14. ตามรอย...ตำนานเกนจิ
ตามรอย...ตำนานเกนจิ วันนี้โตชีโกะและชีจัง ครอบครัวญี่ปุ่น จัดโปรแกรมพาเราเที่ยวชมเมืองที่เราพักอยู่ นั่นคือ “เมืองอุจิ” (Uji) จังหวัดเกียวโต
พ่อแม่ญี่ปุ่นไม่ได้ไปกับเราด้วย เพราะมีงานแต่เช้า จึงไม่ได้ติดรถแท็กซี่พ่อออกไป ทำให้เราได้มีโอกาสเดินชมหมู่บ้าน ทักทายเพื่อนบ้าน เด็กชายออกมาเดินเล่น คุณลุงกำลังตกแต่งบอนไซ จากนั้นจึงต่อรถไปถึงสถานที่แรกคือ “พิพิธภัณฑ์ตำนานเกนจิ” (The tale of Genji Museum)
สัญลักษณ์ที่พื้น บอกทางไปพิพิธภัณฑ์ตำนานเกนจิ
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ว่ากันว่าตำนานเกนจิ (Genji Monogatari) เป็นนวนิยายที่เก่าแก่ที่สุดของโลก เขียนขึ้นในศตวรรษที่ 11 ประพันธ์โดย มุราซากิ ชิคิบุ (ราว ค.ศ. 973 –1014) นางข้าหลวงในราชสำนักญี่ปุ่นสมัยเฮอัน เป็นเรื่องราวความรักหลากหลายของ ฮิคารุ เกนจิ มีความยาว 54 บท แบ่งเป็นสามช่วง ช่วงแรก เกนจิวัยเยาว์จนถึงการถูกเนรเทศ ช่วงที่ 2 การกลับมาเรืองอำนาจ จนถึงการตายของชายาสุดที่รักและเกนจิ และช่วงที่ 3 (บทที่ 45-54) เรียกว่า ภาคอุจิจูโจ (Uji-Jojo) เล่าถึงรุ่นลูกของเกนจิ วรรณกรรมเรื่องนี้ได้สะท้อนถึงวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม ค่านิยม ความเชื่อ การเมือง จารีตในราชสำนักสมัยนั้นแล้ว สิบบทสุดท้ายผู้ประพันธ์ได้ใช้เมืองอุจิเมืองตากอากาศที่งดงามและเงียบสงบ ของชนชั้นสูงเป็นฉากเหตุการณ์ ทำให้เราเริ่มอยากรู้จักเมืองนี้มากขึ้นแล้วละค่ะ
ส่วนจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์
ก่อนอื่นเราเดินดูส่วนจัดแสดงนิทรรศการ ที่จำลองชีวิตของผู้คนในพระราชวังหลวงในอดีต จากนั้นจึงเข้าห้องฉายวีดิทัศน์ ซึ่งมีบริการเครื่องพกพาแปลเป็นภาษาอังกฤษ เราชมตำนานเกนจิ บทที่ 51 อุกิฟุเนะ “Ukifune” (The Floating Boat)
เนื้อเรื่องเล่าถึงคาโอรุลูกชายเกนจิไปหลงรักและตามจีบอุกิฟุเนะ ระหว่างนั้นมีชายอีกคนมาหลงเสน่ห์อุกิฟุเนะ คาโอรุต่อว่าหญิงสาว เธอเศร้าโศก ทุกข์ระทม จึงกระโดดแม่น้ำอุจิเพื่อฆ่าตัวตาย ทว่าอุกิฟุเนะกลับรอดชีวิต นอนเกยฝั่งใต้ต้นไม้ริมน้ำ สาธุคุณโยคาวะได้ช่วยชีวิต สุดท้ายอุกิฟุเนะบวชเป็นชี เพื่อหนีความวุ่นวาย เดินออกมาจากห้องฉายวีดิทัศน์ยังงงๆ กับความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ ค่ะ ต้องอ่านคู่มือแนะนำพิพิธภัณฑ์และเนื้อเรื่องย่อประกอบอีกครั้ง มารู้ตัวอีกทีเมื่ออยู่หน้าห้องพบว่าหมวกที่เราถือเข้าไปด้วยหล่นหาย โตชีโกะและเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์จึงช่วยประสานงานจนหาเจอค่ะ ออกจากพิพิธภัณฑ์ โตชีโกะชวนเรานั่งพักกินอาหารกลางวัน ลองรสชาติไอศกรีมชาเขียว เดินชมทัศนียภาพริมแม่น้ำอุจิ ถ่ายรูปกับรูปปั้นมุราซากิ ชิคิบุ ก่อนไปวัด “เบียวโดอิน” (Byodoin Temple) ซึ่งเป็นสถานที่พักตากอากาศในสมัยก่อน มีศาลาเก่าแก่งดงามจนได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก
รูปปั้น มุราซากิ ชิคิบุ บริเวณเชิงสะพานอุจิ สะพานเก่าแก่นับพันปี
วัด "เบียวโดอิน” ที่ปรากฏบนเหรียญ 10 เยน กลับถึงบ้าน แม่เตรียมอาหารเย็น นำกุ้งและผักต่างๆ ชุบแป้งทอดกรอบเหลืองน่ากิน เพราะเห็นเราบอกว่า อยากกิน “เทมปุระ” แม่จึงจัดอาหารตามใจแขกผู้มาเยือน
ก่อนนอนคืนนี้ (ซึ่งเผลอหลับโดยไม่ได้ปิดไฟอีกเช่นเคย) และก่อนจากกันในวันพรุ่งนี้ โตชีโกะมอบชุดยูกะตะให้เราเป็นที่ระลึกด้วยค่ะ
เราถ่ายรูปกับครอบครัวทานากะ ครอบครัวน่ารัก ในเมืองอุจิ เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกียวโต ที่ไม่เพียงแต่ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกและผลิตชาเขียวเท่านั้น เรายังได้ซึมซับบรรยากาศหลากหลาย การพักกับครอบครัวญี่ปุ่น ความเป็นมิตรของผู้คน ความงามทางสถาปัตยกรรมและวรรณกรรมล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ ที่บ้านเมืองของเขายังคงอนุรักษ์ไว้ หากใครที่เป็นคอนิยาย ไม่ควรพลาดมาเดินตามรอยตำนานเกนจิกันนะคะ แล้วจะพบว่าเมืองอุจิเป็นเมืองที่มีเส่นห์อีกเมืองหนึ่ง ทำให้เราหลงรักได้ไม่ยากค่ะ
Create Date : 25 เมษายน 2560 |
Last Update : 29 เมษายน 2565 0:23:15 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3860 Pageviews. |
|
|