3 มี.ค. 2553 : เปาบุ้นจิ้น ตอน ประหารราชบุตรเขย "เิฉินซื่อเหม่ย"
ภาพถ่ายชุดนี้ไปถ่ายภาพจากงานฉลองศาลเจ้าปุงเถ่ากง ครบรอบ 134 ปี และครบรอบวันเกิดเจ้าพ่อ ณ บริเวณจัดการแสดงตรงข้ามกับศาลเจ้าปุงเถ่ากง ตลาดวโรรส เชียงใหม่
บัณฑิตเฉินซื่อเหม่ย
บัณฑิตเฉินซื่อเหม่ยเป็นหนุ่มรูปงาม มีความรู้ความสามารถในการร่ำเรียน
จนสามารถสอบได้เป็นจอหงวน
เมื่อเข้ารับตำแหน่งเป็นจอหงวน การที่มีรูปลักษณ์งามของเฉินซื่อเหม่ยทำให้เป็นที่พอพระทัยของไทเฮา ไทเฮาทรงมีพระประสงค์ให้เฉินซื่อเหม่ยเป็นราชบุตรเขย เหยินจงฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้อ๋องแปดไปทาบทามเฉินซื่อเหม่ย หลังจากนั้นองค์หญิงและราชบุตรเขยได้อภิเษกสมรส
ฉินเซียงเหลียน
ฉินเซียงเหลียนเป็นภรรยาของเฉินซื่อเหม่ย อยู่กินจนมีลูกชายและลูกสาวชื่อ ชุนเกอและตงเม่ย
ฉินเซียงเหลียนอยู่ดูแลสามีของตนเองรวมถึงลูกชายและลูกสาว และตลอดจนรับใช้ดูแลพ่อแม่ของเฉินซื่อเหม่ยเป็นอย่างดี
ช่วงที่เฉินซื่อเหม่ยมาสอบเป็นจอหงวน และไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาหลายเดือน ฉินเซียงเหลียนเข้าใจว่า สามีของตนคงมีเรื่องราวให้ทำมากมายจนไม่สามารถกลับมาบ้านได้
ฉินเซียงเหลียนจึงพาลูกเดินทางนับพันลี้มาที่เมืองหลวงเพื่อตามหาสามี นางไม่อยากเชื่อเลยว่าเฉินซื่อเหม่ยจะทอดทิ้ง ลูกเมีย นางคิดว่าเฉินซื่อเหม่ยจะต้องมีความจำเป็นบางอย่างจึงทำเช่นนี้
เปาบุ้นจิ้น
เปาบุ้นจิ้นได้รับคำสั่งให้สอบสวนเหตุร้ายเรื่องหนึ่ง เนื่องจากมีคนร้ายบุกเข้าตำหนักอ๋องแปด เปาบุ้นจิ้นจึงสั่งการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้
ที่ศาลไคฟง เปาบุ้นจิ้นได้ยินเสียงตีกลองร้องทุกข์ พร้อมกับเสียงร้องทุกข์จากผู้หญิงคนหนึ่ง ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก จนทำให้เปาบุ้นจิ้นถึงกับเอ่ยปากว่า นางผู้นี้ต้องมีความทุกข์ใจ เศร้าใจ สะเทือนใจอย่างมากมาย ถึงได้ร้องทุกข์ด้วยเสียงที่เศร้าใจมากมายเพียงนี้
เปาบุ้นจิ้นสั่งการให้หวังเฉา-หม่าฮั่น รับนางที่ตีกลองร้องทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอยู่นั้นเข้ามาที่ศาล และสั่งเปิดศาลรับฟังคำร้องทุกข์
ฉินเซียงเหลียนพาลูกทั้งสองเข้าร้องทุกข์ต่อหน้าเปาบุ้นจิ้นที่ศาลไคฟง
เปาบุ้นจิ้นได้สอบถามนางว่า นางร้องทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจเพียงนี้ มีเรื่องสะเืทือนใจอะไร และต้องการร้องทุกข์ต่อผู้ใด
ฉินเซียงเหลียนตอบเปาบุ้นจิ้นว่า ข้าต้องการร้องทุกข์ต่อเฉินซื่อเหม่ย ราชบุตรเขยองค์ปัจจุบัน ด้วยข้อหาที่ว่า "ราชบุตรเขยอกตัญญูต่อพ่อแม่ จนทำให้พ่อแม่ตาย และยังมาทอดทิ้งลูกเมีย หลอกลวงฮ่องเต้ ด้วยการแต่งงานซ้อน"
เปาบุ้นจิ้นได้ฟัง ถึงกับตกใจ ที่นางผู้นี้ต้องการร้องทุกข์ต่อราชบุตรเขย
เปาบุ้นจิ้นได้บอกว่า หากผู้ใดร้องทุกข์ต่อเบื้องสูง แล้วไม่เป็นจริง มีโทษถึงประหารชีวิต
ฉินเซียงเหลียนพลันร้องไห้ แล้วตอบท่านเปาไปว่า
ท่านเปาผู้ศักดิ์สิทธิ์หาว่านางพูดเท็จ
นางไม่ได้โกหก พร้อมนำหลักฐานป้ายดวงวิญญาณของพ่อแม่เิฉินซื่อเหม่ยที่ตายไปแล้วให้เปาปุ้นจิ้นได้ดูเป็นหลักฐาน
จากนั้นเปาบุ้นจิ้นให้ฉินเซียงเหลียนเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดให้ฟัง
เปาบุ้นจิ้น เกิดความเห็นใจฉินเซียงเหลียนและลูก
เปาบุ้นจิ้นก็ยังครุ่นคิดและตั้งข้อสงสัยว่า
เฉินซื่อเหม่ยที่ฉินเซียงเหลียนกล่าวหานั้นจะเเป็นคนเดียวกับราชบุตรเขยได้อย่างไร ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ราชบุตรเขยจะเป็นสามีของนาง
จากนั้นจึงสั่งปิดการไต่สวนไว้ชั่วคราว และสั่งการให้หวังเฉา-หม่าฮั่นออกไปหาความจริง พร้อมกันนี้เปาุบุ้นจิ้นให้ที่พักแ่ก่ฉินเซียงเหลียนและลูกทั้ง 2 คน
ระหว่างที่พำนักอยู่ที่ศาลไคฟง ด้วยความที่ลูกน้อยทั้งสองเอาแต่ฝ้นร้าย คิดถึงแต่ผู้เป็นพ่อ และร้องไห้อยากกลับบ้าน ฉินเซียงเหลียนได้เห็นความทุกข์ความเศร้าของลูกน้อย จึงตัดใจไปพบเฉินซื่อเหม่ยตามลำพัง
ฉินเซียงเหลียนเมื่อได้พบกับเฉินซื่อเหม่ย
ฉินเซียงเหลียนได้เล่าถึงความทุกข์ยากที่บ้านเกิดให้เฉินซื่อเหม่ยฟัง
เฉินซื่อเหม่ยรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
เฉินซื่อเหม่ยพยายามอธิบายความจริงให้ฉินเซียงเหลียนฟัง
แต่ฉินเซียงเหลียนกลับไม่อยากฟังข้อแก้ตัวของเฉินซื่อเหม่ยอีกต่อไปแล้ว
ฉินเซียงเหลียนตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับชายที่ทรยศต่อความรัก และอกตัญญูต่อพ่อแม่ของตนเอง
นางได้กลับไปที่ศาลไคฟง และแจ้งแก่เปาบุ้นจิ้นว่าจะไม่ขอฟ้องร้องใดๆ อีกและจะพาลูกกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด จากนั้นก็พลันออกจากศาลไคฟง
เปาบุ้นจิ้นได้ฟังดังนั้นรู้สึกสับสนว่ามีเรื่องใดกันอีกที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่
(เนื้อหาตรงนี้ เข้าใจว่าคณะงิ้วไม่ได้แสดง แต่แอบมาเล่าเรื่องให้ฟัง)
หลังจากที่ฉินเซียงเหลียนจากไปแล้ว
เหว่ยหมิงองครักษ์ของเฉินซื่อเหม่ยที่ทราบเรื่องของฉินเซียงเหลียน
จึงคิดวางแผน โดยนำพาหานฉีมาพบราชบุตรเขย
เหว่ยหมิงเสนอราชบุตรเขยให้หานฉีไปฆ่าฉินเซียงเหลียนแม่ลูก
เฉินซื่อเหม่ยกลับนิ่งเฉยโดยไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด
ทางด้านฉินเซียงเหลียน ขณะที่นางได้เดินทางกลับไปบ้านเกิด
ระหว่างทางฉินเซียงเหลียนถูกหานฉีตามล่าเอาชีวิต
ขณะที่หานฉีจะลงดาบต่อฉินเซียงเหลียน
ฉินเซียงเหลียนได้กล่าวตัดพ้อชีวิตอันแสนรันทดของตัว ให้หานฉีฟังโดยละเอียด และร้องไห้คร่ำครวญ ด้วยเหตุทั้งหมดที่เล่ามานี้
นางจะแต่งงานอยู่กินกับคนที่คิดฆ่าลูกเมียเช่นเฉินซื่อเหม่ยได้อย่างไร
ถ้าอยากฆ่านาง ก็ฆ่าเสียแต่ตอนนี้เถิด
หานฉีได้ยินเช่นนั้นก็เกิดมโนธรรมขึ้นมาในใจ ทำให้หานฉีเกิดความลำบากใจขึ้นมา แต่เพื่อทดแทนบุญคุณของเหว่ยหมิง หานฉีตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ฉินเซียงเหลียน เห็นแก่การที่หานฉีไม่คิดฆ่าตน แต่กลับไปฆ่าตัวเองตาย
นางจึงทุกข์ใจ ที่มีคนมาตายเพิ่มเพราะเรื่องของนางกับเฉินซื่อเหม่ย
นางจึงย้อนกลับไปที่ศาลไคฟง
โดยนำดาบที่หานฉีใช้ฆ่าตัวตายไปเป็นหลักฐาน พร้อมเล่าเรื่องทั้หมดให้ฟัง
และครั้งนี้ฉินเซียงเหลียนยืนยันที่จะฟ้องร้องเอาผิดต่อเฉินซื่อเหม่ย
เปาบุ้นจิ้นจึงรับเรื่องของฉินเซียงเหลียน และเปิดศาลพิจารณารับคดีนี้
เปาบุ้นจิ้นตรวจดูรอยเลือดที่ติดอยู่บนดาบเล่มนั้น
จากนั้นจึงสั่งการหวังเฉาออกติดตามหาหลักฐานเพิ่มเติม
หวังเฉาได้พบหลักฐาน ณ จุดเกิดเหตุ เป็นปลอกของดาบที่หานฉีใช้ฆ่าตัวตาย
เปาบุ้นจิ้นตรวจสอบหลักฐาน และเห็นความพิรุธที่ซ่อนเร้น และหลักฐานบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตายของหานฉี และเรื่องสามารถเชื่อมโยงไปถึงเฉินซื่อเหม่ย
เปาบุ้นจิ้น ได้เตรียมการสั่งเปิดศาลพิจารณาคดีว่าความ
"เฉินซื่อเหม่ย อกตัญญูต่อพ่อแม่ และละทิ้งลูกเมีย หลอกลวงเบื้องสูง แต่งงานซ้ำซ้อน"
แต่เนื่องจากคดีความครั้งนี้เกี่ยวข้องกับราชบุตรเขย ครั้นจะเชิญตัวมาสอบสวนโดยตรง คงยากที่ได้ตัวราชบุตรเขยมาเบิกความ จึงได้สั่งการแผนต่อหวังเฉาไป
อุบายที่เปาบุ้นจิ้นสั่งการผ่านหวังเฉาไป คือ ให้หวังเฉาไปสืบความกับราชบุตรเขยเกี่ยวกับการตายของหานฉี
ราชบุตรเขยได้ฟังความกล่าวโทษมาถึงตน ปฏิเสธไม่รู้จักหานฉี
และสั่งจับหวังเฉาไว้ จากการกล่าวเท็จ กล่าวโทษต่อเบื้องสูง
เฉินซื่อเหม่ยพาลโกรธไปถึงเปาบุ้นจิ้นที่ส่งหวังเฉามากล่าวโทษ ไม่คิดยำเกรงต่อเบื้องสูง
ที่พำนักของศาลไคฟง
เฉินซื่อเหม่ยเดินทางมากล่าวโทษต่อเปาบุ้นจิ้น พร้อมพาหวังเฉามาด้วย
เปาบุ้นจิ้นเชื้อเชิญเฉินซื่อเหม่ยเพื่อรับทราบเรื่องกล่าวโทษ
เฉินซื่อเหม่ยกล่าวโทษเปาบุ้นจิ้นที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
ไมมีหลักฐานใด และยังส่งลูกน้องไปลบหลู่ถึงตำหนักของราชบุตรเขย
เปาบุ้นจิ้นได้ตอบข้อกล่าวหาต่อราชบุตรเขย
พร้อมทั้งขอให้ราชบุตรเขย ปล่อยการผูกมัดต่อหวังเฉา
เปาบุ้นจิ้นได้ชี้แจงและตอบข้อข้องใจที่ให้หวังเฉาไปสืบความถึงตำหนักราชบุตรเขย
และด้วยอุบายของเปาบุ้นจิ้นทำให้เฉินเซียงเหลียน ได้เผชิญหน้ากับ เฉินซื่อเหม่ย
เฉินซื่อเหม่ย เมื่อได้เผชิญหน้ากับฉินเซียงเหลียนถึงกับตกใจ
เปาบุ้นจิ้นได้สอบถามความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง
เฉินซื่อเหม่ยได้ปฏิเสธไม่รู้จักฉินเซียงเหลียน และไม่เคยมีลูก ไม่เคยแต่งงานกับหญิงสาวคนไหน นอกจากองค์หญิง
เฉินซื่อเหม่ย เมื่อถูกสอบสวนหนักเข้า ก็คิดจะกลับตำหนัก
เปาบุ้นจิ้นได้ทักท้วงไว้ และได้กล่าวโทษต่อเฉินซื่อเหม่ย
พร้อมกับสั่งเปิดศาลไต่สวนกล่าวโทษคดีความ
"เฉินซื่อเหม่ย อกตัญญูต่อพ่อแม่ และละทิ้งลูกเมีย หลอกลวงเบื้องสูง แต่งงานซ้ำซ้อน"
เปาบุ้นจิ้นได้เบิกความจากฉินเซียงเหลียง
พร้อมกล่าวโทษตามคดีความที่ เฉินซื่อเหม่ยได้กระทำลงไป
เฉินซื่อเหม่ยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่เปาบุ้นจิ้นกล่าวโทษ
ถึงแม้จะมีหลักฐานชิ้นแล้วชิ้นเล่า เฉินซื่อเหม่ยก็ยังปฏิเสธทุกข้อหา
เมื่อเฉินซื่อเหม่ยปฏิเสธข้อกล่าวหา
เปาบุ้นจิ้นจึงสั่งการควบคุมตัวเฉินซื่อเหม่ยไว้ที่ศาลไคฟง
เฉินซื่อเหม่ยเอง ก็มิอาจหลบหนี เมื่อตัวเองอยู่ในศาลของเปาบุ้นจิ้น
จึงถูกควบคุมตัวไว้ที่ศาลไคฟง
องค์หญิงเมื่อทราบข่าวว่าเฉินซื่อเหม่ย ถูกควบคุมตัวไว้ที่ศาลไคฟง
จึงเสด็จมาที่ศาลไคฟงโดยต้องการพาราชบุตรเขยกลับไป
องค์หญิงแจ้งต่อเปาบุ้นจิ้น ไม่มีเหตุผลใดที่จะควบคุมตัวเฉินซื่อเหม่ยไว้ที่ศาลไคฟง และต้องการนำพากลับตำหนัก
เปาบุ้นจิ้นต้องชี้แจงหลักฐานต่างๆ ที่ได้มา พร้อมกับเล่าความรายละเอียดทั้งในส่วนของความทุกข์ใจของฉินเซียงเหลียนที่ยากเกินเยียวยา และความผิดที่เฉินซื่อเหม่ยหลอกลวงต่อเบื้องสูง มีโทษถึงประหารชีวิต ไม่สามารถยอมความหรือลดหย่อนโทษให้ได้ จึงพิพากษาประหารชีวิตเฉินซื่อเหม่ยด้วยเครื่องประหารหัวมังกร
องค์หญิงได้ทัดทานโทษประหารไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง และเพื่อเห็นแก่ลูกในท้องของตัวเองที่อาจจะต้องกำพร้าพ่อ องค์หญิงจำต้องทูลขอความช่วยเหลือจากไทเฮา
ไทเฮาได้รับฟังเรื่องราวจากองค์หญิง ทรงกริ้วเปาบุ้นจิ้นมาก
และหาทางคิดช่วยองค์หญิงและราชบุตรเขย
ไทเฮาเสด็จมายังศาลไคฟง จากนั้นไทเฮาก็ทรงมีรับสั่งให้เปาบุ้นจิ้น ปล่อยเฉินซื่อเหม่ย
แท้จริงแล้วก่อนที่ไทเฮาจะเสด็จมายังศาลไคฟง
ไทเฮาได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เหยินจงฮ่องเต้
เหยินจงฮ่องเต้ทรงเห็นไทเฮามาด้วยเรื่องของราชบุตรเขย และองค์หญิง
พระองค์ทรงไม่มีทางเลือกจึงมีรับสั่งให้คนถือราชโองการละเว้นโทษตายเฉินซื่อเหม่ย
ไทเฮารับสั่งให้หยุดการประหารชีวิตต่อเฉินซื่อเหม่ยไว้ชั่วคราว
และแจ้งต่อเปาบุ้นจิ้นว่า อีกไม่นานนักราชโองการอภัยโทษก็จะมาถึง ให้รอรับราชโองการก่อน
เปาบุ้นจิ้นรู้ดีว่าถ้ายืดเยื้อต่อไป เฉินซื่อเหม่ยจะต้องลอยนวลออกไปแน่ๆ
เปาบุ้นจิ้นสั่งให้คนขัดขวางขบวนราชโองการไว้
จากนั้นเปาบุ้นจิ้นก็สั่งให้ประหารเฉินซื่อเหม่ย ด้วยเครื่องประหารหัวมังกร
(ท้ายเรื่องที่ไม่ได้มีการแสดง)
เหยินจงฮ่องเต้ทรงกริ้วเปาบุ้นจิ้นมาก
ที่เปาบุ้นจิ้นไม่รับราชโองการ และยังประหารราชบุตรเขยโดยพลการ
เปาบุ้นจิ้นกราบทูลความจริงต่อเหยินจงฮ่องเต้
แม้ว่าเหยินจงฮ่องเต้ทรงเห็นว่าเปาบุ้นจิ้นมีเหตุผล
แต่ก็ติดที่ไทเฮา ทำให้พระองค์ไม่รู้ว่าจะอภัยโทษให้เปาบุ้นจิ้นได้อย่างไร
อ๋องแปดจำเป็นต้องทูลเตือนสติเหยินจงฮ่องเต้ไว้
ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้ฉินเซียงเหลียนเข้าเฝ้า
แต่ครั้งนี้กลับเป็นองค์หญิงที่ต้องการพบฉินเซียงเหลียน
หญิงสาวสองคนที่ต้องเศร้าโศกเสียใจเพราะสูญเสียชายคนรักไป
ทั้งสองต่างปลอบใจกันและกันว่าจะต้องยืนหยัดต่อไปให้ได้
ฉินเซียงเหลียงได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
"ชาตินี้นางจะไม่มีวันร้องทุกข์เพื่อขอความเป็นธรรมอีกต่อไปแล้ว ..."
ฉินเซียงเหลียนได้กลับมาที่ศาลไคฟง และกล่าวร่ำลาเปาบุ้นจิ้น เล่าความต่อเปาบุ้นจิ้นว่า ตนเองจะพาลูกเดินทางกลับบ้านเกิด และเลี้ยงดูลูกทั้งสองให้เป็นคนดี
ขอจบไว้เพียงเท่านี้กับการถ่ายภาพการแสดงงิ้ว ตอน ประหารราชบุตรเขย เฉินซื่อเหม่ย
ขอบคุณนักแสดงงิ้วทุกๆ ท่าน (คณะงิ้ว เหล่าบ้วนนี้เฮง) ที่ได้แสดงให้ชมกันอย่างสนุกสนาน และได้เป็นแบบถ่ายภาพที่นำมาลงไว้ที่ blog นี้ด้วยครับ
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่ายใน blog นี้ด้วยนะครับ
********ทิ้งท้ายไว้ท้าย blog
การถ่ายภาพการแสดงงิ้วครั้งนี้ ใช้เลนส์ Sigma 70-200 F2.8
ยืนถ่ายภาพด้านหลังเวที - สภาพแสงบนเวทีถือว่าสว่างดีมากๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ที่ F2.8 เลย สามารถปรับได้สูงๆ ถึง F4.0 ถึง F5.6
เพียงแต่ว่าอาจต้องเลือกคุม speed ไม่ให้ต่ำจนมากนัก ครั้งใช้ speed อยู่ที่ช่วงประมาณ 1/250 เป็นหลัก
การถ่ายภาพครั้งนี้้ ครั้งแรกเลยไม่ได้ตั้งใจถ่ายภาพจนจบตอนการแสดง
แต่มาคิดได้ว่า ยังไม่เคยถ่ายจบสักตอนการแสดงเลย
ที่ผ่านมาถึงแม้จะเคยถ่ายภาพการแสดงโขน ที่แสดงนานกว่านี้ และยังต้องนั่งถ่ายภาพกับพื้น ยังสามารถถ่ายภาพจนจบการแสดงได้เลย
จึงตั้งใจอยู่ถ่ายภาพจนจบการแสดง
แต่การถ่ายภาพครั้งนี้ก็มีอุปสรรคมากมาย ที่ชวนให้อยากเลิกถ่ายภาพก่อนจบการแสดง คงไม่กล่าวโทษสิ่งใด ถือว่าเป็นการฝึกฝนความอดทนของตัวเองก็แล้วกัน ดีที่อยู่ถ่ายภาพจนจบการแสดงมาได้
และจากอุปสรรคดังกล่าว ทำให้เสียงที่อัดด้วย Iphone ไม่ปะติดปะต่อ จนเชื่อว่าการเล่าเรื่องคงขาดตกบกพร่องไป หรือผิดๆถูกๆ จากการแสดงไปด้วย ทั้งนี้ก็ขออภัยไว้ด้วยหากมีข้อผิดพลาดจากการเล่าเรื่องประกอบภาพถ่ายในครั้งนี้ด้วยครับ
ขอดูภาพรวมรวดเดียวก่อนค่ะ
แล้วอ่านต่อ
โดย: d__d (มัชชาร ) 3 มีนาคม 2553 18:55:52 น.
ตอน"เิฉินซื่อเหม่ย"นี่ดังมากนะคะ
เคยตามดูอยู่
โดย: d__d (มัชชาร ) 3 มีนาคม 2553 19:06:12 น.
พยายามเขียนเล่าเรื่อง และหวังว่าคงน่าจะพอติดตามเนื้อเรื่องจากภาพถ่ายที่ถ่ายภาพมาให้ชมกันได้อยู่นะครับ
โดย: ถปรร 3 มีนาคม 2553 19:06:47 น.
โดย: Violeta Lady 3 มีนาคม 2553 20:35:02 น.
ดีที่มาอ่านเรื่องจากที่นี่ สนุกดีค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat 3 มีนาคม 2553 21:26:23 น.
ชอบมากขอบคุณๆ เบิร์ดที่นำมาฝากค่ะ
โดย: อุ้มสี 3 มีนาคม 2553 21:26:35 น.
โดย: หมูหยอง_w 3 มีนาคม 2553 22:02:03 น.
โดย: ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ 3 มีนาคม 2553 22:59:00 น.
แต่งตัวอลังการมากๆเลย
และถ่ายรูปได้สวยด้วยค่ะ
โดย: Suessapple 4 มีนาคม 2553 6:50:46 น.
โดย: ถปรร 4 มีนาคม 2553 8:04:23 น.
ดี.มาดูงิ้วต่อค่ะ
พี่ก็ .. ทำงานอย่างมีความสุขนะคะ
โดย: d__d (มัชชาร ) 4 มีนาคม 2553 8:33:53 น.
โดย: กะว่าก๋า 4 มีนาคม 2553 11:25:50 น.
ขอบคุณ k.ก๋า ด้วยนะครับ ที่นำรูปมาแจมเข้ากับ blog จังเลย
โดย: ถปรร 4 มีนาคม 2553 11:31:16 น.
โดย: kobnon 6 มีนาคม 2553 7:25:52 น.