ปฎิรูป-ถอยอย่างไรไม่ให้ล้ม*** WHITESPACE.CO.LTD

whitespace
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เมื่อไม่มีสิ่งใดจริง จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
.....อ่านเรื่องพุทธบารมี
.....ลีลาสมเด็จพุฒาจารย์โต
.....ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา-หลวงปู่มั่น

Google..
.....................พ่อของแผ่นดิน...
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
17 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add whitespace's blog to your web]
Links
 

 

ถึงเวลาล้างโลกอีกแล้วหรือ ??



ถึงเวลาล้างโลกอีกแล้วหรือ ??
อวกาศสีขาว / 17 เม.ย. 50


. . . . ใ ค ร เ ค ย ไ ด้ ยิ น ตำนานเรือโนอาร์ ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับเก่าของทางศาสนาคริสต์เขียนถึงว่า มนุษย์ในยุคโบราณที่มัวแต่เพลิดเพลินกับความสนุกสนาน จนลืมการบวงสรวง เทพเจ้าจึงโกรธและทำลายล้างมนุษย์ โดยทำให้เกิดอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ได้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งชื่อโนอาร์ ที่เทพเจ้าบอกข่าวให้เขารู้ เขาพยายามเตือนชาวบ้านว่าน้ำจะท่วมใหญ่แต่ไม่มีใครเชื่อ พวกชาวบ้านยังคงหลงระเริงสนุกสนาน โนอาร์เลยต้องสร้างเรือขนาดใหญ่เพื่อบรรทุกสรรพสัตว์ต่างๆ อย่างละหนึ่งคู่ หนีน้ำไปอยู่บนเขา

หรือตำนานแอตแลนติส จักรวรรดิอันรุ่งเรืองที่จมหายไปในใต้มหาสมุทรตอลอดกาล เนื่องจากอาณาจักรนี้ได้เจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด ตามคำกล่าวอ้างของเพลโต (plato) ปราชญ์ชาวกรีก โดยกล่าวว่า ชาวแอตแลนตีส (Atlantis) เป็นชนชาติอาศัยบนเกาะ ได้พัฒนาอารยธรรมจนเจริญก้าวหน้าในช่วงเวลากว่า 11,500 ปีมาแล้ว เหตุการหายไปของอาณาจักรแอตแลนตีสนั้นมีหลายสาเหตุ บ้างว่าเป็นกลียุค ด้วยโรคภัยจากธรรมชาติคุกคาม หรือจากตำนานเทพเจ้ากรีกที่ระบุว่าชาวเมืองแอตแลนตีสมีความละโมบและกระหายอำนาจเข้าครอบงำ เทพเจ้าจึงลงโทษด้วยการทำลายเมืองไปในที่สุด


ส อ ง ตํ า น า น นี้ อาจจะเป็นเพียงตำนานหรือเรื่องจริงสำหรับใครบาง และคงไม่มีอิทธิพลอะไรมากนัก หากโลกจะไม่เกิดเรื่องคล้ายๆ ตำนานที่ว่า เมื่อมนุษย์หลงระเริงกับวิทยาการ ขาดความเคารพต่อธรรมชาติ ทั้งคร่าชีวิตสัตว์ ทำลายป่า และใช้ทรัพยากรจนเกินพิกัด แล้วอะไรกันล่ะ ที่จะเกิดขึ้นตามมา...

เราอาจไม่รู้ว่าโลกเกิดเรื่องภัยพวกนี้มาแล้วกี่ครั้ง และตำนานพยายามบอกอะไรกับเรา แต่เรื่องจริงร่วมสมัยของมนุษย์ยุคบรรพบุรุษของเราที่ไม่ไกลจนเกินไปนัก ก็ล้วนทำนายอนาคตของพวกเราเอาไว้แล้ว

นอกจากพุทธทำนายหรือคำทำนายในไบเบิ้ล ข่าวโลกจะหายนะเพราะมนุษย์ทำลายความสมดุลของธรรมชาติทำนองนี้ ผู้เขียนเองเคยได้ยินมาแต่เด็ก โดยเฉพาะคำทำนายของนอสตราดามุส

ขนาดมีการตีความว่าโลกจะแตกในปีคริสตศักราช 1999 (ปี 2542) ด้วยซ้ำ แต่คำทำนายของนอสตราดามุสล้วนเป็นภาษาเชิงสัญลักษณ์ ไม่ได้กล่าวบอกตรงๆ ด้วยสมัยนั้นหากใครที่มีอำนาจพิเศษก็ล้วนกลัวจะถูกข้อหาว่าเป็นพ่อมดแม่มด แล้วถูกจับลงโทษด้วยการเผา เป็นภัยต่อศาสนจักร

การตีความคำทำนายเชิงนามธรรมของนอสตราดามุสผู้มีตาทิพย์เห็นโลกอนาคต เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ก็สรุปรวมๆ ว่า โลกจะหายนะ ด้วยโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงใหม่ๆ สงคราม และภัยจากธรรมชาติ ขนาดที่ว่า โรคห่าหรือสงครามของกษัตริย์สมัยก่อน กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย

บัดนี้.. ความหายนะนี้คืบคลานมาเรื่อยๆ ตามแรงกดดันของมนุษย์ที่กระทำต่อธรรมชาติมาแต่อดีต แม้คำทำนายของนอสตราดามุส หมอยาและนักทำน้ำหอมชาวฝรั่งเศสผู้นี้ จะเป็นที่ฮือฮา เพราะว่ามีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นใกล้เคียงคำทำนาย โดยบางเรื่องจะคลาดเคลื่อนเรื่องเวลาที่เกิดอยู่บ้าง แต่คำทำนายอันกระฉ่อนโลก กลับไม่สามารถหยุดยั้งพลังกิเลสตัณหาของชาวโลกที่ยังขับเคลื่อนไป

และเรื่องจริงสำหรับคนทุกคนบนโลกที่ต้องตระหนักแล้วตอนนี้ก็คือ สภาวะโลกร้อน (Global Warming) ซึ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดภาวะเอลนีโญและลานีญา สภาพพลิกผันทางฤดูกาล ช่วงที่เคยร้อนก็อาจหนาวเหน็บ ช่วงที่เคยมีฝนก็กลับแล้งกันดาร

ภาวะโลกร้อน เกิดจากสารประกอบของก๊าซต่างๆ ซึ่งไปสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก ดูดซึมแสงอินฟาเรดและกันรังสีความร้อนจากโลกไว้และย้อนกลับลงมา ภาวะโลกร้อนอาจมีผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น พื้นที่ส่วนเป็นดินลดลง มีการซึมของสารเกลือไปยังน้ำ-ผิวดิน*และแหล่งน้ำอื่นๆ การเกิดน้ำท่วม และมีพายุ ฯลฯ สาเหตุหลักของการเกิดภาวะโลกร้อน ได้แก่ การเกิดก๊าซมีเทน การเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หากยังไม่ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ อาจทำชั้นโอโซนทะลุ

ภาวะโลกร้อน กับพายุที่เล่นงานหลายภูมิภาคทั่วโลก ปัจจุบันมีปรากฏให้เห็นหนาตาแทบจะทุกวันทีเดียว การปล่อยให้อากาศร้อนจากการพัฒนาอุตสาหกรรม การจราจรที่ใช้น้ำมัน-ก๊าซ การไม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขนาดประเทศจีน ก็เลิกจักรยานหันไปใช้รถยนต์ส่วนตัว เริ่มไม่รักษาธรรมชาติ เมืองชายฝั่งทางใต้ของจีน จึงร้อนทวีขึ้นจากการพัฒนาอย่างไม่พอเพียง

ความจริงเกิดพายุ เป็นเรื่องปกติของวัฏจักรธรรมชาติ แต่หากสภาวะอากาศในแผ่นดินร่มเย็นเพราะมีป่าสมบูรณ์ มีความกดอากาศสูง พายุจะไม่หมุนเข้ามาหา เมืองใดที่ร้อนกว่า มีโรงงานมาก มีรถยนต์มาก มีคนหนาแน่น แต่มีป่าน้อย ก็คงเสี่ยงมากจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ

เป็นเรื่องจริงที่ภัยพิบัติกำลังเกิดขึ้นอยู่ตามจุดต่างๆ ของโลก รุนแรงและหนักข้อ ทวีความชัดเจนมาตลอดสองสามปี้นี้ มันไม่ใช่เรื่องไกลตัว และอาจเกิดขึ้นกับเรา เมืองของเรา ที่ที่เราอยู่ เพียงชั่วข้ามคืน

ทั้งในปี 2550 นี้ ก็ดูหลายประเทศต้องรับศึกหนักมาแต่ต้นปี โดยเฉพาะสหรัฐ หลายรัฐเจอภัยพิบัติค่อนข้างหนักหน่วง อาทิ

พายุหิมะที่เกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างและเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้หิมะ ปิดกั้นทางหลวงสายสำคัญหลายสายในภาคกลางของสหรัฐฯ ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน ขณะที่เกิดพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงในภาคใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งได้ทำให้อาคารหลายหลังได้รับความเสียหาย และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 27 คน พายุดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นในที่ราบภาคกลางของสหรัฐฯ ทำให้ไฟฟ้าดับตามบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชนกว่า 140,000 คน และยังทำให้มีหิมะตกหนากว่า 30 เซนติเมตร ในเขตมิดเวสต์ทางตอนเหนือ เมื่อวานนี้ และการเสียชีวิตของประชาชน 7 คน เกิดขึ้นตามบริเวณถนนที่ลื่นในรัฐวิสคอนซิน – โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภา 2550

หลายรัฐทางตะวันตกของสหรัฐฯ ถูกพายุทอร์นาโดพัดถล่มถึง 65 ลูก สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนจำนวนมาก และส่งให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน ทั้งนี้ มีรายงานว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัยก่อนหน้าพายุทอร์นาโดพัดถล่มเพียง 9 นาที ทำให้ชาวเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมรับมือกับพายุ – โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 กุมภา 2550

พายุทรายเปิดฉากแรกจู่โจมภาคเหนือของจีนในวันเสาร์ 31 มี.ค. รวมถึงกรุงปักกิ่ง สำนักงานอุตุนิยมวิทยาจีนแจ้งว่า ไซโคลได้ส่งลมที่มีกำลังแรงเบาะๆ พัดไปทางตะวันออกเข้ามองโกเลียใน และตอนเหนือของมณฑลเหอเป่ย วิสัยทัศน์ในปักกิ่งค่อนข้างมัวหมอง แต่กระแสลมแรงก็ได้หอบทรายออกจากเมืองไปในตอนกลางคืนนั้น สำหรับพายุทรายระลอกต่อไป จะบุกมณฑลกันซู่ เหลียวหนิง หนิงเซี่ย และส่านซี ไปถึงมองโกเลียใน และซินเจียง ภาคเหนือของจีนต้องผจญคลื่นพายุทรายที่จู่โจมบ่อยขึ้นนับสิบครั้งเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากวิกฤตภาวะทะเลทรายที่กลืนกินภาคตะวันตกเฉียงเหนือไปถึงชิงไห่ คาดว่าในปีนี้ พายุทรายก็จะบุกนับสิบระลอกไม่แพ้ปีที่แล้ว ชาวปักกิ่งต่างงัดอุปกรณ์รับศึกพายุทราย โดยหลักๆก็มีผ้าคลุมใบหน้า ผ้าปิดปาก แว่นตากันฝุ่น ฯลฯ ดูจะกลายเป็นชุดแฟชั่นใหม่รับศึกพายุทะเลทรายที่แผลงฤทธิ์ดุดันมากขึ้นทุกที เนื่องจากพื้นที่ทะเลแผ่อาณาเขตกว้างใหญ่มากขึ้นในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ - เอเอฟพี

ดู เ ห มื อ น ทุ ก ค น บ น โ ล ก ต่างรับฟังข่าวภัยพิบัติทั่วโลกคล้ายจะเข้าใจปัญหาและสาเหตุของปัญหา แต่จะมีใครสักกี่คน ที่ยอมถดถอยชีวิต หยุดบริโภคเกินจำเป็น ประเทศไทยเองก็ประสบปัญหาเรื่องต่างๆ รุนแรงขึ้นตลอดหลายปีมานี้ แค่ในเดือนเมษายน เกิดพายุฤดูร้อนในหลายจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ

เกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่มในหลายอำเภอของจังหวัดกาฬสินธุ์ บ้านเรือนราษฎรเสียหายอีก 45 หลังคาเรือน หลังจากหลายพื้นที่ในจังหวัดมีอุณหภูมิที่ร้อนจัด
พายุฝนฤดูร้อนถล่มเมืองกาญจน์กว่า 200 หลังคาเรือนพังเสียหายยับเยิน เกิดพายุฝนถล่มลงมาอย่างหนักภายในพื้นที่ ต.ท่ามะกา ต.พระแท่น ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เป็นเหตุทำให้ต้นไม้ เสาไฟล้มระเนระนาด ในเขตเทศบาลตำบลพระแท่น กระแสไฟฟ้าดับเกือบตลอดทั้งคืน บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายกว่า 200 หลังคาเรือน
พายุฤดูร้อนถล่มเมืองสุรินทร์ พัดกุฎิวัดล้มครืนเสียหายทั้งหลัง บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายกว่า 80 หลังคา เสาไฟฟ้าในหมู่บ้านล้มสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ขาดระเนระนาด เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมเพื่อให้สามารถจ่ายกระแสไฟให้แก่ประชาชนใช้ได้ตามปกติ มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายรวมกว่า 300 หลังคาเรือน
เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดบุรีรัมย์ และได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนราษฎรพังเสียหายในเขตพื้นที่ อ.เมือง โดยเฉพาะที่ ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พายุพัดถล่มบ้านเรือนพังเสียหาย 15 หลังคาเรือน รวมมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้นกว่า 300,000 บาท

กรมอุตุฯ ระบุเดือน เม.ย.นี้จะเกิดพายุฤดูร้อนบ่อยครั้ง และอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 40-43 องศาเซลเซียส ขณะที่เดือน พ.ค.อยู่ในช่วงเปลี่ยนฤดู อากาศจะแปรปรวน อาจมีพายุไซโคลนบริเวณทะเลอันดามัน ทําให้ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ มีฝนมากขึ้น ส่วนเดือน มิ.ย.จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นจากอิทธิพลพายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก

..............

...เมื่อคืนวันที่ 15 เมษา 50 จู่ๆ ที่บ้านก็ไฟดับค่ะ และไม่มีทีท่าว่าจะติดตลอดทั้งคืน อากาศค่อนข้างร้อน ผู้เขียนจุดเทียนเล่มแล้วเล่มเล่า คิดถึงเรื่องข่าวลือหนาหู ว่าระยะเวลาอีกไม่ใกล้ไม่ไกล ประมาณ 10 ปี โลกจะเกิดภัยพิบัติขนานใหญ่ทางธรรมชาติ ขนาดประเทศญี่ปุ่นหายไปทั้งเกาะ ภาคใต้ของไทยก็คงไม่เหลือ แม้แต่อเมริกายังวาดแผนที่โลกกันใหม่ ว่าพื้นที่ใดจะหายไปจากโลกบ้าง

....ถ้ า ล อ ง คิ ด ถึ ง ชี วิ ต ห ลั ง ภั ย พิ บั ติ ด้วยน้ำท่วมก็ดี สงครามนิวเคลียร์ก็ดี โรคร้ายระบาดก็ดี คนรอดชีวิตก็คงจะมีชีวิตอยู่ยากลำบาก ขาดน้ำ ขาดไฟ ขาดที่อยู่อาศัย คอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูลมากมายให้ศึกษาก็คงกลายเป็นแค่ขยะอิเลคโทรนิค ไม่มีใครติดต่อใครได้ หนังสือที่ล้นบ้านล้นเมืองอยู่ตอนนี้ อาจเหลือเพียงเล็กน้อย จนกลายเป็นสิ่งมีค่าขึ้นมา อาจเอามาไว้ใช้เผาไฟก็ได้ เพราะพายุหิมะถล่มเอา

แทนจะใช้ทรัพยากรน้อยแต่ยืนยาว ก็ใช้ร่วมกันแบบไม่รู้จักพอ กระทั่งความวิบัติตามมาทีหลัง กรรมร่วมยุคกันจริงๆ

เรามีชีวิตอยู่กับวัตถุ ความสะดวกสบายมายาวนานจนชาชิน กระทั่งหลายคนยอมฆ่าตัวตายแค่ไม่รวยเหมือนเดิมเท่านั้น แต่ละประเทศแย่งชิงจะเป็นผู้นำทางธุรกิจ จะมีใครกลับไปใช้ชีวิตตามวิถีธรรมชาติได้อีกบ้าง แค่ใช้อย่างพอเพียง เรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ

เราไม่เข้าใจว่าทำไม มนุษย์ผู้ชาญฉลาดไม่ยอมถอยหลังเพื่อแก้ปัญหาจริงที่กำลังเกิดขึ้นกับโลก แต่ยังสร้างปัญหาต่อไป จนธรรมชาติต้องหาเวลาลงมือเอง..

แก้ที่ต้นเหตุมันคงยากเกินไป.. เราถนัดแก้ปัญหาปลายเหตุเพื่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆ ตามมาอีก วิทยาการยังคงค้นหาเทคโนโลยีใหม่ เพื่อจะประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ให้ประหยัดพลังงาน เหมาะกับโลกปัจจุบันที่ต้องประหยัดพลังงาน เทคโนโลยีนาโนกำลังมาแรงทีเดียว แต่ที่จริงวัตถุบริโภคเก่าที่สร้างมายังล้นโลกอยู่ คุณโจน จันได บอกว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่แล้ว แบ่งให้มนุษย์ทั่วโลกทุกคนใช้ 50 ปี ยังใช้กันไม่หมด ทำไมเราไม่ใช้เสื้อผ้าแค่คนละ 3-5 ชุด และรองเท้า 2-3 คู่ ทำไมเราต้องมีรองเท้านาโนเป็นร้อยๆ คู่ เรากลัวเศรษฐกิจไม่เดิน แต่ไม่กลัวโลกพัง เงินจะสำคัญตอนน้ำท่วมได้หรือเปล่า..

หลายคนออกมาฟันธงว่า น้ำอาจจะท่วมใหญ่ไม่เกิน 10 ปีนี้ หรืออาจเร็วกว่านั้น แต่.. ไม่มีใครสะเทือน และต่างยังคงเดินหน้า เหมือนไม่มีวันนั้น..

แต่ย่างน้อยก็ควรเตรียมตัวตายอย่างมีสติ เพราะถ้ามันไม่เกิด 10 ปีข้างหน้า มันก็ต้องเกิดปีที่ 11 12 13 หรือ 14 แต่ไม่ไกลกว่านี้หรอก พฤติกรรมของมนุษย์เองเป็นสิ่งยืนยัน ส่วนนักวิทยาศาสตร์ยังคงค้นหาดาวดวงใหม่ให้มนุษย์อยู่ต่อไป ใครว่ามนุษย์ไม่รู้ปัญหา แค่แก้ปัญหาแบบแปลกประหลาด เท่านั้นเอง

.................
เราอนุรักษ์ธรรมชาติ ธรรมชาติจะอนุรักษ์เรา




 

Create Date : 17 เมษายน 2550
0 comments
Last Update : 17 เมษายน 2550 13:43:38 น.
Counter : 820 Pageviews.

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.