Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
จากแม่อาย...ถึงอันดามันตอน “ถึงเวลาเริ่มนับหนึ่ง กับ กฎหมายว่าด้วยการคืนสัญชาติไทยให้คนไทยพลัดถิ่น”

โดย : ปิ่นแก้ว อุ่นแก้ว


จากแม่อาย....

     เกือบ7 ปี ที่แล้ว ชาวแม่อาย 1,243 คน ต้องเผชิญกับ "โศกนาฏกรรม" ครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อถูกอำเภอแม่อายถอนชื่อออกจากทะเบียนราษฎร (ท.ร.14) ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2545 โดยให้เหตุผลว่า คนเหล่านี้เป็นคนต่างด้าว และมีการ"คนสัญชาติไทย" สู่ "คนต่างด้าว" และสิ่งที่ตามมาจากนั้นคือความยากลำบากต่างๆที่ประเดประดังเข้ามาสู่เงื่อนไขของแต่ละชีวิต

*8 กันยายน พ.ศ.2548 เสียงเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี ดังกระหึ่มก้อง เมื่อศาลปกครองสุงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศอำเภอแม่อาย นั่นคือให้เพิ่มชื่อของทั้งหมดกลับเข้าสู่ ท.ร.14 คือเป็นผู้มีสัญชาติไทยจนกว่าอำเภอแม่อายจะสามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างอื่น แต่หนทางกลับคืนสู่ความเป็นไทยนั้นก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดและควรจะเป็น เพราะทางอำเภอได้ผลักภาระการพิสูจน์สัญชาติไปให้ชาวบ้านที่ต้องทุกข์จากการเสียสิทธิในสัญชาติไทยไปแล้วกว่า 3 ปี ต้องทุกข์เพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงปัญหาอื่นๆ โดยเฉพาะการทวงถามถึงสิทธิที่หล่นหายไป ที่ยังต้องใช้ระยะเวลาและต้องออกแรงกันอีกครั้ง ไปจนถึงกระบวนการเยียวยาต่างๆที่เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่ากัน

     ปี 2551การต่อสู้ครั้งใหม่ของชาวบ้านแม่อายจึงได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ในรูปแบบ "ห้องเรียนการจัดการปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลของคนไร้รัฐไร้สัญชาติในประเทศไทย" เพื่อหว่านกล้าเมล็ดพันธุ์แห่งความเข้มแข็งให้กับเยาวชนที่เป็นผู้มีปัญหา ไปสู่ผู้รู้ปัญหา และใช้สองมือน้อยๆนั้นพยุงตนเองและคนรอบข้างสู่ทางออก

และเพื่อสร้างต้นแบบในการแก้ไขปัญหาที่ใช้ชุมชนแม่อายเป็นต้นแบบ เรียกสั้นๆ ว่า "ห้าคูณหก" (5 x 6) โดย ห้า นั้นหมายถึง การจำแนกประชากรที่มีปัญหาสถานะบุคคลในประเทศไทยออกเป็น 5 กลุ่ม โดยใช้กฎหมายการทะเบียนราษฎร ทั้งนี้เพื่อที่จะคูณ หก อันหมายถึง 6 แนวคิดในการจัดการปัญหาให้คลี่คลาย กล่าวคือ คิดวิธีการที่จะทำให้ "คนที่มีปัญหาสถานะบุคคล" เป็น "คนไม่มีปัญหาสถานะบุคคล" หรือ วิธีการที่ทำให้ "คนไร้รัฐ" เป็น "คนมีรัฐ" หรือวิธีการที่ทำให้ "คนไร้สัญชาติ" เป็น "คนมีสัญชาติ" หรือวิธีการที่ทำให้ "คนที่ผิดกฎหมายคนเข้าเมือง" เป็น "คนที่ถูกกฎหมายคนเข้าเมือง"

...ถึงอันดามัน

     ห่างลงไปร่วม 1,500 กิโลเมตร การพลิกฟื้นชุมชน และจิตใจของผู้คนในแถบอันดามัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากพิบัติภัยครั้งยิ่งใหญ่ในนาม "สึนามิ" เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่องนั้น ร่อยรอยหนึ่งที่ปรากฎขึ้นและยังรอการเยียวยาแก้ไขคือ การปรากฏตัวขึ้นของ "คนไร้รัฐ/ไร้สัญชาติ" ซึ่งพบว่ามีทั้ง คนสัญชาติไทยที่ตกหล่นทางทะเบียนราษฎร คนเชื้อสายไทยจากประเทศพม่าคนเล (มอแกน มอเกล็น อุลักลาโว้ย) คนกะเหรี่ยง คนต่างด้าว (พม่า ลาว มอญ) ไปจนถึงคนที่สืบค้นรากเหง้าตัวเองไม่ได้ ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้มีมาก่อนเหตุการณ์คลื่นสึนามิ เพียงแต่เหตุการณ์นี้ได้ทำให้พวกเขาถูกมองเห็น

อย่างไรก็ตามความพยายามในการแก้ไขปัญหา คนไร้รัฐ/ไร้สัญชาติในพื้นที่อันดามันนั้น ก็มีมาโดยตลอด ทั้งจากนักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชนซึ่งมีเพิ่มมากขึ้นหลังเหตุการณ์สึนามิ ไปจนถึงเจ้าของปัญหาเอง และเครือข่ายของผู้ประสบปัญหาเอง แต่ปัญหาก็ยังไม่คลี่คลายไปเท่าที่ควร

*ในขณะเดียวกันคณะทำงาน ซึ่งได้รับรู้สภาพปัญหาพื้นที่อันดามันจากการลงพื้นที่และการทำงานร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ จึงเห็นว่า "ต้นแบบ" ที่ถักทอขึ้นที่แม่อายนั้น ควรเดินทางมา สู่อันดามัน เพื่อเป็นบททดสอบของต้นแบบและพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่อไป ก่อเกิด "โครงการขยายองค์ความรู้แม่อายสู่อันดามันเพื่อการจัดการปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลของคนไร้รัฐไร้สัญชาติในพื้นที่อันดามัน"

     อันประกอบไปด้วยกิจกรรม หนึ่ง - "การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ : การจำแนกบุคคลที่มีปัญหาสิทธิในสถานะบุคคล" สอง- "การติดตามความคืบหน้ากรณีศึกษาตัวอย่างจากโครงการวิจัยเพื่อสำรวจสถานการณ์และศึกษาความเป็นไปได้ในการขจัดปัญหาการจดทะเบียนการเกิดและปัญหาสถานะบุคคลตามกฎหมายของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยสึนามิ" สาม- "การเยี่ยมเชิงกัลยาณมิตรกับเครือข่ายการทำงานในพื้นที่ภาคใต้ (อันดามัน)" สี่- "เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการจัดการปัญหา (Forum for Cases Solution)" และสุดท้าย- "การจัดทำหนังสือ (Pocket Book)" และ "การจัดทำคู่มือปฏิบัติงาน (Manual)"

"ถึงเวลาเริ่มนับหนึ่ง กับ กฎหมายว่าด้วยการคืนสัญชาติไทยให้คนไทยพลัดถิ่น"

"คนที่มีความสำนึกว่าตนเองเป็นคนไทย เช่น คนไทยพลัดถิ่น จะมีความรู้สึกเจ็บปวดใจมาก เมื่อถูกละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชนจากการไม่มีสถานะบุคคลในประเทศไทย เพราะรู้สึกเหมือนลูกที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ และต้องตกระกำลำบากไร้ที่พึ่ง" สถานการณ์ด้านข้อเท็จจริง ข้อ 5 เกี่ยวกับสถานะและสิทธิของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยสึนามิ ที่สังคมควรรับรู้

     "คนไทยพลัดถิ่น" หรือ "คนไทยถิ่นพลัด" หรือที่ทางราชการเรียกว่า "ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย" คือกลุ่มคนเชื้อสายไทยที่ติดไปกับดินแดนที่เสียให้กับอังกฤษ ได้แก่ พื้นที่เมืองทวาย มะริด และตะนาวศรี หรือกลุ่มคนไทยที่เข้าไปทำมาหากินในพม่าและได้หลบหนีกลับเข้ามาในประเทศไทยในช่วงเวลาต่างๆ นับตั้งแต่ยุคการปราบปรามชนกลุ่มน้อยของรัฐบาลพม่า เรื่อยมาจนปัจจุบัน ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดตาก ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา ในปัจจุบัน

     การแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลของคนไทยพลัดถิ่นที่ผ่านมา คือให้แปลงสัญชาติไทยแก่ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย ที่ได้รับการสำรวจและจัดทำทะเบียนประวัติไว้แล้ว จำนวน 7,849 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดตาก ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เป็นกรณีพิเศษ ตามมติครม. 27 พฤษภาคม 2540 แม้ว่าจะมีคนไทยพลัดถิ่นในหลายพื้นที่ยินยอมในแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอย่างแข็งขันจาก "โครงการการแก้ปัญหาคืนสัญชาติคนไทย จ.ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์" เนื่องจาก การแปลงสัญชาตินั้นเท่ากับเป็นการยอมรับว่าตนมีสัญชาติพม่าหรือไม่มีสัญชาติไทยมาก่อน และยังถูกจำกัดสิทธิหลายประการ นอกจากนี้ยังมีคนไทยพลัดถิ่นจำนวนมากที่เดินทางเข้ามาอาศัยและได้สร้างครอบครัวมีลูกหลานมากมายในประเทศไทยภายหลังจากการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติ จนมีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความมีสัญชาติไทยแต่บรรพบุรุษ โดยการขอ "คืนสัญชาติไทย"

     ดังนั้นจึงเกิดเป็นแนวคิดในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการจัดการปัญหาสถานะบุคคลสำหรับคนไทยพลัดถิ่นโดยพัฒนาจากองค์ความรู้เก่าที่หลายๆ ฝ่ายได้ทำการศึกษาวิจัยมาตลอด ประกอบกับยุทธศาสตร์จัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2548 เองก็ให้ความสำคัญกับคนเชื้อสายไทยกลุ่มนี้ รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขการไร้สถานะทางกฎหมายและสิทธิของบุคคลในประเทศไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการยกร่างพระราชบัญญัติเพื่อคืนสัญชาติให้แก่คนไทยพลัดถิ่น

     โครงการขยายองค์ความรู้แม่อายสู่อันดามันฯ ภายใต้กิจกรรม "เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการจัดการปัญหา (Forum for Cases Solution)" จึงกำหนดจัดเวทีสัมมนาทางวิชาการเพื่อการสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกันจากหลายๆ ภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ภาควิชาการ ภาคการเมือง ภาคราชการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาคสื่อมวลชน เป็นต้น เพื่อเป็นจุดเริ่มอันจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ไขปัญหาของ "คนไทยถิ่นพลัด" ต่อไป

ในหัวข้อ "ถึงเวลาเริ่มนับหนึ่ง กับ กฎหมายว่าด้วยการคืนสัญชาติไทยให้คนไทยพลัดถิ่น"

ในวันศุกร์ที่ 30 มกราคม 2552 ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)


สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
ThaiNGO.org 26 มกราคม 2552

H O M E



Create Date : 27 มกราคม 2552
Last Update : 27 มกราคม 2552 23:10:43 น. 0 comments
Counter : 878 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.