คำว่า show แปลว่า รายการ หรือ การแสดง ส่วนคำว่า reality เป็นคำขยาย ใช้นำหน้าคำว่า show ให้ความหมายว่า ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง ให้ผู้ชมเข้าใจว่า ไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้น ไม่ใช่การแสดง การดำเนินรายการนี้ไม่มีบทหรือ script เพราะผู้ร่วมรายการ จะแสดงออกจากความรู้สึกที่เป็นจริงในขณะนั้นๆ ตามแต่สถานการ์ณที่เป็นไปในแต่ละช่วงเวลา โดยที่ผู้ร่วมรายการทั้งหมดจะต้องไม่ใช่นักแสดง ถูกนำมาอยู่ร่วมกันในสถานที่ เวลา และ เหตุการ์ณ ภายใต้กฏระเบียบหลายข้อ ที่กำหนดให้



Reality shows เป็นรายการบันเทิงทางโทรทัศน์ ที่ได้ถูกคิดค้น และออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยผู้ผลิตในประเทศ Netherlands หรือ Holland ซึ่ง Sky TV ผลิตรายการออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และแพร่หลายในยุโรป สู่สหรัฐอเมริกา และทั่วโลก ในขณะนี้



และ Hollywood ก็ได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Truman Show ที่ท่านผู้ฟังคงจะจำกันได้ ว่านำแสดงโดย Jim Carrey โดยเนื้อเรื่องทั้งหมดเป็น reality show ที่ผู้ผลิต นำเสนอชีวิตจริงของชายคนหนึ่ง ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ตลอดชีวิตของเขา ในฉากที่สร้างขึ้นอย่างสมจริง ตั้งแต่วันที่ปฏิสนธิ คลอดออกมาดูโลก จนเติบโตเป็นหนุ่ม โดยที่คนรอบข้างเป็นนักแสดงที่ถูกว่าจ้าง มีหูฟังติดตั้งไว้อย่างมิดชิด เพื่อให้ผู้กำกับรายการ หรือ ผู้อำนวยการสร้าง สามารถให้ทิศทาง และบอกบท เพื่อเพิ่มรสชาด ของเนื้อเรื่อง และรายได้มหาศาลที่ได้จากการโฆษณาทางอ้อม คือแทนที่จะตัดไปสู่โฆษณา ก็จะใช้สินค้า เป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ยาสีฟัน กาแฟ หรือ เสื้อผ้า เมื่อผู้ชมทางบ้านเห็นอะไรก็จะจดจำไว้โดยไม่รู้ตัว และด้วยความชินตา และความฝังใจก็จะเลือกซื้อสินค้านั้นๆ เมื่อไปจับจ่าย โดยไม่รู้ตัว แทนที่จะหยิบยี่ห้อที่เคยใช้มาก่อน หน้านี้



การผลิต reality show นอกจากจะอาศัยหลักจิตวิทยาง่ายๆ แล้วยังผลิตง่าย และ ใช้ทุนน้อยอีกด้วย

หลักจิตวิทยาง่ายๆ ที่ว่าก็คือ สภาพจิตใจของคนทั่วโลกในยุคเศรษฐกิจและการเมืองเช่นในขณะนี้ ผู้บริโภคไม่ต้องการที่จะชมอะไรที่ซับซ้อน ลึกซึ้ง แต่ต้องการเรื่องเบาสมอง บันเทิง และอยากปลดปล่อยความคิดไปสู่โลกอีกโลกหนึ่งชั่วครู่ชั่วยาม reality shows จึงเป็นโลกที่คนทั่วไปสามารถมีความรู้สึกร่วม ได้ไม่ยากเลย เพราะผู้ร่วมรายการก็คือคนธรรมดาๆ ที่ไม่ต่างกับผู้ชมทั่วไป ที่มีความฝันอยากจะทำอะไร เป็นอะไร แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำ จุดนี้เป็นจุดที่ผู้ผลิตจะทุ่นทุนและได้กำไรอย่างที่สุดเพราะไม่ต้องจ้างดารา นักแสดงดังๆ ด้วยราคาค่าตัวที่สูงๆ ในขณะที่ sponsors ทั้งหลายก็จ่ายและแจกไม่อั้น



Reality shows ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เห็นจะเป็น Survivor, Big Brother, The Great race, America’s top Ten Models , The Apprentice, Fear Factor, American Idol และ Wife Swap

Reality shows มีหลากหลายประเภท ให้เลือกชมกันได้ ตามความพอใจ ลองมาดูกันนะคะว่า รายการ reality shows แต่ละประเภทนั้น รองรับอารมณ์และความต้องการของผู้ชม อย่างไรกันบ้าง
ใครที่ชอบผจญภัย บุกป่าฝ่าดง ในที่ทุรกันดารก็จะเลือกชม Survivor
หากไม่ชอบทุรกันดาร แต่ชอบท่องเที่ยวในโลกกว้างก็ดู The Great race
ใครที่ชอบกิจกรรมกลุ่มภายในบ้านที่สนุกสนานเพลิดเพลินมักจะติดตาม Big Brother
ส่วนที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนางแบบก็ America’s top Ten Models
หากชอบเรื่องการบริหาร บุคคล และการปกครอง ก็ The Apprentice
ชอบโลดโผนท้ามฤตยูก็ Fear Factor
ชอบร้อง เต้น และแสงสีก็ American Idol หากชีวิตจริงไม่รันทดพอ ชอบเรื่องราวีในวงศาคณาญาติก็ Family
หมั่นไส้คนรวยนิดๆ อยากให้ถูกเอาหน้าไปลากดินดูบ้างก็ Rich Kids Cattle Drive ซึ่งนำลูกคนรวยมาเลี้ยงวัว ข้อดีก้คือรายได้มอบให้การการกุศลทั้งหมด
ที่อยากดูชีวิตคู่ที่เกิดความอลเวงสับสนเพราะการสับเปลี่ยนตัวแม่บ้านกันก็ดู Wife Swap



สรุปแล้วก็คือ reality shows เป็นวัฒนธรรมใหม่ที่เรารับมาจากต่างประเทศที่กำลังมาแรง มีให้เลือกชมมากมาย และ ทำให้ผู้ชมอาจมีส่วนร่วมในการ vote ผู้อยู่ ผู้ไป ได้ด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิน