Group Blog All Blog
|
3 วันมันส์ 2 ประเทศ.....โน่นนิดนี่หน่อย เที่ยวเล็กๆ น้อยๆ 2 คืนในสิงคโปร์ (ภาคนี้เกือบติดตม.แหนะ!!!) ![]() นั่งรถ Coach ออกจากมะละกาตั้งแต่ 1 ทุ่ม ดูวิวสองข้างทางเพลินๆ มีจอดแวะให้เข้าห้องน้ำตอนเกือบสามทุ่มครั้งนึง แล้วรถก็วิ่งยาวๆ ต่อไปยัง Johor Bahru รัฐชายแดนมาเลเซีย สิงคโปร์ อย่างที่บอกว่าวันที่เราเดินทางนั้น (5 พ.ค. 56) เป็นวันเลือกตั้งใหญ่ ทำให้บนถนนมีรถมากกว่าปกติและการจราจรก็แน่นเป็นช่วงๆ ด้วยค่ะ และหลังจากนั่งฟังคนขับบ่นๆ มานาน 4 ชั่วโมง ประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ เราก็มาถึงด่านตม.จนได้ การข้ามแดนก็จะเหมือนกับด่านชายแดนทั่วไป คือ เราต้องลงมาประทับตรา 2 ครั้ง ที่ด่านตม.มาเลเซียครั้งนึง จากนั้นก็เดินขึ้นรถข้ามไปยังด่านตม.สิงคโปร์ เพื่อประทับตราและยื่นใบขอเข้าเมือง บรรยากาศตอนนั้นคือทุกคนรีบเร่งมาก เดินจ้ำๆๆๆ เพื่อจัดการธุระให้ไวที่สุด ส่วนนึงอาจเป็นเพราะเรามาถึงดึกมากแล้ว ใกล้จะปิดให้บริการล่ะมั้ง (เดาเอาล้วนๆ ฮ่าๆ) ตอนประทับตราออกจากด่านมาเลย์ผ่านฉลุย แต่ที่ด่านตม.สิงคโปร์ดันมีปัญหาจนได้ เรากับแฟนเดินแยกกันเข้าแถวตามปกติ ของเราเจอจนท.ผู้หญิงที่สามารถพูดไทยได้ชัดเจน ก็มีขอดู boarding pass ไฟลท์กลับและถามว่า 2 คืนนี้เราพักที่ไหนบ้าง (คืนที่สองนอนสนามบิน แกขำกระจายบอกเรางก) หลังจากหยอกล้อจนหนำใจแล้ว จนท.ก็ประทับตราให้เราผ่านโดยไม่ติดขัดอะไรค่ะ ทีนี้แฟนเราไปเจอจนท.ผู้ชายซึ่งดูดุและถามคำถามเยอะมาก (คนก่อนหน้าแฟนก็โดนหนักมาก) แฟนเราก็เดินงัวเงียๆ ไปยื่นพาสปอร์ตและใบขอเข้าเมืองตามปกติ จนท.ถามโน่นนี่แฟนเราเยอะมากพอสมควร ซึ่งแฟนเราก็ตอบได้ แถมจนท.ที่ประทับตราให้เรายังไปช่วยพูดๆ ให้ด้วยเรื่องคืนที่สองที่เรานอนสนามบินเพื่อรอบินกลับไฟลท์เช้า แต่จนท.ตะคอกและพูดรัวๆ ใส่แฟนเราเหมือนทำอะไรผิดสักอย่าง เราก็เลยเดินเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น และก็พบความผิดพลาดที่แฟนเรากรอกข้อมูลในช่อง Have you ever been prohibited from entering Singapore ? คุณแฟนเจ้ากรรมง่วงจัดกรอกผิดไปว่า Yes ทำให้จนท.ถามหนักเลยว่าเคยติดตม.เรื่องอะไร เราเลยต้องแก้ใบตม.และขอโทษจนท.ให้เป็นการใหญ่ เรื่องนี้จำจนตายเลยค่ะ ง่วงๆ งงๆ นี่ห้ามกรอกใบเข้าเมืองเด็ดขาด พลาดนิดนึงนี่จบเห่เลย (ถ้าเป็นเกาหลีคงโดนส่งกลับแล้วมั้งเนี่ย...) ![]() Singapore Immigration Form ผ่านด่านมหาภัยมาแบบลุ้นระทึก ประมาณเที่ยงคืนเราก็มาถึงจุดหมายที่ถนน Geylang จนได้ ลงจากรถก็ข้ามถนนมาซื้อของกินจาก 7 -11 แล้วโบกแท็กซี่ไป South Bridge Road ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Woke Home Capsule Hostel ที่พักแนวแคปซูลของเรา หาไม่ยากเลยเพราะอยู่บนตึกเดียวกับ Five Stone Hostel อันโด่งดัง (แต่ของเราอยู่ชั้น 3, 4, 5, 6 ต้องกดลิฟท์ขึ้นมาเช็คอินที่ชั้น 6 ก่อน) มาถึงแล้วก็รีบเช็คอิน อาบน้ำ และเข้านอนอย่างไว จนลืมถ่ายรูปที่พักเลย (ลงอินสตาแกรมไว้ 2 รูปเท่านั้น แหะๆๆ) ขอยืมรูปจากเว็บไซด์โรงแรมมาลงเพิ่มเติมให้ดูนะคะ ![]() ในแคปซูลกว้างขวางใช้ได้ค่ะ ![]() ข้อดีของ Woke Home Capsule คือ ใกล้รถไฟฟ้าทั้งสายสีม่วงสถานี Clarke Quay และสายสีแดง - เขียว ที่สถานี Raffles Place ทำให้เดินทางเที่ยวและไปสนามบินได้สะดวกสบายมากๆ ค่ะ ราคาก็ไม่สูงคนละ 700 กว่าบาทต่อคืนเท่านั้น ในห้องพักจะเงียบและเป็นส่วนตัวมากกว่า Hostel ทั่วไปนิดหน่อยด้วย ส่วนข้อเสียก็คือ ห้องน้ำ (ห้องส้วม) ไม่ค่อยสะอาดเลยค่ะ อาจเป็นเพราะชั้นนึงมีห้องน้ำแค่ 4 -5 ห้องซึ่งถือว่าน้อยมาก (ชั้นนึงมี 5 ห้องพัก ห้องนึงนอนได้ 20 กว่าคน) แต่เพราะที่นี่แยกส่วนห้องน้ำ อ่างล้านหน้า และห้องอาบน้ำ ทำให้ใช้งานได้สะดวกดี อีกหนึ่งข้อเสียสำคัญก็คือ แม่บ้านมารยาทแย่มาก เค้าเข้ามาเจอเรากับแฟนเก็บของและแต่งตัวตอนเกือบๆ 11 โมง เค้าก็ถามว่า Cheach out? ซ้ำไปซ้ำมาเกือบ 5 รอบเป็นเชิงไล่ อาจจะเพราะต้องการทำความสะอาดเตียงรอบเดียวให้เสร็จ แต่ควรมีมารยาทและไม่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพักอย่างนี้ค่ะ เราคอมเพลนกับฟร้อนท์ไปแล้ว เค้าก็ขอโทษขอโพยเป็นอย่างดี แต่คงไม่กลับมาพักที่นี่แล้วค่ะ ไม่ค่่อยโดนใจสักเท่าไรเลย ![]() ภาพจาก //www.wokehomehostel.com ![]() ภาพจาก //www.wokehomehostel.com ![]() ชา กาแฟ ขนมปัง ทานได้ทั้งวันค่ะ ภาพจาก //www.wokehomehostel.com ![]() ภาพจาก //www.wokehomehostel.com ประมาณ 11 โมงครึ่ง หลังจากทานอาหารเช้า - เช็คเอาท์ - ฝากกระเป๋าเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางไปช้อปที่ Orchard ด้วยการเดินดูบรรยากาศย่าน Boat Quay ซึ่งมีร้านนั่งดื่มยอดนิยมของหนุ่มสาวพนง.ออฟฟิศหลายร้านเลย เผลอแป๊ปเดียวก็ถึง MRT Raffles Place แล้วค่ะ ยังไม่เหนื่อยเลย ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มาคราวนี้เรามีเวลาเที่ยวแค่วันเดียว ตัดสินใจซื้อบัตรแบบ One Day Pass ใช้เดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์ สนนราคา SGD 22 ค่ะ เก็บบัตรไว้เป็นที่ระลึกได้เลย ![]() ![]() จาก Raffles Place นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงไป Orchard ช้อปที่ห้างหรูยอดนิยม Ion ตั้งใจไปสอยนาฬิกาที่ River Island แต่ชอปดันปิดไปแล้ว เลยแห้วตามระเบียบ ![]() สักพักคุณแฟนก็เริ่มงอแง นางขอไปเดิน Outlet สอยของถูกๆ แทนเดินห้างไฮโซ เราก็เลยต้องจัดให้ นั่งรถไฟฟ้าย้อนกลับมา Raffles Place แล้วนั่งสายสีเขียวไปลง Jurong East (สถานีนี้นั่งสีแดงไปก็ได้ แต่เรามีเวลน้อยไม่อยากนั่งอ้อมค่ะ) จากนั้นเดินไปยังห้าง J Cube รอรถ Shuttle Bus ไปยังศูนย์รวม Outlet ที่ห้าง Imm เที่ยวสิงคโปร์คราวก่อน ก็มาช้อปที่นี่ค่ะ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=bongbongstory&month=12-01-2013&group=11&gblog=2 ![]() เป็นห้างที่เรามาทีไรฝนตกทุกที ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ช้อปปิ้งจนตัวเบาแถมหิวท้องกิ่วแล้วด้วย ประมาณบ่ายสาม เราก็นั่งรถไฟฟ้ากลับมาลงสถานี Outram Park แล้วนั่งสายสีม่วงไปลงสุดสายที่ Harbour Front แวะมาหม่ำมื้อกลางวันกันที่ Vivo City ในร้านสุดหรูยอดนิยมกันค่ะ ![]() No Signboard Seafood ภัตตาคารอาหารจีน อาหารทะเล ซึ่งถือได้ว่าเป็นร้านรับแขกบ้านแขกเมืองของสิงคโปร์ ความจริงร้านนี้คนเต็มร้านแทบจะทั้งวัน แต่บังเอิญว่าเราไปถึงตั้งแต่ยังไม่ 4 โมงเย็นและเป็นวันธรรมดาอีกตะหาก เรากับแฟนเลยเป็นลูกค้าโต๊ะแรกและโต๊ะเดียวในช่วงนั้น บริกร 4 -5 คนเลยมาจับจ้องแต่โต๊ะเราอย่างเดียว อึดอัดน่าดูเลยล่ะกว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ไต้หวันมาช่วยลดบรรยากาศมาคุลง ![]() ![]() เมนูสุดฮิตที่ห้ามพลาดของที่นี่ก็คือปู ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน แน่นอนว่าเราตั้งใจมากินปูศรีลังกาตัวใหญ่บิ้มและเลือกเป็นผัดซอส (น้ำซอสมันเข้มข้นโดนใจกว่า อิอิ) นอกจากนั้นก็สั่ง Crystal Pawn หมั่นโถวมินิ และข้าวเปล่ามาด้วยค่ะ ตอนแรกคิดว่าคงไม่อิ่มและต้องสั่งเพิ่ม ที่ไหนได้ แค่ปูอย่างเดียวก็ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะทานหมด สนนราคามื้อนี้จ่ายไป SGD 128 (เฉพาะปู SGD 64) ![]() ![]() ![]() ![]() มันหญ่ายยยยยยยมาก อิ่มแล้วก็นั่งรับลมที่จุดชมวิวของ Vivo City อีกสักแป๊ปก่อนไปดูไฟที่ Garden by The Bay ![]() ![]() ![]() ![]() เมื่อฟ้าเริ่มมืด เราก็เดินทางไป Garden by The Bay กันต่อ นั่งรถไฟสีม่วงไปลง Dhoby Ghaut นั่งสายสีแดงไปลงสุดสายที่ Marina Bay และต่อสายสีส้ม CE ไป 1 สถานีเพื่อลงที่ Bayfront ดูยุ่งยากไปนิดแต่เราจะมาโผล่ที่ทางเข้าสวนพอดิบพอดีโดยไม่ต้องนั่งแท็กซี่ค่ะ ประหยัดดีใช่ม๊าาา ![]() ![]() ![]() ![]() เดินจากรถไฟฟ้านิดหน่อย ข้ามสะพานไปก็เข้าสู่สวนในจุดที่มี Super Tree มากที่สุด เพราะคราวนี้เรามีเวลาน้อยเลยมาดูการแสดง Light and Sound อย่างเดียว ไม่ได้เดินชมเทศกาลดอกทิวลิป น่าเสียดาย แต่การแสดงแสงสีเสียงก็สวยมากจริงๆ ค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() จบการเที่ยวสิงคโปร์แบบประทับใจ เดินทางกลับไปเอากระเป่าที่ Hostel แล้วนั่งรถไฟฟ้าสีเขียวเข้าสู่สนามบินนานาชาติ Changi เนื่องจากเราเดินทางที่ Terminal 1 คืนนั้นเลยฝากชีวิตไว้ที่ Starbucks ทั้งคืน ไปรับ password Wi Fi ฟรีที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แล้วนั่งจิบ Green Tea Frappuccino ไป นั่งเล่นเน็ตชิลๆ ไป (แน่นอนว่าที่ Starbucks ชาร์จไฟได้ยาวๆ ) ง่วงก็งีบเป็นพักๆ ไป สบายใช้ได้เลยล่ะ ![]() ![]() พอตี 5 ก็เช็คอินไฟลท์ 3K511 เดินช้อปใน Duty Free เล็กน้อย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพด้วยเครื่อง Airbus A320 ถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ 8.45น. แล้วเราก็บึ่งไปทำงานต่อเดี๋ยวนั้น จบทริปแน่นๆ 3 วัน 2 ประเทศแบบอิ่มอกอิ่มใจ และหวังว่าจะได้กลับไปเยือนอีกในไม่ช้า เพจหน้าจะเขียนเกี่ยวกับการนอนที่สนามบิน Changi บ้าง หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่จะไปสิงคโปร์แบบประหยัดบ้างนะคะ ![]() |
ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Just a little step in the Big World โลกกว้างใหญ่ มีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง All rights reserved [สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539] Link |
เราสนใจ New Balance กะ Coach shop ที่นั่นเป็นไงบ้างคะ