Group Blog All Blog
|
3 วันมันส์ 2 ประเทศ.....ตะลุยมะละกา ดินแดนแห่งวัฒนธรรม ภาคกลางวัน เริ่มวันอาทิตย์ที่แสนสดใสกันตั้งแต่ 11โมง (เช้าลื๊มมมม) ก่อนจะเดินชมมะละกา เมืองมรดกโลกที่สวยงามและเต็มไปด้วยมนต์ขลัง ตราบใดที่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราก็ต้องเริ่มด้วยอาหารอร่อยๆ เหมือนกัน ซึ่งร้านที่จะมาฝากท้องกันมื้อนี้ เป็นอีกหนึ่งร้านอร่อยห้ามพลาดของมะละกาค่ะ ![]() ![]() ![]() เริ่มเดินทางจากหน้าตึกแดงไปทางถนนคนเดิน Jonker Street ระยะทางประมาณ 50 เมตร จะพบป้ายชื่อร้าน Famosa Chicken Rice Ball ทางซ้ายมือค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() เมนูเด่นของร้านก็หนีไม่พ้นข้าวมันไก่ลูกบอล เราเริ่มสังทั้งข้าวลูกบอล (rice ball) ไก่ย่างจานเล็ก หมูอบน้ำผึ้งจานเล็กและเกี๊ยวน้ำ รอประมาณ 5 นาที อาหารก็ยกขบวนกันมาเสิร์ฟถึงโต๊ะเราแล้วค่ะ ![]() ![]() rice ball ลูกละ 0.4 ริงกิต ![]() หมูอบน้ำผึ้ง หวานมากกกกกกก ![]() ไก่ย่าง ![]() เกี๊ยวน้ำ เกี๊ยวไส้หมูชิ้นบิ๊กเบิ้มเต็มคำ สรุปโดยรวมรสชาติพอใช้ได้ค่ะ ติหมูน้ำผึ้งที่หวานแสบไส้แสบคอ (ยิ่งกว่าที่ฮ่องกงอีก) นอกนั้นใช้ได้เลยค่ะ สนนราคามื้อนี้ 28.20 ริงกิตเท่านั้นเอง อิ่มเต็มที่ก็เริ่มออกเดินชมเมืองกันต่อเลย เดินเรื่อยๆ สบายๆ (แม้อากาศจะร้อนอบอ้าวมากๆ) จาก Jonker Street ข้ามสะพานไปยัง Chris Church Melaka หรือโบสถ์ดัชต์สีแดงสะดุดตา อันเป็นจุดศูนย์กลางของดินแดนมรดกโลกแห่งนี้ Chris Church Melaka ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Melaka Landmark ![]() ![]() รถถีบประดับดอกไม้ สัญลักษณ์อีกหนึ่งอย่างของมะละกา เก็บภาพ Dutch square จนพอใจแล้ว ก็เดินต่อขึ้นไปยัง Bukit St. Paul (Bukit = เนินเขา) เพื่อชมโบสถ์เซนต์ปอลที่สวยงามกัน โดยแวะที่ Museum of Literature และ Democratic Museum ก่อน สองแห่งเสียค่าเข้าครั้งเดียว คนละ 5 ริงกิตค่ะ ![]() Museum of Literature ![]() ![]() ![]() ![]() Democratic Museum ![]() ![]() เดินมาอีกนิดดดดดด ก็ถึงโบสถ์เซนต์ปอลแล้ว เฮ่!!! ![]() St. Paul Church โบสถ์เก่าแก่บนเนินเขา สร้างโดยคณะบาทหลวงจากโปรตุเกสในปี ค.ศ. 1521 เมื่อชาวดัชตืได้เข้าครอบครองมะละกา ก็ตั้งชื่อโบสถ์ซะใหม่เป็นโบสถ์เซนต์ปอล และใช้งานต่อไปอีก 112 ปี จนกระทั่ง Dutch Church หรือโบสถ์สีแดงได้สร้างแล้วเสร็จ ในปีค.ศ. 1753 จึงเปลี่ยนไปใช้งานโบสถ์ใหม่แทน ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ด้านหน้าโบสถ์สามารถชมวิวได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ติ๊ต่างไปว่างยืนชมช่องแคบมะละกาอยู่ค่ะ อิอิ ![]() ![]() ![]() รูปปั้น Saint Francis Xanvier ที่ไม่มีมือข้างขวาเนื่องจากโดนฟ้าผ่า ซึ่งบังเอิญไปพ้องกับเรื่องจริง ที่พระศพของท่านถูกตัดมือข้างขวา เพื่อนำไปเก็บไว้ที่นครวาติกัน ![]() หลังจากนั้นก็เดินลงเนินเขาทางด้านหลัง เพือไปยัง Istana Kesultanan Melaka กันค่ะ ![]() เจอป้อมโบราณก่อน แวะแชะๆ เก็บภาพนิดหน่อย ![]() ![]() เลี้ยวซ้ายจ่ายค่่าเข้าชมก่อนนะคะ คนละ 5 ริงกิตเท่านั้น ![]() ![]() Istana Kesultanan Melaka พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมมะละกา สร้างขึ้นโดยเลียนแบบพระราชวังเดิมในสมัยศตวรรษที่่ 15 ของสุลต่านมะละกา สร้างจากไม้และใช้การตอกสลักทั้งหลัง (ไม่ใช้ตะปู) มูลค่าราวๆ 2.5 ล้านริงกิต โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปีพ.ศ. 2529 โดยนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ มูฮัมหมัด ผู้ยิ่งใหญ่ค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เดินจนเหนื่อยขาลาก แถมร้อนแดดจนแทบจะเป็นลม ประมาณบ่ายสองโมงเราสองคนเลยขอลี้ภัยไปนั่งจิบชาเย็น หม่ำเค้กอร่อยๆ ต่อด้วยเดินเล่นในห้างต่อสักพักค่ะ ![]() หลังจากนั้นเราตัดสินใจไปรอที่ Melaka Sentral เลยดีกว่าค่ะ ความจริงแล้วรถบัสของเราออกทุ่มนึง แต่ดูท่าทางฝนน่าจะตกในไม่ช้า ก็เลยเดินเลียบแม่น้ำเพื่อกลับไปเอากระเป่าที่โฮสเทลกันค่ะ ผ่าน Maritime Museum แต่ไม่ได้เข้าไปชมข้างในค่ะ ![]() ![]() บรรยากาศเงียบสงบเย็นสายริมแม่น้ำ เห็นเมฆฝนชัดเจนเชียว ![]() ![]() ![]() ![]() ได้กระเป๋าสัมภาระแล้วก็กลับมารอรถที่ป้ายรถเมล์เดิม บริเวณ Dutch square เนื่องจากรถสาย 17 วิ่งวนเป็นวงกลม แต่ครั้งนี้ที่เราจะกลับไปยัง Melaka Sentral จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที นานกว่าตอนนั่งมาที่นี่ค่ะ (เผื่อเวลาเดินทางกันให้ดีนะคะ เดี๋ยวตกรถ) ![]() ![]() หลังจากนั้นก็แวะช้อปขนมและของกินเล่นที่ซุปเปอร์ใน Melaka Sentral (เค้าไม่ให้ถ่ายภาพค่ะ) ขอบอกว่าของค่อนข้างเยอะและถูกมาก ใครหาของากสามารถช้อปจากที่นี่ได้เลยล่ะ หลังจากนั้นก็ขึ้นรถบัสมุ่งหน้าสู่สิงคโปร์กัน ใช้เวลาประมาณ 4.30 ชั่วโมง ออกจากมะละกาทุ่มนึง ไปถึงถนนเกลังราวๆ เที่ยงคืนค่ะ ครั้งหน้ามาเล่าต่อว่า 1 วัน 2 คืนในสิงคโปร์ เราทำอะไรกันบ้าง![]() |
ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Just a little step in the Big World โลกกว้างใหญ่ มีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง All rights reserved [สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539] Link |