Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
20 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
ชีวิตเปื้อนรอยยิ้มและนํ้าตา ของ ศรีไศล วรานนท์ (สุชาตวุฒิ )

ชีวิตเปื้อนรอยยิ้มและนํ้าตา ของ ศรีไศล วรานนท์ สุชาตวุฒิ


"ขอบ ฟ้าเหนืออาณาใดกั้น ใช่รักจะดั้นยากกว่านกโบยบิน รักข้ามแผ่นน้ำ
 รักข้ามแผ่นดิน เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล
 ขอบฟ้าทิ้งโค้งมาคลุมครอบ อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ภายใน 
เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้โอบใคร ชาติภาษาไม่สำคัญเท่าใจตรงกั
 รักข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์..." 

ต้นฉบับ ขับร้องโดย ศรีไศล สุชาติวุฒิ
คำร้อง แต่งโดย กวี สัตตโกวิท
เนื้อเพลง : รักข้ามขอบฟ้า

ขอบฟ้าเหนืออาณาใดกั้น
ใช่รักจะดั้นยากกว่านกโบยบิน
รักข้ามแผ่นน้ำรักข้ามแผ่นดิน
เมื่อความรักดิ้นฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล

ขอบฟ้าทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ภายใน
เหมือนอ้อมกอดรักแม้ได้โอบใคร
ชาติภาษาไม่สำคัญเท่าใจตรงกัน

รักข้ามขอบฟ้ารักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง
ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์

ขอบฟ้าแม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมากแต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้าข้ามมาผูกพัน
ผูกใจรักมั่นสองดวงให้เป็นดวงเดียว



บทเพลงซึ้งๆ ในเพลง รักข้ามขอบฟ้า 
ที่สร้างชื่อให้แก่นักร้องสาวเสียงแหบเสน่ห์ที่ชื่อ "ศรีไศล สุชาตวุฒิ" 
จนโด่งดังในอดีต

จากนั้นพรหม ลิขิตทำให้เธอกลายเป็น "หม่อมศรีไศล วรานนท์" ของ 
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช และได้วางไมค์ 
พร้อมกับหันหลังให้กับอาชีพไฟส่องหน้า
 อำลาชีวิตในเมืองไทยไปนานนับสิบปี 
จนกระทั่งพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช 
สิ้นชีพิตักษัยเมื่อ 19 ปีที่แล้ว

วันนี้แม้วัยจะล่วงเลยเข้าสู่เลขหกนำหน้าแล้ว 
แต่คุณตุ้ม-ศรีไศล ก็ยังสวยสมวัย แถมยังพกพาความสดใสกลับมาให้ 
เพื่อนฝูงในเมืองไทยได้หายคิดถึง พร้อมกับเปิดโอกาสให้ 
ทีมข่าวหน้าสตรี ได้อัพเดทชีวิตของเธอในปัจจุบันอย่างหมดข้อกังขา


ตอนนี้ปักหลักอยู่ที่ไหนคะ


"อยู่ 3 ประเทศ ทั้งอเมริกา, อังกฤษ และฝรั่งเศส
 แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่ฝรั่งเศส
 เพราะมีบ้านอยู่รัฐนอร์มังดี อยู่กับเพื่อนใจ
 เลยไปๆมาๆ ระหว่างฝรั่งเศสกับอังกฤษ"

เล่าถึงเพื่อนใจคนนี้ได้ไหมคะ


"เขาเป็นคนอังกฤษ ชื่อ "พอล" เป็น เพื่อนรักของน้องชาย
 และคุ้นเคยกับพระองค์ท่านและครอบครัวของเรามานานแล้ว 
เราอยู่ด้วยกันมาประมาณ 16 ปีแล้ว อยู่กันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

 นับถือในสิทธิของกันและกัน เขาเป็นคนมีจิตใจดี แม้จะไม่ใช่ชาวพุทธ 
แต่ก็ส่งเสริมดิฉันและสนใจศึกษาพระธรรม 
เราตกลงกันแต่แรกว่าจะไม่แต่งงาน เหตุผลคือ 
ดิฉันรักนามสกุลวรานนท์ และคิดว่าจะใช้ไปตลอดชีวิต 
นอกจากนี้ เราต่างมีลูก เราอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ 
เป็นเพื่อนทุกข์ เพื่อนสุขที่แท้จริง"


ทำไมเลือกไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสล่ะคะ

"พอ คุณพอลขายธุรกิจที่ประเทศอังกฤษ เราก็คิดว่าเมื่อเราไม่มีห่วง 
ก็อยากจะลองไปอยู่ประเทศฝรั่งเศสกัน ซึ่งไม่ไกลจากกัน 
เราซื้อชาโตว์ หลังแรก เพราะสวยมาก มีเนื้อที่เยอะ
 จำเป็นต้องทำเป็นที่พักแบบ B&B พร้อม รับจัดงานแต่งงาน 

ทำอยู่ 4 ปีกว่าๆ ต้องบอกว่าเหนื่อยค่ะ พอมีคนมาขอซื้อจึงขายไป 
จากนั้นก็มาซื้อหลังที่อยู่ตอนนี้ เล็กลงมาหน่อย แต่ก็สวยถูกใจ 
หลังนี้อยู่อย่างเดียวไม่ทำอะไร ตั้งใจว่าเมื่อแก่ตัวลง
จะขายและมาอยู่เมืองไทยนานๆ 

ส่วนบ้านที่อเมริกาถือเป็นบ้านหลังที่สอง 
ยังคงเก็บไว้เพราะลูกๆหลานๆอยู่ที่โน่นหมด"

กว่าจะมาถึงช่วงที่ชีวิตลงตัวในวันนี้ คุณตุ้ม 
ย้อนอดีตเมื่อวันวานเกี่ยวกับตัวเองว่า ที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่
 มีพี่น้อง 10 คน ตนเองเป็นลูกคนที่ 8 
คุณพ่อรับราชการเป็นผู้พิพากษาประจำศาลอาญา
คุณแม่เป็นแม่บ้าน ทั้งคุณพ่อคุณแม่มาจากครอบครัวที่ไม่ร่ำรวย 
คุณพ่อจึงอยากให้ลูกๆทั้ง 10 คนมีการศึกษาที่ดีและสูงสุดเท่าที่จะทำได้

"ดิฉัน ยังจำคำพูดของคุณพ่อได้ว่า หน้าที่ของลูกๆคือ เรียน 
พ่อจะทำงานหาเงินให้ลูกได้เรียนตามที่ต้องการ ท่านจึงทำงานพิเศษ
โดยเป็นที่ปรึกษากฎหมายของธนาคาร แทบไม่มีวันหยุด 
พวกเรารักคุณพ่อคุณแม่ สุดหัวใจ ดิฉันมองว่าคุณพ่อเป็นพ่อที่ประเสริฐสุด 
ไม่ได้เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และพี่ๆน้องๆก็ไม่ได้ทำให้ท่านผิดหวัง 

ยกเว้นดิฉัน ลูกสาวคนสุดท้องที่ค่อนข้างดื้อ เรียนไม่ค่อยดีค่ะ
 เพราะสนใจด้านศิลปะ การเรือนและชอบร้องเพลงมากกว่า 
ตอนอายุ 11-12 ปี ได้รับพระราชทานรางวัลชนะเลิศ
จากการประกวดร้องเพลงในงานกาชาด จนคุณพ่อต้องมีข้อต่อรองว่า 
จะร้องเพลงก็ได้ แต่ต้องเรียนให้จบมัธยมศึกษาก่อน 
และต้องเรียนวิชาชีพเผื่อเอาไว้ ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ
จะได้มีอาชีพหลักเลี้ยงตัวเองได้" คุณตุ้มย้อนอดีตด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข

แล้วเข้ามาวงการได้อย่างไรคะ

"ทีแรกดิฉันตั้งใจจะไปเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลีย 
เพราะมีพี่สาวแต่งงานและอยู่ที่นั่น ระหว่างรอก็ไปเรียนออกแบบตัดเย็บ
กับ "พี่เล็ก-สปัน เธียรประสิทธิ์" ตัวต่อตัว 
ซึ่งตอนนั้นพี่เล็กยังอยู่กับ "พี่ชรินทร์ นันทนาคร"
 พี่เล็กชอบร้องเพลง ชวนให้ร้องเพลงตาม 
เพลงแรกที่พี่เล็กแนะนำให้ร้องคือ Can't help loving that man 
จากหนังเรื่อง Show Boat เมื่อ ได้ลองร้อง พี่เล็กเห็นว่าเข้าที 
จึงแนะนำให้พี่ชรินทร์ นำไปออกทีวี รายการชรินทร์โชว์ 
ซึ่งมีประจำทุกเดือนตอนนั้นอายุ 19-20 ปีเอง
 เลยได้เข้าวงการเพลงตั้งแต่นั้นมา"

พอ เข้ามาในวงการบันเทิงแล้ว คุณตุ้ม เล่าว่า 
ระยะแรกมีคนชื่นชอบเสียงและวิธีการร้องของเธอ (เฉพาะคนในกลุ่มเล็กๆเท่านั้น) ระหว่างนั้นก็เปิดร้านตัดเสื้อชื่อ ห้องเสื้อศรีไศล ควบคู่ ไปด้วย
 จากนั้นกระแสความดังเพิ่มมากขึ้น ช่วงอายุ 33-34 ปี 

งานเข้า!! ช่วงนั้นคอกเทลเลานจ์กำลังฮิตอินเทรนด์ แฟนคลับมีมากขึ้น 
เลยวิ่งรอกร้องเพลง 4 แห่งในคืนเดียว เริ่มตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน 
และยังมีงานบันทึกเพลง บันทึกเทปทีวี และถ่ายภาพยนตร์
ซึ่งงานภาพยนตร์ที่แสดงมี 2 เรื่อง คือ เพลงรักเพื่อเธอ และเรื่องแก้ว 
ไม่รวมงานละครทางทีวีอีก 2 เรื่อง คือ ความรัก และประชาชนชาวแฟลต

แม้จะเหนื่อยในการทำงาน แต่ คุณตุ้ม บอกว่า เหนื่อยแต่สนุก 
เพราะเป็นความภูมิใจที่ทำความฝันให้เป็นจริง 
เลยสนุกกับการทำงานที่ตนเองรัก ถึงจะ "ลัคกี้อินเกม" 
แต่ก็ "อันลัคกี้อินเลิฟ" ชีวิตการแต่งงานครั้งแรกตอนอายุ 22 ปี 
และมีชีวิตครอบครัวได้ 11 ปี ก็มีอันต้องหย่าร้าง 
กลายเป็น "ซิงเกิ้ล มัม" ดูแล ลูก 3 คน (หญิง 2 ชาย 1) 
มีชีวิตซิงเกิ้ลอยู่ 5-6 ปี ก็ได้ชุ่มชื่นใจอีกครั้ง 

เมื่อได้พบกับ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช



ต้องหันหลังให้งานที่รักและชีวิตกำลังรุ่ง ไม่เสียดายหรือคะ


"ไม่ เสียดายเลยค่ะ ความดีของท่าน ความเมตตาของท่านที่มีต่อดิฉัน
 ท่านทำอะไรให้มากมาย เราต้องมีความกตัญญู 
ช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ได้รับใช้ดูแลท่าน ก็เหมือนกับเราได้อยู่กับเทวดา 
เพราะรู้สึกว่าท่านเป็นเทวดาของเรา ดิฉันเป็นคนที่รักพ่อมาก 
พ่อเป็นฮีโร่ของเรา แล้วท่านก็เปรียบเป็นพ่ออีกคนที่เรารักเคารพบูชา"

เมื่ออำลาวงการเพลงแล้ว คุณตุ้ม เล่าว่า 
มีชีวิตครอบครัวอยู่ที่เมืองไทยได้ระยะหนึ่ง 
ก่อนย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 
เพื่อสะดวกต่อการรักษาอาการประชวรของพระองค์วรานนท์
ฯด้วยโรคพระโลหิตอุดตัน ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ชั่วคราว
 และเมื่อทรงรักษาอาการประชวรหายเกือบปกติแล้ว
 พระองค์ก็ตัดสินพระทัยที่จะทรงปักหลักอยู่ที่เมืองคาลาบาซัส 
ในลอสแอนเจลิส ชีวิตที่ต่างแดนจึงเป็นแม่บ้านอย่างมีความสุ
ข ดูแลลูก ดูแลสามี จนกระทั่งพระองค์วรานนท์ฯ สิ้นชีพิตักษัย ในปี 2533

คุณตุ้ม เล่าต่อว่า ในช่วงเวลานั้นรู้สึกเคว้งคว้าง โศกเศร้า
ถึงขนาดต้องเข้ารักษาทางจิตกับจิตแพทย์ 
ไปนั่งเล่าอะไรให้หมอฟังแล้วกลับบ้าน จนวันหนึ่งคิดได้และพบว่า 
ธรรมะเป็นหนทางที่ดีที่สุด จึงยึดปฏิบัตินับตั้งแต่นั้นมา 
จนทุกวันนี้ทุกๆวันเกิดก็จะเข้าป่าปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 7-15 วันทุกปี 
และอุทิศถวายเป็นพระกุศลแด่พระองค์วรานนท์ฯ 
เพราะพระองค์สิ้นชีพิตักษัยก่อนวันเกิดของดิฉันเพียงวันเดียว

เล่าถึงความประทับใจใน "พระองค์ วรานนท์ฯ" หน่อยได้ไหมคะ


"มี เยอะมาก เพราะท่านทำอะไรให้มากมาย
 ซึ่งไม่ใช่เรื่องของเงินทอง เราไม่ได้มีเงินทองมากมาย
 เพียงแต่เราอยู่ได้อย่างพอเพียงสบายๆ
 สิ่งที่ประทับใจเป็นเรื่องความอบอุ่นทางจิตใจมากกว่า 
ท่านสอนให้เราได้คิด แนะนำการดำเนินชีวิต สอนความคิดในสิ่งที่ถูกต้อง 
และสิ่งสำคัญคือ ท่านให้ความรักความอบอุ่น 
ไม่เพียงแต่ดิฉันเท่านั้น แต่เลยไปถึงลูกๆ และทุกคนในครอบครัวของดิฉันด้วย 
โดยลูกๆดิฉันก็มองพระองค์ท่าน (ซึ่งพวกเขาเรียกท่านว่า "ท่านลุง")
เป็นฮีโร่ในชีวิตของพวกเขา"



ถ้าย้อนอดีตได้อยากเปลี่ยนอะไรบ้างไหมคะ

"เชื่อ ว่าทุกคนคงมีความผิดพลาดในอดีต เราแก้อดีตไม่ได้ 
แต่เราจะใช้อดีตความผิดพลาดเป็นบทเรียน
 เราทำอนาคตให้ถูกต้องได้ จึงไม่จดจ่ออยู่กับอดีต 
นอกจากจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก"

ในชีวิตภูมิใจสิ่งใดมากที่สุดคะ


"ดิฉัน ภูมิใจที่ในชีวิตได้ทำหน้าที่สมบูรณ์หรือเกือบสมบูรณ์ในการเป็นลูก
 เป็นภรรยา และเป็นแม่ ที่รู้ว่าเราทำดีที่สุด 
เพราะคิดกลับไปเมื่อไรจะมีความสุขเมื่อนั้น 
เห็นลูกๆหลานๆมีความสุข เห็นเขารักกัน บางครั้งปลื้มใจจนน้ำตาซึม 
คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเรามาด้วยความรักและคุณภาพ
เราก็ทำเช่นเดียวกันกับลูกๆ ลูกเราก็ทำเช่นเดียวกันกับหลา
น และหลานๆทุกคนเป็นคนมีจิตใจดี มีคุณภาพ 
นั่นคือความสุขของดิฉันค่ะ"

ทั้งหมดคือชีวิตอันผกผันของ ศรีไศล วรานนท์ (สุชาตวุฒิ)" 
ที่เปื้อนรอยยิ้มและน้ำตา พร้อมทั้งได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง
และคุณค่าของความรัก!

จากไทยรัฐค่ะ






Create Date : 20 เมษายน 2552
Last Update : 21 สิงหาคม 2556 21:39:26 น. 2 comments
Counter : 7992 Pageviews.

 
ชื่นชม คุณศรีไสล มากค่ะ
ด้วยว่าเสียงเธอมีเอกลักษณ์ แหบเสน่ห์ อย่างที่ว่า
เพลง รักข้ามขอบฟ้า เป็นเพลงที่ชอบมากๆเพลงหนึ่ง

เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล...

ช่างเป็นประโยคที่มีความหมายที่ลึกซึ้ง
ทั้งคำร้อง และ ดนตรี กลมกล่อมอย่างมาก
เสียดายที่ฟังได้เพียง แค่ สามสิบวิ
ไอมีม เกิดไรขึ้นไม่ทราบ
แต่มีแผ่น ต้องค้นหามาฟังให้จบเพลงนะคะ



ชีวิต คุณศรีไสล เป็นชีวิตที่เสียสละในความคิดเห็น
เนื่องจากต้องสละอาชีพที่รัก เพื่อดูแลครอบครัวถึงต่างแดน
ขอบคุณที่นำเกร็ดชีวิตมาให้อ่าน
ปัจจุบันเสียงเธอก็ยังไพเราะอยู่นะคะ

ชื่นชมค่ะ


โดย: จันทร์เอย... IP: 124.122.162.194 วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:20:26:12 น.  

 
ก็ชื่นชอบในเสียงร้อง ที่ให้ความรู้สึกดี


โดย: เคน IP: 125.25.43.63 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:19:16:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

toyor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add toyor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.