|
Review : อัพเดทๆ Lucido-L Argan Oil สูตร Rich Moisture สำหรับผมแห้งเสียเข้าไทยแล้วจ้า!!!
 ใครเป็นสาวกอาร์แกนออยล์ของ LÚCIDO-L เฮกันได้เลย บล็อคนี้จะมาอัพเดทรีวิวให้ชมกันว่าเค้านำเข้า สูตร Rich Moisture สำหรับผมแห้งเสียแล้วนะฮร้า เคยเห็นที่ญี่ปุ่นนานละแต่ก็ยังมิเคยลอง
ส่วนสูตรสีชมพูใช้หมดไปสามขวดละ เลิฟมากมาย เคยรีวิวแบบละเอียดยิบไปแล้วด้วย จิ้มไปดูบล็อคเก่าได้เลย >>>Click<<< ส่วนบล็อคนี้มาดูกันว่าสูตรใหม่ต่างกันอย่างไร พร้อมเทคนิคการใช้ในสไตล์เค้า 

LÚCIDO-L ARGAN OIL hair treatment oil rich moisture
ทรีทเมนต์ใส่ผมชนิดไม่ต้องล้างออก สูตรสำหรับผมแห้งเสีย ด้วยส่วนผสมของน้ำมันอาร์แกน ที่ช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสียแตกปลาย และปกป้องผมจากความร้อนของอุปกรณ์จัดแต่งทรง ให้กลับมาชุ่มชื่น เงางาม นุ่มลื่นน่าสัมผัส รวมถึงช่วยปกป้องเส้นผมจากการจัดแต่งทรงด้วยความร้อนและรังสี UV
----------------------------------------------------------------------------
ขนาด 60 ml ราคา 330 บาท หาซื้อได้ที่ร้าน Watsons ทุกสาขาจ้า
***ตอนนี้มีโปรลดเหลือ 295 ด้วยฮะ!!!

ส่วนผสมที่เป็นจุดขายหลักก็ยังเหมือนกันกับสูตรสีชมพู ก็คือ อาร์แกนออยล์ (Argania Spinosa Kernel Oil) น้ำมันที่สกัดจากผลของต้น Aragnia ที่ปลูกได้ในประเทศโมรอคโคเท่านั้น! ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีความทานทนต่อสภาพแวดล้อมสูงมาก
โดยน้ำมันที่สกัดมาได้ประกอบไปด้วยวิตามินหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน A , E ( วิตามิน E มีสูงกว่าน้ำมันมะกอกถึง 3 เท่า) กรดไขมันโอเมก้า 6, 9 และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงนำมาใช้ในการบำรุงเส้นผม ผิวหน้า ผิวตัว เล็บ ฯลฯ
ซึ่งความพิเศษของอาร์แกนออยล์ในลูซิโดแอล คือเค้าใช้ กรรมวิธีสกัดด้วยแรงดันสูง เทียบเท่ากับแรงดันของน้ำทะเลที่ระดับ 10,000 เมตร ออยล์ที่ได้จึงมีอนุภาคเล็กกว่าออยล์ทั่วไป ทำให้กระจายตัวเป็นเส้นผมได้ดี ไม่จับตัวเป็นก้อน

ความต่างของส่วนผสมทั้งสองสูตร
ทุกอย่างเหมือนกันเป๊ะแค่สูตร Rich Moisture จะมี Cyclopentasiloxane (D5) เพิ่มเข้ามาในลำดับที่ 3 ของส่วนผสมเป็นซิลิโคนออยล์/ฟลูอิดชนิดเบา มีความสามารถในการกระจายตัวสูง ระเหยไวแบบปานกลาง เคลือบผมด้านนอกในลักษณะเป็นคอนดิชันเนอร์ จึงให้สัมผัสนุ่มลื่นโดยไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะ ทำให้เท็กซเจอร์ของออยล์สูตรนี้มีความข้นขึ้นกว่าสูตรเดิมสีชมพู

ข้อมูลของฉลากหลังกล่อง คือสูตรเดิมสีชมพูจะเน้นเรื่องความเบาของเนื้อออยล์ให้ผมดูพลิ้วสลวย ส่วนสูตร Rich Moisture จะเน้นเติมความชุ่มชื่นประกายเงางามมากกว่า

มาเทสสองสูตรให้ดูดีกว่ากับผมทำสีที่มีปัญหาปลายแห้งแบบเค้า อันนี้คือสระเมื่อวันก่อนแล้วมัดรวบเป็นซาลาเปาบันไว้ทั้งวัน ไม่ผ่านการหวีใดๆมันก็จะเป็นรอยมัดผมและพันกันสังกะตังๆแบบนี้แล555

ทีนี้มาทำการเทสกันค่ะแบ่งผมเป็นสองด้านใส่ออยล์คนละสูตร จากภาพจะเห็นความต่างได้ชัดเลยเนอะ ในเรื่องของความข้นของเนื้อออยล์เมื่อกดออกจากขวด สูตรเดิมสีชมพูจะมีความพุ่งของเนื้อออยล์มากกว่าเพราะเนื้อเหลวใสกว่า ส่วนสูตร Rich Moisture จะมีความข้นกว่าเล็กน้อย คือเวลากดออกมาออยล์จะทิ้งตัวลงเป็นเส้นตรงไม่มีความพุ่ง สูตรเดิมหลังใส่ที่ผมหมดแล้วจะไม่เหลือความมันที่มือ แต่สูตร Rich Moisture จะเหลือความมันเล็กน้อยแต่ล้างสบู่ออกไม่ยาก
ส่วนเรื่องกลิ่นเค้าว่ากลิ่นเดียวกันนะ กลิ่นสไตล์ฟรุตตี้ฟลอรัล หอมดอกไม้อ่อนๆ ให้ความสดชื่นด้วยกลิ่นผลไม้นิดๆ ที่ทางแบรนด์บอกมาคือท็อปด้วยกลิ่นแอปเปิ้ลกับพีช กลิ่นกลางเป็นมะลิ ลิลลี่ กุหลาบ และปิดท้ายด้วยไวท์มัสก์และแอมเบอร์ ซึ่งในเรื่องของกลิ่นอันนี้ถูกจริตเค้าใส่แล้วชอบ ผมหอมมมแบบน่าจับขึ้นมาดม กลิ่นติดผมกลางๆไม่ฉุน

และนี่คือผลลัพธ์ระหว่างผมสองด้านคือเอาจริงๆก็แทบไม่ต่าง แค่รู้สึกว่าฝั่ง Rich Moisture ผมจะดูตรงทิ้งตัวมากกว่านี้ดดดดนึง
ในเรื่องสัมผัสตอนที่ใส่รู้สึกได้ว่าออยล์มีความข้นกว่าจริงๆ ดังนั้นถ้าจะใส่ตอนผมแห้งแบบนี้ต้องใช้ปริมาณออยล์ไม่มากเกินไป ไม่งั้นจะทำให้ผมดูมันๆคล้ายผมเปียกได้อ่านะ ส่วนความลื่นพอกันใส่แล้วสังกะตังมีความคลี่คลาย เอามือสางๆได้ทั้งคู่ไม่ต้องใช้แรงหวีกระชาก
ดังนั้นเอาว่าถ้าใครผมธรรมดาแห้งเล็กน้อยใช้สูตรเดิมสีชมพูก็ให้ฟิลเบาๆดี แต่ถ้ารักในความเข้มข้นผมมีความแห้งเสียขั้นสูงก็จัดสูตร Rich Moisture ไปโลด

ทีนี้มาดูวิธีการใช้กันดีกว่า ว่าเค้ามีเทคนิคการใช้LÚCIDO-L ARGAN OIL hair treatment oil rich moisture อย่างไรบ้าง?

วิธีแรกอันนี้ลองเองแล้วเวิร์คเลยอยากบอกต่อ คือวันไหนด่วนๆไม่มีเวลาหมักทรีทเมนต์ไว้นานๆ แต่ต้องการให้ผมนุ่มลื่นขึ้นแบบเร่งด่วน ลองเอาออยล์ผสมเข้ากันทรีทเมนต์ บำรุงผมสูตรเข้มข้นเลย
ผมเค้ายาวประมาณกลางหลังใส่ประมาณ 2 ปั๊มนวดๆเนื้อให้เข้ากัน แล้วชโลมลงบนช่วงกลางถึงปลายผมให้ทั่ว ย้ำเลยนะว่าห้ามลงโคนผม เดี๋ยวหนังศีรษะจะมันเลื่อมได้ นวดกระจายเนื้อทรีทเมนต์ให้ทั่วเส้นผม พอนวดจนทั่วก็ล้างน้ำออกได้เลยไม่ต้องหมักไว้แค่ล้างน้ำออกจะสัมผัสได้ทันทีเลยหล่ะ ว่าผมเปียกก็สามารถสางได้ง่ายขึ้นมาก

วิธีใช้ต่อมาคือหลังสระผมเช็ดผมให้หมาดๆก่อน ถ้าตอนหมักใช้ออยล์ไปเยอะแล้วขั้นนี้ให้ลดออยล์ลงหน่อย เค้าใช้ประมาณปั๊มนิดๆ นวดๆลงให้ทั่วจากกลางถึงปลายผมเช่นกัน แต่ให้เน้นลงที่ช่อผมด้านในก่อนค่อยๆลูบออกมาที่ช่อด้านนอก
แล้วใช้หวีค่อยๆสางผมออก การหวีจะช่วยให้ออยล์กระจายตัวได้ดีขึ้น แต่แนะนำว่าควรใช้หวีซี่ห่างๆนะ อย่างที่เค้าใช้เป็นหวีสำหรับสางผมเปียกโดยเฉพาะ มันจะไม่กินผม ทำให้หวีตอนผมเปียกแล้วผมไม่ขาด และควรหวีแบบค่อยๆสางไปทีละช่อ ตรงไหนพันกัน แนะนำให้เอามือสางเบาๆก่อนแล้วค่อยตามด้วยหวี
ซึ่งการหวีผมให้เรียบตรงไม่พันกันนอกจากออยล์จะกระจายตัวดีแล้ว ยังช่วยให้ตอนเป่าผม ผมจะแห้งแบบเรียงเส้น ไม่พันกัน และไม่ชี้ฟูด้วย ไม่เชื่อลอง เป่าไปมั่วๆตอนที่ผมพันๆกัน กับเป่าแบบหวีให้เรียบแล้วมันต่างมากนะเออ
และเทคนิคในการเป่าผม คือถือไดร์ในทิศทางเดียว ด้วยการยกไดร์ให้หัวทิ่มลงมาทางปลายผม ไม่เป่าแบบสะบัดหัวไดร์ไปมา การถือท่านี้จะทำให้ลมร้อนพัดผ่านในทิศทางเดียวกับเกล็ดผม เกล็ดผมจะไม่กระเจิดกระเจิงทำให้ผมหลังเป่าเรียบลื่นกว่ากันจริงๆ ซึ่งออยล์ที่ใส่ไปจะช่วยปกป้องเส้นผมจากการจัดแต่งทรงจากความร้อนด้วย

ผลลัพธ์หลังการเป่าแห้ง....สาบายว่ามิได้ไดร์เป่าแบบที่บอกไปแค่นั้น ผมตรงเงาลื่นเรียงเส้นเว่อร์ แต่ต้องบอกก่อนนะว่าผมเค้าตรงธรรมชาติ และรอยหยักที่ผมบีฟอร์คือรอยจากการมัดผมไม่ใช่เป็นผมหยักโศกแต่อย่างใด ตัวออยล์ช่วยให้ผมนุ่มลื่นขึ้น ไม่ได้ช่วยให้ผมตรง แต่จะช่วยลดเรื่องการชี้ฟูจากอาการผมแห้งเสียฮะ

และวิธีใช้แบบสุดท้ายคือหลังจัดทรงจนพอใจแล้ว กดออยล์ออกมาอีกนิดนึง ย้ำว่านี้ดดดดนึงพอนะ วอร์มกระจายเนื้อออยล์ให้ทั่วสองฝ่ามือ แล้วลูบลงผมผมด้านนอกจะช่วยให้ผมดูวิ้งวับเป็นประกายมากขึ้น
แต่เอาจริงๆในขั้นตอนนี้ส่วนตัวเค้าชอบใช้สูตรสีชมพูมากกว่า เพราะเนื้อจะเบากว่าทำให้หลังจัดแต่งทรงผมจะไม่ค่อยคลายตัว แต่ถ้าให้ผมแห้งเว่อร์จะใช้สูตร Rich Moisture ในขั้นนี้ก็ได้เช่นกัน

สรุปสำหรับสูตร Rich Moisture เนื้อเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เหมาะกับคนที่มีผมแห้งเสีย หรือมีความชี้ฟูของผมค่อนข้างมาก เนื้อออยล์ที่ข้นขึ้นจะช่วยเคลือบให้ผมดูเรียบมากกว่า เนื้อสัมผัสก็จะหนักกว่าสูตรสีชมพูเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทำให้เหนอะหนะ
สำหรับผมเค้าที่ค่อนข้างตรงมากจะเหมาะกับใช้ตอนผมเปียก ใส่ก่อนเป่าผม พอเป่าแห้งผมจะลื่นกำลังดีเลยไม่ต้องลงออยล์อีกรอบ แต่ถ้าจะใส่ลงบนผมแห้งเค้าชอบใช้เป็นสูตรสีชมพูมากกว่า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมแต่ละคนอ่าเนอะ
แต่เรื่องผลลัพธ์ว่าใช้แล้วผมหายแห้งเสียไหม หลังใช้คือให้สัมผัสดีขึ้นทันที แต่มันไม่ได้หายแห้งเสียได้ขนาดนั้นนะ ยิ่งใครคาดหวังเรื่องผมที่แห้งแบบแตกปลาย เข้าใจนิดนึงว่าออยล์ไม่ใช่กาวมันประสานผมที่แยกไปแล้วไม่ได้ ก็เล็มๆทิ้งไปบ้างแล้วบำรุงไปให้สม่ำเสมอ
คือถ้าเรายังทำสี ทำเคมี ดัด ยืด ย้อม มีการไดร์การม้วนผมด้วยความร้อน มันก็จะดีขึ้นได้แค่ประมาณนึงหล่ะ ถ้าอยากให้ผมดีขึ้นจริงๆ นอกจากการเลือกใช้แฮร์แคร์ที่ดีแล้ว ก็ควรลดปัจจัยที่ทำให้ผมแห้งเสียไปด้วย เข้าใจตรงกันนะจ๊ะ
อย่างเค้ายังรักที่จะทำสี ยังต้องใช้ความร้อนก็ดูแลปกป้องกันไป แค่ผมไม่แห้ง ไม่ดูพังไปกว่าเดิม สางได้สุดปลายผมก็ดีใจละ 
-----------------------------------------------------------------------------
Disclaimer : Sponsored Content by LÚCIDO-L ***All opinions are my own Information : https://www.facebook.com/LUCIDO.L.Thailand/
Create Date : 26 มิถุนายน 2560 |
Last Update : 5 กรกฎาคม 2560 16:52:25 น. |
|
0 comments
|
Counter : 12562 Pageviews. |
 |
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]

|
..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!
---------------------------------------------------------
|
|
| |