เรื่องกิน เรื่องเที่ยว คือเรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องราวของเราสองคน :)

ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]




ปลาหมึกน้อย กับ นายโอเลี้ยง รายงานตัวครับ
เนื่องด้วยเราสองคนเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกิน ดังนั้นก็เลยจัดการหาที่เก็บสถานที่หรือร้านอาหารที่เคยแวะเยี่ยมมาแล้ว

และเสมือนเป็น ไดอารี่ส่วนตัว ที่ทุกคนเข้าดูได้ อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ามาแล้วต้องการหาข้อมูลสำหรับสถานที่นั้นๆ

ขอให้สนุกกับ Blog นี้นะ

ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^

Click ข้างล่างได้เลยจ้า

click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary
New Comments
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
2 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง's blog to your web]
Links
 

 
Centara Chaan Talay Trat @ จังหวัดตราด

Centara Chaan Talay Trat


click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary



เป็นครั้งที่ 2 แล้วครับที่ได้พักโรงแรมในเครือ Centara ซึ่งที่แรกคือ Sofitel Centara Huahin ซึ่งก็ได้รับความประทับใจมาเต็มๆ

ครั้งนี้มีโอกาสได้มาพักที่ Centara Chaan Talay ที่จังหวัดตราด ครับ

Centara Chaan Talay อยู่ที่จังหวัดตราด ซึ่งไปทางถนนทางหลวงหมายเลข 3 ไปทาง อำเภอคลองใหญ่ ครับ

ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ทางบนฝั่งไม่จำเป็นต้องข้ามไปยังเกาะช้างครับ
ก่อนอื่นไปเช็คอินกันที่ Lobby ก่อนเลยครับ



Lobby อยู่ด้านหน้าของโรงแรมเลยครับ โดยต้องจอดรถด้านทางเข้า และจะมีรถกอล์ฟมารับและพาไปส่งยังห้องพักครับ



ห้องที่เราพักเป็นห้อง Beach Front อยู่ติดทะเลที่สุดด้วยครับ





ห้องนี้เรียกเต็มๆ ว่า Beach Front Spa Villa พอก้าวเข้ามาในห้องก็เจอห้องนั่งเล่น ซึ่งทำให้รู้สึกถึงความกว้างขวางของห้องมากๆ

เพราะห้องนี้มีขนาดใหญ่เท่ากับ 62 ตารางเมตร ซึ่งทุกห้องของที่นี่มีขนาดเท่ากันหมด



นอกจากนี้ด้านขวามือ ยังมีห้องนอนที่ถูกแยกออกจากห้องนั่งเล่น ทำให้สามารถนอนพักผ่อนได้อย่างสบายเลยละ



เตียงนอนสำหรับห้องแบบนี้เป็นเตียงไม้สี่เสา ให้ความรู้สึกคลาสสิคดีจัง ที่สำคัญเตียงนุ่มนอนสบายดีมากครับ



อีกมุมของห้องนอนมีโต๊ะทำงาน และยังใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกด้วย

ที่สำคัญที่นี่มีปลั๊กให้ใช้เยอะมาก มีแทบทุกมุมของห้องทำให้สามารถชาร์จแบตกล้องหรือโทรศัพท์ได้ง่ายๆ



แต่ภายในห้องนอนไม่มี TV ซึ่งถามพนักงานเค้าบอกว่า ที่ไม่มี TV ตั้งเพราะอยากให้เวลาเข้านอนสามารถพักผ่อนได้เต็มที่ครับ

จะได้ไม่ต้องกังวลกับรายการต่างๆ บน TV



ออกมาที่ห้องนั่งเล่นต่อครับ มี TV และ โซฟาขนาดนั่งเล่นนอนเล่นได้สบายๆ พร้อมทั้งโต๊ะกลางขนาดใหญ่



นอกจากนี้บนโต๊ะยังมีผลไม้ต้อนรับ ซึ่งเป็นสละกับ ส้ม

สำหรับสละถือได้ว่าเป็นผลไม้ประจำภาคตะวันออกเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะที่จันทบุรีและ ตราด

รวมทั้งยังมีหนังสือและรายการ TV ให้เลือกชมด้วย ขอบอกว่ามีช่องบอลอังกฤษให้ดูด้วยละ ชอบตรงนี้ที่สุด



ไปสำรวจห้องน้ำกันดีกว่า ห้องน้ำมีขนาดกำลังดีเลยครับ กว้างสบายๆ

ที่สำคัญมีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งได้อย่างดี





นอกจากนี้ข้างๆ ห้องน้ำยังมีสวนเล็กๆ ทำให้ภายในห้องมีความสดชื่นจากสีเขียวของสวนหย่อมเล็กๆ นี้



และข้อดีของห้อง Type นี้ก็คืออยู่ติดกับทะเลมากๆ ครับ แค่ก้าวออกจากระเบียงหน้าห้อง ก็เป็นชายหาดแล้วครับ

ซึ่งทรายหน้าหาดก็ขาวสะอาดดีครับ



และจุดเด่นอีกอย่างก็คือ อ่างจากุซซี่ ริมทะเล ซึ่งมีสำหรับห้อง Type นี้โดยเฉพาะ

ทำให้นอนแช่อ่างพร้อมกับชมวิวสวยๆ ได้อย่างมีความสุข



หลังจากสำรวจห้องตัวเองแล้ว ก็เดินไปหาเพื่อนที่พักห้องอีก Type ครับ

ทางเดินด้านนอกเขียวสดชื่นมากๆ เหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเลยครับ

ที่สำคัญด้านหลังเป็นวิวเทือกเขาบรรทัด ที่ทอดตัวอย่างสวยงาม



เดินไปไม่ไกลเท่าไรก็ถึง ห้องพักของเพื่อน ซึ่งเป็นห้อง Nature Spa Villa

ในห้องนี้มีขนาด 62 ตารางเมตรเท่ากัน รวมทั้งยังมีการตกแต่งห้องคล้ายๆ กับห้อง Beach Front ด้วย



แต่ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดของห้องนี้กับ ห้อง Beach Front คือ ระเบียงอยู่ด้านหลังห้อง ติดกลับคลองภายในโรงแรม



ห้องนี้มีอ่างจากุซซี่ ขนาดใหญ่มากๆ รวมทั้งมิดชิดกว่าห้อง Beach Front มาก

ทำให้อยากนอนเล่นในอ่างนี้ทั้งวันเลย ท่าทางจะสบายสุดๆ



หลังจากสำรวจห้องเพื่อนเรียบร้อย เราก็ปล่อยให้เค้าได้พักผ่อนให้เต็มที่ต่อ ส่วนผมก็ขอเดินเล่นรอบโรงแรมต่อครับ

มาสะดุดตรงที่กระดิ่งใบเล็กน่ารัก ใบนี้ครับ เค้าบอกว่าไว้สำหรับตีบอกเวลาไฟไหม้ แต่หลังๆ มีเด็กๆ มีตีบ่อยทำให้แขกตกใจ

ทางโรงแรมเลยตัดสายสั่นกระดิ่งให้สั้นลง เด็กๆ จะได้เอื้อมไม่ถึงครับ



เสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องพัก ไปนั่งเล่นชิลๆ หน้าห้องของตัวเอง





ห้อง Beach Front ที่ผมพัก อยู่ไม่ไกลจากสระว่ายน้ำส่วนกลางเท่าไรครับ เดินไปไม่กี่ก้าวเอง





เดินมากชักหิวครับ เลยชวนกันไปที่ห้องอาหาร ที่ Centara นี้มีห้องอาหารห้องเดียว ซึ่งใช้เป็นที่ทานอาหารเช้า กลางวัน และเย็นไปในตัวครับ

ห้องอาหารที่นี่ชื่อ “Azure”



Azure อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ และหันหน้าไปยังทะเลครับ บรรยากาศดีสุดๆ





ก่อนมาถึงที่นี่แวะกินก๋วยเตี๋ยวระหว่างทางเพื่อรองท้องในตอนกลางวันเท่านั้น ทำให้ช่วงบ่ายๆ อย่างนี้ท้องก็ร้องขึ้นมาเหมือนกันครับ

เลยชวนปลาหมึกน้อยไปหาอะไรหม่ำก่อนดีกว่า แล้วก็สั่ง น้ำพั้นซ์ผลไม้สีสวย มา 1 แก้วครับ รสชาติดี ดับกระหายทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที



แล้วก็สั่งของเบาๆ (เบาหรือเปล่านะ) คือ “Steak Sandwich” มาแบ่งกันกินครับ

น่าตาดีทีเดียว เป็นสเต็กเนื้อที่มาพร้อมกับขนมปังนุ่มๆ รสชาติดีด้วยครับ

ซึ่งพวกผมได้ตกลงว่าคงต้องฝากท้องไว้กับที่นี่ทุกมื้อ เพราะก่อนเข้ามาขับรถไปสำรวจรอบๆ แล้วไม่ค่อยเจอร้านอาหารเท่าไรนัก

ทำให้ต้องใช้บริการที่นี่ตลอด 3 วัน 2 คืนแน่ๆ



หลังจากอิ่มกับมื้อเล็กๆ ยามบ่ายแล้วก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่รอบๆ โรงแรมครับ ซึ่งวันนี้คนไม่เยอะมากนักทำให้บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง





จากนั้นก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องอีกครั้ง



การได้มาพักที่นี่ถือว่าได้มาพักผ่อนอย่างจริงๆ เลยครับ เพราะบรรยากาศที่นี่สงบ ไม่วุ่นวาย

รวมทั้งห้องพักนั้นกว้างมากๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเต็มที่เลย



ส่วนใหญ่จะมาอยู่ที่มุมด้านนอกนี้มากกว่าอยู่ในห้องครับ เพราะสามารถนอนฟังเสียงคลื่นได้อย่างชัดเจนเลย



และแล้วก็ได้เวลามื้อค่ำ



มื้อค่ำมีคนมาใช้บริการมากกว่าในช่วงกลางวันอย่างเห็นได้ชัด



ว่าแล้วก็เริ่มสั่งอาหารมากินกัน เริ่มด้วย ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ



นอกจากนี้ยังมีสปาเก็ตตี้ และอาหารของเพื่อนอีก แต่ว่าทุกคนหิวมากๆ เลยจัดการซะก่อน

เอาเป็นว่านั่งดื่ม Fruit Punch ซึ่งเป็นน้ำส้ม สับปะรด และน้ำมะนาวผสมกันครับ

ส่วนด้านหลังเป็น Salaca Martini เป็น Cocktail ของคุณเพื่อน ซึ่งทางเชฟที่นี่แนะนำว่าเป็นแก้วที่เค้าคิดค้นมาเองโดยมีส่วนผสมของสละ

ซึ่งเป็นผลไม้ประจำถิ่นของที่นี่ครับ (เพื่อนเค้าบอกว่ารสชาติดีเหมือนกันครับ)



ปิดท้ายด้วยของหวาน นั่นก็คือ กล้วยหอมทอดครับ น่ากินสุดๆ



หลังจากจัดการมื้อค่ำเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนที่ห้องใครห้องมันครับ

และก็ผ่านพ้นไปหนึ่งคืน ซึ่งผมได้นอนหลับเป็นตายเลย เตียงที่นี่นุ่มดีเหมือนกัน แต่ตอนแรกกลัวตกมาก เพราะเตียงมันสูงพอสมควร อิอิ

ในตอนเช้าก็ตื่นมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์รอบๆ โรงแรม ซึ่งบรรยากาศเงียบสงบเช่นเคย



เดินเล่นสักพัก ก็ได้เวลาอาหารเช้าครับ วันนี้แขกไปเยอะเท่าไรครับ มีเพียง 9 ห้อง

ซึ่งอาหารเช้าของที่นี่ถ้าแขกไม่เยอะก็จะเป็นแบบ A la carte ครับ มีให้แขกเลือกได้ตามใจชอบ





เมื่อจัดการมื้อเช้าที่อยู่ตรงหน้าเรียบร้อย ก็ชวนกันไปเดินย่อยที่ริมหาดครับ วันนี้อากาศดี ฟ้าเป็นใจพอสมควร






เช้าๆ แบบนี้เติมความชุ่มชื่นหน่อย จะดีต่อสุขภาพมากเลย







ช่วงสายพนักงานจะมีการเปิดน้ำพุที่พุ่งมาจากท่อไม้ไผ่ริมสระด้วย





สระกว้างๆ แบบนี้ว่ายน้ำได้ทั้งวันเลยล่ะ



หรือจะนั่งเล่นริมทะเลดีล่ะ

น้ำทะเลที่นี่ใสเหมือนกันครับ ไม่น่าเชื่อว่าทะเลที่ฝั่งนี่จะมีหาดทรายขาว และน้ำใสๆ อยู่เหมือนกัน





ในโรงแรมจะมีดอกไม้สวยๆ แซมอยู่ในทุกๆ แห่งเลยครับ มองแล้วเพลินตาดีจัง



หลังจากว่ายน้ำจนสะใจแล้ว ก็ล้างเนื้อล้างตัวกันครับ เพราะช่วงสายๆ มีนัดนิดหน่อย

นั่นก็คือ สปาครับ วันนี้ขอลองใช้บริการสปาของที่นี่ดูหน่อย



สปา นั้น อยู่ใกล้ๆ กับ Lobby ซึ่งมีสะพานไม้ และสะพานเชือกเชื่อมคลองเล็กๆ ที่กั้นขวางอยู่



พื้นที่บริเวณสปา ดูร่มรื่นดีมากเลย เพราะมีต้นไม้เต็มไปหมด และมีการแบ่งห้องสปาแยกเป็นส่วนตัวดีด้วยครับ



ภายในห้องสปา มีกำแพงไม้ไผ่กั้นเป็นส่วนตัวดี และมีอ่างจากุซซี่สำหรับคนที่ต้องทำวารีบำบัด



ภายในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำเลยครับ ห้องนี้สามารถนวดได้ 2 คนพร้อมกันเลย



ด้านในจะเป็นห้องน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ

วันนี้ผมใช้บริการนวดแผนไทย ส่วนปลาหมึกน้อยใช้บริการนวดผ่อนคลายครับ คนละชั่วโมงกำลังดี อิอิ

เสร็จแล้วสบายตัวดีจัง จนเผลอหลับไปเลยละครับ



นวดเสร็จก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี



อย่างที่บอก ครั้งนี้พวกเราตั้งใจมาพักผ่อนจริงๆ ที่สำคัญขับรถมาไกลขนาดนี้ ไม่อยากออกไปไหนแล้ว เลยขอใช้บริการที่นี่ตลอดละกัน

ว่าแล้วก็สั่ง Mocktail เย็นๆ สีสวยมาดับกระหายก่อนครับ



ว่าแล้วก็เริ่มหม่ำกันเลยครับ จานแรกเป็น Deep Fried Sea Bass

เป็นปลากระพงทอดกรอบเสริฟบนหมี่กรอบแนบด้วยส้มตำ ที่มาพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ครับ

เชฟเค้าจัดจานมาได้สวยดีจัง



ส่วนอีกอย่างเป็น หมูชมวง เป็นหมูที่เคี่ยวกับใบชะมวงจะออกรสเปรี้ยวของมะขามนิดๆ

ซึ่งที่นี่เค้าแนะนำครับเพราะเป็นอาหารประจำจังหวัดตราดเลยทีเดียว ก็เลยขอลองหน่อย

รสชาติไม่เลวเหมือนกันเปรี้ยวๆ นิด



ในช่วงบ่ายนั้นก็แยกย้ายกับเพื่อนไปนั่งเล่นนอนเล่นห้องใครห้องมันครับ แต่ส่วนใหญ่ผมก็เดินไปนั่งเล่นบริเวณสปานะครับเพราะมันดูร่มรื่นดีจัง

ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ อยู่ว่างๆ เลยอยากให้พนักงานที่ Lobby พาไปดูห้องที่อยู่บนตึกซะหน่อย เพราะห้องในวันนี้ยังว่างอยู่พอสมควร



ห้อง Type นี้เป็นห้อง 1 Bedroom Suite ซึ่งมีความกว้างเท่ากับห้องอื่นๆ แต่ต่างกันที่ไม่มีอ่างจากุซซี่ในห้อง ซึ่งการตกแต่งก็คล้ายกัน

และห้องนี้ไม่มีแอร์ที่ห้องนั่งเล่น แต่ทางโรงแรมได้ทยอยติดแอร์เพิ่มซึ่งยังมีเพียง 16 ห้องที่ไม่มีแอร์



และห้องนี้มีระเบียงกว้างๆ มาชดเชย ที่ไม่มีอ่างจากุซซี่



ส่วนเตียงจะเป็นเตียงธรรมดาที่ไม่มีเสา ส่วนห้องนี้จะเป็นเตียงคู่ วิวด้านหลังดีจริง มองเห็นทะเลได้นิดหน่อย

เพราะไม่มีต้นไม้บังเหมือนห้อง Beach Front ที่ผมพัก



เริ่มมืด และก็เริ่มเกรงใจพนักงานเค้าครับ เลยขอตัวไปเดินเล่นต่อที่ชายหาดต่อครับ

ต้องขอบคุณพี่เค้ามากๆ ที่ยอมพาเราไปดูห้องที่ไม่มีคนพัก ^^ (ดีนะที่วันนั้นไม่ค่อยมีคนพักเท่าไร ^^")

ส่วนบรรยากาศทะเลตอนเย็นๆ นี่ก็สวยดีเหมือนกันนะ







และแล้วท้องก็ร้องขึ้นมาอีกแล้ว ได้เวลามื้อเย็นอีกแล้วครับ

ว่าแล้วก็เริ่มด้วยน้ำมะพร้าวที่หอมชื่นใจ



ส่วนอาหารจานแรกสั่ง Prawn Pesto Pasta เป็นสปาเก็ตตี้กุ้งราดซอสโหระพา
กุ้งตัวใหญ่มาก



ต่อด้วย ยำผักบุ้งชุปแป้งทอดกรอบใส่กุ้งและหมู
ผักบุ้งกรอบมากๆ



หมดไปอีกวัน สำหรับคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี่แล้ว

ในตอนเช้าเล่นน้ำเล็กน้อยแล้วก็เดินไปที่ห้องอาหารครับ

วันนี้แขกเยอะหน่อย ทางโรงแรมเลยจัด Buffet ให้



อาหารส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ กับโรงแรมอื่นๆ ทั่วป มี ABF รวมทั้งขนมปังต่างๆ ครับ



ข้าวต้มก็มีนะครับ มีทั้งข้าวต้มเครื่องและข้าวต้มกุ๊ย

ขอบอกว่าข้าวต้มที่นี่อร่อยมากมายครับ



ปิดท้ายด้วยผลไม้ครับ อาหารเช้าที่นี่อาจจะไม่เยอะมาก เหมือนโรงแรมใหญ่ๆ แต่ก็มีเพียงพอที่จะทำให้ท้องเราอิ่มได้อย่างเต็มที่เลยล่ะ



หลังจากนั้นก็นั่งเล่นซักพัก แล้วก็ชวนเพื่อนเช็คเอ้าท์ เพื่อเดินทางกลับบ้าน 3 วัน 2 คืน แล้วเหรอเนี่ย ความสุขช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เลยครับ

ในตอนแรกรู้สึกว่าที่นี่ไกลเหลือเกินขับรถนานเหมือนกันกว่าจะถึง แต่พอมาถึงแล้วความเหนื่อย ความล้า หายเป็นปลิดทิ้งเลยครับ

เพราะบรรยากาศที่นี่ร่มรื่น เงียบสงบ แล้วก็เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ที่สำคัญทะเลที่นี่ก็สวย ไม่แพ้ทะเลบนเกาะช้างเลยครับ

สำหรับที่เซ็นทารา ชานทะเลเหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนจริงๆ ไม่เหมาะสำหรับคนที่อยากมาทำกิจกรรม หรือต้องการไปเที่ยวระหว่างทางเหมือนหัวหินครับ ซึ่งผมเริ่มติดใจที่นี่แล้วสิ ไว้มีโอกาสคงหาเวลามาพักผ่อนที่นี่อีกแน่นอนเลย






Create Date : 02 มิถุนายน 2554
Last Update : 5 มิถุนายน 2554 23:44:14 น. 7 comments
Counter : 18580 Pageviews.

 
เป็นรีสอร์ทที่ชิคมากเลยค่ะ


โดย: Tick Juntavaro วันที่: 5 มิถุนายน 2554 เวลา:15:18:22 น.  

 
คุณ Tick Juntavoro

ใช่ครับ ที่สำคัญเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง


โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง วันที่: 5 มิถุนายน 2554 เวลา:19:46:35 น.  

 
บรรยากาศดีมากๆๆ ราคาอาหารเป็นไงบ้างคะ


โดย: KiK IP: 58.8.156.101 วันที่: 8 ตุลาคม 2554 เวลา:19:11:21 น.  

 
@ คุณ KiK : ราคาประมาณ 200 - 500 บาท/เมนู ครับ ราคาก็ตามมาตรฐานโรงแรมทั่วไป แต่รสชาติที่นี่ดีนะครับ ผมชอบอาหารที่นี่มากๆ ที่สำคัญรอบๆ ก็ไม่ค่อยมีร้านอาหารเท่าไรด้วยนี่สิครับ


โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:21:49:01 น.  

 
ทริปนี้ผมจะไปลองให้ได้... แต่ติดตรงที่จน นี่หน่ะสิครับ

555

ค่าที่พักโดยประมาณเท่าไหร่เหรอครับกระผม


โดย: Diiew Indy IP: 223.207.91.48 วันที่: 2 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:49:42 น.  

 
ทริปนี้ผมจะไปลองให้ได้... แต่ติดตรงที่จน นี่หน่ะสิครับ

555

ค่าที่พักโดยประมาณเท่าไหร่เหรอครับกระผม


โดย: Diiew Indy IP: 223.207.91.48 วันที่: 2 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:49:48 น.  

 
@ คุณ Diiew Indy ผมจำราคาไม่ได้แล้วครับ ลองจองในงานไทยเที่ยวไทยสิครับ น่าจะได้ราคาพิเศษนะ


โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง วันที่: 4 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:19:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.