"If we cannot do great things, we can do small things in a great way"
Wu Chun
Group Blog
  • My Day
  • My Favorite Songs
  • My Plants
  • My Bookshelf
  • My Gallery
  • My Favorite Comics
  • My Journey
  • Jay Chou’s Song Corner
  • Jay Chou’s Story
  • Fahrenheit’s Story
  • Wu Chun’s Blog Entries
  • Kito Aya’s Diary – 1 Litre of Tears
 
<<
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

1 Litre of Tears : เพื่อน

About my future

My mom and I talked about my future.
According to my mom, "Unlike people who cannot see or are handicapped, the things you were able to do before doesn't leave your mind. You think hard about why you can't do it anymore, and your emotions come out. So it always starts with the struggle with your mind. Even if others may view it merely as a machine-like radio exercise, its actually a struggle with your mind, it's a training. Aya, I think that as long as you live every day to its fullest, you'll have a future. Aya, you cry alot, and when I see you cry, I feel so sorry. But looking at reality, you have to understand where you are right now and make your life full, or else you'll never live with your feet on the ground. Mom and your siblings will help you with things you absolutely cannot do. But when we talk about our opinions, or argue we're straight forward aren't we? That's because we think of you as a real live normal person and a sister. So take it as words full of love that will help you grow stronger mentally. This is a training as well, so that you will be able to go on when someone tells you something that stabs you in the heart. You learn love, and love what you know...basically you're surrounded by love and knowledge as the name of the place where you were born, Aichi-ken."
As I listened and took in the fact of my illness, I thought I should start thinking about my future.
"I want to be a librarian. To do that, I wanna go to college. Then I can get a degree as a social worker..."
"It'll be hard to go out. You should think about something you can do at home. For example, translating."
"I wanna write a novel , but my life in society is pretty poor so I guess that won't work."
"You can decide that later, but for now do what you can do right now, and put the effort! yes the effort."
"Okay, I guess the only thing I can rely on is my scholastic ability."

(A little sidenote... The place where Aya was born, Aichi-ken is made up of two kanji characters, ai(love) and shiru(to know). so that's what her mom was referrring to.)

Friends

I saw the sunset.The big red....
It quickly sank like a small sparkler firework that falls quickly, but it had a clear brightness to it.
The color was really beautiful. It was the color of an apple. Y-ko-chan and I said "Isn't it so pretty?" to each other and we're speechless after that. We saw a trail of an airplane shining in the red sunset.
I think Y-ko-chan is a really good person.
When I told her I wanted to study at her house, she strictly said no. I was so sure that she was going to say yes.
If I was in her shoes, I wouldn't be able to turn her down, and I wouldn't be able to study at my own pace, later regretting that I had said yes.
Basically, I lack self-control.
If I said that my physical handicap and my self-control is connected, would that be considered an excuse?
It makes me happy that there is someone that can say what they think and that there is someone who listens to what you have to say.
Friends treat each other equally so I'm grateful.
S-chan told me, "I started reading because of you."
That made me feel happy. It's okay if I feel that I wasn't just a trouble to my friends...right?
"Aya-chan, you were crying alot that one time remember? You were so cute."
"Really? Wow... no one has ever told me that before. But I saw myself in the mirror when I was crying before...and that wasn't a pretty sight."
"Well, I didn't see your face. The way you cried was cute."
"Haha that was harsh!"
What was cute wasn't my face, but the atmosphere I gave when I was crying. We both laughed.
Friends are so cool. I wanna be with them forever.



อนาคตของฉัน
แม่และฉันคุยกันถึงเรื่องอนาคต
แม่บอกว่า “หนูไม่เหมือนคนพิการหรือคนตาบอด สิ่งที่หนูเคยทำได้ก็ยังคงอยู่ในใจของหนู หนูคิดมากว่าทำไมถึงทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว และนั่นก็ทำให้หนูแสดงออกเป็นอารมณ์ ดังนั้นหนูต้องเริ่มด้วยการต่อสู้กับใจตัวเองก่อน แม้คนอื่นจะมองว่ามันเหมือนการออกกำลังกายตามวิทยุเหมือนเครื่องจักร แต่จริงๆแล้วมันคือการต่อสู้กับจิตใจของหนู มันคือการฝึกฝน อายะ แม่คิดว่าตราบเท่าที่หนูใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างเต้มที่ หนูก็จะมีอนาคต อายะ หนูน่ะร้องไห้บ่อยๆ เมื่อแม่เห็นหนูร้องไห้ แม่ก็รู้สึกเสียใจ แต่มองความเป็นจริงสิจ๊ะ หนูต้องเข้าใจว่าตอนนี้หนูอยู่ตรงจุดไหน และใช้ชีวิตให้เต็มที่ ไม่งั้นหนูก็จะไม่สามารถอยู่บนโลกนี้ได้ แม่และน้องๆจะช่วยหนูในสิ่งที่หนูทำไม่ได้จริงๆ แต่เมื่อเราแสดงความคิดเห็นหรือโต้เถียงกันเราจะพูดกันแบบตรงไปตรงมา ใช่มั้ย นั่นก็เพราะพวกเราคิดว่าหนูเป็นคนปกติธรรมดาคนหนึ่งและเป็นพี่สาว ขอให้คิดซะว่ามันเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความรักซึ่งจะช่วยให้จิตใจหนูเข้มแข็งขึ้น นี่ก็เป็นการฝึกฝนเช่นกัน เพื่อที่หนูจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้เมื่อมีใครพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจหนู หนูเรียนรู้ที่จะรักและรักในสิ่งที่หนูรู้ หนูรู้มั้ย...โดยพื้นฐานแล้วหนูอยู่ท่ามกลางความรักและความรู้เหมือนชื่อสถานที่ที่หนูเกิดมา Aichi-ken ไงล่ะจ๊ะ”
ตอนที่ฟังแม่พูด ฉันก็เริ่มยอมรับความจริงเกี่ยวกับโรคของฉัน ฉันคิดว่าฉันควรจะคิดถึงอนาคตของตัวเองได้แล้ว
“หนูอยากเป็นบรรณารักษ์ เพื่อที่จะเป็นให้ได้อย่างนั้น หนูต้องเข้าวิทยาลัย แล้วก็จะได้ปริญญาเพื่อเป็นคนทำงาน...”
“ออกไปข้างนอกนั้นลำบาก หนูควรคิดถึงสิ่งที่หนูสามารถทำได้ที่บ้านอย่างเช่น การแปล เป็นไง”
“หนูอยากแต่งนิยาย แต่ชีวิตสังคมของหนูค่อนข้างแย่ หนูคิดว่านั่นคงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่”
“หนูค่อยตัดสินใจเรื่องนั้นทีหลังก็ได้ สำหรับตอนนี้ทำในสิ่งที่หนูทำได้ในขณะนี้ซะก่อน และพยายามเข้า! ใช่... พยายาม”
“ค่ะแม่ หนูคิดว่าสิ่งเดียวที่หนูสามารถพึ่งพาได้ก็มีแค่ความสามารถทางวิชาการของตัวเองเท่านั้น”

Note:
1. Radio Exercise คาดว่าน่าจะมาจากคำว่า Radio taisō หรือ rajio taisō ซึ่งแปลว่า radio physical exercises (ラジオ体操) เป็นการอบอุ่นร่างกายซึ่งเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น โดยสถานีวิทยุ NHK จะเปิดเพลงออกอากาศให้ผู้สนใจเต้นตามเพลงในตอนเช้า
Source : //en.wikipedia.org/wiki/Radio_taiso
ในเรื่องเราเลยแปลว่าการออกกำลังกายตามวิทยุ ผิดถูกประการใดก็ขออภัยด้วยค่ะ

2. Aichi-ken ชื่อสถานที่ที่อายะเกิด ประกอบด้วยตัวคันจิ 2 ตัว คือ Ai (รัก) และ Shiru (รู้) ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่อายะอ้างถึง

เพื่อน
ฉันเห็นพระอาทิตย์ตก ดวงสีแดงดวงใหญ่...
มันจมลงอย่างรวดเร็วเหมือนสะเก็ดดอกไม้ไฟดวงเล็กๆที่ร่วงลงพื้นอย่างรวดเร็ว แต่มันมีแสงสว่างจ้าในตัว
สีมันสวยจริงๆ เหมือนสีแอ๊ปเปิ้ล Y โกะจังและฉันต่างก็พูดว่า
“สวยมากเลยใช่มั้ย” และเราก็เงียบกันไปหลังจากนั้น เราเห็นไอพ่นเครื่องบินเป็นประกายอยู่ในแสงสีแดงของอาทิตย์อัสดง
ฉันคิดว่า Y โกะจังเป็นคนดีจริงๆ
เมื่อฉันบอกเธอว่าฉันอยากไปอ่านหนังสือบ้านเธอ เธอตอบอย่างหนักแน่นว่า ไม่ได้ ฉันแน่ใจว่าจริงๆแล้วเธอจะตอบว่า ได้สิ
ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอผิดหวังได้ และฉันก็จะไม่สามารถอ่านหนังสือของตัวเองได้
จากนั้นก็จะรู้สึกเสียใจที่ตอบรับคำขอ
โดยพื้นฐานแล้ว ฉันขาดการควบคุมตัวเอง
ถ้าฉันบอกว่าความพิการทางกายของฉันเชื่อมต่อกับการควบคุมตัวเองจะถือว่าเป็นข้อแก้ตัวหรือเปล่า
ฉันรู้สึกมีความสุขที่ยังมีคนที่สามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดและมีคนฟังในสิ่งที่เราจำเป็นต้องพูด
เพื่อนจะปฏิบัติต่อกันด้วยความเสมอภาค ฉันรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ

S จังบอกว่า “ฉันเริ่มอ่านหนังสือเพราะเธอ”
นั่นทำให้ฉันมีความสุข คงไม่เป็นไรใช่มั้ยถ้าฉันจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นแค่ปัญหาสำหรับเพื่อนๆ
“อายะจัง ครั้งหนึ่งเธอร้องไห้หนักมาก จำได้มั้ย ตอนนั้นเธอน่ารักมากเลย”
“จริงเหรอ ว้าว...ไม่มีใครเคยบอกฉันแบบนั้นมาก่อนเลย ฉันเห็นตัวเองในกระจกตอนฉันร้องไห้...แต่มันไม่ได้ดูน่ารักเลย”
“อืม ฉันไม่ได้เห็นหน้าเธอหรอก แต่วิธีที่เธอร้องไห้น่ะน่ารัก”
“ฮ่าฮ่า โหดร้ายจังเลย!”
สิ่งที่น่ารักไม่ใช่ใบหน้าฉันแต่เป็นบรรยากาศที่ฉันสร้างขึ้นตอนร้องไห้ต่างหาก เราทั้งคู่ต่างก็หัวเราะ
เพื่อนๆนั้นเยี่ยมไปเลย ฉันอยากอยู่กับพวกเค้าตลอดไป

Thai Translation by Xinru

Special Thanx : Kiwi @ //www.xanga.com/OneLitre for English Translation
หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ภาษาอังกฤษเป็นของ Kiwi ผู้แปลนะคะ กรุณาให้เครดิตทุกครั้งหากนำไปโพสต์ที่อื่น
Note : English Translation belongs to Kiwi. Please credit her when you take it to post elsewhere.



แถมคำแปลเพลงโปรดของเรา ความหมายดีมากเลย

Konayuki
(Remioromen)


konayuki mau kisetsu wa itsumo surechigai
hitogomi ni magiretemo onaji sora miteru noni
kaze ni fukarete nitayou ni kogoeru noni

boku wa kimi no subete nado shittewa inai darou
soredemo ichiokunin kara kimi wo mitsuketayo
konkyo wa naikedo honki de omotterunda

sasai na iiai mo nakute onaji jikan wo ikitenado ikenai
sunao ni narenai nara yorokobi mo kanashimi mo munashiidake

konayuki nee kokoro made shiroku somerareta nara
futari no kodoku wo wakeau koto ga dekitano kai?

boku wa kimi no kokoro ni mimi wo oshiatete
sono koe no suru hou e sutto fukaku made
orite yukitai soko de mou ichido aou

wakari aitai nante uwabe
wo nadeteita nowa boku no hou
kimi no kajikanda te mo nigiri
shimeru koto dakede tsunagatteitanoni

konayuki nee eien wo mae ni amarini moroku
zaratsuku asufaruto no ue shimi ni natte yukuyo

konayuki nee toki ni tayori naku kokoro wa yureru
soredemo boku wa kimi no koto mamori tsuzuketai

konayuki nee kokoro made shiroku somerareta nara
futari no kodoku wo tsutsunde sora ni kaesu kara


ละอองหิมะ
REMIOROMEN แปลโดย TASAYU

ฤดูของ ละอองหิมะโปรย ดูจะสวนทางกันเสมอ
แม้จะปะปนในฝูงชน แต่ก็มองท้องฟ้าอันเดียวกัน
ทั้งที่เมื่อปะทะกับสายลม ก็เหน็บหนาวเหมือนกัน

ผมคงไม่ได้รู้จักคุณทั้งหมด
แม้กระนั้น ผมก็ได้เจอคุณจากคนร้อยล้านคน
แม้จะไม่มีเหตุผล แต่ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ

อยู่ร่วมเวลาเดียวกัน โดยไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งไม่ดีหรอก
ถ้าซื่อสัตย์กับตัวเองไม่ได้ ทั้งความสุขความทุกข์ก็มีแต่จะรู้สึกว่างเปล่า

เจ้าละอองหิมะถ้าสามารถย้อมใจผมให้เป็นสีขาวได้
จะทำให้เราสองแบ่งบันความโดดเดี่ยว ได้ไหม

ผมแนบหูไปที่หัวใจของเธอ
ลึกลงไปในที่มีเสียงนั้น
ผมอยากจะเข้าไป เพื่อพบเธออีกครั้งที่นั่น

อยากเข้าใจกันและกัน
คงจะเป็นผมที่สัมผัสผิวเผิน
ทั้งที่ประสานความรู้สึกกันได้เพียงแค่
บีบกุมทั้งมือที่หนาวเหน็บของเธอเท่านั้น

เจ้าละอองหิมะ ที่เปราะบางเหลือเกิน ต่อหน้าความเป็นอมตะ
คงไว้แต่ร่องรอยบนพื้นยางมะตอยขรุขระ

เจ้าละอองหิมะ ใจซึ่งพึ่งพาไม่ได้สั่นไหว
กระนั้นก็อยากปกป้องเธอต่อไป

เจ้าละอองหิมะ ถ้าสามารถย้อมใจผมจนกลายเป็นสีขาวได้
เจ้าคงโอบอุ้มความโดดเดี่ยว ของเราสอง คืนกลับท้องฟ้า

Credit : japankiku.com


Konayuki - Remioromen

ตอนนี้แปลช้าไปหน่อย ทิ้งไว้เกือบ 2 อาทิตย์แน่ะ แบบว่ายังไม่มี mood ในการแปลเลยต้องทิ้งเอาไว้ก่อน ไม่งั้นมันจะออกมาไม่ดีอ่ะ ขอโทษสำหรับคนที่ตามอ่านด้วยนะคะ ขอสารภาพว่าช่วงนี้มัวแต่ไปอัพเพลงอยู่อ่ะ กำลังองค์เฮียเจี๋ย 555+


ข่าวล่ามาเร็ว
ตอนนี้บันทึกของอายะมีแปลเป็นภาษาไทยแล้วค่ะ ชื่อว่า "บันทึกน้ำตา 1 ลิตร" เลย ของสำนักพิมพ์ สยามอินเตอร์ เห็นว่ากำหนดวางแผงวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะแปลมาจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นเลย

นี่ปกหนังสือค่ะ ไปหามาอ่านกันได้นะคะ


แต่เราตั้งใจว่าจะยังคงแปลต้นฉบับภาษาอังกฤษทั้งหมดที่มีอยู่ให้จบนะคะ (ซึ่งยังไม่จบบทที่ 3) หลังจากนั้นคาดว่าทุกคนคงไปหาฉบับแปลแบบสมบูรณ์มาอ่านกันใช่มั้ยคะ เราก็จะไปหามาอ่านเหมือนกัน เพราะยังไม่รู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง ไว้รองานหนังสือเดือน ต.ค ค่อยไปสอยมา ใครได้อ่านแล้วมาคุยกันได้นะคะ

Special Thanks : ห้องหนังสือแนะนำ @ Pantip สำหรับข้อมูลค่ะ




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2551
2 comments
Last Update : 6 สิงหาคม 2551 9:25:02 น.
Counter : 1893 Pageviews.

 

จะติดตามตลอดนะ

ทั้งหนังสือที่เเปลไทยมาเเร้วดีจัยจัง

4 สิงหา 51 หรอ โอววววววว

จะติดตามตลอดนะทั้งที่เเปลในเวบเเละหนังสือ

ขอบคุนมากๆๆๆคับ ^^

 

โดย: big913 IP: 118.174.50.19 7 สิงหาคม 2551 18:50:48 น.  

 

ขอบคุณคุณ big913 มากๆนะคะที่ติดตามและเป็นกำลังใจมาตลอด

ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามและแวะเข้ามาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นคุณ gi gig, คุณ โยเกิตมะนาว หรือคนอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^_^

เราตัดสินใจว่าจะหยุดแปลไดอารี่ของอายะแต่เพียงเท่านี้ เพราะไม่อยากแปลซ้ำกับหนังสือ
อยากให้ทุกคนไปหาฉบับหนังสือมาอ่านกันค่ะ
แล้วพบกันใหม่กับโปรเจ็คแปลเรื่องต่อไปนะคะ ^_^

 

โดย: xinru IP: 124.120.102.23 1 กันยายน 2551 11:52:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Twin dolphin
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ตอนนี้กระแสไต้หวันกำลังมาแรงในหัวใจค่ะ :p
กลับมารักเฮียเจี๋ยเหมือนเดิมแล้ว ให้ตายเถอะผ่านไปตั้งหลายปีก็ยังไม่สามารถลืมท่านประธานได้เลย (ใครให้ท่านทำเพลงเพราะทุกอัมบั้มกันล่ะ -_-") นอกจากนี้ยังพ่วงน้องๆอย่างเฟยเข้าไปอีก อิชั้นจะกินแกลบก็คราวนี้แหละ -_-"




ป้ายบอกทาง

My Day :
เรื่องเล่า เรื่องบ่น สัพเพเหระของเจ้าของบล็อก
My Favorite Song :
ฟังเพลงเพราะๆพร้อมเนื้อร้อง (และ MV สำหรับบางเพลง) ได้ที่นี่ค่ะ
My Plant :
ต้นไม้ที่ชอบและปลูกเองบางส่วน
My Bookshelf :
ชั้นหนังสือ หนอนหนังสือเชิญทางนี้ค่ะ
My Gallery :
รวมรูปต่างๆของ Wu Chun, Fahrenheit etc.
My Favorite Comic :
การ์ตูนเรื่องที่อยากเขียนถึง ^^ คอการ์ตูนแวะมาคุยกันได้นะคะ
Kitou Aya's Diary - 1 Litre of Tears :
Diary ของอายะจากเรื่อง "บันทึกน้ำตาหนึ่งลิตร" แปลเป็นภาษาไทยค่ะ
Wu Chun's Blog Entry :
มาทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหนุ่มบรูไนคนนี้ผ่านบล็อกของเค้ากันค่ะ รวมบล็อกจุนทั้งหมดตั้งแต่ปี 2006 ถึงปัจจุบัน และคำแปลสำหรับบล็อกปี 2008-2009 ค่ะ
Jay Chou's Song Corner :
มุมเพลงเฮียเจี๋ย รวมเพลงพร้อมเนื้อร้องและคำแปล
Fahrenheit Story :
รวมบทความแปลเกี่ยวกับ 4 หนุ่ม Fahrenheit เฟยหลุนไห่ อยากอ่านเรื่องของใครเป็นพิเศษ request ได้ค่ะ ^^
Jay Chou Story :
รวมบทความแปลเกี่ยวกับชายเจี๋ย โจวเจี๋ยหลุน อยากอ่านเรื่องไหนเป็นพิเศษ request ได้เช่นกันค่ะ ^^

: Users Online
Friends' blogs
[Add Twin dolphin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.