|
พาแม่เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ เดือนสิงหาคม 2549 *-3-*
วันที่ 7 สค 49 เฮียมาชวนไปลูเซินคะ บอกว่าฝนตกฟ้าร้องจะพาแม่ไปเที่ยวลูเซินท์ เลยเตรียมตัวออกบ้านแต่เช้า แล้วฝนก็ตกพร่ำๆๆ สมใจ เอิกๆๆ มีหยุดเป็นระยะ พอให้เราหายใจวิ่งออกไปถ่ายรูป ฟ้ามั่วซะ แต่เราก็ยังไม่หวั่นคะ เปิดประตูรถได้ก็ถ่ายรูปเลย วิ่งข้างถนนทางผ่านทะเลสาบสวิชท์
ไปถึงเมืองลูเซิน ก็ออกเดินไปเจอรถไฟเล็กทัวร์รอบเมืองเลยขึ้นไปนั่ง จะได้เล็งว่าที่เที่ยวอยู่ไหนมั้ง จะได้ย้อนมาเก็บภาพถูก
แล้วเราก็มาถึงบางอ้อ ว่าสะพานไม้สัญญาลักษณ์ของเมืองอ่ะ อยู่เลยสถานีรถไฟเล็กไปจิงนุงเอง แล้วสิงโตหินก็อยู่เลยที่จอดรถเราไป 2 บล็อค วุ๊ย เสียค่านั่งตั้งคนละ 10 ฟรัง แต่ก็นะ ดีแล้วอ่ะ ตอนนั่งไปฝนก็ตกไป พอลงจากรถไฟเล็กฝนหยุดตก แต่เรายังคงเต็มยศด้วยชุดกันฝน เอิกๆๆ
จากสะพานไม้เราก็ย้อนกลับมาแหล่งซ๊อปปิ้ง ไม่ได้มาซื้อของหรอกคะ แต่จะมาหาข้าวเที่ยงกิน มีสะพานเหล็กข้ามกลับก็สวยดี
วันนี้กินอาหารอิตาลี บ้านเราอร่อยซุปมาก กินกับแป้งทอดๆๆ พองๆๆ ซัดกันพุงกาง ก่อนจะเดินไปหาพี่สิงโต แง่มๆ แม่โยนเหรียญลงบ่อด้วย กะว่าจะได้มาสวิสอีก อีชั้นคงต้องเริ่มหางานขัดครัวเก็บเงินพาคุณนายเที่ยวอีกอ่ะคะ
วันที่ 8 สค 49 เช้าก็ออกเดินทางกันแต่เช้า กะว่าจะไปแวะวัดไทยศรีนครินทร์ฯ เป็นวัดไทยที่ใหญ่ที่สุดในสวิสฯคะ ก่อนจะเดินทางต่อไปเมืองเบิร์น
ไปกินข้าวเที่ยงน้าเลี้ยงด้วยอาหารลาว แกงอ่อม ตำลาว ปลาทอด ข้าวเหนียว อร่อยมาก กินอิ่มพุงกาง น้าก็พาไปเที่ยวในตัวเมือง ขึ้นรถรางไปลงใกล้หอนาฬิกาสัญญาลักษณ์เมืองเบิร์น
แม่เห็นแม่น้ำอาเร่สวยเป็นสีเขียว น้าเลยชวนลงลิฟท์ไปดูแม่น้ำใกล้ๆๆ แล้วเดินตามแม่น้ำไปเรื่อยๆๆ ไปดูบ่อหมี พวกเราก็เลยลงลิฟท์ข้างสวนสาธารณะติดวิหารลงมาคนละ 1.20 ฟรัง โดยไม่รู้ว่า ความซวยมาเยือน
เดินตามแม่น้ำ ชมวิว ชมบ้านเมืองไปเรื่อยๆ แดดก็ไม่ค่อยร้อน ตรงที่เราลงไปนี้ช่วงหน้าน้ำหลาก บ้านแถวนี้เคยโดนน้ำท่วมจมไปกับสายน้ำนะคะ
ตอนลงลิฟท์มาก็สบายดีอ่ะดิ แต่ดันลืมไปว่า บ่อหมีอยู่อีกฟากของแม่น้ำ เราก็ต้องขึ้นบันไดย้อนขึ้นไปบนถนน บันไดราวๆๆ ตึก8 ชั้น กริ๊ดดดดดดดดดดด ขาเกือบหลุดออกมากอง เฮียหัวเราะเยาะอีชั้นใหญ่เลย บอกว่าทัวร์คนแก่นี้มีแม่แข็งแรงคนเดียว อีชั้นอ่อนแอสุดๆๆ
ขึ้นมาแล้วก็เดินไปบ่อหมีคนเยอะมาก แม่เลยได้รูปมาไม่ค่อยสวยเท่าไร
วันที่ 9 สค 49 เราตื่นแต่เช้า น้าห่วงของกิน เลยลุกมาหุงข้าวเหนียว ไก่ทอด น้ำจิ้มแจ่วไปกินบนเขา หอบน้ำไปด้วย หนักมาก แล้วใครจะแบกนะหรอคะ ก็เฮียนะสิ แบกแขนล้าหมด
เราขับรถไปจอดที่สถานี Stechelberg ขึ้นกระเช้าไป 3 ทอดกว่าจะถึงยอดเขา วิ่งเปลี่ยนกระเช้า แย่งกันนั่งที่ชมวิว ยิ่งสูงคนยิ่งเยอะเพราะเขามานอนรอระหว่างทางแล้วอ่ะ
พอถึงยอด Schilthorn มาสิงหาคม ก็มาเจอหิมะได้เหมือนกันนะคะ ถึงไม่เยอะมากมาย พอเจอหิมะปุ๊บก็แปลงร่างเป็นเด็กหญิง กลายเป็นเพื่อนร่วมวัยเดียวกับหลานจัสมินเลย
หนังเจมส์บอนเคยมาถ่ายหนังที่นี้นะคะ เห็นข้างในมีของที่ระลึกขาย อาคารที่เห็นจะเป็นร้านอาหารคะ วิว 360 องศาหมุนรอบทิศ นั่งชมวิวไปได้เรื่อยๆ
โชคดีที่ตอนเราขึ้นไปแดดออกมาให้พอเห็นวิวมั้ง ไม่งั้นเสียดายแย่เลย ภาพจะมั่วไม่สวย ถ้าฟ้าเปิด สามารถมองเห็นยุงเฟราจากที่นี้ได้เลยนะคะ
แม่ก็ยิ้มแก้มปริมีความสุขมาก ดูได้จากภาพข้างล่าง คงไม่ต้องบรรยายนะคะว่า สนุก สุข ขนาดไหนนน
แม่นู๋เองคะ เหอๆ อยากปั้นตุ๊กตาหิมะมั้ง
เราลงเขามาสองยอด น้าเลยชวนไปแวะนั่งกินข้าวอีกรอบ ก่อนจะลงไปที่สถานีที่เราฝากรถไว้ กลัวเฮียจะบ่นว่าให้หอบข้าวเหนียวเป็นโลๆๆ มาแล้วก็ไม่กินสักคน เลยเอาออกมาจกกินท่ามกลางฝรั่ง แล้ววิวสวยๆๆ เป็นฉากประกอบ ข้าวเหนียวจิ้มแจ่วอร่อยมากเลยคะ แซ่บ
ผ่านวันแม่ไป เห็นแม่นั่งหงอยๆ ไม่มีอะไรทำที่บ้าน เลยคุยกันว่า ลูกเขยไม่ว่าง ไม่เป็นไร ลูกสาวพาเที่ยวเอง รับรองตกระกำลำบากกว่าไปกับลูกเขยแน่นอน วันที่ 21 สค 49 เราพากันนั่งรถไฟเล่นเกือบครึ่งประเทศสวิสฯ คะ แม่ตื่นเต้นตื่นตั้งแต่ตี 5 แม่อาบน้ำรอแล้วอ่ะคะ เราเลยอุ่นข้าวเหนียวไปกินกับไก่ทอด เพราะโปรแกรมวันนี้ เราไปนั่งรถไฟเล่นทั้งวัน เรียกว่ากินนอนบนรถไฟได้เลย เฮียขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟ เรานั่งรถไฟออกจากเมืองเวลา 7 โมงเช้า นั่งไปถึงเมืองเบิร์นแล้วต่อรถไฟไปเมืองบริกช์
หลายคนคงเริ่มรู้แล้วสิ ว่าอีชั้นจะพาแม่ไปนั่งรถไฟสายไหน อิอิ พอไปถึงเมืองบริกซ์เรามีเวลารอรถไฟเกือบ 30 นาที เลยชวนกันไปนั่งกินไก่ทอดกับข้าวเหนียวริมถนน มองคนเดินไปเดินมา อร่อยๆๆ
การเดินทางมารธอนของเราก็เริ่มขึ้น รถไฟผ่านป่าเขา แม่น้ำ หุบเขาภูเขาหิน บ้านคนอยู่ตามไหล่เขา เหมือนในโปรการ์ด มีแค่อีชั้นกับแม่ถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้ ส่วนปู่ย่าทั้งหลายได้แต่งัดไวน์แดงมาจิบ หรือไม่ก็งัดของกินมานั่งชมวิวอย่างเดียว โดยมีเอเชียสองคนวิ่งไปมาในโบกี้คะ
เห็นรอยยิ้มของแม่แล้วมีความสุขที่สุดในโลก ลืมเหนื่อยไปเลย ใครมีแม่ อย่าลืมพาแม่ไปเที่ยวนะคะ ที่ไหนก็ได้ที่คิดว่าแม่เราชอบคะ
รถไฟแวะจอดเป็นระยะ มีคนออกมาเดินสูดอากาศข้างล่าง ส่วนเราแม่ลูกก็ต้องลงมาถ่ายรูปสิคะ อิอิ พลาดได้ไง
เราก็มาถึงเมืองดาโวสเป็นที่เรียบร้อย เส้นทางรถไฟกาเซียร์ เอ็กเพรสก็สวยสมที่เขาบอกละคะ สวยจริงๆๆ เสียแต่ถ่ายรูปมาไม่สวยมีภาพสะท้อนของกระจกเยอะมาก ภาพตัวอีชั้นติดมาเพียบยังกับซัตเตอร์เลยคะ
แล้วเราก็นั่งรถไฟขบวนปกติกลับบ้าน โชคดีมากว่าหน้าต่างรถไฟมันเปิดได้คะ เลยได้ภาพสวยๆๆ อีกชุดก่อนกลับบ้าน สวยจริงๆๆ
เรานั่งรถไฟเป็นวงกลม ออกจากบ้านตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึงบ้าน 4 ทุ่มครึ่งคะ เฮียมารอรับที่สถานีรถไฟ
นี้เป็นทริปสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทยของแม่ แม่บอกว่าประทับทุกๆๆที่ สวยไปหมด แม่บอกว่าจะมาอีกแน่ๆๆ ให้อีชั้นเตรียมเงินไว้รอเลย อีชั้นกะว่าอีกปีหรือ 2 ปี จะให้มาเที่ยวอีกคะ ขอปั่นเงินไปเที่ยวปีนี้ก่อนนะ แล้วเจอกันที่เมืองไทยนะคะ
Create Date : 06 พฤษภาคม 2550 |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2550 21:48:58 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1493 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: smo วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:17:34 น. |
|
โดย: Natt IP: 194.158.241.195 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:7:50:05 น. |
|
โดย: หญิงหญิง IP: 112.142.140.137 วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:14:31:23 น. |
|
โดย: จันทร์ เด็กแม่ฮ่องสอน ทำงานที่เลี่ยงเชียง IP: 58.9.103.225 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:52:12 น. |
|
โดย: จันทร์ เด็กแม่ฮ่องสอน ทำงานที่เลี่ยงเชียง IP: 58.9.103.225 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:57:17 น. |
|
|
|
|
alittlestar |
|
|
|
|
|