Group Blog
 
All blogs
 

มีงานประจำทำให้หัวฟูแล้วค่ะ

 เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก
ตอนนี้บีทำงานประจำมาเกือบ 3 เดือนแล้วนะคะนี่
Smiley

เพื่อนๆหลายคนคงสงสัยว่าบีทำงานอะไร หลังจากไปเป็นเด็กเสริฟร้านอาหารไทยอยู่พักนึง
ขอบอกว่าเสริฟจนคล่อง กล้ามแขนขึ้นมาเป็นมัดๆเลยค่า 555



ด้วยความโชคดีของบีที่วันนึงมีคุณน้าคนไทยสองท่านมาทานอาหารที่ร้านพร้อมแขกต่างชาติอีกหนึ่งท่าน

บีเป็นคนดูแลโต๊ะคุณน้าคนไทยค่ะ บีก็แนะนำอาหารและทำตลกโปกฮาของบีไปตามเรื่อง
ปรากฏว่าคุณน้าคนไทยและแขกต่างชาติถูกใจบีค่ะก็เลยถามถึงประวัติการทำงานของบีแล้วก็เลยชวนบีไปทำงานด้วย

ตอนแรกบีคิดว่าเป็นบริษัทเล็กๆค่ะ แต่มารู้ทีหลัง โอ้โห...เป็นบริษัทอิเล็คทรอนิคส์ที่ใหญ่มากค่ะ บีก็ยื่นใบสมัคร สัมภาษณ์งานสามรอบ กินเวลาประมาณเกือบครึ่งปีค่ะ ว่าจะเสร็จกระบวนการ



จริงๆบีเองก็ชอบงานที่ร้านอาหารนะคะ ชอบตรงที่งานจบเป็นวันๆ แล้วได้เงินวันต่อวันไม่ต้องรอถึงสิ้นเดือน อีกอย่างไม่ต้องทำงานทุกวันบียังได้มีเวลาทำขนมบ้าง แต่คิดไปคิดมาถ้าบีทำงานบริษัท แน่นอนค่ะว่าเรื่องรายได้มันมากกว่าเยอะ แถมยังได้ฝึกภาษาอย่างจริงๆจังๆเสียที ไหนๆโอกาสมันมาถึงตัวแล้วถ้าไม่ลองดูสักตั้งก็คงเสียดายแย่ใช่ไหมคะ

สำหรับงานใหม่ของบีนั้นก็ยังเป็นงานที่เกี่ยวกับ IT อย่างที่บีเรียนจบและทำงานมาอยู่ค่ะ



แต่ประเภทงานเปลี่ยนไป ต้องเรียนรู้ธุรกิจของบริษัทใหม่หมด เรียกว่าเริ่มจากศูนย์เลยนั่นแหละค่ะ
สองสัปดาห์แรกนี่ต่อมน้ำตาแตกเพราะไม่เข้าใจธุรกิจเลย

เรื่องภาษาก็เป็นปัญหานึงอยู่แล้ว อีกทั้งบริษัทนี้มีคนทำงานหลายเชื้อชาติมาก วันๆนึงปรับหูกันหลายสำเนียง มึนเลยค่ะ ไหนจะเรื่องศัพท์เฉพาะที่ไม่เคยได้ยินอีก ทำให้บีถึงกับท้อและ้ร้องไห้ไปหลายหน



โชคดีที่ได้พี่ N ให้กำลังใจ เลยทำให้ตั้งใจสู้ดูอีกสักตั้ง อีกอย่างเจ้านายบีใจดีมากๆ คุณน้าคนไทยก็ให้กำลังใจเป็นอย่างดี เพื่อนร่วมงานบีก็ดีทุกคน ตอนนี้บีเลยรู้สึกดีขึ้นกว่าวันแรกๆเยอะเลยค่ะ

แต่บีเองก็กลับไปมีชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิม ทำงาน 5 วัน หยุด 2 วัน ออกจากบ้านแต่เช้ามืด กลับถึงบ้านไม่เกิน 6 โมงเย็น (ที่นี่รถไม่ติดเหมือนกรุงเทพ ... เย้)

ถึงบ้านก็ทำข้าวเย็น ทำข้าวกล่องเ็ป็นอาหารเที่ยงของวันถัดไป บีมาอยู่ที่นี่ปีครึ่งแล้วแต่ก็ยังทานอาหารฝรั่งไม่ค่อยได้นะคะ อันนี้ที่บีรู้สึกว่าแย่ บีอยากกินอาหารฝรั่งให้ได้มากกว่านี้ แต่ไม่รู้จะทำยังไง



นี่ล่ะค่ะ เรื่องเล่าคร่าวๆเกี่ยวกับการได้งานทำแบบที่เรียกได้ว่าโชคดีมากๆของบี พี่ N เองยังแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบีได้งานนี้จริงๆ บีเองต้องขอขอบคุณคุณน้าคนไทยและแขกต่างชาติท่านนั้น (ปัจจุบันเป็นเจ้านายบีเองค่ะ) ที่หยิบยื่นโอกาสนี้ให้กับบี



สุดท้ายบีขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆทุกคนที่มาอยู่ต่างแดนนะคะ

ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ทั้งงานออฟฟิศ งานแม่บ้าน งานเสริฟ งานโรงแรม ขอให้ทุกคนมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ สำหรับคนที่มองหางานประจำทำอยู่ก็ขอให้อย่าท้อ ตั้งใจทำในสิ่งที่เราทำอยู่ โอกาสดีๆอย่างที่บีได้รับอาจจะเข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ค่ะ




 

Create Date : 17 มกราคม 2557    
Last Update : 17 มกราคม 2557 9:12:22 น.
Counter : 3653 Pageviews.  

ต้องไปหาหมอจนได้

เมื่อสามวันก่อนมีเหตุจำเป็นทำให้ต้องไปหาหมอค่ะ ซึ่งหมอกับบีเนี่ยเป็นอะไรที่ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงนะคะ Smiley เหตุผลคือ 1. ไม่ชอบกินยา 2. ไม่ชอบโดนฉีดยาค่ะ แหะ แหะ แหะ

แต่ก็ต้องมีเหตุทำให้ต้องไปหาหมอจนได้ เนื่องจากเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาบีกับพี่ N ตื่นตั้งแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็คุยกันว่าวันนี้จะออกไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านไทยกัน แล้วเราก็ลงมือ search หาข้อมูลร้านที่เราจะไปกันค่ะ Smiley

ปรากฎว่าร้านที่เข้าตากรรมการมีอยู่ 2 ร้าน (จริงๆก็เปิดดูแค่ 2 ร้านนั้นล่ะค่ะ ด้วยความขี้เกียจ) ร้านนึงอยู่นอกเมืองหน่อย อีกร้านอยู่กลางเมืองเลย คิดไปคิดมาบีบอกพี่ N ว่าบีอยากไปร้านที่อยู่กลางเมือง เพราะกินเสร็จแล้วจะได้เดินเล่นดูร้านรวงแถวนั้น

ตกลงใจได้เสร็จ หันมาดูนาฬิกามันก็เพิ่งเก้าโมงครึ่ง ยังมีเวลาเหลือเฟือ บีเลย online คุยกับแม่และหลานอวบตัวแสบ คุยไปได้ครึ่งชั่วโมงคุณหลานเกิดอาการเบื่ออา บอกลาไปนอนกันดื้อๆเลย ฮือออ หลานนะหลาน Smiley

ด้วยความที่เวลายังเหลือบีเลยบอกพี่ N ว่างั้นเราออกไปตกแต่งสวนกันซักหน่อยเหอะ (ประสาคนอยู่ว่างไม่ค่อยได้) ก็เริ่มตั้งแต่เล็มต้นกุหลาบทั้งสามต้นที่อยู่ตรงหน้าต่างห้องนอน มาเรื่อยๆจนถึงจุดเกิดเหตุในรูป ตรงนี้จะเป็นพุ่มต้นไม้ซึ่งมันเริ่มยาวไม่เป็นทรง บีก็ง่วนตัดแต่งอยู่ตรงนั้นโดยมีพี่ N นั่งถอนหญ้าอยู่ไม่ไกล




กำลังเล็มอย่างเพลิดเพลินก็รู้สึกว่าโดนอะไรกัดที่เท้าซ้ายตรงนิ้วโป้ง สํญชาตญาณบอกให้ปัดออกโดยไว ไม่ได้เห็นชัดว่ามันเป็นตัวอะไรแน่ (เข้าใจว่าไม่ใช่มดก็แมงมุม) ความรู้สึกมันเหมือนตอนโดนมดคันไฟกัดเวลาบีไปเก็บผลไม้ที่บ้านสวน เลยเอายาหม่องมาทาแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก


ครั้นพอใกล้เวลาจะออกจากบ้านบีก็แต่งตัว คว้ารองเท้ามาใส่ ตอนใส่รองเท้ารู้สึกว่าข้างซ้ายมันคับกว่าปกติ ก้มลงมองเท้าก็เห็นมันบวม พี่ N ถามว่าบีแพ้หรือเปล่า บีบอกว่า โฮ้ยยย แพ้เพ้ออะไร ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยแพ้ตัวอะไรซักอย่าง (จะมีก็แต่แพ้ใจเธอนั่นแหละ ถึงได้ยอมหอบผ้าหอบผ่อนตามมาอยู่กินที่นี่น่ะ) Smiley อย่าใส่ใจเลยจ้ะ ออกไปกินข้าวกันเหอะเริ่มหิวแล้วล่ะ


จากนั้นเราก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกันเลยค่ะ วันนี้กินที่ร้าน มาดามแหม่ม อยู่ตรงใกล้ๆ university of Texas, Austin เลยค่ะ เจอพนักงานเป็นคนไทยด้วย นิสัยน่ารักเชียว บีเลยแอบเลียบๆเคียงๆถามดูเผื่อจะมีงานให้ทำบ้าง เธอบอกบีว่าแถวๆที่บีอยู่มีร้านที่เป็นสาขาใหญ่ (ห่างจากบ้านไปประมาณ 25 นาที) ให้บีลองไปยื่นใบสมัครดู เค้ารับคนอยู่เรื่อยๆ (ร้านนี้มีสาขาอยู่หลายร้านเหมือนกันค่ะ)


มื้อนั้นพี่ N สั่งบะหมี่เป็ดตุ๋น ส่วนบีสั่งเส้นเล็กต้มยำหมู แล้วก็ปอเปี้ยะสดมาเป็นออเดิร์ฟ ไม่ได้ถ่ายรูปนะคะ ลืมสนิทเพราะหิวจัด แหะๆๆ ปอเปี้ยะอร่อยค่ะ โดยเฉพาะน้ำจิ้มถั่ว อร่อยมาก บะหมี่เป็ดตุ๋นของพี่ N ก็อร่อย แต่ของบีไม่อร่อยเท่าไหร่ เดาว่าเพราะเค้าใส่ปูอัดมาซะเยอะ เลยทำให้น้ำซุปคาวมาก แถมลูกชิ้นก็เหมือนเก่าหน่อยน่ะค่ะ


อิ่มแล้วเราก็เดินดูร้านรวงแถวนั้นซึ่งส่วนมากเป็นร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า แล้วก็สหกรณ์นักศึกษา ขณะกำลังเดินๆพี่ N ก้มลงมองเท้าบีแล้วแกก็ตกใจ เพราะมันบวมกว่าตอนออกจากบ้านเยอะ แถมฟูเต็มรองเท้าขึ้นมาคล้ายๆขนมถ้วยฟูน่ะค่ะ Smiley




จากรูปอาจจะเห็นความบวมไม่ค่อยชัดนะคะ แต่ของจริงนี่บวมปูดขึ้นมาเลย เปรียบเทียบเท้าสองข้างจากในรูปจะเห็นว่าเท้าด้านซ้ายตรงช่วงต่อจากนิ้วเท้าจะไม่เห็นเส้นเลือดหรือกระดูกซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้จะใหญ่กว่าเท้าขวาพอสมควร


พี่ N บอกบีให้ไปหาหมอกัน แต่บีก็เฉไฉไปเรื่อยบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันก็หาย ฉันไม่เคยแพ้อะไรเลยจริงจริ๊งงง พี่ N เลยบอกว่างั้นกลับบ้านกันเหอะ แกไม่อยากให้เดินมาก กลัวมันจะยิ่งบวมเราก็เลยกลับบ้านกันค่ะ (อดเที่ยวต่อเลย เพราะแกทีเดียวอิมดบ้า Smiley)


กลับถึงบ้าน พี่ N บอกให้ไปหาหมออีกเพราะระหว่างทางกลับบ้านบีเอาปากกาวงรอบบริเวณที่บวมไว้ เพื่อดูว่ามันจะขยายวงหรือเปล่า (ต้องทำเพราะทุกครั้งที่ก้มมองเท้า พี่ N จะบอกว่ามันบวมมากขึ้น แต่บีจะเถียงว่า มากขึ้นที่หนายยยย เท่าเดิมแต้ๆ ... แถไปเรื่อยๆ)




รูปอาจจะเห็นไม่ค่อยชัดเช่นเคย แต่ในสภาพการณ์จริง ความบวมมันเลยเส้นที่วงไว้ออกมาประมาณหนึ่งเซ็นติเมตรกว่าๆ แถมนิ้วโป้งก็บวมขึ้นคล้ายจะเป็นแหนมมัด


พี่ N เริ่มประสาทเสียอีก บอกว่านี่มันแพ้ชัดๆแล้วนะ ตั้งแต่สิบโมงจนถึงตอนนี้บ่ายสองมันไม่ยุบเลย มีแต่บวมขึ้นๆ บีก็แถต่ออีก แต่ชั้นไม่เคยแพ้อะไรนะ เอางี้ละกันขออบเค้กกล้วยหอมก่อนได้ป่ะ อบเสร็จแล้วถ้ามันยังบวมค่อยไปหาหมอเนอะ Smiley


ทำเค้กกล้วยหอมกันเล้ยยยย (วันนั้นกล้วยยังไม่ค่อยสุก แต่ยังไงก็ต้องทำให้ได้เพื่อถ่วงเวลา 555 คิดแล้วขำ) รูปนี้ตอนกำลังตีเนยกับน้ำตาล พี่ N ปีนเก้าอี้ขึ้นไปถ่าย (เพื่อ???)



โต๊ะแอบรกนิดนึงนะคะ Smiley


เอากล้วยลงไปผสม ตีต่ำหนึ่งนาที ก่อนเทลงพิมพ์ก็ถ่ายไว้ซะหน่อย


ตอนแรกว่าจะหยอดพิมพ์ cup cake แต่พี่ N ชอบพิมพ์ขนมปังมากกว่า





ส่วนคนนี้ก็เฝ้ารอ ด้วยใจระทึก Smiley




แท๊แน... หลังอบไปเกือบชั่วโมง เค้กกล้วยหอมก็คลอดออกมาดังนี้แล



ไม่ทันได้รอให้เค้กเย็น พี่ N ก็รวบหัวรวบหาง พาออกไปหาหมอค่ะ
แกกลัวว่ามันจะบวมมากขึ้นๆจนบีกลายเป็นอึ่งอ่าง เดี๋ยวแกจะช็อค 555
ไม่ช่ายค่าาาา แกกลัวที่จะต้องไปโรงพยาบาลกลางดึกน่ะ

อีกอย่างตอนนี้บียังใช้ประกันไม่ได้ เพราะยังไม่จดทะเบียนเลยไปคลีนิคใกล้ๆบ้านแทนค่ะ



คลีนิคสวย มีของว่างให้ทานขณะรอ เจ้าหน้าที่พยาบาลเป็นหนุ่มผิวสีมาวัดความดันและถามอาการเบื้องต้น เค้าน่ารักเป็นกันเองมากค่ะ

สักพักคุณหมอก็เข้ามา ท่าทางคุณหมออายุประมาณห้าสิบกว่า แกดูๆ (ย้ำค่ะว่าดูเฉยๆ ไม่แตะต้องเท้าบีด้วยซ้ำว่ามันร้อนนะ หรือตรงที่บวมเนี่ยมันมีน้ำอยู่ข้างในหรือเปล่า คือตอนบีกดๆดูมันจะหยุ่นๆเหมือนเรากดลูกโป่งค่ะ)

หมอดูสามนาที บอกว่าบี "อาจจะ" ติดเชื้อ แล้วก็มีอาการแพ้ หมอจะสั่งยาให้

เท่านั้นค่ะ เสร็จสิ้นการตรวจ พร้อมจ่ายเงินไป 135 เหรียญ ด้วยความไม่ประทับใจหมอเท่าไหร่

จากนั้นก็ไปรับยาที่ซุปเปอร์ข้างๆ



เป็นยาแก้แพ้ กับยาฆ่าแบคทีเรียค่ะ ซึ่งยาแก้แพ้นี้กินแล้วง่วงนอนสุดๆ Smiley

วันนี้เท้าดีขึ้นมากแล้ว หายบวมเกือบเป็นปกติแล้วค่ะ


ขอส่งท้าย blog ด้วยกล่องข้าวที่ทำให้พี่ N ไปทานเมื่อเช้านี้ เป็นข้าวเนื้ออบแล้วเอาผักมาแต่งขำๆ พร้อม note ซึ้งๆ (หรือเปล่า) เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน 1 เดือนค่ะ Smiley



ขอบคุณที่มาเยี่ยม blog นะคะ




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2555    
Last Update : 17 มกราคม 2557 10:29:44 น.
Counter : 7580 Pageviews.  

แหวน แหวน วงไหนดีล่ะเนี่ย

เพื่อนๆคะ วันนี้บีออกไปทำธุระ 108 1009 มาค่ะ ทั้งหมดทั้งมวลวันนี้ล้วนเกี่ยวกับงานแต่งงานทั้งสิ้น เตรียมงานคนเดียวนี่มันเหนื่อยแท้น้อออ 555 ดีนะที่ยังมีเพื่อน มี planner คอยช่วยบ้างไม่งั้นสลบแน่ๆค่ะ


ออกไปแล้วนึกได้ว่ามีแต่แหวนหมั้น แต่ยังไม่ได้ไปดูแหวนแต่งงานนี่นา Smiley เลยตัดสินใจไปดูมันซะวันนี้เลยค่ะ

แหวนแต่งงานนี่ไม่เหมือนแหวนหมั้น เพราะแหวนหมั้นบีมีแบบที่ชอบชัดเจน เลยตัดสินใจได้ไม่ยาก สั่งทำได้เลย แต่แหวนแต่งงานเนี่ย อืมม แบบทำเป็นแหวนคู่ไงคะ ทีนี้ก็ยากละ เพราะไม่ได้ใส่คนเดียว Smiley

วันนี้เลยเอามาให้เพื่อนๆช่วยดูกันเล่นๆค่ะว่า จะเลือกแบบไหนดีน้ออออ 

ตอนแรกกะเอาแบบเรียบๆให้เหมือนกับแหวนผู้ชาย แต่พอไปดูที่ร้าน เอ้อออ แหวนของผุ้หญิงแบบที่มีเพชรบ้างก็สวยดีแฮะ ราคาสองวงรวมกันจากที่ดูในร้านนี้ก็เป็นราคาที่รับได้

ใครชอบวงไหนบ้าง เลือกกันเล่นๆหน่อยนะคะ ไว้บีคุยกับพี่ N แล้วจะมาบอกว่าตกลงแล้วเราสองคนชอบแบบไหนค่ะ

แบบที่ 1


แบบที่ 2



แบบที่ 3



แบบที่ 4


แบบเรียบๆบ้าง

เรียบๆ 1

เรียบๆ 2


ใครชอบแบบไหน แอบเชียร์กันหน่อยนะคะ Smiley





 

Create Date : 26 เมษายน 2555    
Last Update : 26 เมษายน 2555 8:17:28 น.
Counter : 1244 Pageviews.  

ได้วีซ่าแล้วค่าา



หลังจากที่หายหน้าหายตาไปนานพักใหญ่ วันนี้ขอมารายงานตัวพร้อม update ข่าวคาว อุ๊ยยย มั่วๆๆ ข่าวคราวให้เพื่อนๆได้รับรู้ (ไม่แน่ใจว่าอยากรู้กันหรือเปล่า 555) แต่ก็ขอซักหน่อยนะคะ

อย่างที่ทุกคนพอรู้กันบ้างแล้วว่าช่วงก่อนนี้บีจะยุ่งๆกับเรื่องวีซ่าคู่หมั้นที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ตุลาคม 2554 นะคะ นับสิริรวม 154 วันตั้งแต่เริ่มยื่นเรื่องจนถึงวันที่ได้รับวีซ่าค่ะ แท๊แน..... สิ้นสุดการรอคอยซักที 

ในที่สุดบีก็ได้วีซ่ามาครอบครองแล้วนะคะทุกท่าน





ถือว่าเป็นโชคดีอย่างยิ่งค่ะ เนื่องจากว่าพี่ N มี Business trip ที่ไต้หวัน พี่ N เลยมอบของขวัญวันเกิดล่วงหน้าให้บีเป็นทริปไต้หวันค่ะ (เอ.. มันของขวัญให้บีหรือให้ตัวเองฟระเนี่ย) Smiley โชคดีที่เค้านัดสัมภาษณ์หลังจากวันที่บีกลับจากไต้หวันพอดิบพอดีเป๊ะๆๆ


พี่ N อยากให้บีไปพร้อมแม่ค่ะจะได้พาแม่เที่ยวด้วยกัน แต่เสียดายที่สุดท้ายแม่ไม่ได้ไปเพราะพอเช็คอากาศช่วงใกล้เดินทางมันเย็นแล้วแม่แพ้อากาศเย็นค่อนข้างมาก บีเลยต้องบินเดี่ยวพร้อมกับคำสั่งสอนของแม่อีกสองกระบุงก่อนออกเดินทาง


ไว้ค่อยมาเล่าเรื่องทริปให้ฟังวันหลังนะคะ (แปะไว้ตลอดๆ ไม่เคยเห็นมาต่อซักทีใช่มะ รู้นะว่าคนอ่านคิดอะไรอยู่ เพราะดิชั้นดอง blog อุบลภาคสองไว้เป็นเดือนแล้ว 555) Smiley

กลับจากไต้หวันวันที่ 26 มีนา 55 วันรุ่งขึ้นก็ต้องไปสัมภาษณ์แต่เช้าตรู่เลยค่ะ

บีตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว หอบเอกสารที่หนักประมาณ 2 กิโลออกจากบ้าน ซักประมาณ 6.10 ก็ถึงสถานฑูตค่ะ โอ้โห นี่เราว่าเรามาเช้าแล้วแต่มีคนมาเช้ากว่าเราเกือบๆ 30 คนแน่ะ SmileySmiley


ยืนรอในแถวซักพักพวกที่ทำวีซ่าถาวร (เช่นเรา) และพระสงฆ์ก็จะได้รับสิทธิ์พิเศษถูกอัญเชิญเข้าไปก่อนค่ะ วันนั้นมีคนไปสัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั้นประมาณ 6-7 คน

ขั้นแรกก็ยื่นเอกสารตัวจริงที่ยังไม่ได้ส่งให้สถานฑูต จากนั้นก็ให้นั่งรอเรียก สังเกตุว่าหลายๆท่านรู้จักกันจาก webboard ยอดนิยมในการทำวีซ่ามาก่อนก็จะนั่งจับกลุ่มคุยกันเพื่อลดความตื่นเต้น เราไม่รู้จักใครเลยนั่งคนเดียว แต่สักพักก็มีน้องคนนึงมานั่งคุยด้วย

น้องตื่นเต้นมากกก ถึงมากที่สุดเล่นเอาเราที่ไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยก็เริ่มจะตื่นเต้นไปด้วยจนแอบภาวนาให้ท่านกงศุลเรียกเรา (หรือน้องคนนั้น) ให้รู้แล้วรู้รอดไป Smiley เราสองคนจะได้เลิกหายใจไม่ทั่วท้องกันซักที


ซักพักน้องที่นั่งข้างๆก็ถูกเรียกไปค่ะ บีเห็นสัมภาษณ์อยู่ไม่นานก็เสร็จ จากนั้นก็เป็นคราวเชือดของเรา (แอบดีใจ อยากกลับบ้านไปนอนซักทีแต่ก็อดตื่นเต้นเล็กๆไม่ได้) Smiley


ท่านกงศุลดูรูปแสดงความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว แล้วก็ถามบีอยู่ประมาณ 9 คำถาม เป็นคำถามพื้นๆไม่ยากค่ะมีคำถามชวนตื่นเต้นเกี่ยวกับการขอวีซ่าท่องเที่ยวเมื่อสองปีก่อน แต่สุดท้ายก็เรียบร้อยดี ท่านกงศุลบอกบีว่าเค้าจะ cancel วีซ่าท่องเที่ยวของบีแล้วเดี๋ยวอีกสองวันให้มารับวีซ่าได้ ฮูร่าาา Smiley


แต่เอ๊ะ รับวันไหนนะคะ ท่านบอกว่าวันที่ 29 โอ้วว นั่นวันเกิดอิชั้นนี่คะ ฮะ ฮะ ฮ่าาาาา นี่ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดสุดเริ่ดของปีนี้เลยนะคะ คราวนี้ท่านก็เลยเงยหน้า (ที่เคร่งๆเครียดๆ) ขึ้นมายิ้มนินุงแล้วบอกว่างั้น Happy Birthday นะครับ


เสร็จเรื่องแล้วออกมารับโทรศัพท์คืน แล้วรีบส่ง SMS ไปหาพี่ N ที่กำลังประชุมกับลูกค้าเพราะแกย้ำนักย้ำหนาว่าเสร็จแล้วให้น้องจงส่งข่าวถึงพี่โดยด่วน หาไม่แล้วพี่จะมีอาการมวนท้อง ถึงขั้นลมปราณแตกซ่านได้ เอาล่ะอย่าต้องถึงให้มีอาการเช่นนั้นเลยนะที่รัก เราก็รีบส่งข้อความไปแจ้งข่าว ส่งปุ๊บพี่ N รีบส่ง SMS กลับแสดงความดีใจอย่างแรง Yippie... Yippa อะไรของแกไม่รุ Smiley


มาคุยกันอีกทีตอนเย็นถึงรู้ว่านายใหญ่ที่ไปประชุมกับพี่ N ที่นู่น (บีได้เจอและร่วมโต๊ะกินข้าวเช้าวันสุดท้ายก่อนบินกลับ เป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักและคุยสนุกมากมาย) พอรู้ว่าบีสัมภาษณ์ผ่านเรียบร้อยแล้วแกก็ทำ High 5 กันในห้องประชุมนั่นแหละค่ะ Smiley



หลังจากนี้บีก็ต้องลุยงานเลี้ยงฉลองที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ แล้วก็เตรียมตัวเตรียมใจจากบ้านแสนรัก จากครอบครัวที่แสนอบอุ่น จากน้องอวบที่รักปานจะกลืน โอวว คิดแล้วมันเศร้านะคะเนี่ย


ยังไงก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่แวะมาให้กำลังใจเสมอๆตั้งแต่วันแรกที่ยื่นเรื่องจนถึงวันนี้นะคะ Smiley







 

Create Date : 30 มีนาคม 2555    
Last Update : 30 มีนาคม 2555 13:41:42 น.
Counter : 993 Pageviews.  

Surprise..... Surprise (หรือเปล่า?)





14 กุมภาพันธ์ 2555 ซักเวลาประมาณ 8 โมงเช้า มีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เรา ตอนนั้นก็งัวเงียๆ มารับ (ยังตื่นไม่สนิทดี ใครเนี่ยย จะโทรมาทำไมแต่เช้า ห๊าา)

พอรับสายก็ได้ยินเสียงปลายสายรื่นเริ๊งงง รื่นเริง มากกก บอกว่า Happy Valentine's baby (น่าจะเป็นประโยคนี้นะ บอกแล้วไงว่ายังงัวเงียอยู่)

พี่ N ค่ะ โทรหาดิชั้นแต่เช้า (ทางฝั่งพี่ N ก็เป็นเวลาประมาณ หนึ่งทุ่ม) โทรมาอวยพรวันวาเลนไทน์น่ะ บอกว่าเค้าแกะของขวัญเราแล้วนะ ชอบมากกก ขอบคุณมาก บลาๆๆๆ คุยต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง ละบอกว่าวันนี้ให้หมั่นดูที่รั้วบ้านนะอาจมีอะไรมาส่ง (อ่ะนะ ตกลงว่าจะเซอร์ไพรส์เค้าป่ะเนี่ยยย)

เมื่อวันที่ 8 กุมภาเราได้รับการ์ดใบนี้จากพี่ N ปีนี้พี่แกรีบส่ง เพราะปีที่แล้วมันมาล่าช้ามากมาย ช้าไปเดือนนึงน่ะ ปีนี้แกกลัวพลาดอีกเลยต้องรีบน่ะค่ะ





สีซองถูกใจมากค่ะ เพราะเราโปรดสีม่วงมากกกก พี่ N บอกว่าแอบไปเปลี่ยนซองกับการ์ดใบอื่นด้วย เพราะการ์ดใบที่แกชอบซองมันเป็นสีอื่น (อันนี้แกต้องรีบรายงาน จะได้รับคะแนนความดีความชอบ )

ข้างในแดงจริง แดงจัง การ์ดอะไรนี่ สุดยอดของความคลาสสิค 555 ขออุบไว้นะคะว่าข้างในเขียนว่าอะไร บอกได้แค่ว่าอ่านแล้วซึ้ง บีรอเปิดอ่านหลังเที่ยงคืนวันที่ 13 อ่านเสร็จก็นอนเลยค่ะ ง่วงงงง 555





ขอบอกนิดนึงว่า พี่ N เป็นคนเก็บความลับไม่เคยได้ค่ะ ตอนคุยกันเมื่อวันเสาร์ที่ 11 กุมภา แกถามบีว่าวันอังคารจะไปไหนหรือเปล่า (นี่ก็กันพลาด เพราะปีที่แล้วบีดันย้าย office วันวาเลนไทน์พอดี พี่ N หูตาเหลือก ต้องรีบโทรแจ้งเปลี่ยนที่ส่งของ สุดท้ายบีได้ดอกไม้ตอนเกือบเลิกงาน ฮ่าๆๆ) พี่ N พูดงั้นปุ๊บ บีก็รู้เลยว่าต้องมีอะไรส่งมาแน่ๆ

คุยกับพี่ N เสร็จ สักพักก็มีคนมาส่งของค่ะ เป็นแท็กซี่สีชมพูแปร๊ดดดด แหม เข้ากับวันนี้เลยจริงๆ ปีนี้พี่ N ส่งเจ้านี่มาค่ะ





เป็นกุหลาบแดง 18 ดอก อืมมม ลืมถามอ่ะ ว่าทำไมต้อง 18 จะว่าเป็นอายุเราก็ไม่เชิง อายุพี่ N ก็ไม่ช่ายยยยย

ปีก่อนบีได้กุหลาบแดงเหมือนกัน ได้พร้อมตุ๊กตาน้องหมาตัวเล็กๆน่ารักมากกก แต่โดนน้องอวบยึดไปนอนกอดทุกคืนแล้วค่ะ

ปีนี้พี่ N เลยส่งเจ้าหมีขาวตัวนี้มา วันนี้พอน้องอวบกลับจากโรงเรียนเราคงต้องตั้งชื่อ แล้วรอลุ้นว่าอาบีจะโดนจกของอีกหรือเปล่า

อันนี้คนได้รับดี๊ด๊า รีบตื่นในทันใด วิ่งมาถ่ายคู่ของที่ได้ก่อน





หมีขาวๆ กะการ์ดแดงๆ





หมีขาวๆ กะกุหลาบแดงๆ





ทุกสิ่งอย่างรวมกัน





อันนี้เป็นการ์ดของบี ที่ทำกะมือ ส่งให้พี่ N ค่ะ





ซื้อการ์ดแบบ DIY มาทำค่ะ ตอนซื้อไม่คิดว่ามันต้องลงแรงมากขนาดนี้ ทั้งตัด ปะ เย็บ 555 ใช้เวลาเกือบวันกว่าจะเสร็จ

การ์ดนี้มีที่มาที่ไปนะคะ (แน่ล่ะ มาจากกรุงเทพแล้วส่งไปเท็กซัสไงยะ) ม่ายช่ายยยย แต่มันเป็นแบบเน้

1. ตอนรู้จักกันใหม่ๆ บีมีเรื่องให้ต้องท้อใจอย่างแรง พี่ N เลยส่งเพลง Three little birds ของ Bob Marley มาปลอบใจบี แต่การ์ดนี้บีขอแค่ Two little birds พอนะคะ 555 จากนั้นพี่ N ก็จะชอบพูดว่าเราสองคนเป็น Two happy little birds

2. พี่ N ชอบสีฟ้า

3. พี่ N ตาสีฟ้า

บีให้ของขวัญพี่ N เป็นเข็มขัดสีน้ำตาลของ Dapper ค่ะ ใส่ได้ทั้งกับยีนส์และกางเกงทำงาน ไม่ทันได้ถ่ายรูปไว้ เพราะรีบห่อแล้วรีบส่งไป ลืมๆๆๆ

ปิดท้ายด้วยรูปของ Snowy (หมีขาวที่ได้รับปีนี้ น้องอวบบอกว่าตัวขาวยังกะหิมะเลยตั้งชื่อว่า Snowy ค่ะ) คู่กับ Tiny (น้องหมาที่ได้รับเมื่อปีที่แล้้ว ตัวมันเล็กๆเราเลยเรียกว่า Tiny กัน) ขอให้ทุกคนที่เข้ามาชม blog มีความสุขมากๆนะคะ





ท้ายสุดขอขอบคุณพี่ N ที่เข้ามาแอบดู blog บีบ่อยๆแต่ไม่กล้าเมนต์ไว้ที่ตรงนี้ด้วยค่ะ

Dear P' N ka... Thank you so much for everything you do for me since the first day up to now (including when you are Guan Teen to me). I appreciate your love, your care and your understanding mak mak ka... love love

BBB




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2555 13:54:54 น.
Counter : 1254 Pageviews.  

1  2  3  4  

Born to Bee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add Born to Bee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.