มาถึงครึ่งทางของรอบแบ่งกลุ่มกับฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ 3 ซึ่งผลงานของทีมจากอังกฤษที่ต้องยกนิ้วให้คือขุนพลปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่หักด่านพี่เสือ บาเยิร์น มิวนิค กลับมามีความหวังอีกครั้ง
ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ แม้จะชนะไม่ประทับใจตามสไตล์ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงพรรษาในบอลยุโรปที่แก่กล้าขึ้น มีเพียง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เชลซี ที่ผลงานยังหน้าเบื่อหน่ายด้วยผลเสมอ
อาร์เซน่อล (ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-0)
ต้องปรบมือให้กับ อาร์แซน เวงเกอร์ และลูกทีม ที่สามารถเอาชนะทีมที่ดีที่สุดทีมนึงในยุคนี้ซึ่งก่อนแข่งจำเป็นต้องชนะเพราะสองนัดแรกแพ้มา ถ้าเกิดแพ้อีกก็เตรียมลุ้นยูโรป้าในตำแหน่งอันดับ 3 หรือตกรอบกลับบ้านเลยดีกว่า จริงๆมีไม่กี่นัดที่ขุนพลปืนใหญ่ต้องเล่นเกมรับรอสวนกลับรวมทั้งนัดนี้ เพราะเป็นรองกว่าคู่แข่งและทำได้ดีด้วย ทำให้มีความหวังในรายการนี้อีกครั้ง
ที่สำคัญเกมนี้จากกราฟฟิกเล่นกองหลัง 4 คนแต่ภาพความเป็นจริงเล่นด้วยกองหลัง 6 คนมากกว่า โดย ฟรานซิส โกเกอแล็ง อารอน แรมซี่ย์ และ ซานติ กาซอร์ล่า มี 2 คน ต้องสลับลงมาอยู่ในกรอบเขตโทษเป็นกองหลังเวลาโดนบุก
อีกทั้งต้องกราบ ปีเตอร์ เช็ค งามๆในการเซฟแบบอุตลุต ขณะที่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่แฟนของทีมบางคนก่นด่าก็ยังแสดงให้เห็นว่า เค้ามีของ แบบสำรองลงยิงทุกนัด กับ เมซุต โอซิล ที่ เลิกขี้เกียจ แล้วทุกอย่างดีขึ้นทันตาเห็น
ผลคะแนน เกรด A
เชลซี (เสมอ ดินาโม เคียฟ 0-0)
แฟนสิงห์คนไหนถ้าไม่ตื่นหรือลืมตื่นมาชมเกมนัดนี้ถือว่า ถูกต้องแล้ว เพราะนัดนี้เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่า ความกระหายในชัยชนะไม่มีเลย เหมือนลืมพกจิตวิญญาณมาสนามด้วย โดยบรรดานักเตะของทีมไม่ได้เล่นดีแต่ก็ไม่ได้เล่นแย่ เล่นไปตามเกมเรื่อยๆตามจังหวะของเกมบวกกับโชคร้ายในจังหวะที่ เอด็อง อาซาร์ ยิงชนเสาและ วิลเลี่ยน ปั่นชนคานไปคนละลูก
ในส่วนของเกมรับ ก็เหมือนมาเล่นบอลซ้อม แต่ยังดีที่บางจังหวะอาจจะพลาดแล้วมี อัสเมียร์ เบโกวิช ช่วยเซฟไม่ให้ทีมเสียประตู นี้ถ้าไม่บอกว่าแข่งแชมเปี้ยนส์ ลีก กันอยู่ คงคิดว่าเป็นบอลกระชับมิตรก่อนเปิดฤดูกาลแน่นอน
ซึ่งจุดนี้ โจเซ่ มูรินโญ่ คงต้องไปตีโจทย์ว่า ทำไมลูกทีมเล่นแบบนี้แล้วจะกระตุ้นลูกทีมยังไงให้กลับมาเป็นทีมที่หิวความสำเร็จเหมือนเมื่อก่อน เพราะตอนนี้สภาพไม่ต่างจาก สิงห์ไม่มีเขี้ยว น่าเกรงขามแต่ไม่กัดใคร
ผลคะแนน เกรด D
แมนฯ ยูไนเต็ด (เสมอ ซีเอสเคเอ มอสโก 1-1)
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพื้นสนามอารีน่า คิมคีย์ สร้างปัญหาให้กับลูกทีมของจอมปรัชโยน เอ๊ย!! ปรัชญา หลุยส์ ฟาน ฮัล เพราะหญ้าสั่นทำให้ลูกกระดอนค่อนข้างเร็ว ยากในการจับบอล ทำให้บรรดามิดฟิลด์เล่นไม่ออกเท่าไหร่ มีเพียง อันเดร์ เอร์เรร่า คนเดียวที่เป็นพวกคิดเร็วทำเร็ว เล่นได้ทันจังหวะบอลและคอยเชื่อมเกม แต่คู่แข่งก็เล่นเกมรับเหนียวแน่นจึงไม่มีโอกาสทำประตู
แต่จังหวะเสียจุดโทษ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม อ็องโตนี่ มาร์ซิยาล ต้องใช้มือเล่นบอลในเขตโทษ คิดว่าพ่อเป็น เลบรอน เจมส์ หรือไงฟะ เพราะดูยังไงก็ฮาและน่าเกลียดมากสำหรับนักฟุตบอล จนส่งผลให้ทีมเสียประตู
อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังการเปลี่ยน ดาลีย์ บลินด์ ลงมา แล้วเน้นบอลโยน ก็ทำให้ทีมได้ประตูตีเสมอจาก มาร์ซิยาล ที่แก้ตัวได้สำเร็จ ท้ายสุดผลเสมอไม่รู้ว่าสาวกปีศาจแดงจะแฮปปี้ไหม แต่พี่ปรัชโยนบอกว่า ตามเป้า ได้ 1 แต้มกลับบ้าน (เดี๋ยวนี้ทีมอย่างแมนฯ ยูฯ หวังแค่ 1 แต้มแล้วหรอ!!!)
ผลคะแนน เกรด D
แมนฯ ซิตี้ (ชนะ เซบีญ่า 2-1)
เอาตัวรอดไปได้อีกนัดในบ้านทั้งที่องค์ประกอบภายในทีมเหนือกว่าคู่แข่งสำหรับขุนพลเรือใบของ มานูเอล เปเยกรีนี่ ที่มาได้ประตูชัยท้ายเกมเหมือนนัดที่แล้ว
แต่การขาดตัวหลักอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาบิด ซิลบา และ ซาเมียร์ นาสรี่ ไม่ได้ทำให้รูปเกมที่เน้นความสามารถเฉพาะตัวของทีมเปลี่ยนไปแต่อย่างใด การครองบอลหรือครองเกมน้อยกว่า แต่ก็มีโอกาสจากจังหวะฉาบฉวยเหมือนกัน
แม้จะถูกยิงนำแต่ต้องชมความสามารถเฉพาะตัวของ ยาย่า ตูเร่ ที่ไถบอลจนมาเปิดให้เด็กหน้าเงิน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยิงได้ แถมในครึ่งหลังมีโอกาสหลายครั้งจาก สเตอร์ลิ่ง กับ เควิน เดอ บรอยน์ แต่ก็ต้องรอถึงนาทีสุดท้ายกว่าจะได้ประตูจากจังหวะสวนกลับ
อย่างไรก็ตาม การได้ชัยชนะแบบฉาบฉวยในเกมยุโรป 2 นัดติดแสดงให้เห็นถึง ความเก๋า ความเขี้ยว ที่มากขึ้นในฟุตบอลระดับแบบนี้ จะได้ไม่ซ้ำรอยฤดูกาลที่ผ่านมาที่นักเตะเหนือกว่าคู่แข่งเต็มทีมแต่เอาตัวไม่รอด
ผลคะแนน เกรด C
//sport.sanook.com/180267/