สื่อมวลชนไทยกับดุลยพินิจและวาระซ่อนเร้น
|
ในสังคมที่เรียกตัวเองว่าสังคมประชาธิปไตย ย่อมมีรัฐธรรมนูญเป็นกติกาเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของประชาชนในทุกภาคส่วน รัฐธรรมนูญที่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น จะต้องให้หลักประกันต่อ สิทธิ เสรีภาพของประชาชนทั้งในฐานะที่เป็นปัจเจกชนและสื่อมวลชน.....ทุกฝ่ายยอมรับว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย ปี 2540 ได้ให้หลักประกันเรื่องดังกล่าวอย่างครบถ้วนเทียบเท่าอารยะประเทศทั้งหลาย
ทำไมสังคม(ในนามรัฐธรรมนูญ)จึงให้หลักประกันด้าน สิทธิ เสรีภาพแก่สื่อมวลชน ?
เพราะข้อมูลข่าวสารเป็นอาหารทางสมองของสังคมมนุษย์โดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย
เพราะแนวทางนโยบาย โครงการและมาตรการที่กระทำโดยรัฐมีผลต่อวิถีชีวิตของประชาชน
เพราะกิจกรรม เหตุการณ์และความเป็นไปต่างๆในทุกด้านของสังคมอาจให้ประโยชน์หรือให้โทษแก่สังคม
เพราะความต้องการบริโภคข่าวสาร ความกระหาย ใคร่รู้ เรื่องราวรอบตัวของประชาชนเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
เพราะประชาชนมีสิทธิรับรู้ข่าวสารตามที่มันเกิดขึ้นจริงในสังคม จากทุกภาคส่วนและเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง
----------ด้วยประการฉะนี้......สังคมประชาธิปไตยจำเป็นต้องมีสื่อสารมวลชนที่หลากหลายครอบคลุม ซึ่งประชาชนสามารถเลือกที่จะเข้าถึงข้อมูลข่าวสารตามความต้องการของตนไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์,วิทยุ,โทรทัศน์,เคเบิ้ลทีวี,อินเตอร์เน็ต,มือถือ(SMS)หรือสื่ออื่นๆตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสื่อสารที่เกิดขึ้นตามยุคสมัย
----------สื่อมวลชนจึงเป็นสถาบันหนึ่ง...ที่ทรงอิทธิพลอย่างสูงในสังคมระบอบประชาธิปไตย เพราะเป็นตัวกลางที่สร้างสภาพการรับรู้ของประชาชน สามารถปั้นดารา นักแสดง นักร้อง นักธุรกิจ นักการเมือง นักสังคมสงเคราะห์ นักกีฬา ให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน....ในด้านที่กลับกัน...สื่อมวลชนสามารถทำลายเกียรติภูมิ หรือเปิดโปงความชั่วช้าของบุคคลดังกล่าวให้สังคมได้ล่วงรู้ในเวลาเพียงไม่นานเช่นกัน.....อิทธิพลของสื่อมวลชนสามารถยอมรับได้และไม่น่ากลัวหากสังคมสามารถสัมผัสและรับรู้ได้ว่า..สื่อมวลชนกระทำการโดยมีจรรยาบรรณแห่งสื่อมากำกับดูแลอย่างเข้มงวด
----------สื่อไม่เพียงแต่เป็นผู้สร้างสภาพแห่งการรับรู้ของสาธารณชนเท่านั้นในหลายเหตุการณ์สื่อยังมีส่วนอย่างสำคัญในการรณงค์ให้เกิดประชามติ(Public Opinion) ในด้านต่างๆของสาธารณชน...บทบาทด้านนี้ของสื่อจะไม่เป็นที่กังขาเลย ถ้าหากสื่อกระทำไปโดยใช้ดุลยพินิจที่ยึดมั่นระบอบ ยึดมั่นกฎกติกา และยึดมั่นต่อการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีให้เกิดขึ้นแก่คนในชาติ มิใช่กระพือโหมเหตุการณ์ ข่าวสารที่มุ่งให้เกิดความโกรธแค้น ชิงชัง
ทฤษฎีพื้นฐานของกระบวนการสื่อสาร ประกอบด้วย Sender (ผู้ส่งสาร)->Message(ข่าวสาร)->Receiver(ผู้รับสาร)....
-----ณ.จุดของผู้ส่งสาร ประกอบด้วย แหล่งข่าว เหตุการณ์ กับนักข่าวและบรรณาธิการข่าว....ในโลกปัจจุบันมีเรื่องนับร้อยนับพันเรื่องราว......คำถามมีอยู่ว่า...ผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการ..ใช้หลักการอะไรเลือกเสนอข่าวนั้นและไม่เสนอข่าวนี้....เพียงแค่ขั้นตอนนี้ประชาชนก็ถูกบริหารการรับรู้ข่าวสารในเบื้องต้นเสียแล้ว...ในยามปกติไม่มีใครตั้งคำถามเช่นนี้ แต่ในยามที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคม....ประชาชนในฐานะผู้บริโภคข่าวสารมีสิทธิที่จะตั้งคำถามว่า...ผู้บริหารสื่อใช้หลักการใดมาเลือกเฟ้นข่าวสาร......เหตุใดเสนอแต่ข่าวฝ่ายม็อบสนธิ-จำลองไม่ค่อยเสนอข่าวฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับม็อบ....หากจรรยาบรรณของสื่อคือหลักแห่งจริยธรรมที่สื่อยึดถือ......คำถามเหล่านี้ก็เป็นคำถามเชิงจริยธรรมของสื่อ...ทีประชาชนจำนวนมากยังกังขา !
-----ณ. จุดของข่าวสาร ประกอบด้วยเนื้อหาและวิธีการนำเสนอ...วิธีการนำเสนอประกอบด้วย การพาดหัวและการวางตำแหน่งข่าวในหน้าสื่อ....หากเป็นรายการทีวี วิทยุก็เป็นอีกแบบหนึ่ง.....คำถามมีอยู่ว่าทำไมถึงพาดหัวข่าวนี้ สำคัญกว่าข่าวนั้น...ทำไมเนื้อที่ของข่าวนี้จึงอยู่ตรงนั้น ไม่อยู่ตรงตำแหน่งนี้...ทำไมภาษาที่ใช้พาดหัวข่าวจึงใช้คำนี้ ประโยคนี้..ทำไมไม่ใช้คำนั้น ประโยคนั้น.....ทำไมนสพ.ฉบับนี้พาดหัวแบบนี้ ส่วนอีกฉบับพาดหัวอีกแบบ....คำถามทั้งหมดนี้มีผลต่อการรับรู้และการสร้างทัศนะคติทางบวกและทางลบต่อผู้รับสื่อทั้งสิ้น......ในยามปกติไม่มีใครตั้งคำถามเหล่านี้ แต่ในยามที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคม....ประชาชนในฐานะผู้บริโภคข่าวสารมีสิทธิที่จะตั้งคำถามเหล่านี้.....ในขั้นตอนกำหนดวิธีการนำเสนอนี้ก็สามารถให้คุณให้โทษแก่ผู้อ่านได้มากทีเดียว.....หากจรรยาบรรณของสื่อคือหลักแห่งจริยธรรมที่สื่อยึดถือ......คำถามเหล่านี้ก็เป็นคำถามเชิงจริยธรรมของสื่อ...ทีประชาชนจำนวนมากยังสงสัย !.........หากเจาะลึกลงไปในเนื้อหาสาระของข่าวสาร....เราก็จะพบว่า...ขึ้นอยู่กับการใช้ดุลยพินิจของคนทำข่าวล้วนๆ.....หลักการเบื้องต้นของการทำข่าว ที่ใช้ 5W (What Who When Where Why) ดูเหมือนจะได้รับการดัดแปลงจนทำให้หาหลักการเดิมไม่พบ...เพราะข่าวกับความคิดเห็นของผู้เขียนข่าวปะปนกันอย่างยากที่จะแยกแยะ
-----ณ.จุดของผู้รับข่าวสาร ประกอบด้วยคนหลายกลุ่ม ในสถานการณ์ที่สังคมกำลังขัดแย้งกันอยู่ คนมักจะมี 3 กลุ่ม คือฝ่ายที่สนับสนุนม็อบ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับม็อบและฝ่ายที่เฉยๆ....คำถามมีอยู่ว่า สื่อมวลชนทำข่าวและเสนอข่าวเพื่อใคร...เพื่อให้คนสนับสนุนม็อบ เพื่อโน้มน้าวจูงใจพวกเฉยๆ โดยไม่ใส่ใจต่อกลุ่มผู้อ่านที่ไม่เห็นด้วยกับม็อบและทำให้พวกเขาเป็นผู้ร้ายของสังคมใช่หรือไม่.......คำถามเหล่านี้ก็เป็นคำถามเชิงจริยธรรมของสื่อมวลชนเช่นกัน.....คุณใช้หลักเกณฑ์อะไร มาเลือกปฏิบัติต่อคนอ่านข่าวของคุณ คุณใช้หลักเกณฑ์อะไรเลือกสนับสนุนคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกร้องให้นายกลาออกโดยไม่บอกว่า หลังนายกลาออกแล้วสังคมจะได้อะไร อย่างไร..คุณไม่ได้มีส่วนในการให้สติใดๆแก่สังคมเลยใช่หรือไม่....คุณพร้อมทีจะให้ประเทศไทยเดินไปสู่ความเสี่ยงภัยกับม็อบเหล่านั้นใช่หรือไม่ ?
----------ในทุกขั้นตอนของกระบวนการทำงานของสื่อ...เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า...คนทำงานสื่อต้องใช้ดุลยพินิจแห่งตนทั้งสิ้น...การใช้ดุลยพินิจแห่งตนนี่แหละ...คือที่มาของคำถามใหญ่...
-----หากสื่อใช้ดุลยพินิจโดยยึดเอาความสามัคคีของคนในชาติเป็นตัวตั้ง สื่อจะนำเสนอข่าวแบบนี้หรือ
-----หากสื่อใช้ดุลยพินิจแห่งหลักวิชาชีพสื่อสารมวลชนสื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว สื่อจะนำเสนอข่าวและรวมหัวคนทำข่าวแบบที่ทำอยู่หรือ
-----หากสื่อใช้ดุลยพินิจโดยยึดเอาจรรยาบรรณของสื่อเป็นที่ตั้ง สื่อจะนำเสนอข่าวแบบที่เป็นอยู่หรือ
-----หากจรรยาบรรณสื่อคือหลักแห่งจริยธรรมของสื่อ....สื่อยังมีจริยธรรมอยู่หรือ
----------ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์และที่ประจักษ์อยู่ทุกวัน..บอกแก่สาธารณชนว่า...สื่อได้ใช้ดุลยพินิจในการเสนอข่าวโดยมีวาระซ่อนเร้น(Hidden Agenda) อย่างชัดเจน...โดยที่วาระซ่อนเร้นนั้น ยังคงซ่อนเร้นอยู่ต่อไป สื่อได้ทรยศและหันหลังให้กับหลักการวิชาชีพ จรรยาบรรณของตัวเองเสียสิ้น...
จากนี้....เราจึงค้นพบสัจจะจากความเป็นจริงว่า...
-----สื่อมวลชนไทยมีปัญหาในการใช้ดุลยพินิจที่ถูกต้องชอบธรรมในการปฎิบัติหน้าที่สื่อจริง !
-----สื่อมวลชนไทยกำลังเผชิญหน้ากับคำถามและข้อสงสัยด้านจรรยาบรรณและจริยธรรมจริง !
-----สื่อมวลชนไทยใช้สิทธิ เสรีภาพ เกินขอบเขตแห่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจริง !
-----สื่อมวลชนไทยใช้ดุลยพินิจโดยมีวาระซ่อนเร้นจริง !
----------ทั้งหมดนี้เราไม่เรียกว่าข้อกล่าหา.....แต่มันเป็นคำพิพากษา...ที่ผ่านการสอบสวน ไต่สวน จากสถานการณ์รายวัน รายชั่วโมง ซึ่งมีหลักฐานปรากฏชัด.....นั่นคือ ทุกหน้าของ นสพ.รายวันทั้งกรอบเช้าและกรอบบ่าย ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
----------หากสื่อใดสำนึกได้และกลับมาใช้ดุลยพินิจที่ยึดเอาเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ หลักการแห่งวิชาชีพ จรรยาบรรณของสื่อมวลชนเป็นที่ตั้งและละทิ้งวาระซ่อนเร้นที่อยู่เบื้องหลัง....เราพร้อมให้อุธรและเปลี่ยนคำพิพากษาเสียใหม่ตามระดับของความสำนึกผิดและความประพฤติที่ไร้ซึ่งวาระซ่อนเร้น....
Create Date : 15 เมษายน 2549 |
Last Update : 29 สิงหาคม 2549 16:52:25 น. |
|
19 comments
|
Counter : 840 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ปทุม1 IP: 58.10.210.8 วันที่: 15 เมษายน 2549 เวลา:20:04:22 น. |
|
|
|
โดย: ปุยนุ่นสีแดง IP: 203.114.101.71 วันที่: 15 เมษายน 2549 เวลา:21:33:01 น. |
|
|
|
โดย: Sammy IP: 210.86.220.221 วันที่: 15 เมษายน 2549 เวลา:23:37:52 น. |
|
|
|
โดย: นาย ผ่านมา IP: 58.147.104.148 วันที่: 16 เมษายน 2549 เวลา:20:09:41 น. |
|
|
|
โดย: mr51 IP: 202.5.87.130 วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:8:45:36 น. |
|
|
|
โดย: สื่อเลวมีแยะ IP: 221.128.89.162 วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:10:15:25 น. |
|
|
|
โดย: เพื่อน รสนา IP: 203.172.73.9 วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:18:58:51 น. |
|
|
|
โดย: integrate_think IP: 203.113.55.202 วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:19:41:33 น. |
|
|
|
โดย: ซูสีไทเฮา IP: 58.8.73.12 วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:23:30:24 น. |
|
|
|
โดย: ซูสีไทเฮา IP: 58.8.73.12 วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:23:31:19 น. |
|
|
|
โดย: เบื่อ พูดเหมือนเป็นกลาง IP: 124.121.163.212 วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:3:26:37 น. |
|
|
|
โดย: ฉ่ำ ชาวนา IP: 203.156.166.250 วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:16:50:35 น. |
|
|
|
โดย: จะเด็ด IP: 58.8.35.216 วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:10:47:38 น. |
|
|
|
โดย: โน่ง IP: 203.155.14.4 วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:14:47:37 น. |
|
|
|
โดย: zzz IP: 61.19.54.238 วันที่: 21 เมษายน 2549 เวลา:19:19:03 น. |
|
|
|
โดย: โอ่ง IP: 203.188.1.20 วันที่: 21 เมษายน 2549 เวลา:22:33:55 น. |
|
|
|
โดย: เชียร์นายกสุดหัวใจ IP: 58.8.137.185 วันที่: 21 เมษายน 2549 เวลา:23:50:50 น. |
|
|
|
โดย: RealzeIntellct IP: 124.121.107.87 วันที่: 26 เมษายน 2549 เวลา:22:53:28 น. |
|
|
|
โดย: ฅนไท IP: 118.172.27.66 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:13:12:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
หากเอาเวลาของจักรวาลเป็นตัวตั้ง แล้วเอาเวลาของชีวิตมนุษย์คนหนึ่งเป็นตัวเทียบ......ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้นยิ่งนัก...สั้นยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ....
|
|
|
|
|
|
|