สำหรับพระเจ้าธีบอ หรือ พระเจ้าสีป่อ เป็นพระมหากษัตริย์พม่าพระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ลองพญา
ถูกบังคับให้สละราชสมบัติและเนรเทศไปอยู่ที่เมืองรัตนคีรีในบริติชราช
หลังสิ้นสงครามอังกฤษ-พม่าครั้งที่สาม และสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2459.
พระเจ้าสีป่อเป็นพระมหากษัตริย์พม่าพระองค์สุดท้ายแห่ง ราชวงศ์ โก้นบอง
ถูกบังคับให้สละราชสมบัติและเนรเทศไปอยู่ที่เมือง รัตนคีรี ในบริติชราช
พระเจ้าสีป่อเป็นพระราชโอรสของ พระเจ้า มินดงกับพระนางลองซี หรือพระมเหสีแลซาเจ้าหญิงจากเมืองสี่ป้อในดินแดนไทใหญ่
มีพระนามเดิมว่าเจ้าชายหม่องปุ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2402 ที่ กรุงมัณฑะเลย์
เมืองหลวงของราชอาณาจักรพม่าในเวลานั้น เมื่อเจริญพระชันษาขึ้นได้ผนวชเป็นพระภิกษุเพื่อศึกษาวิชาการต่าง ๆ
เมื่อทรงลาผนวชแล้ว พระราชบิดาจึงทรงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าผู้ครองนครสีป้อ
พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2421
ด้วยความช่วยเหลือจากพระนางอเลนันดอพระมเหสีองค์หนึ่งของพระราชบิดา
และเหล่าขุนนางชั้นสูงกลุ่มหนึ่ง
เจ้านครสีป่อเป็นที่โปรดปรานของพระนางอเลนันดอ พระมเหสีของพระเจ้ามินดง
รวมทั้งสมาชิกเสนาบดีสภาอย่างกินหวุ่นมินจี มัคเวมินจี และเยนันจองมินจีก็สนับสนุนเจ้านครสีป่อเพื่อให้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญตามที่วางแผนไว้
พระองค์มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
”สิริรวิชยานันตยสติโลกาธิปติปัณฑิตมหาธัมมราชาธิราชา”
พระองค์ได้เสกสมรสกับ พระนางศุภยาลัตซึ่งเป็นพระขนิษฐาต่างพระมารดา
ต่อมาพระนางมีอิทธิพลต่อการตัดสินพระทัยในเหตุสำคัญต่าง ๆ ของพระเจ้าสีป่อเป็นอย่างมาก
พระเจ้าธีบอและพระนางสุภยาลัตในวันราชาภิเษก
พระนางศุภยาลัต
อย่างไรก็ตาม เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2421 ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่คาดไว้ พระองค์กับพระนางศุภยาลัต พระมเหสี ได้สั่งปลด มัคเวมินจี และเยนันจองมินจีในเดือนมกราคม พ.ศ. 2421
และยกเลิกแผนการเปลี่ยนแปลงไปสู่ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
ได้ประหารเจ้านายฝ่ายหน้าฝ่ายในที่คุมขังไว้ตั้งแต่พระเจ้ามินดงประชวรระหว่างวันที่ 13–18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2421 จนหมดสิ้น
ต่อมา อังกฤษได้ประท้วงการสังหารหมู่ครั้งนี้ โดย R. B. Shaw ผู้แทนอังกฤษประจำราชสำนักมัณฑะเลย์
ได้ยื่นประท้วงและเสนอจะนำนักโทษการเมืองไปไว้ในพม่าที่อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษนครญองย่านให้ลี้ภัยไปอยู่ในพม่าตอนล่างตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2421
วังสีป่อที่เมืองรัตนคีรี ประเทศอินเดีย ที่ประทับของพระเจ้าสีป่อหลังสิ้นสุดอำนาจ
ในรัชกาลของพระองค์ได้ส่งคณะทูตไปยังฝรั่งเศสเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2426
และได้มีการเจรจาเกี่ยวกับการทำสัญญาทางการค้า ยินยอมให้ฝรั่งเศสเข้ามาทำสัมปทานป่าไม้ซึ่งได้สร้างความหวาดระแวงให้อังกฤษ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2428
พม่าเรียกค่าปรับจากบริษัทบอมเบย์เบอร์มาเทรดดิงเป็นเงินจำนวน 2.3 ล้านรูปี
อังกฤษจึงตัดสินใจยื่นคำขาดต่อพม่าในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2428 โดยให้พม่าลดค่าปรับ ให้ความสะดวกแกอังกฤษในการค้าขายกับจีนและให้อังกฤษควบคุมนโยบายต่างประเทศของพม่า
พม่าปฏิเสธ
มาในวันที่ 9 พฤศจิกายน กองทัพอังกฤษจึงเคลื่อนทัพออกจากย่างกุ้งไปยังพม่าเหนือในวันที่ 14 พฤศจิกายนและยึดมัณฑะเลย์ได้ในวันที่ 28 พฤศจิกายน
พระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตยอมแพ้ในวันนี้ ทั้งสองพระองค์เสด็จลงเรือไปยังย่างกุ้งและถูกเนรเทศไปอินเดีย
พระเจ้าสีป่อไปประทับที่ รัตนบุรีในบริติชราชซึ่งอยู่ใกล้ทะเลอาหรับ
ในช่วงห้าปีแรก ทรงได้รับเงินจากอังกฤษเดือนละ 100,000 รูปี หลังจากนั้นเงินจำนวนนี้ลดลงครึ่งหนึ่ง และเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ ได้เพียงเดือนละ 25,000 รูปีเท่านั้น
พระองค์สวรรคตเมื่อ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2459 พระศพของพระองค์ฝังไว้ใกล้ ๆ สุสานของชาวคริสต์
หลังจากพระองค์สวรรคต ลูกหลานของพระองค์ส่วนหนึ่งเดินทางกลับพม่า บางส่วนยังคงอยู่ในอินเดีย
เมียะพยาจี (Myat Phayagyi) พระธิดาองค์โตของพระองค์ยังอยู่ในอินเดีย
ส่วนเมียะพยา (Myat Phaya) พระธิดาองค์เล็กที่ประสูติที่รัตนคีรีเมื่อ พ.ศ. 2430 ได้เดินทางกลับมายังพม่าใน พ.ศ. 2462 พระนางสมรสกับอูเนียงใน พ.ศ. 2464 และสิ้นพระชนม์ในมะละแหม่งเมื่อ 3 มีนาคม พ.ศ. 2478 ลูกหลานของพระนางยังอยู่ในพม่า และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์ของพม่า
พระราชธิดาทั้งสี่ของพระเจ้าธีบอและพระนางศุภยาลัต จากซ้าย: พระราชธิดาองค์ที่สี่ เจ้าหญิงเมียะพยากเล, พระราชธิดาองค์ที่หนึ่ง เจ้าหญิงเมียะพยาจี, พระราชธิดาองค์ที่สาม
เจ้าหญิงเมียะพยา และพระราชธิดาองค์ที่สอง เจ้าหญิงเมียะพยาลัต หรือ เจ้าหญิงมยะพะยาละ (เป็นผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์หลังพระราชบิดาสวรรคต)