Welcome to my blog
5 วัน 4 คืน เชียงใหม่+ลำพูน เสน่ห์ปลายฝนบนดินแดนล้านนา (ตอนที่ 4: เมืองเก่าลำพูน)


สถานที่ท่องเที่ยว : วัดพระธาตุหริภุญชััย, ลำพูน Thailand
พิกัด GPS : 18° 34' 41.77" N 99° 0' 28.37" E


ถ้าพูดถึงการเดินทางไปเที่ยวยังภาคเหนือของไทย จังหวัดลำพูน อาจจะไม่ใช่จังหวัดยอดนิยมเหมือนกับจังหวัดท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างเชียงใหม่ เชียงราย หรือน่าน อย่างไรก็ตาม ลำพูนก็ยังมีเสน่ห์และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ในรีวิวบล็อกนี้ผมเลยจะพาทุกคนมาเที่ยวที่จังหวัดเล็กๆแห่งนี้กันครับ

วันที่สี่

ลำพูน เป็นจังหวัดหนึ่งในแถบภาคเหนือของไทยและถือเป็นจังหวัดในภาคเหนือที่มีขนาดเล็กที่สุด โดยตัวอำเภอเมืองลำพูนอยู่ห่างจากเขตเทศบาลนครเชียงใหม่เพียง 30-40 กิโลเมตร เราจึงสามารถนอนค้างที่เชียงใหม่ แล้วไปเที่ยวที่ลำพูนแบบ one day trip ได้ครับ

ในอดีตนั้น พื้นที่ของลำพูนเป็นที่ตั้งของ อาณาจักรหริภุญชัย (สีเขียวในแผนที่ด้านล่าง) ที่ถูกก่อตั้งโดยพระนางจามเทวี และปัจจุบันร่องรอยทางประวัติศาสตร์จากยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นวัด กำแพงเมือง วัฒนธรรมต่างๆ ไปจนถึงโบราณสถานและโบราณวัตถุต่างๆยังคงมีให้เห็นในปัจจุบัน ซึ่งในบล็อกนี้ผมจะพาทุกคนไปชมสถานที่เหล่านี้กัน

 

 
สำหรับการเดินทางจากเชียงใหม่ไปยังลำพูนมี 2 วิธีด้วยกันคือ
  1. รถสองแถว ใช้เวลาเดินทางยาวๆประมาณ 1 ชั่วโมง ค่ารถอยู่ที่ 25 บาทครับ
  2. รถตู้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ค่ารถ 35 บาท (ทริปนี้ผมเดินทางด้วยวิธีนี้)
ทั้งรถสองแถวและรถตู้สามารถไปรอขึ้นที่ท่ารถตรงตลาดวโรรส (กาดหลวง) ตรงแถวๆริมแม่น้ำปิง
 

รถตู้จะพาเรามาส่งตรงข้ามกับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญชัย จากจุดนี้เราก็สามารถเดินลงเที่ยวตัวเมืองลำพูนได้เลย
 

ในเมื่อมาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ทั้งทีก็ขอเยี่ยมชมซะหน่อย  ที่นี่จะมีค่าเข้าชม 20 บาทสำหรับคนไทย ด้านในจะจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรหริภุญชัยครับ
 

สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์นี้คือ แม้ว่าที่นี่จะเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ แต่เจ้าหน้าที่ที่นี่บริการดีมาก ให้ความรู้และอธิบาย ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับอาณาจักรหริภุญชัย และจังหวัดลำพูนได้เป็นอย่างดี
 






 
ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ เราจะเจอกับ วัดพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่โบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.1651 โดยพระเจ้าอาทิตยราชแห่งอาณาจักรหริภุญชัย เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุที่นำมาจากพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า

สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้คือ พระธาตุหริภุญชัย ซึ่งเป็นเจดีย์องค์สีทองในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบล้านนา และพระธาตุนี้เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีระกาอีกด้วย

 



ช่วงที่ผมไป เป็นช่วงที่มีการจัด งานเทศกาลโคมแสนดวง ซึ่งปกติจะจัดประมาณช่วงกลางเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนครับ
 

 

 
บริเวณด้านหน้า วัดพระธาตุหริภุญชัย จะถูกประดับด้วยประติมากรรมปูนปั้น ส่วนสิงห์หน้าวัด ที่มีความสวยงามสีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
 

 
ใกล้ๆ ประตูทางเข้า ก็จะเป็น วิหารหลวง ซึ่งเป็นวิหารสีทองหลังใหญ่ ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ล้านนา ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ พระมหามุนีศรีหริภุญชัย
 

หอไตร อาคารไม้สไตล์ล้านนาที่ใช้เก็บรักษาพระไตรปิฎก
 

 
ใกล้ๆกับวัดพระธาตุหริภุญชัย ข้ามถนนมา แล้วเดิน สะพานขัวมุงท่าสิงห์ (ที่ขายของที่ระลึกและสินค้าโอท็อปของลำพูน) ตรงมาอีกเล็กน้อย ทางซ้ายมือ จะเจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังของจังหวัดลำพูน
 

 
ร้านนี้มีเมนูเด็ดอยู่ที่ ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย (50-60 บาท) และความพิเศษก็คือ น้ำซุปที่ใช้ลำไยอบแห้งมาตุ๋นกับหมูพร้อมด้วยเครื่องตุ๋นยาจีนซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของร้าน ใช้เวลาเคี่ยวนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงได้น้ำซุปที่หวานหอมจากลำไยอบแห้ง บวกกับความหอมของเครื่องยาจีน ส่วนเนื้อหมูก็ตุ๋นจนเปื่อยนุ่มได้ที่ ตักใส่ชามมาพร้อมกับเนื้อลำไย
 

 
ในช่วงบ่าย เรามานั่งรถรางชมเมืองลำพูนครับ โดยรถรางจะมีให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) วันละ 2 รอบ คือ
  • เช้า: 9.30 - 12.00 น.
  • บ่าย: 13.30 – 16.30 น. (ทริปนี้ผมเลือกรอบบ่าย)
ค่าโดยสารรถรางจะอยู่ที่คนละ 50 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และ 20 บาทสำหรับเด็กครับ (แนะนำให้เดินมาซื้อตั๋วตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะเต็มเร็วมาก อาจจะมาซื้อตั๋วก่อนตอนเช้า แล้วค่อยไปเที่ยววัดพระธาตุหริภุญชัย และพิพิธภัณฑ์แบบเราก็ได้) โดยจุดขึ้นรถรางจะอยู่ตรงข้ามวัดพระธาตุหริภุญชัย


จุดแรกที่รถรางพาเราไปชมคือ อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ซึ่งเป็นปฐมกษัตรย์แห่งอาณาจักรหริภุญชัย
 

 
ถัดมาเป็น พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมือง ที่แต่เดิมเป็นคุ้มของ เจ้าราชสัมพันธวงษ์ สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2455 อาคารเป็นแบบทรงล้านนาปั้นหยา
 



 
ปัจจุบันคุ้มนี้ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ประเพณี และวิถีชีวิตของชาวลำพูนในอดีต
 


 

 
จากพิพิธภัณฑ์เรานั่งรถรางต่อมายาวๆมาที่ วัดจามเทวี ที่เป็นวัดเก่าแก่โบราณสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.1298 ภายในวัดมี สุวรรณจังโกฏิเจดีย์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า กู่กุด เพราะยอดเจดีย์ได้หักลงไป ภายในเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี
 




นอกจากนี้ภายในวัดยังมีกู่บรรจุอัฐิของครูบาศรีวิชัยอีกด้วย
 



 
สมัยที่ลำพูนยังเป็นอาณาจักรหริภุญชัย ว่ากันว่าจะมีวัดสำคัญซึ่งเป็นอารามหลวงอยู่ 4 มุมเมือง หนึ่งในนั้นก็คือ วัดมหาวัน ครับ
 

 
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ สร้างตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีครองราชย์ ภายในวัดมี พระพุทธสิกขีปฏิมากร หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า พระรอดหลวง หรือ แม่พระรอด และเป็นที่มาของ พระรอด หนึ่งในพระเครื่องเบญจภาคี
 

 
นอกจากวัดมหาวันแล้ว อีกหนึ่งในวัดสี่มุมเมืองสมัยหริภุญชัยก็คือ วัดพระคงฤาษี หรือ วัดอาพัทธาราม
 

ตามตำนานกล่าวไว้ว่าบริเวณที่สร้างวัดพระคงฤาษีเป็นสถานที่ที่วาสุเทพฤาษีใช้ไม้เท้าขีดลงบนพื้นดินเพื่อร่างแบบนครหริภุญไชย ดังนั้นเมื่อสร้างพระอารามแล้วเสร็จ พระนางจามเทวีจึงโปรดให้ก่อพระเจดีย์เป็นที่ระลึกถึงการที่วาสุเทพฤาษี จากนั้นได้ให้นายช่างแกะรูปพระฤาษี 4 ตนจากศิลาแลง
 

วัดพระคงฤาษียังมีชื่อเสียงในแวดวงเซียนพระเพราะเป็นต้นกำเนิด พระคง หนึ่งในพระเครื่องชื่อดังที่มีแหล่งกำเนิดในจังหวัดลำพูน
 

 
นอกจากวัดต่างๆแล้ว รถรางยังพาเรามาที่ กู่ช้าง-กู่ม้า ที่เชื่อกันว่าเป็นที่เก็บกระดูกของช้างทรง และม้าศึกของพระนางจามเทวี และชาวบ้านถือว่าที่นี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง
 



 
ที่สุดท้ายของทริปวันนี้คือ ศูนย์การเรียนรู้ผ้าไหมไทย ที่เค้าจะโชว์วิถีการผลิตผ้าไหม และขายสินค้า OTOP ของเมืองลำพูนครับ
 



สำหรับภาพรวมของกิจกรรมนั่งรถรางชมเมืองลำพูน ส่วนตัวผมมองว่าคุ้มมาก เพราะจ่ายแค่ 50 บาท แต่ได้เที่ยวหลายที่ และยังมีคนขับรถที่เหมือนเป็นไกด์ให้เราไปในตัว เพราะเค้าจะคอยให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสถานที่ได้เป็นอย่างดี ใครที่มาลำพูนแนะนำเลยครับ

จบแล้วครับสำหรับ One day trip ที่ลำพูนจากเชียงใหม่ ส่วนตัวผมชอบจังหวัดนี้มากเลย เพราะเดินทางง่าย ที่เที่ยวเยอะ ถ้าใครเบื่อมาเชียงใหม่หลายๆรอบ จนไม่รู้จะเที่ยวไหนแล้ว ลำพูนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผมแนะนำครับ

วันที่ห้า

วันนี้ไม่มีอะไรเที่ยวแล้วครับ ในช่วงเช้าเราเรียก grab ไปที่ สถานีขนส่งอาเขตเพื่อขึ้น รถเมล์เขียว (Green bus) ต่อไปยังจังหวัดเชียงราย ซึ่งผมจะนำมารีวิิวในตอนต่อไป ฝากติดตามต่อด้วยนะครับ

บล็อกที่เกี่ยวข้อง



Create Date : 07 กันยายน 2567
Last Update : 9 กันยายน 2567 22:44:44 น. 0 comments
Counter : 162 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnewyorknurse


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#20


 
เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.