bloggang.com mainmenu search



"ถนนเจิมจอมพล" เป็นถนนในเขตเทศบาลศรีราชา
 ซึ่งมีมานานมากแล้วก่อนเราเกิดอีก ถนนเส้นนี้เรียกได้ว่า
เป็นถนนที่แบ่งพวกที่่อยู่ทะเลกับพวกที่อยู่บกได้อย่างชัดเจนทีเดียว
  เพราะฟากหนึ่งของถนนหลังอาคารพาณิชย์ด้านทิศตะวันตก
จะเป็นทะเล เป็นหมู่บ้านชาวประมง
อาศัยอยู่กันมานานนับร้อยปีแล้ว เป็นแหล่งปลาทะเล 
 เดิมมีท่าเรืออยู่ปัจจุบันได้ย้ายไปอยู่ที่เกาะลอยแล้ว 
  แต่ก็ยังมีเรือหาปลาเข้าจอดเทียบท่าเก่าอยู่บ้าง 
 เพราะใกล้ตลาดสด และรถยนต์สามารถวิ่งเข้าไปถึงที่ท่าเทียบเรือได้ 
  การขนถ่ายสินค้าปลาทะเลสะดวกมาก มีน้ำมันให้เติม
และมีน้ำแข็งโม่สำหรับเรือประมงขาย 
   แต่คงจะเป็นเพราะเกรงว่าจะเป็นการแออัดหรือเกะกะไม่สะดวก 
  จึงได้ย้ายท่าเรือออกไปอยู่ที่เกาะลอย
ทำให้ถนนเจิมจอมพลเงียบลงทันตาทีเดียว

ส่วนถนนด้านทิศตะวันออกก็เป็นตึกแถวและอาคารบ้านเรือนอาศัยอยู่
ในอดีตถนนเส้นนี้เจริญมากใครไปใครมาก็ต้องรู้จัก
เพราะเป็นถนนเส้นเดียวซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นศรีราชา
เมืองทะเลได้อย่างครบถ้วน
ปัจจุบันถนนเส้นนี้เงียบสงบ ร้านค้าสองฝั่งซึ่งในอดีต
เคยค้าขายกันสนุกสนาน ปัจจุบันถึงคราวต้องนั่งตบยุงกันแล้ว 
  หลังจากตะวันตกดินถนนเส้นนี้ก็เงียบสงัด
แทบจะไม่น่าเชื่อว่าเป็นถนนเจิมจอมพล 
  ซึ่งเคยเจริญรุ่งเรื่องมากในอดีต
ตั้งแต่บริษัทศรีมหาราชา ได้ปิดกิจการลง
และได้ขายที่ดินให้กับนักลงทุนต่างถิ่น เข้ามาสร้างเมืองใหม่
   มีห้างสรรพสินค้า มีโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียง
และมีคนต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่มากมาย โดยเฉพาะคนญี่ปุ่น
เรียกว่าแทบจะยึดศรีราชาเลยทีเดียว 
  ความเจริญต่างๆๆได้มุ่งไปยังบริเวณนั้น
ซึ่งมีชื่อเรียกใหม่ว่า "ศรีราชานคร"
   "เจิมจอมพล" จึงต้องถูกลืม

และคิดว่าในที่สุดอาจจะเหลือแค่ความทรงจำเท่านั้น
    น่าเสียดายจริงๆๆ

ศรีราชาในอดีต เป็นเมืองน่าอยู่มาก ผู้คนรักใคร่และอยู่ร่วมกันเยี่ยงพี่น้อง
ปัจจุบันไม่เห็นแล้ว เพราะมีแต่คนต่างชาติ 
  และคนต่างถิ่่นเข้ามาอาศัยอยู่มากมาย
ประเพณีโบราณเก่าๆก็จะค่อยๆเลือนหายไปทีละน้อยๆ
ในที่สุดก็จะหมดไปในไม่ช้า จะอนุรักษ์อย่างไรก็เถอะ
หมดคนเก่าแก่แล้วก็หมดสิ้่นกันไปในที่สุดนั่นแหละ

อย่างเราแค่ลูกหลานคนศรีราชาเก่าแก่ก็ได้แต่นั่งดู
เพราะไม่สามารถจะทำอะไรได้หรอก 
 นอกจากจะลุกขึ้นมาเขียนเรื่องเก่าๆให้ลูกหลานได้อ่านกัน
เพื่อรู้ไว้ก็เท่านั้น  แล้วเราจะโทษใครดี ในเมื่อปัจจุบัน
โลกได้วิวัฒนาการไปไกลลิบแล้ว จึงต้องตามให้ท้น
และอดีตต่างๆๆก็ต้องถูกลบทิ้งไปในที่สุด ไม่สามารถหวลคืนมาได้แล้ว   
เราก็ได้แต่นั่งภาวนาให้กับตนเองว่า อย่าได้หลงลืมอดีตเก่าๆเลย
อย่างน้อยก็ยังเป็นยาช่วยทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวย 
  เมื่อหวลนึกถึงความหลัง
และที่สำคัญที่สุด อยากจะบอกว่า "ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่าลืมตัว"
เป็นอันขาด เพราะเมื่อลืมตัวซะแล้วก็แสดงว่าไม่สามารถบังคับตัวเองได้
อาจจะหลงไปทำอะไรไม่เข้าท่าเข้า จะเสียคน ซะเปล่าๆ  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
เราละจำจนตายเชียว เหอๆๆๆๆๆๆๆ



















Create Date :06 พฤษภาคม 2554 Last Update :4 สิงหาคม 2557 14:27:54 น. Counter : Pageviews. Comments :7