ต้องไปหาหมอจนได้
เมื่อสามวันก่อนมีเหตุจำเป็นทำให้ต้องไปหาหมอค่ะ ซึ่งหมอกับบีเนี่ยเป็นอะไรที่ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงนะคะ เหตุผลคือ 1. ไม่ชอบกินยา 2. ไม่ชอบโดนฉีดยาค่ะ แหะ แหะ แหะ แต่ก็ต้องมีเหตุทำให้ต้องไปหาหมอจนได้ เนื่องจากเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาบีกับพี่ N ตื่นตั้งแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็คุยกันว่าวันนี้จะออกไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านไทยกัน แล้วเราก็ลงมือ search หาข้อมูลร้านที่เราจะไปกันค่ะ ปรากฎว่าร้านที่เข้าตากรรมการมีอยู่ 2 ร้าน (จริงๆก็เปิดดูแค่ 2 ร้านนั้นล่ะค่ะ ด้วยความขี้เกียจ) ร้านนึงอยู่นอกเมืองหน่อย อีกร้านอยู่กลางเมืองเลย คิดไปคิดมาบีบอกพี่ N ว่าบีอยากไปร้านที่อยู่กลางเมือง เพราะกินเสร็จแล้วจะได้เดินเล่นดูร้านรวงแถวนั้น ตกลงใจได้เสร็จ หันมาดูนาฬิกามันก็เพิ่งเก้าโมงครึ่ง ยังมีเวลาเหลือเฟือ บีเลย online คุยกับแม่และหลานอวบตัวแสบ คุยไปได้ครึ่งชั่วโมงคุณหลานเกิดอาการเบื่ออา บอกลาไปนอนกันดื้อๆเลย ฮือออ หลานนะหลาน ด้วยความที่เวลายังเหลือบีเลยบอกพี่ N ว่างั้นเราออกไปตกแต่งสวนกันซักหน่อยเหอะ (ประสาคนอยู่ว่างไม่ค่อยได้) ก็เริ่มตั้งแต่เล็มต้นกุหลาบทั้งสามต้นที่อยู่ตรงหน้าต่างห้องนอน มาเรื่อยๆจนถึงจุดเกิดเหตุในรูป ตรงนี้จะเป็นพุ่มต้นไม้ซึ่งมันเริ่มยาวไม่เป็นทรง บีก็ง่วนตัดแต่งอยู่ตรงนั้นโดยมีพี่ N นั่งถอนหญ้าอยู่ไม่ไกล
กำลังเล็มอย่างเพลิดเพลินก็รู้สึกว่าโดนอะไรกัดที่เท้าซ้ายตรงนิ้วโป้ง สํญชาตญาณบอกให้ปัดออกโดยไว ไม่ได้เห็นชัดว่ามันเป็นตัวอะไรแน่ (เข้าใจว่าไม่ใช่มดก็แมงมุม) ความรู้สึกมันเหมือนตอนโดนมดคันไฟกัดเวลาบีไปเก็บผลไม้ที่บ้านสวน เลยเอายาหม่องมาทาแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก
ครั้นพอใกล้เวลาจะออกจากบ้านบีก็แต่งตัว คว้ารองเท้ามาใส่ ตอนใส่รองเท้ารู้สึกว่าข้างซ้ายมันคับกว่าปกติ ก้มลงมองเท้าก็เห็นมันบวม พี่ N ถามว่าบีแพ้หรือเปล่า บีบอกว่า โฮ้ยยย แพ้เพ้ออะไร ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยแพ้ตัวอะไรซักอย่าง (จะมีก็แต่แพ้ใจเธอนั่นแหละ ถึงได้ยอมหอบผ้าหอบผ่อนตามมาอยู่กินที่นี่น่ะ) อย่าใส่ใจเลยจ้ะ ออกไปกินข้าวกันเหอะเริ่มหิวแล้วล่ะ
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกันเลยค่ะ วันนี้กินที่ร้าน มาดามแหม่ม อยู่ตรงใกล้ๆ university of Texas, Austin เลยค่ะ เจอพนักงานเป็นคนไทยด้วย นิสัยน่ารักเชียว บีเลยแอบเลียบๆเคียงๆถามดูเผื่อจะมีงานให้ทำบ้าง เธอบอกบีว่าแถวๆที่บีอยู่มีร้านที่เป็นสาขาใหญ่ (ห่างจากบ้านไปประมาณ 25 นาที) ให้บีลองไปยื่นใบสมัครดู เค้ารับคนอยู่เรื่อยๆ (ร้านนี้มีสาขาอยู่หลายร้านเหมือนกันค่ะ)
มื้อนั้นพี่ N สั่งบะหมี่เป็ดตุ๋น ส่วนบีสั่งเส้นเล็กต้มยำหมู แล้วก็ปอเปี้ยะสดมาเป็นออเดิร์ฟ ไม่ได้ถ่ายรูปนะคะ ลืมสนิทเพราะหิวจัด แหะๆๆ ปอเปี้ยะอร่อยค่ะ โดยเฉพาะน้ำจิ้มถั่ว อร่อยมาก บะหมี่เป็ดตุ๋นของพี่ N ก็อร่อย แต่ของบีไม่อร่อยเท่าไหร่ เดาว่าเพราะเค้าใส่ปูอัดมาซะเยอะ เลยทำให้น้ำซุปคาวมาก แถมลูกชิ้นก็เหมือนเก่าหน่อยน่ะค่ะ
อิ่มแล้วเราก็เดินดูร้านรวงแถวนั้นซึ่งส่วนมากเป็นร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า แล้วก็สหกรณ์นักศึกษา ขณะกำลังเดินๆพี่ N ก้มลงมองเท้าบีแล้วแกก็ตกใจ เพราะมันบวมกว่าตอนออกจากบ้านเยอะ แถมฟูเต็มรองเท้าขึ้นมาคล้ายๆขนมถ้วยฟูน่ะค่ะ
จากรูปอาจจะเห็นความบวมไม่ค่อยชัดนะคะ แต่ของจริงนี่บวมปูดขึ้นมาเลย เปรียบเทียบเท้าสองข้างจากในรูปจะเห็นว่าเท้าด้านซ้ายตรงช่วงต่อจากนิ้วเท้าจะไม่เห็นเส้นเลือดหรือกระดูกซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้จะใหญ่กว่าเท้าขวาพอสมควร
พี่ N บอกบีให้ไปหาหมอกัน แต่บีก็เฉไฉไปเรื่อยบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันก็หาย ฉันไม่เคยแพ้อะไรเลยจริงจริ๊งงง พี่ N เลยบอกว่างั้นกลับบ้านกันเหอะ แกไม่อยากให้เดินมาก กลัวมันจะยิ่งบวมเราก็เลยกลับบ้านกันค่ะ (อดเที่ยวต่อเลย เพราะแกทีเดียวอิมดบ้า )
กลับถึงบ้าน พี่ N บอกให้ไปหาหมออีกเพราะระหว่างทางกลับบ้านบีเอาปากกาวงรอบบริเวณที่บวมไว้ เพื่อดูว่ามันจะขยายวงหรือเปล่า (ต้องทำเพราะทุกครั้งที่ก้มมองเท้า พี่ N จะบอกว่ามันบวมมากขึ้น แต่บีจะเถียงว่า มากขึ้นที่หนายยยย เท่าเดิมแต้ๆ ... แถไปเรื่อยๆ)
รูปอาจจะเห็นไม่ค่อยชัดเช่นเคย แต่ในสภาพการณ์จริง ความบวมมันเลยเส้นที่วงไว้ออกมาประมาณหนึ่งเซ็นติเมตรกว่าๆ แถมนิ้วโป้งก็บวมขึ้นคล้ายจะเป็นแหนมมัด
พี่ N เริ่มประสาทเสียอีก บอกว่านี่มันแพ้ชัดๆแล้วนะ ตั้งแต่สิบโมงจนถึงตอนนี้บ่ายสองมันไม่ยุบเลย มีแต่บวมขึ้นๆ บีก็แถต่ออีก แต่ชั้นไม่เคยแพ้อะไรนะ เอางี้ละกันขออบเค้กกล้วยหอมก่อนได้ป่ะ อบเสร็จแล้วถ้ามันยังบวมค่อยไปหาหมอเนอะ
ทำเค้กกล้วยหอมกันเล้ยยยย (วันนั้นกล้วยยังไม่ค่อยสุก แต่ยังไงก็ต้องทำให้ได้เพื่อถ่วงเวลา 555 คิดแล้วขำ) รูปนี้ตอนกำลังตีเนยกับน้ำตาล พี่ N ปีนเก้าอี้ขึ้นไปถ่าย (เพื่อ???)
โต๊ะแอบรกนิดนึงนะคะ
เอากล้วยลงไปผสม ตีต่ำหนึ่งนาที ก่อนเทลงพิมพ์ก็ถ่ายไว้ซะหน่อย
ตอนแรกว่าจะหยอดพิมพ์ cup cake แต่พี่ N ชอบพิมพ์ขนมปังมากกว่า
ส่วนคนนี้ก็เฝ้ารอ ด้วยใจระทึก แท๊แน... หลังอบไปเกือบชั่วโมง เค้กกล้วยหอมก็คลอดออกมาดังนี้แล ไม่ทันได้รอให้เค้กเย็น พี่ N ก็รวบหัวรวบหาง พาออกไปหาหมอค่ะ แกกลัวว่ามันจะบวมมากขึ้นๆจนบีกลายเป็นอึ่งอ่าง เดี๋ยวแกจะช็อค 555 ไม่ช่ายค่าาาา แกกลัวที่จะต้องไปโรงพยาบาลกลางดึกน่ะ อีกอย่างตอนนี้บียังใช้ประกันไม่ได้ เพราะยังไม่จดทะเบียนเลยไปคลีนิคใกล้ๆบ้านแทนค่ะ คลีนิคสวย มีของว่างให้ทานขณะรอ เจ้าหน้าที่พยาบาลเป็นหนุ่มผิวสีมาวัดความดันและถามอาการเบื้องต้น เค้าน่ารักเป็นกันเองมากค่ะ สักพักคุณหมอก็เข้ามา ท่าทางคุณหมออายุประมาณห้าสิบกว่า แกดูๆ (ย้ำค่ะว่าดูเฉยๆ ไม่แตะต้องเท้าบีด้วยซ้ำว่ามันร้อนนะ หรือตรงที่บวมเนี่ยมันมีน้ำอยู่ข้างในหรือเปล่า คือตอนบีกดๆดูมันจะหยุ่นๆเหมือนเรากดลูกโป่งค่ะ) หมอดูสามนาที บอกว่าบี "อาจจะ" ติดเชื้อ แล้วก็มีอาการแพ้ หมอจะสั่งยาให้ เท่านั้นค่ะ เสร็จสิ้นการตรวจ พร้อมจ่ายเงินไป 135 เหรียญ ด้วยความไม่ประทับใจหมอเท่าไหร่ จากนั้นก็ไปรับยาที่ซุปเปอร์ข้างๆ เป็นยาแก้แพ้ กับยาฆ่าแบคทีเรียค่ะ ซึ่งยาแก้แพ้นี้กินแล้วง่วงนอนสุดๆ วันนี้เท้าดีขึ้นมากแล้ว หายบวมเกือบเป็นปกติแล้วค่ะ ขอส่งท้าย blog ด้วยกล่องข้าวที่ทำให้พี่ N ไปทานเมื่อเช้านี้ เป็นข้าวเนื้ออบแล้วเอาผักมาแต่งขำๆ พร้อม note ซึ้งๆ (หรือเปล่า) เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน 1 เดือนค่ะ ขอบคุณที่มาเยี่ยม blog นะคะ
Create Date : 14 สิงหาคม 2555 | | |
Last Update : 17 มกราคม 2557 10:29:44 น. |
Counter : 7580 Pageviews. |
| |
|
|
|