|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตอนที่ 17 "(แรง)งานพิเศษ" องก์ 1
นักเรียนภาษาเยอรมัน ที่มาด้วยวีซ่าคอร์สเรียนภาษา สมัยก่อนนั้น (พูดซะแก่อีกแย้ว) ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานใด ๆ นะฮะ แต่กระนั้น ก็มีคนแอบทำกันให้สลอนล่ะฮ่ะ งานที่ป๊อบท้อปสุดฮิต ก็จะคงมิมีที่ไหนจะติดลมบนมากไปกว่า งานตามร้านอาหารไทย ใครหน้าตาสลัวจิต ไปเป็นลูกมือในครัว ก็ได้เงินน้อยหน่อย ใครหน้าตาหวานหยดย้อยอย่างน้องเกย่าก็ไปเป็นพนักงานเสิร์ฟ ค่าทิปก็จะได้เยอะนะฮะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความเขี้ยว ของเจ้าของร้านด้วยฮ่ะ ว่าจะขนาดลูกหมาฟันเพิ่งขึ้น แค่งับนิ้วเบาะ ๆ เอามัน หรือว่าขนาดหมูป่าเขี้ยวตันโง้ง จ้องจะโกงลูกน้องในร้านให้บานไปเลย (ทำงานงก ๆ กันจนบานไงฮะ มือบานเบอะ เพราะยกจานหนัก เวลาพักก็ไม่ค่อยจะมี แถมเจ้าของร้านตัวดี ยังอุ๊บอิ๊บค่าทิปอีก)
ยกตัวอย่างใกล้ใจ แต่ไกลตัวอย่างพี่จานี่ ชีเป็นกุลสตรีไทย น่าเลื่อมใสมากฮะ ฝีมือสลักเสลาเถาลูกแตงโม หรือฟักทองแกงบวดของเธอนั้น งามไม่เป็นสองรองใคร ในแผ่นดินอินทรีเหล็กนะฮะ เจ้าของร้านอาหาร นามเดียวกับท่าไหว้ ได้เห็นฝีมีดการแคะแงะแกะขุด อย่างไม่สะดุดผิวผลไม้ของพี่จานี่ ก็ปลื้มปีติ ดีใจหลาย ส่งเทียบเชิญมาเกี้ยวนางใน (ก้อมีสามีแล้วไงฮะ) ให้ไปรับจ้างแกะสลักที่ร้านฮ่ะ สมัยนั้นพี่สาวคนนี้ของเกย่า เพิ่งจะมาเยอรมันใหม่ ๆ นัยว่าหูตาก็ยังใสอยู่ เป็นปูยังไม่ถูกนึ่ง ได้ฟังข้อเสนอก็ตะลึงตึงตังเป็นธรรมดา แหม..มีรายได้ส่งให้บิดามารดาใช้ ด้วยแรงกายของตัวเอง ไม่ต้องเกรงคำครหาว่างุบงิบเงินคุณสามีส่งกลับบ้าน เป็นลูกกตัญญูได้เต็มปากเต็มคุณธรรม
พี่สาวคนสวยก็ตกปากรับคำฮะ จะไปแกะสลักให้เจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ ได้เวลาดีที่นัดหมายไว้ เธอก็ขับรถไปร้านอาหารที่อยู่ห่างจากบ้านนับสิบกิโลเมตร (ค่าน้ำมันรถ คุณซะมีใจดีออกให้) พอไปถึงร้าน ท่านเจ้าของก็ออกมาต้อนรับขับสู้ กุลีกุจอพาไปดูลานเชือด เอ๊ย ลานกองผลไม้ที่นางสาวงามอย่างไทยของเรา จะต้องสลักเสลา เอาความงามแห่งเครือไม้เถามาลัยมาลีจากสมอง ออกมาเป็นรูปธรรมประจักษ์ด้วยสองมือ เรียกเสียงอื้อหือ ให้ระบือลือเลื่อง ต่อสายตาลูกค้าเยอรมัน ที่มารับประทานอาหารในร้าน
ฝีมือพี่จานี่ในการจรดปลายมีดกรีดลงไป แล้วควักลากเอาส่วนที่ไม่ต้องการออก โดยไม่สร้างรอยถลอกแก่ผิวเปลือกข้างเคียงนั้น นับว่าเข้าขั้นชั้นฮ่อเซียนโกวนะฮะ เธอสลักผลไม้และพืชผักได้แทบทุกชนิด โดยไม่ต้องมานั่งคิดวาดลวดลายให้เสียเวลา เรียกว่าปากกาไม่ต้อง นิ้วน้องทำเองค่าาา
ดัชนีนาง วางปลายมีดเรียวโง้ง ตวัดลงไปตรงไหน ลายสลักงามงด ก็จะปรากฏขึ้นทันตาทันหทัย สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าเยอรมันยิ่งนัก มารุมห้อมล้อมตอมไต่ จนสาวไทย มือไม้มีดระวิงไม่มีเวลาพักเลยล่ะฮ่ะ นั่งพับเพียบสามชั่วโมง ในชุดโจงกระเบน เฉียงสไบ แกะสลักผลไม้เป็นกระตั๊ก งานหนักขนาดนี้ คิดว่าพี่จานี่ของหนู ได้ค่าแรงเท่าไรฮะ ...............
เจ้าของร้าน (ไม่แน่ใจว่า เป็นญาติสายไหนของสามชายไทย ในตอนที่ 16 หรือเปล่า) ให้ค่าจ้างแก่พี่จานี่ สมัยไม่รู้เดียงสา 20 มาร์ค (10ยูโร) ฮ่ะ อ๊ะ ๆ ไม่ใช่ 10 ยูโร ต่อชั่วโมงนะจ๊ะ แต่อัตราค่าจ้างที่ว่า คือสามชั่วโมงฮ่ะ มะละกอ ฟักแฟง แตงโม แตงกวา แครอท ขิงข่า พริกชี้ฟ้า มะเขือเปราะ ที่ ได้รับการเนรมิตร แกะสลัก อย่างวิจิตรบรรจง เต็มกระจาดนั้น ค่าจ้าง(แรง)งานสร้างสรรค์ ของศิลปินเฉลี่ยแล้ว ตกชั่วโมงละ 3.33 อินฟินิตี้ยูโร เทียบกับค่าครองชีพในประเทศพัฒนาแล้ว อย่างเยอรมัน ก็....นะ
ปกติ ตามโรงแรมใหญ่ ๆ หรือร้านอาหารชั้นนำ เค้าชำระค่าจ้างพนักงานแกะสลัก กันเป็นชิ้นงานเลยนะฮะ อย่างสลักแตงโมใบหนึ่ง ก็ตีราคาไปเลยว่าคิดเท่าไร สนนราคาที่เค้าจ่ายกันนั้น พี่จีน่า ทำงานห้าวัน ยังไม่ได้เลยนะฮะ เฮ้อ.....
คุณป้าของเกย่าเอง ก็แนะนำและย้ำอยู่เสมอถึงสถานการณ์ การหา ("แรง")งานพิเศษ ประเภทดังกล่าว จากเหล่าเจ้าของร้านอาหารไทย ก็ไม่ใช่ว่าทุกร้านจะเป็นอย่างนี้นะฮะ แต่จะว่าไป เราชาวไทยไกลบ้าน ก็รู้ ๆ กันอยู่น่ะ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ไม่ต้องอธิบายให้มากมายจริงไหมฮะ คริ คริ เจ้าของร้านอาหารไทยในเยอรมันหลายแห่งจ้างงานชนิดมืดมัว ไม่คุ้มครองแรงงาน ประกันค่าจ้างขั้นต่ำใด ๆ ทั้งสิ้น
ปกติแล้วการจ้างงานในเยอรมันอย่างถูกกฏหมาย นายจ้างจะต้องทำสัญญา และรายงานต่อสำนักงานจัดเก็บภาษีให้เรียบร้อย พนักงานเองก็จะมีใบแสดงภาษีเงินได้ ซึ่งต้องไปขอจากที่ว่าการเขตที่ตนพำนักด้วยเช่นกัน เมื่อได้รับการจ้างงานตามกฏหมาย พนักงานก็จะได้รับการคุ้มครองเรื่องประกันสุขภาพ และ สวัสดิการสังคม กรณีป่วย ได้รับอุบัติเหตุ ตั้งครรภ์(อันนี้เกย่าไร้ความสามารถ) หรือกรณีตกงาน ก็จะได้รับการจ่ายค่าชดเชย นอกจากนี้ ช่วงเวลาพักร้อน (ปกติ 4-6 สัปดาห์) ต่อปี ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดสำหรับชาวเยอรมัน
การชำระภาษีเงินได้ (ไม่รวมภาษีสังคม) ในเยอรมันนั้น ตามกฏหมายปรับปรุงใหม่ แบ่งออกเป็น 6 ประเภทนะฮะ (อ้างตามกฏหมาย ปี 2004) เรียกกันเล่น ๆ ว่า หมายเลข 1 ถึง 6 เจอหน้ากัน เวลาได้งานใหม่ ก็จะถามกันสนุก ๆ ว่า หมายเลขไหนยะหล่อน
ก่อนปี 2004 ผู้มีรายได้เกินขั้นต่ำที่กำหนดไว้ คือมากกว่า 7664 ยูโรต่อปี จะมียอดชำระภาษีที่ต้องจ่ายตั้งแต่ 19.5-48.5 เปอร์เซ็นนะฮะ
แต่ปัจจุบันนี้ ภาษีเงินได้ลดลงมาเหลือ 16-45 เปอร์เซ็น ตามแต่จำนวนรายได้ (บางรายงานล่าสุด บอกว่าในปี 2005 ลดลงมาอีก เหลือ 15 - 42 เปอร์เซ็น แต่เกย่ายังสบสนอยู่ เอาไว้เจอเพื่อนที่ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านภาษี จะถามให้นะฮะ) มิตรรักนักอ่านท่านใดรู้ข้อมูลตรงนี้ชัวร์ ๆ จะมาแบ่งปันกันก็จะเป็นพระคุณยิ่งฮ่ะ ให้เด็กสายศิลป์อย่างหนูมาพูดเรื่องภาษี มันก็มั่ว ๆ มึน ๆ อย่างนี้ล่ะนะฮะ อิอิ
ผู้ที่แต่งงานแล้ว และทำงานทั้งคู่ ก็จะต้องไปตกลงกับคู่สมรส ว่า ฝ่ายไหนจะถือหมายเลข 3 ซึ่งจ่ายน้อยกว่า และใครอีกคนก็ต้องถือหมายเลข 5 ซึ่งจ่ายไปเต็ม ๆ ถ้ามีลูก ก็นำมาช่วยลดหย่อนได้ จะจ่ายแยกกัน หรือรวมเงินได้เข้าด้วยกัน แล้วจ่าย ก็มีข้อแยกแยะปลีกย่อยออกไปอีก ปกติฝ่ายที่มีรายได้มากกว่า ก็จะชิงเอาหมายเลขที่จ่ายภาษีถูกกว่าไป ระยะหลังมานี้ ชายเยอรมันที่มีรายได้มากบางคน ก็นำเข้าภรรยาต่างชาติ ด้วยจุดประสงค์เอามาช่วยลดภาระภาษี ไอเดียพ่อช่างเก๋ดี ระเบิดเถิดเทิง (เรื่องหมายเลขภาษีนี้ อ่านกฏหมายใหม่แล้วยังงง ๆ อยู่ จะมาอัพเดทข้อมูลใหม่หลังถามเพื่อนแล้วนะฮะ --เกย่ายังโสดซิง ใบแสดงภาษีเงินได้ จึงใช้หมายเลข 1 ฮ่ะ)
ภรรยาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทำงานหวังจะส่งไปไถ่ที่นาให้ปะป๊า มาม้า กลับโดนอภิมหาภาษีหมายเลข 5 เข้าไป ก็น้ำตาตกในนองไหลล้นออกมาข้างนอกล่ะฮะ สมัยที่เยอรมันตะวันตกยังเฟื่องฟูอยู่ (หมายถึงยังไม่รวมประเทศ) คนเยอรมันฝั่งประชาธิปไตยทำงานกันเพียง 35 - 37.5 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์เท่านั้นนะฮะ ต่อมาหลังรวมประเทศเศรษฐกิจประสบภาวะถดถอย จำเป็นเพิ่มเวลาการทำงานขึ้นเป็น 38.5 ชั่วโมง และล่าสุดในมลรัฐ บาเดน -วุ้ทเทมแบร์ก เกิดการประท้วงกันเสียใหญ่โต ของเหล่าพนักงานเก็บขยะและบริการสาธารณะ เมื่อรัฐบาลประสงค์จะขยายเวลาการทำงานออกไปอีก เป็น 40 ชั่วโมงโดยไม่จ่ายค่าจ้างเพิ่ม เนื่องจากรับภาระไม่ไหว
การประท้วงดังกล่าว เทียบไม่ได้เลย กับสภาพการจ้างงานของคนเยอรมันฝั่งอดีตคอมมิวนิสต์ ที่ชินชากับทำงานเกิน 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และได้ค่าจ้างต่อชั่วโมงต่ำกว่า ถึงแม้จะรวมประเทศกันแล้วกว่า 17 ปี อัตราค่าจ้าง และชั่วโมงการทำงานระหว่างฝั่งตะวันตก กับตะวันออกของเยอรมัน ก็ยังเหลื่อมล้ำกันอยู่ค่อนข้างชัดเจน
กลับมาที่ร้านอาหารไทยกันต่อนะฮะ จะว่าไปรายได้ของร้านอาหารไทยที่นี่ ในกรณีขายดีเป็นเทน้ำเทท่า (ไม่ใช่เอาไปเททิ้ง อย่างศรีธนญชัย ช่วยยายขายขนม) หากเทียบดูราคาอาหารต่อจานแล้ว ก็หรูหราฟู่ฟ่ากันอยู่ไม่น้อย ส้มตำไทย มีกุ้งแห้งห้าตัว ชิ้นเท่าปลายก้อย กะถั่วลิสงคั่วเม็ดน้อย ๆ อีกสิบสี่ซีก ผสานวิญญาณมะละกอ ห่อแทรกด้วยกายาแครอท ไม่มีแคบหมูทอดแถมมาข้างจานแต่อย่างใด ราคาโดยทั่วไปก็ตกจานละไม่ต่ำกว่า 10-15 ยูโรนะฮะ แอร๊ยย ตัวทำกำไรชั้นหนึ่งเลยนะ ตำบักหุ่งเนี่ย
ครี้งหนึ่งเกย่าเคยไปทานอาหารไทยที่ร้านซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในแบร์ลิน แน่นอนว่าราคาก็สูงตามป้ายประกาศคุณภาพในหน้าหนังสือแนะนำอาหารร้านอร่อยไปด้วยนะฮะ ช่วงนั้นคุณป้ากลับไปเมืองไทย แต่คุณลุงติดงานตามไปด้วยไม่ได้ เกย่าเลยรับอาสาทำหน้าที่ภรรยาที่ดี เอ๊ย ทำหน้าที่ดูแลเฝ้าคุณลุงไม่ให้คลาดสายตาไปหาสาวที่ไหนแทนคุณป้าฮ่ะ ถึงจะรับหน้าที่พ่อครัวหัวป่าก์ทำอาหารไทยให้คุณลุงคุณป้าทานแทบทุกวัน แต่นานเข้า เกย่าก็เริ่มเบื่อฝีมือของตัวเองบ้างเหมือนกัน
ได้โอกาสคุณป้าไม่อยู่บ้าน ชวนคุณลุงไปเริ่งร่าหรรษา หาอะไรทานกันข้างนอกดีกว่า แต่พิซซ่าเกย่าก็ไม่ชอบ... โดเน่อร์ตุรกี ลุงร้องยี้ "ผมไม่รับ"...ตับห่านฝรั่งเศสแสนทารุณสงสารสัตว์ ...อาหารอินเดียมังสวิรัติ แป้งเยอะอึดอัดเกิน... อาหารจีนเมินซะเถอะ มันก็เยอะเกลือก็แยะ... ขาแกะย่างตามอย่างกรีก... คุณลุงอ้างว่าเหม็นสาบ... งั้นลาบเป็ดเอาไหมฮะ... เออดีว่ะไปกันเล้ยยยย สรุปว่า เราก็ตกลงใจไปร้านอาหารไทยกันฮ่ะ และร้านที่เกย่าเลือก ก็คือร้านที่ได้รับรางวัลอาหารรสเลิศ จากหนังสือนักชิมของแบร์ลินประจำปีนั้น
นั่งรถเบนซ์คันโก้ของคุณลุง (ทำไมแฟนชั้น ไม่รวยอย่างนี้บ้างฟะ) ข้ามสะพาน Glienicker Bruecke ซึ่งเชื่อมสองฝั่งระหว่าง พอตสดัมกับแบร์ลิน ตรงไปยังเขตแบร์ลินซิตี้เวสต์ โดยจุดหมายปลายทางคือร้านอาหารไทย ซึ่งได้รับรางวัลการันตีคุณภาพและรสชาติที่ว่า.....
เกย่านั้นลงจากรถแล้ว ก็เดินตามหลังคุณลุงต้อย ๆ เพราะยังติดนิสัยให้เกียรติผู้อาวุโสกว่าจากเมืองไทยมา ซึ่งมักจะโดนคุณลุงเอ็ดเอาเป็นประจำ ท่านบอกว่า จะมาตามหลังอยู่ทำไม ไม่ได้ล่ามโซ่ให้เดินตามอย่างทาสนะ แต่ถึงจะถูกเอ็ดกี่ที เกย่าก็มิอาจเลิกนิสัย ค้อมตัวลงต่ำยามเดินผ่านผู้ใหญ่ หรือ เอามือปิดคอเสื้อเวลาก้มลงหยิบของตก (อิอิ) ได้เลยล่ะฮ่ะ แหม วัฒนธรรมหญิงไทยใจงามชิมิคะ
พนักงานในชุดล้านนาไทย มายืนพนมมือไหว้สวัสดี ต้อนรับตั้งแต่หน้าประตูเลยนะฮะ เกย่าก็ยกมือไหว้ตอบและกล่าวสวัสดีกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ เพื่อย้ำว่า หนูก็คนไทยค่ะ ด้วยเหตุที่หน้าตาของเกย่าละม้ายไปทางเอเชียตะวันออก มากกว่าไทย จะคล้ายไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่ เกาหลี หรือญี่ปุ่น ก็ช่างเถอะนะฮะ ประเด็นก็คือ ผิวขาวจัด ตาสีอ่อน และผมก็น้ำตาลธรรมชาติชัดเจน ต่างจากคนไทยในสายตาฝรั่งทั่ว ๆ ไป แต่เกย่าไม่ใช่ลูกครึ่งนะฮะ จะครึ่งชายครึ่งหญิง หรือลูกผสมแม่นางเสี่ยวชิง กะอ้ายลุ่มน้ำปิง ก็ไม่ใช่ทั้งนั้นฮ่ะ
บริกรชายเดินนำสองลุงหลาน ต่างผิวพรรณและสัญชาติไปยังที่นั่งเรียบร้อยแล้ว บริกรหญิง ซึ่งหน้าตาก็บอกถิ่นฐานภูมิลำเนา แต่เอาชุดล้านนามาห่มเจียมนั้น ก็เดินมากล่าวสวัสดี พร้อมมีเมนูมาให้
" กู่ เทนนน อ๊าาาเบน...เท่อะ" เธอทักทายคุณลุงซึ่งนั่งตรงข้ามกับเกย่า ด้วยภาษาเยอรมันที่ชัด จนเกินความจำเป็นมาก คุณลุงเหลือบมองตาเกย่า แล้วหันไปยิ้ม ทักทายตอบ
" ซา หวัด ดี คา คุณ น้องง" เกย่าจนใจ ไม่รู้จะใช้อักขระ อักษรไทยที่มีอยู่ ถ่ายทอดเสียงของคุณพี่บริกรหญิงได้อย่างไร เอาเป็นว่า นึกภาพดีเจแชแนลวี ที่พูดไทยสำเนียงลูกครึ่ง ผสมกับพี่อุ้ม สิริยากรก็แล้วกันนะฮะ คำว่า "คุณน้อง" ของเธอนั้น เสียงสั้นมาก ๆ พอ ๆ กับ "คุณน็อง" ที่มีไม้ใต่คู้ แต่เสียงวรรณยุกต์ตรีกำกับ ดับเบิ้ลอยู่ด้วยน่ะฮะ
ก่อนที่เกย่า จะเอ่ย สวัสดีตอบรับกลับไป เธอก็ยิ้มให้เกย่า เห็นฟันด้านหน้าครบทุกซี่ ตัดกับริมฝีปากฉาบลิปสติกสีแดงสด แล้วพูดว่า...
"แฟ็น คุณ น็อง เหรอะ ค้า" เธอสงสัยใคร่รู้ว่า ผู้ชายวัยกลางคน มาดอาเสี่ย ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเกย่าเนี่ย เป็นคุณซะมีหนูอ๊ะป่าว (กรุณาเลียนเสียงเธอตามที่ พยายามถอดเสียงคำอ่านไว้ให้ฮะ จะได้อรรถรสมาก)"
เกย่าขำเสียงแอ๊คเซ่นของเธอจนลืมโกรธ ในความสู่รู้จุ้นจ้านจนเกินงามนั้น จึงได้แต่ระบายยิ้มไปทั่วหน้า คุณลุงมองตาเกย่า แล้วยักคิ้วเลิ่กลั่ก เป็นเชิงถาม ปนพิศวงงงงวย
" เหม่-นู้ เฟื้อ ซี" เธอพูด พลางส่งเมนูอาหารให้คุณลุง
" เมนู คา คุณน็อง" เธอหันมาส่งเมนูให้เกย่า
เกย่าก็รับมา และขณะจะเปิดอ่านด้านใน
" ร็าว ไม้ มี พะซา ทาย นาคา คุณ น็อง " -- เข้าใจที่เธอพูดไหมฮะ ถ้าไม่ เดี๋ยวจะกลับมา เป็นล่ามถอด ทาย เอ๊ย ไทย ให้ทีหลังฮ่ะ
" ว้าส ซ้ากเท่ะ ซี้ " ประโยคนี้ คุณลุงถามเกย่า ว่าคุณบริกรหญิงพูดอะไรไปตะกี้
แต่คุณบริกรสาวผู้หูไว ก็อาสา (โดยเรามิได้ร้องขอ) ตอบคุณลุงแทนเกย่า
" อิ๊คเช่อะ มายเน่อะ เวียร์ ฮ้าเบ้น ไคน์ ไทแลนดิ้ชเช่อะ ฉะปร๊ากเฮ่อ เหม่นู้ เฮียร์" เธอบอกว่า ไม่มีเมนูภาษาไทย (ให้อีตาหัวน้ำตาลที่นั่งอยู่ตรงนี้น่ะ)
ฟังน้ำเสียงของคุณเธอ ผสานกับรอยยิ้มเหยียดเล็ก ๆ ตรงมุมปาก แล้ว เกย่าก็แน่ใจว่า เธอคงจะสำคัญผิดคิดไปว่า อีตาฝรั่ง มาดอาเสี่ย ที่นั่งอยู่เนี่ย ไปหิ้วเกย่ามาจากที่ไหนสักแห่ง อิอิ.....
" อาแบร์ เว้ลเช่ะ ชปร๊าคเฮ่ะ ชเต้ททึ เฮียร์ " ด้วยภาษาเยอรมันสำเนียงกลางที่ชัดเจน คุณลุงถามบริกรสาว ก่อนจะชี้นิ้ว ให้เธอดูในเมนู
Som-Tam Thai Lap Kai Yam Ta-Lay
ชื่ออาหารพิมพ์ด้วยภาษาไทยคาราโอเกะ ขนาบเคียงข้างด้วยคำอธิบายลักษณะอาหาร จานนั้น ๆ เป็นภาษาเยอรมัน
" โอ๊ว ยา เกะนาว" -- โอว ใช่ จริง ๆ เธออุทาน เมื่อเห็นว่า ภาษาไทยในเมนูก็มีนะ(ยะ)
เกย่าไม่อยากจะถือสาหาความอะไรเธอ เพราะเห็นพฤติกรรมของสาวไทย "บางนาง" ที่นี่มาจนชิน จึงสั่ง ผัดไก่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารจานโปรด เป็นจานหลัก หลังจากที่อาหารเรียกน้ำย่อยนั้น สั่งทอดมันกุ้งไปแล้ว
" โอว คุณน็อง คา ไก ผัด เม้ด มะม็วง คิด ว้า ไม่ ทุ้ก จาย นาคา " เธอแย้ง
"ทำไมเหรอฮะ" เกย่าถาม
"มาน จา ไม้ เผ็ด นาคา เมือน อาหัน จีน มั่ก กวา คา" เธอบอก
เกย่าฟังคำแนะนำของเธอ ก็ดูเข้าทีดีอยู่ เลยเปลี่ยนใจสั่ง ยำปะการังแทน แอร๊ยยย เผ็ดแซ่บ แสบลำไส้ใหญ่ ในตอนเช้าวันถัดไป ม้ากกก ค่าาา
อาหารที่คุณลุงสั่งนั้น คือ กระทงทองทอด และลาบเป็ดนะฮะ ท่านสั่งแม่โขงมาด้วย เพราะคุณบริกรสาวบอกว่า เหล้าไทยแรงซู่ซ่าฮ่ะ เอิ๊ก ๆ
อาหารคืนนั้น อร่อยเลิศสมคำโฆษณา และการันตีฮะ เราสั่งอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่าง แต่ไม่ทานของหวาน เบ็ดเสร็จมื้อนั้น จ่ายไปร่วมร้อยยูโรทีเดียว.....
ทานอาหารร้านหรูกันไปแล้ว เดี๋ยวพาไปชิมร้านไทยราคาถูกกว่าบ้างฮ่ะ ลองมาดูกันว่าบรรยากาศ และการบริการ ตลอดจนรสชาติอาหารเป็นเช่นไร..................
Create Date : 23 มีนาคม 2549 |
Last Update : 23 มีนาคม 2549 2:55:57 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1015 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Jiguli IP: 84.230.128.124 วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:1:00:19 น. |
|
|
|
โดย: Rigel IP: 87.160.242.229 วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:3:59:33 น. |
|
|
|
โดย: ple IP: 124.120.165.102 วันที่: 4 มกราคม 2551 เวลา:21:33:01 น. |
|
|
|
โดย: Yerliana IP: 109.230.216.225 วันที่: 18 มีนาคม 2555 เวลา:18:16:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|