใจยังงัยก็offloadตัวเองไม่ทันแล้วค่า) ช่วงบรีฟนี้เป็นช่วงที่ลูกเรือแทบจะทุกคนเซ็งที่สุด เพราะบรรยากาศจะเครียดซะเป็นส่วนใหญ่ ถ้าหัวหน้าน่ารักก็เฮฮากันไป แต่ร้อยละ95 เซ็ง เครียด จิก ทำเอาเสียมู้ดไปตั้งแต่ก่อนบิน ไฟลท์เหนื่อยแค่ไหนสู้ตาย แต่บรีฟฟิ่งนี่ โดยส่วนตัวแล้ว เกลียดจริงๆ ถ้าสายการบินนี้เปลี่ยนรูปแบบกสารบรีฟ อิชั้นก็คงอยากจะทำงานต่อไป ที่มันต้องเครียด ต้องจิกกัน มันก็มีหลายเหตุผลที่ทำให้เป็นแบบนั้นน่ะค่ะ คือบริษัทเคร่งมาก เป้ะมาก ใครทำอะไรพลาดพลั้งนี่โทษถึงตาย เอ้ย ไม่ใช่ เรื่องจะใหญ่มาก reportกันให้วุ่นวาย มันก็ร่วมด้วยช่วยกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายลูกเรือเอง บางทีก็ไม่ได้ความ คิดตื้นๆก็มี ก็ส่งผลให้หัวหน้าเดือดร้อน ต้องมาออกรับแทน ฝ่ายหัวหน้าเองก็จิกลูกทีมซะกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ เพราะอะไร อะไร บริษัทก็จะมาโทษหัวหน้า บริษัทเองก็เอาใจลูกค้าจนไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกคนทำงาน เพราะต้องแข่งกับสายการบินตะวันออกกลางอื่นๆอิก เครียดกันทู้กกกกกกทาง จะทำอะไรต้องระวังหน้า ระวังหลังกันทุกย่างก้าว บินไฟลท์แรกกเครียด เพราะในตอนที่เทรน ไม่เห็นบอกเลยว่าขึ้นเครื่องไปนะ ให้ทำอะไรก่อน หลัง เราก็งง เป็นไก่ตาแตก เพราะเค้าสอนแค่ว่า ทำอะไรก่อน 123 แต่ไม่ได้บอกว่าเตรียมยังงัย เอาของมาจากไหน ใส่ตะกร้าไหนล่ะ ใส่แล้วเอาไปไว้ไหน แล้วเปลี่ยนเสื้อตอนไหน เอารองเท้าที่เปลี่ยนไว้ยังงัย แล้วหมวกล่ะ ถอดตอนไหน งงมว้ากกกก หน้าซีด มือสั่น รู้สึกผิด เพราะอิลูกเรือที่มันซีเนียร์ก็ยืดๆ แบบว่า เอ้ะ อินี่ หลีกไป คนเค้ายุ่ง มัวทำอะไร แต่ไม่บอกเราว่าควรทำอะไร (นี่คือที่ได้ยินจากคนที่เจอๆมา แต่โดยของตัวเองแล้ว เราแย่งเค้ามาทำเลย แย่งมันมาจากมือมันเลย แล้วเอาไปทำ มันว่าไม่ได้ว่าเรายืนเอ๋อ) เด็กใหม่ๆ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ลูกเรือบางไฟลท์ก็ดี บอก สอน บอกเค้าดีๆ อิบางตัวก็ลืมตรีนไปว่ามันเคยมีวันแรกที่มันยืนเอ๋อเหมือนกัน ตอนหลังๆ พอเราซีเนียร์ขึ้นมา เป็นหัวหน้าด้านหลัง เจอลูกเรือคนไหนจิกเด็กใหม่ เราจะจัดการทันที แล้วบอกเค้าดีๆ ไม่ได้สอนแบบสั่งสอน แต่ แนะนำ เพื่อไม่ให้เค้ารู้สึกโง่ ก็ไม่เข้าใจ บางคนก็ชอบข่มคนอื่นเหลือเกิ้น ลูกเรือชาติหนึ่ง ขึ้นชื่อมากเรื่อง ทำตัวรู้มาก รู้เยอะ ประหนึ่งลูกกรอก พวกนี้จะเป็นลูกเรือสายการบินที่ประเทศตัวเองมาก่อนซะเยอะ ex crewนั่นเอง เวลามาอยู่นี่ ต่อให้มันมาบินไฟลท์แรก มันก็เต้ะใส่คนอื่นใหญ่เลย เลยโดนชะนีไทยนางนี้จัดการไปว่า เก่งที่นู่นน่ะก็เก่งไป แต่อย่าได้มาทำอวดเก่งที่นี่ ต่างสายการบิน ต่างบริการ ไม่ใช่ว่าเธอจะรู้ดีไปกว่าคนอื่นซะหมด เข้าใจซะใหม่ !!! จัดไป นางและนาย ส่ายหัวดุ้กดิ้ก เงียบ อึ้ง เดินหน้าสลดไป  

 

ไฟลท์แรก เราจะงงๆ แต่อย่าได้งงจนเอ๋อ ตั้งสติแล้วทำตามตำรา เอาเป้ะๆ safeที่สุดค่ะ ใครว่าอะไรไม่ได้ จับผิดไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งก็ต้องอาศัยวิจารณญานว่าอันไหนควรใช้วิธีลัด อันไหนควรทำตามตำรา ไฟลท์แรกชะนีนาง บริการห้าดาวมากๆ ผลก็คือ ช้ามากกกกกกก เข็นคาร์ทแจกอาหารไป คุยไป ทุกบริการเป้ะมาก ประดุจดั่งบริการชั้นfirst classที่มีผู้โดย8คน คาร์ทอาหารคาร์ทนึงปรกติจะใส่ได้อาหารได้36ถาด อิชั้นบริการผู้โดยคนนึง เสียเวลาไปเป็นสามสี่นาที โอ้วแม่เจ้า ช้ามากกกก เพราะไม่กล้าทำเร็ว ไม่กล้าออกนนอกลู่นอกทาง เป้ะเวอร์ ลูกเรือคนอื่นเลยต้องมาช่วยแจกอย่างเสียมิได้ เค้าก็ดี ก็ติงๆว่า เออเนี่ย มันจะทำตามอย่างที่เรียนมาเป้ะๆไม่ได้นะ บางอย่างเราก็ต้องรู้จักทำให้มันเร็วขึ้น อะไรที่ไม่มีในคาร์ทก็ลองเสนอทางเลือกอื่นไปก่อน ยิ้มสวยๆ เค้าโอเคหมดแหละ ก็ค่อยๆเรียนรู้มา ไฟลท์แรกที่บินจำได้ว่าเป็นมิลาน (ถ้าไปอ่านในบล้อกก่อนๆก็จะเห็นว่าอะไรยังงัยค่ะ ใน Paris live around the world ค่า) ประสบการณ์ที่ได้จากไฟลท์นั้นทั้งในไฟลท์และในโรงแรมนั้นมากมาย ดีที่ว่ามีพี่คนไทยบินไฟลท์นั้นด้วยกัน เลยคอยช่วยแนะนำ และCS ที่คุมอยู่ชั้นeconomyก้ออารมณ์ดี เลยสนุกสนาน หยอกล้อกันไป กลับมาถึงโดฮาก็ได้พี่คนนี้เป็นพี่สนิทอยู่ช่วงนึง แต่กระนั้นก็ยังเป็นเม้าท์มอยกันจนถึงกระทั่งตอนนี้ 

 

ไฟลท์แรกก็จบไปด้วยดี แต่ก็มีเรื่องขรุขระเล็กน้อย เอาไว้เม้าท์มอยกันตอนน้านะจ้ะ สวัสดี

 

 




 

 

 

 

 

 

 

 

 




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2555 16:28:05 น.   
Counter : 4476 Pageviews.  

แอร์ สตอ รี่ :ว่าด้วย วิชา แอร์โฮสเตส 101

ตอนนี้ก้ออยากจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์. นั่งรอที่สนามบินเชียงใหม่.เพื่อต่อเครื่องไปโดฮา ร้อนมว้ากกกกค่ะ ไม่รุว่าทำไมคนเยอะจังทั้งๆที่ก้อไม่ใช่วันหยุดอะไร. คนเดินทางเพียบ. นั่งอยู่ในloungeอินตะเนทก้อเต่าคลานม้ากกก เลยไม่เอาละออกมานั่งหน้าเกทดีกั่ว คนเยอะแบบนี้. เดี๋ยวก้อไม่มีที่นั่งได้อิก เครื่องดีเลย์20นาที กลัวจับเครื่องไปโดฮาไม่ทันง่าาาาา เครื่องออกสองทุ่มครึ่ง ฮือออออ

โชคดีที่ว่าวันนี้คฑาแอร์เว()ส์ของเรา มีที่ว่างเกือบครึ่งเคบิน คงไม่น่าจะมีดราม่าอะไร
เริ่มเลยดีกว่าค่ะ คุณผู้อ่านคงจะว่าอิชั้นมาจะกล่าวบทไปนานเกินไปแระ. เริ่มเรื่องซะทีสิอิชะนีย์

..
ค่าๆๆๆ เริ่มแล้วค่ะ


วันนี้ว่าด้วยการปูพื้นฐานคุณผู้อ่านก่อนนะเคอะว์ เพื่อที่ว่าเวลาเล่าเรื่องจะได้เข้าใจกันตรงกัน. เพราะมีศัพท์เทคกะนิคเยอะฮ่ะ เริ่มด้วยที่ พนักงานบนเครื่องก่อนนะคะ
CSD
คือ. เพอร์เซอร์นั่นเองค่ะ ย่อมาจาก Can't Stand next to the Door เอ้ยยย. ไม่ใช่ค่ะ ย่อมาจาก Cabin Service Director ฮ่ะ มีทั้งหญิงและชายและฉิง ปะปนกันไป คนที่เป็นชาย ทีหลังก้อมาเป็นฉิงฮ่ะ หน้าที่ของบุคคลเหล่านี้ก้อคือจะเป็นหัวหน้าคุมลูกเรือทั้งลำ ในเครื่องที่เป็นเครื่องใหญ่Wide bodyที่มีทางเดินในเครื่องสองเลนส์นั่นแหละฮ่ะ เช่น Boeing777 ,787 Airbus 330,340ค่ะ ในเครื่องลักษณะนี้เราจะมีสองเคบิน คือ business classและEconomy class แบ่งแยกกันโดยม่านกั้น ดังนั้นลูกเรือก็จะมีสองเซ็ทคือ F1 นั่นก็คือลูกเรือชั้นธุรกิจ จะได้รับการเทรนหลังจากที่ได้บินมาเป็นเวลาปีครึ่งถึงสองปี ในชั้นeconomy และคนที่บริการชั้นEconomyคือF2 ค่ะ ดังนั้นในเครื่องใหญ่แบบนี้ก็ต้องมีคนคอยดูแลลูกเรือeconomy. คือ CS ย่อมาจาก Cabin Senior ค่ะ ถ้าเป็นเครื่องเล็กที่เป็นnarrow body หรือsingle aisle( ที่มีทางเดินทางเดียวตลอดลำ)เช่นAirbus 319,320,321 จะมีที่นั่งขั้นbusiness classน้อย. ก้อเลยจะมีF1แค่คนเดียวกับCS. บริการชั้นBusiness และในEconomyก้อจะมีลูกเรือF2 อยู่กันเอง คนที่seniorที่สุดจะเป็นดูแล(มันส์มากกกค่ะ แมวไม่อยู่หนูร่าเริง). ทั้งCSDและCS ต้องทำงานในเคบินที่ตัวเองอยู่ ไม่ใช่เดินสวยๆคอยจิกกัดเฉยๆค่ะ

พอจะเห็นภาพกันรึยังค่ะ ยังไงอิชั้นจะอธิบายให้เห็นภาพมากที่สุดค่ะ จะอธิบายมากไปกว่านี้เดี๋ยวคุณพ่อแกจะฟ้องเอาอิชั้นเข้าคุกเมืองแขกฐานเผยแพร่ความลับสุดยอดระดับชาติ


ตอนต่อไปจะมาเริ่มปฏิบัติการณ์Share ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยล่ะฮ่าาาาา




 

 




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2555   
Last Update : 30 ตุลาคม 2555 19:08:24 น.   
Counter : 4136 Pageviews.  

EP 2/2 อยากเป็น แอร์ ต้อง แหลให้เป็น!!!!

 คนเราถ้าโตขึ้นก็จะคิดได้เองมากขึ้น ที่เค้าเรียกว่า วิจารณญาน มันก็ดีขึ้น แต่!!!! ไม่ได้หมายความถึงทุกคนนะคะ ใครที่คิดว่าตัวเองยังง้องแง้ง เด็กๆอยู่ สมัครงานทีไรก็ไม่ได้เรื่องซักที สมัครแอร์ก็ตกรอบอิกแระ คราวนี้ต้องมาดูว่าตัวเองว่า เอ้า เราผิดตรงไหนแว้....รมย์เสีย แล้วจะทำไงเนี่ย? คำถามที่หลายๆคนที่รู้จักถามมา ทำให้อิชั้นคิดได้ว่า เออ ใช่ เค้าขาดอะไรไป (อย่าคิดเด็ดขาดนะคะว่าคุณไม่ดีตรงไหน มองในแง่ที่ว่า เราขาดอะไรไปจะถูกกว่า). ก็สัมผัสได้ว่ามัพลังงานบางอย่าง เอ้ยยยยยยย ไม่ใช่ ไม่ใช่ (แหม้ นึกว่าตัวเองเป็นคุณเจน จิตสัมผัส). คือสัมผัสได้ว่าน้องๆขาดความแหลที่อิชั้นว่า เอ้ะ ต้องแหลยังงัยล่ะคะ แล้วยังงัยถึงจะเรียกว่าแหลอย่างถูกวิธี ไม่ดูน่าเกลียด เป็นคนตอแหล แล้วทำยังงัยจะเป็นคนที่มีความเฉลียวได้ล่ะคะ ของแบบนี้ฝึกได้ค่ะ (ไม่จำเป็นต้องฝึกเล่นซุโดกุไปด้วยหรอกนะฮ้ะ)คือการหัดมองอะไรให้มันลึกขึ้น ต่อยอดความคิด ฝึกจำอะไรบ้าง ไม่ใช่อะไรผ่านเข้ามาแล้วก็ปล่อยมันผ่านไป (เช่นอ่านเรื่องนี้แล้วก้อปล่อยผ่านไป--")แลดูจะหนักกบาลไปหน่อย แต่มันมีประโยชน์ค่ะ เพราะมันทำให้เราไม่เป็นคนหยิบโหย่ง อะไรก็ได้ อาจจะดูเป็นคนคิดมาก แต่นานไปเราจะเรียนรู้เองในหัวว่าเรื่องไหนควรช่างหัวมัน เรื่องไหนควรคิด เพราะเราเริ่มมีวิจารณญานจากการที่เราคิดนั่นนี่นั่นเองค่ะ แหม้ ดูสับสนในตัวเองเหลือเกิ้นนนนนคุณพี่ขา ค่ะ อิชั้นก็เริ่มมึนๆเหมือนกัน มันอธิบายยาก เท่าที่พยายามถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือนี่ได้ สมองก้อเริ่มล้าๆไปหนึ่งซีกแล้วฮ่ะ. เอาเป็นว่าจะคิดจะทำอะไร ตรึกตรองดูให้ดีๆ ก้อเข้าแก้บไปได้ครึ่งแล้วล่ะค่ะ ส่วนอิกครึ่งก้อเป็นเรื่องของการมองโลกให้กว้างๆ มองหลายๆแง่ ไม่ใช่มองอะไรมุมเดียวแล้วก็ว่าแบบนั้นน่ะแหละถูกต้องดีเริดแล้ว แบบนี้มันก็ไม่ได้ฝึกความนึกคิดอะไร เพราะเอาข้าว่าอย่างเดียว การเป็นแอร์ต้องเจอคนเยอะ คนที่ไม่คิดว่าจะมีในโลกนี้มันก็มี เราต้องรู้จักการต่อรองให้เจอกันได้ครึ่งทางให้ได้ ถึงจะอยู่ได้ ไม่งั้นผู้โดยก้อขี่คอเราเลย หรือเรานั่นแหละมีเรื่องกะผู้โดยเพราะเราไม่ยอมเค้าเลย ดังนั้นต้องมีความแหลในการเจรจาต่อรองเพื่อให้เราและเค้าได้ตามที่ตัวเองต้องการ น้องๆที่ไม่เคยDealกับคนแปลกหน้าอาจจะเกร็งๆกลัวๆ แพรแนะนำว่าควรลองฝึกดู ถ้าเราเริ่มมีจริตบ้างอะไรบ้าง มันจะช่วยให้น้องหางานได้ง่ายขึ้น. เพราะพูดเป็น ต่อรองอย่างแนบเนียน คนจ้างงานเค้ามองกันออกค่ะ ว่าเรามีจริตตรงนี้มั้ย ถ้ามีตรงนี้ น้องจะแตกต่างจากเด็กสาวอิกพันกว่าคนที่รอยื่นใบสมัครแล้วไม่มีคุณสมบัติข้อนี้ ซึ่งสำคัญมาก และทำให้น้องดูเป็นคนฉลาดเฉลียวขึ้นมาทันที

เบื้องต้นแพรก็แนะนำได้เท่านี้อ่ะเนอะ นอกนั้นแล้วก็ตัวใครตัวมันล่ะค่า 555555 ล้อเล่นน่า หมายถึงนอกนั้นก็ต้องช่วยตัวเองด้วยอ่ะนะคะ  สิ่งที่จะช่วยได้มากนั่นก็คือ น้องควรจะหาข้อมูลเรื่องสายการบินนั้นโดยคร่าวๆ ไม่ว่าจะข่าวลือ ข่าวจริง อะไรก็ตาม มีประโยชน์ทั้งนั้น และก็ควรจะถามข้อมูลจากคนที่เป็นแอร์สายการบินนั้นด้วยว่าวัฒนธรรมในนั้นเค้าป็นยังงัย บรรยากาศในการทำงานประมาณไหน เข้าเข้มเรื่องอะไร มันก็จะมีประโยชน์ตรงที่ว่า มันจะทำให้เรานึกภาพได้มากขึ้นว่าเค้าเป็นงี้ๆๆๆ นะ แล้วเราก็จะรู้สึกเองได้ว่า อืมมม มันต้องแบบนี้ๆๆๆ ถึงจะเข้ากับบริษัทเค้าได้ เราจะได้รู้ด้วยว่า เอ้ะ เรามีจุดๆนั้น ที่บริษัทมองหารึป่าว เวลาไปสัมภาษณ์จะได้ทำตัวถูก เดาทางถูก  

      เอาล่ะค่ะ เดี๋ยวพอนึกอะไรออกอิกจะมาบอกต่อใหม่นะคะ ตอนต่อไปแพรก็จะเริ่มเรื่องราว inside ว่าเป็นแอร์ มันเป็นยังงัย ทำอะไรกัน วันๆ ที่เค้าว่าคฑาแอร์ โหด แค่ไหน จริงแท้แค่ไหน โปรดใช้วิจารณญานในการรับชมค่า ^^ (เรื่องจริงล้วนๆ ไม่มีเสริมแต่งใดๆ แต่ใช้วิจารณญานเรื่องควรลอกเลียนแบบหรือไม่เท่านั้นเองค่า)




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2555   
Last Update : 28 ตุลาคม 2555 18:42:49 น.   
Counter : 3747 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

LitaParis
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 48 คน [?]




follow me @ instagram: litaparis. For lates updates everyday ka. Nice to meet and share with everyone naka^^
New Comments
[Add LitaParis's blog to your web]