อาการสมองล้า กับวิธีบำรุงสมอง นอกจากเราต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรง แล้วการบำรุงสมองอยู่เสมอนั้นจำเป็นไหม จริงๆแล้วเนื่องจากพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบันที่ต้องใช้สมองในการคิด ตัดสินใจเป็นหลักทำให้เกิดภาวะความเครียดกันมากขึ้นจึงเกิดปัญหาสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะอาการสมองล้าที่พบกันมากในวัยทำงาน หรือวัยเรียนเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคต่างๆ เช่น นอนไม่หลับ ปวดศรีษะ เบื่ออาหาร หรือแม้แต่เป็นโรคซึมเศร้าได้ซึ่งต้องคอยเช็คดูว่าเรามีอาการเหล่านี้หรือยัง ลองมาดูกันว่าอาหารสมองล้านั้นมี มีสาเหตุมากจากอะไรบ้าง และมีวิธีบำรุงสมองอย่างไรบ้าง ภาวะอาการสมองล้าภาวะสมองล้า (Brain fog) คือ ภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัวจากการที่สมองถูกใช้งานอย่างหนักเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจเกิดจากความเร่งรีบที่จะทำงานให้เสร็จ การพักผ่อนน้อย หรือการทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ทำให้สารสื่อประสาทในสมองซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลสัญญาณไฟฟ้าระหว่างเซลล์ของระบบประสาทเสียสมดุล ภาวะสมองล้าไม่ถือว่าเป็นโรค แต่สามารถเป็นมีอาการของโรคต่าง ๆ ได้ เช่น นอนไม่หลับ ปวดศรีษะ เบื่ออาหาร โรคซึมเศร้า บางครั้งเราอาจเรียกภาวะสมองล้าว่า Mental fatigue ด้วย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการสมองล้า ว่าส่งผลต่อชีวิตประจำวันหรือไม่ นอกจากนี้ สมองล้าสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีความเครียดระยะยาว ซึ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงอาจเป็นหนึ่งในปัจจัย ที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรม และอ่อนล้าและรวมไปถึงโรคซึมเศร้าได้ถ้าไม่ได้รับการดูแลสาเหตุของภาวะสมองล้า
สัญญาณด้านร่างกายอาการสมองเหนื่อยล้าส่งผลทางร่างกาย ที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ เนื่องจากมีงานวิจัยออกมาพบว่า อาการสมองล้าสามารถลดประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย และสามารถทำให้งานง่าย ๆ หรือการออกกำลังกายกลายเป็นเรื่องใหญ่ และหนักเกินไป จนรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามมากขึ้นกว่าเดิม อาการสมองล้าทางด้านร่างกายได้แก่
สัญญาณด้านอารมณ์ความเครียดเป็นหนึ่งในอาการทางด้านอารมณ์ หากคุณปล่อยให้อาการสมองล้า ที่เกิดจากความเครียดสะสม เกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดอาการก็จะเริ่มส่งผลต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การนอนหลับ ระบบย่อยอาหาร และระบบภูมิคุ้มกัน มากไปกว่านั้น ยังมีสัญญาณและอาการสมองล้าทางด้านอารมณ์ ได้แก่
วิธีบำรุงสมองให้สมองไบร์ท1.ทานอาหารบำรุงสมองที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น
2.ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วันการออกกำลังกายจะส่งผลดีต่อฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการทำงานสำหรับสมอง เช่น ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์สมองได้ นอกจากนี้เวลาที่เราออกกำลังกายหัวใจจะได้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองได้ดี รวมทั้งช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนไปยังสมองมากขึ้น ส่งผลเรื่องของการช่วยสร้างเซลล์สมองใหม่ และช่วยเรื่องความจำให้ดียิ่งขึ้น3.ทานอาหารมื้อเช้า เพราะอาหารเช้าเป็นมื้อสำคัญที่ทำให้สมองตื่นตัว โดยควรกินอาหารอย่างถูกต้องและครบถ้วน สมองจะได้นำพลังงานมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการคิด การตัดสินใจเพื่อกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องทำในวันใหม่ นอกจากนี้ อาหารเช้ายังช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย 4. ใส่ใจการนอน โดยปกติการนอนหลับที่มีคุณภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงในการนอนหลับเท่านั้น แต่ยังขึ้นกับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้านอนด้วย เวลา 22.00–02.00 น. จะเป็นช่วงที่สมองเริ่มหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้นอนหลับสนิทขึ้น และในขณะที่นอนหลับสนิท ร่างกายและสมองจะทำงานสัมพันธ์อย่างเป็นระบบเพื่อการฟื้นฟูร่างกาย การนอนหลับอย่างเพียงพอจะทำให้ร่างกายฟื้นตัว รู้สึกสดชื่น ตื่นตัว ส่งผลดีต่อความสามารถในการทำงานของร่างกายตลอดทั้งวัน 5. ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ในสมองของคนเรา 80% มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เพื่อให้สมองทำงานได้ดี จึงควรจิบน้ำบ่อยๆ ระหว่างวัน กินน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วต่อวันหรือตามน้ำหนักตัวของเรา การดื่มน้ำนอกจากช่วยร่างกายผิวพรรณชุ่มชื้นแล้วยัง ทำให้เรารู้สึกสดชื่นด้วย อย่างไรก็ดีการบำรุงสมองนั้นเราไม่ควรงดอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งไปอย่างสิ้นเชิง เพราะอย่างที่กล่าวไปในบทความว่า สารอาหารบางอย่างมีการทำงานเกี่ยวเนื่องหรือส่งเสริมคุณค่าของกันและกัน นอกจากนี้ยังควรพยายามหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะกับความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ระบบของร่างกายทำงานได้อย่างลื่นไหล ออกกำลังกาย หรืออาจมีกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเพื่อส่งเสริมให้สมองทำงานดีขึ้น เช่น การฝึกการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ฝึกสมาธิ ฯลฯ เพื่อให้สมองทำงานได้ดี อย่างมีประสิทธิภาพ |
สมาชิกหมายเลข 777799
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
| ||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |