bloggang.com mainmenu search


[สดุดีเวลส์] ฤา 'เทพนิยาย' เดนส์จะซ้ำรอย !?



‘ฟุตบอลคือสิ่งมหัศจรรย์ ..บางครั้งเรื่องเหลือเชื่อก็บังเกิดราวกับทำให้เราต้องมนตร์โดยไม่รู้ตัว’

ผมหวนนึกถึงประโยคนี้พร้อมกับกระหยิ่มยิ้มย่องเบาๆไปกับสิ่งที่สายตาได้ประสบ บางมุมมันอาจทำให้เราเศร้า บางครามันอาจทำให้เราผิดหวัง ทว่าก็มีอยู่หลายครั้งที่ฟุตบอลคือสิ่งสวยงามพร้อมกับทำให้เราต้องทึ่งไปกับสเน่ห์ที่มิอาจลืมเลือน..

เกมระหว่าง เวลส์-เบลเยี่ยม ที่เพิ่งผ่านพ้นไปคืออีกหนึ่ง ‘ความคลาสสิก’ ที่ตอกย้ำความมหัศจรรย์ของโลกลูกหนัง

ใช่ ..นี่คือชาติเล็กๆที่ถูกประเทศแม่ที่เรียกตนเองว่าผู้ดีค่อนขอดมาตลอดว่า ‘เจ้าพวกบ้านนอก’

ก็ถูกอีกที่นี่คือประเทศที่มีอัตราคนตกงานติดท็อปซิกซ์ของยุโรป ..

ทว่าบัดนี้ความเศร้ามองทุกอย่างกำลังจะถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ

ชนชาติที่มีประชากรเพียงหยิบมือพร้อมกับไร้ความสำเร็จใดๆ ทำดีที่สุดก็แค่เข้ารอบ 8 ทีมอีกทั้งยังห่างหายกับทัวร์นาเมนต์รายการใหญ่มากว่า 58 ปีกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ที่ทำให้ทั่วทั้งโลกต้องจดจำ..

นี่คือผลงานที่ดีที่สุดในรอบ 140 ปีหรือนับตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งสมาคมฟุตบอล เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ และ มีทีท่าว่าเส้นทางแห่งนิยายในครั้งนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆหากในวันข้างหน้าพวกเขารักษามาตรฐานฟอร์ม

อาจถูกยกให้เป็น “ม้ามืด” ที่น่าจับตามาตั้งแต่ต้น ทว่าพอเอาเข้าจริงก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่า ทัวร์นาเมนต์นี้ชื่อของเวลส์จะมาแรงเกินคาดจนถึงขั้นหักปากกาเซียนปราบทีมที่ราวกับต้องมนตร์คำสาปอย่างเบลเยี่ยมลงได้

ขุนพล “มังกรแดง” ได้สอนสัจธรรมลูกหนังให้สาวกเบลเยี่ยมที่เดินทางมาเชียร์กว่า 50,000 คนรับรู้ว่า แท้จริงแล้วบอลระบบที่ดีนั้นเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับบทเรียนชีวิตที่ว่า

ฟุตบอลมิใช่เรื่องของตัวคนเดียว เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีวันไปถึงฝั่งฝัน ..

หากไร้ซึ่ง ‘แรงใจ’ และ ‘ความสามัคคี’

การขาดสองยอดเซนเตอร์อย่าง โธมัส แฟร์มาเล่น และ แยน แฟร์ต็องเก้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภูผาหินในเกมรับของดินแดนแห่งช็อกโกแล็ตต้องพังทลาย และ เรรวน ทว่าด้วยตัวผู้เล่นอย่าง เอแด็น อาซาร์, โรเมลู ลูกากู, เควิน เดอ บรอยน์ มองไปข้างสนามก็มีแข้งอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่, มิชี่ บาตชูอายี่ รอโอกาสอยู่..

บางที ‘มาร์ค วิลม็อตส์’ กุนซือของทีมควรจัดสรรอะไรได้ดีกว่านี้

หลังจากเจ๊าอยู่ 1-1 ในครึ่งเวลาแรก เข้าสู่ครึ่งหลัง นายใหญ่ผู้ซึ่งเคยผ่านการเล่นฟุตบอลโลกมาแล้ว 4 สมัยจัดการถอดปีกอย่าง การ์ราสโก้ ออกพร้อมกับส่งดาวเตะหัวฟูที่มีรูปร่างสูงใหญ่อย่าง เฟลไลนี่ ลงสู่สังเวียนทันที

วิลม็อตส์ ส่งมิดฟิลด์ร่างโย่งจากแมนฯ ยูไนเต็ด ลงมาด้วยความหวังที่จะใช้ทีเด็ดจากลูกโขกของ เฟลไลนี่ เล่นงานเกมรับเวลส์แต่เปล่าเลยนั่นคือความคิดที่ผิดถนัด ..

การวางแท็คติกลูกโด่งพร้อมบอมบ์ยาวใส่เพื่อหมายเล่นงานใส่ชนชาติที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นตำรับสูตรสำเร็จนี้ไม่ต่างกับ ‘ฆ่าตัวตาย’ ทั้งเป็น

สามเซนเตอร์ของเวลส์นำมาโดย แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ รับมือกับลูกากู และ ผองเพื่อนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน, อารอน แรมซี่ย์ กับฟอร์มที่โดดเด่นที่สุดในชีวิต

ในสโมสรแข้งรูปหล่ออาจโดนปรามาสสำหรับสไตล์การเล่นที่สุดเก๊ก และ ความดันทุรังที่จะลากเลื้อยทั้งที่ไม่ใช่มิดฟิลด์ที่เต็มไปด้วยเทคนิคจนบางครั้งบางคราดูจะฝืนเกินควร และ เกะกะสายตา

แต่แล้วผลงานล่าสุดตลอดทัวร์นาเมนต์นี้กับทีมชาติก็ตอกย้ำให้เห็นว่าที่ผ่านมา แฟนบอลอาร์เซน่อลนั้น ‘คิดผิด’ ..

มิดฟิลด์จอมม้วน ‘มีของ’ มากกว่าที่หลายคนคิด และ บางทีอาจเป็น ‘อาร์เซน เวนเกอร์’ ซะมากกว่าที่จับเจ้าตัวเล่นผิดบทบาท

ในวันที่ แกเร็ธ เบล ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด ในวันที่เกมรุกของทีมก็ไม่ได้เลิศเลอดีเด่ เป็นอีกครั้งที่ขุนพลเวลส์สามารถเชิดหน้าชูตาใน ‘ฟรองค์ 16’ ต่อไปได้อย่างสง่าผ่าเผยด้วยการเล่นที่มีระเบียบวินัย, รับอย่างอดทนพร้อมกับโต้กลับด้วยจังหวะฉับไวก่อนจะนำมาซึ่งสกอร์อันเฉียบขาด

ในตอนนี้ เบล ไม่ได้กำลังแบกทีมตามที่ทุกคนเข้าใจ ตรงกันข้ามพลพรรค “มังกรแดง” ทุกรายต่างหากที่ช่วยกันประคองพาทีมชุดนี้ให้ไปถึงจุดหมายตลอดรอดฝั่ง

สิ้นสุดเกมนี้พวกเขาจะกรุยทางเข้าสู่รอบรองฯพบกับทีมซึ่งผลงานไม่เอาอ่าวทว่าพกดวงมาเต็มเปี่ยมอย่าง โปรตุเกส นับจากนี้เหลืออีกเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นนิยายเรื่องนี้ก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ไม่ว่าพวกเขาจะจอดอยู่ที่รอบ 4 ทีมหรืออกหักเกมนัดชิงในบั้นปลาย

ทุกอย่างก้าวที่เดินล้วนจะถูกจารึกสู่พงศาวดารแห่งประวัติศาสตร์

“เรามาไกลเหลือเกิน ผมโชคดีมากที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์อันล้ำค่านี้ ผมอยากเก็บช่วงเวลาแห่งความฝันในค่ำคืนนี้เอาไว้” ถ้อยคำหลังแมตช์ที่ไม่ต้องบรรยายความรู้สึกให้มากความของ คริส โคลแมน นายใหญ่ของทีม

ในปี 1992 คือช่วงเวลาที่ “เทพนิยายยักษ์เดนส์” ถือกำเนิดขึ้น จากมวยแทนที่ส้มหล่นเข้าร่วมแทน ยูโกสลาเวีย ขุนพล เดนมาร์ก กลับสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทะลุก้าวขึ้นไปเป็น ‘แชมป์’ แบบน่าตาเฉย

12 ปีผ่านไปให้หลังมหากาพย์ยักษ์เดนส์ กรีซสร้างปรากฏการณ์ที่ผู้คนยุคต้นศตวรรษใหม่ไม่มีวันลืมเลือนด้วยการเชือดโปรตุเกส 2-1 พร้อมผงาดคว้าแชมป์ยูโร 2004 อย่างยิ่งใหญ่

บัดนี้เลข 12 เวียนผ่านมาอีกครั้ง กับยูโร 2016 ที่กำลังเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย อะไรจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไม่มีใครรู้ ทว่าที่แน่ๆเสียงเพลง ‘Land of Father’ ดังสนั่นพร้อมเต็มไปด้วยความคึกครื้นตลอดเส้นทางการเดินทางกลับที่พัก ณ เมืองลีลล์

จาก ‘เดนมาร์ก-กรีซ’ สู่ ‘เวลส์/ไอซ์แลนด์ 2016’ !?

ได้โปรดเถิดนาคนดี จงหลับตาพร้อมกับนิทราต่อไปดังเช่นที่เคยทำตลอดเดือนที่ผ่านมา..

ได้โปรดใครก็ได้อย่าเพิ่งปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ..

ปล่อยให้พวกเขา และ เราได้ฝันต่อไปกับจินตนาการอันงดงามที่ราวกับนิยายนี้ที!


#มาสเตอร์ริท

*********************
ฝากบทความฟุตบอลจ้า อารมณ์มาเต็มครับ ถ้าชอบสามารถเข้าไปติดตาม หรือ กดถูกใจกันได้นะครับที่ https://www.facebook.com/MasterReed.1992/

จะพยายามเอามาลงให้รับชมเรื่อยๆจ้า ติ-ชมกันได้ครับ


ที่มา  //www.soccersuck.in.th/boards/topic/1381615
Create Date :02 กรกฎาคม 2559 Last Update :2 กรกฎาคม 2559 17:00:20 น. Counter : 679 Pageviews. Comments :0