bloggang.com mainmenu search

เมื่อ “ช่างปั้นหม้อ” เปลี่ยนสไตล์

เมื่อวานนี้ข่าวการย้ายตัวอย่างเป็นทากการของ “เซอร์ดาน ชากิรี่” จาก “อินเตอร์ มิลาน” มาสู่ “สโต๊ค ซิตี้” อาจจะไม่ได้สร้างความแปลกใจมากนัก

เพราะก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวว่ามิดฟิลด์ริมเส้นดีกรีทีมชาติสวิซเซอร์แลนด์คนนี้กำลังจะย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ในถิ่น บริมาเนีย สเตเดี้ยม แถมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดแรกที่แพ้ลิเวอร์พูล 0-1 เจ้าตัวก็เข้ามาชมเกมด้วย

แม้ว่าค่าตัว 12 ล้านปอนด์จะสูงเป็นสถิติของสโมสรหรือค่าเหนื่อยจำนวนเยอะพอสมควรที่เจ้าตัวได้รับจากสโมสรแห่งใหม่

แต่สิ่งที่สร้างความเซอร์ไพรส์มากกว่าคือ “มาร์ก ฮิวจ์” ผู้จัดการทีมของ “สโต๊ค ซิตี้” เอาแน่ในการเปลี่ยนสไตล์การเล่นฟุตบอลของทีม

ถ้าพูดถึงชื่อ “สโต๊ค ซิตี้” ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่เก่าแก่ของอังกฤษด้วยอายุ 152 ปี คงนึกถีงบุคลิกบอลสไตล์อังกฤษโบราณ ประมาณว่าเน้นฟุตบอลโยนยาวให้กองหน้าตัวใหญ่เก็บบอล มีตัวริมเส้นทื่อๆที่มีหน้าที่โยนบอลให้กองหน้าโหม่งกินอย่างเดียว

แต่ชั่วโมงนี้กุนซือชาวเวลลส์ซื้อนักเตะประเภทกองหน้าสายคล่องๆไปกับบอลได้ดี เรียกพวกมิดฟิลด์ตัวรุกสมัยใหม่เข้ามาสู่ทีม

โดยก่อนหน้านี้มี “โบยาน เคอร์คิช” ที่ได้มาจากบาร์เซโลน่าเมื่อปีที่แล้วและ “อิบราฮิม อเฟลลาย” ที่มาจากทีมเดียวกันในช่วงปิดฤดูกาล

ยิ่งไปกว่านั้นรูปแบบการเล่นและระบบทีม ตัว “มาร์ก ฮิวจ์” ให้ลูกทีมเล่นไม่ใช่แผนมาตรฐานอย่าง 4-4-2 แต่เป็น 4-2-3-1

ซึ่งไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทีมที่เคยเล่นแต่บอลโยนยาว บอมบ์เข้าใส่คู่แข่งจนอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีก จะเลือกที่เปลี่ยนแปลงสไตล์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ "ความอยาก” ของผู้จัดการทีม

ถึงตอนนี้คงจะต้องรอดูว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่ฟอร์มอุ่นเครื่องของทีมในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลน่าเอามากุมหัวอย่างยิ่งเพราะชนะแค่ 2 นัดแต่แพ้ไปถึง 4 นัดแถมเป็นการแพ้ 3 นัดหลังสุดก่อนนัดเปิดสนามจะแพ้ “ลิเวอร์พูล” 0-1 อีกด้วย

อย่างไรก็ตามการได้นักเตะความสามารถสูงอย่าง “เคอร์คิช” “อเฟลลาย” และ “ชากิรี่” มาร่วมทีม ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้สาวกช่างปั้นหม้อทั้งหลายตื่นตาตื่นใจ

เพราะในอีกมุมนึงหมายถึงว่า ทีมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในอนาคตจากการดึงนักเตะระดับ “ซุปเปอร์สตาร์” (ที่ถูกโละแล้ว) มาสู่ทีม นอกจากเป้าหมายที่หนีตกชั้นแบบ “ซังกะตาย” ปีต่อปี

ปัญหาของทีมคือนนักเตะที่มีอยู่แล้วที่เล่นบอลสไตล์อังกฤษอย่าง “ไรอัน ชอว์ครอสส์” “ฟิล บาร์สลีย์” “เกล็น วีแลน”“สตีเฟ่น ไอร์แลนด์” “ชาร์ลี อดัม” “โจนาธาน วอลเตอร์”

รวมทั้ง “ปีเตอร์ เคราช์” จะเข้ากับนักเตะใหม่หลายคนที่เล่นในสไตล์ที่ต่างออกไปไม่ใช่แค่ 3 คนข้างต้นแต่ยังมีพวก “โจเซลู” “มาร์โก ฟาน กิลเคล” “มาม่า บิรัม ดิยุพ”

พูดง่ายๆถ้าเปรียบเป็นอาหาร ที่มี “มาร์ก ฮิวจ์” เป็นเชฟ คือจะทำยังไงที่จะใช้วัตถุดิบที่มีความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นที่มาหรือประเภทของวัตถุดิบที่บางทีดูไม่น่าจะเข้ากันด้วยซ้ำให้ผสมกันลงตัวเป็นอหารชั้นเลิศที่มีรสชาติอร่อย

บางทีการ “เปลี่ยน” ระบบทีมใหม่อาจจะส่งผลให้นักเตะบางส่วนมีปัญหา อาจจะลงสนามพอเล่นได้แต่ไม่สามารถเค้นศักยภาพสูงสุดของตัวเองออกมาได้ หรือถ้าในเคสที่เลวร้ายอาจจะเล่นไม่ได้จนผลงานของทีมไม่ดีอย่างที่คิด

ฤดูกาลนี้ “มาร์ก ฮิวจ์” คิดการใหญ่ถึงขั้นเปลี่ยน “สไตล์” ของทีมด้วยการซื้อนักเตะที่มีชื่อแต่ “มีสไตล์ที่แตกต่าง” กับบุคลิกของทีมชัดเจน

ไม่รู้ว่าจะเป็นสิ่งถูกหรือผิด คำตอบอยู่ที่ผลงานของทีมในสนามครับ 

//sport.sanook.com/164405/

Create Date :14 สิงหาคม 2558 Last Update :14 สิงหาคม 2558 8:58:56 น. Counter : 916 Pageviews. Comments :0