BlogGang.com : : sirivinit : "VR MUSEUM" สู่อาณาจักรสุดยอดพระพุทธรูป "คิงเพาเวอร์"

"VR MUSEUM" สู่อาณาจักรสุดยอดพระพุทธรูป "คิงเพาเวอร์"

พระพุทธรูปศิลปะ "ทวารวดี"
คอลเลคชั่นอุษาคเนย์

เรื่อง/ภาพ ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

พูดถึง "คิงเพาเวอร์" ใครๆ ก็ต้องนึกถึงร้านดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิ แต่เชื่อว่า มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่จะรู้ว่า "คุณวิชัย รักศรีอักษร" ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ เป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบการสะสมโบราณวัตถุ โดยเฉพาะพระพุทธรูปและพระเครื่อง จนเป็นที่มาของ "VR MUSEUM" ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ กทม.

นับว่า เป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปที่ค่อนข้างสมบูรณ์และทันสมัยที่สุดในเมืองไทยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าใครมีบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์ ก็สามารถเข้าชมได้ฟรีเพียงแสดงบัตรสมาชิก ส่วนคนไทยเสียค่าเข้าชม 100 บาท, ชาวต่างชาติ 200 บาท, นักเรียน นักศึกษา 20 บาท บอกได้ว่าคุ้มค่า

ในวันที่คณะสื่อมวลชนหลายแขนงไปที่นี่ เป็นช่วงเช้าเลยไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ตอนขากลับก่อนเที่ยงเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างหนาตา ส่วนใหญ่มากันเป็นกรุ๊ป

กฎกติกามารยาทของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ ข้างในห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด ถือเป็นเขตหวงห้าม ยกเว้นตรงส่วนจัดแสดงชั้นบน ซึ่งรวบรวมพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ในศิลปะต่างๆ เช่น อู่ทอง สุโขทัย และล้านนา บางองค์มีจารึกที่ช่วยย้ำความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่โดดเด่นคือ ประติมากรรมศิวนาฏราชศิลปะอินเดียใต้องค์ใหญ่ จุดนี้จะเห็นนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศต่างถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเป็นแถว

ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์เจ้าหน้าที่จะแจกเครื่องไอพ็อดพร้อมคำบรรยาย 4 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ จีนและญี่ปุ่น เรียกว่าทันสมัยทีเดียว ถ้าอยากจะกลับไปฟังข้อมูลเดิมตรงจุดไหนก็สามารถทำได้

VR MUSEUM แห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงพระพุทธรูปและประติมากรรมในศาสนาต่างๆที่เผยแผ่ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ตั้งแต่ดินแดนตะวันตกในเขตเส้นทางสายไหม จนถึงสุดขอบทวีปเอเชียตะวันออก ทว่าเน้นไปยังกลุ่มศิลปกรรมต่างๆ ในบ้านเราเอง และดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น พม่า เขมร อินโดนีเซีย

การจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักๆ คือ พระพุทธรูปก่อนพุทธศตวรรษที่ 19, อุษาคเนย์, พระเครื่อง และพระพุทธรูปหลังพุทธศตวรรษที่ 19 สามารถเดินทะลุถึงกันได้ทุกส่วน

เริ่มต้นกันที่ คอลเลคชั่นก่อนพุทธศตวรรษที่ 19 อันเป็นยุคต้นๆนั้น พระพุทธรูปยุคนี้เชื่อว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะกรีก โรมัน หรือเรียกกันว่า "ศิลปะคันธาระ" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปรุ่นแรกของโลกที่มีพระพักตร์ละม้ายเหมือนชาวยุโรป

เกิดจากการผสมผสานระหว่างโลกตะวันตกและโลกตะวันออก หลังจากพระเจ้าอเล็กซานเดอร์พิชิตอินเดียเหนือได้ พระพุทธรูปสกุลช่างนี้เป็นที่ยอมรับของนักประวัติศาสตร์ศิลปะทั่วโลกว่ามีความงามที่ผสมผสานสุนทรียภาพแบบตะวันตกเข้ากับระบบปรัชญาของตะวันออก และหาชมตัวอย่างที่สมบูรณ์เช่นนี้ได้ยากมากในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม หากท่านผู้ใดมีโอกาสไปชมพิพิธภัณฑ์ในประเทศปากีสถาน จะพบเห็น "ศิลปะคันธาระ" ได้ไม่ยากโดยเฉพาะในแหล่งโบราณสถานทางพุทธศาสนา ซึ่งยังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ค่อนข้างสมบูรณ์อยู่จำนวนไม่น้อย แต่อย่างว่า ประเทศนี้นักท่องเที่ยวไทยไม่ค่อยกล้าเดินทางไปกัน ด้วยความที่ปรากฎข่าวร้ายๆ มาตลอด

ในส่วนของดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พระพุทธรูปศิลปะ "ทวารวดี" ที่จัดได้ว่า เป็นพระพุทธรูปรุ่นแรกมีในประเทศไทย ในสมัยเริ่มได้รับพระพุทธศาสนาจากชมพูทวีปเมื่อราว 1200 ปีมาแล้ว ซึ่งแม้จะได้รับอิทธิพลจากอินเดีย แต่ก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบเค้าโครงพระพักตร์ให้เหมือนกับชนพื้นเมืองในแถบนี้ รวมทั้งพระพุทธรูปหาชมได้ยากที่มีอายุใกล้เคียงกันจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พระพุทธรูปศิลปะชวา ศิลปะเขมร และศิลปะพุกาม

อีกด้านหนึ่งของส่วนจัดแสดงซึ่งเรียกว่า คอลเลคชั่นอุษาคเนย์ จะเป็นพระพุทธรูปและเทวรูปสำริดขนาดเล็กจำนวนมากในกรอบกระจก เทวรูปส่วนหนึ่งสร้างขึ้นในศาสนาพราหมณ์ฮินดู เช่น พระคเณศ พระศิวะทรงโค (อุมามเหศวร) พระวิษณุ และศาสนาพุทธมหายาน เช่น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร นางปรัชญาปารมิตา พระวัชรสัตว์ เป็นต้น

ถัดมาเป็นบริเวณจัดแสดงคอลเคชั่น "พระเครื่อง" หรือพระพิมพ์โดยเฉพาะ ซึ่งจัดว่า เป็นไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์ ตรงนี้พวกชอบพระเครื่องต้องร้องว๊าวแน่นอน เนื่องจากแต่ละองค์ที่จัดแสดงล้วนเป็นของหายาก ประเภทบางชุดจัดเป็นของรักของหวงที่ผู้เป็นเจ้าของไม่อยากเปิดเผย

เนื่องจากอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินก็เป็นได้ อาทิ ชุดเบญจภาคีอันโด่งดัง ซึ่งแต่ละองค์สวยงาม โดยเฉพาะพระสมเด็จวัดระฆัง ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นองค์ที่กดพิมพ์ได้ลึกและสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังมีเหรียญของเกจิอาจารย์สำคัญๆ และพระเครื่องชั้นนำของเมืองไทยอีกหลายชุด ไม่ว่าจะเป็น “พระรอด” จากวัดมหาวัน จ.ลำพูน "พระผงสุพรรณ" จากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี "พระนางพญา" จากวัดนางพญา จ.พิษณุโลก และ "พระซุ้มกอ" จากจ.กำแพงเพชร รวมทั้งเหรียญ หลวงพ่อคูณฯลฯ

โซนสุดท้ายจัดแสดงและรวบรวมพระพุทธรูปสกุลช่างต่างๆ ในประเทศไทยอย่างครบถ้วน ไล่เรียงตั้งแต่ศิลปะสุโขทัย ศิลปะล้านนาหรือเชียงแสน ศิลปะอู่ทอง และศิลปะอยุธยา ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นพระพุทธรูปหลังพุทธศตวรรษที่ 19 และแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มย่อยๆ อีก เช่น เชียงแสนสิงห์หนึ่ง สิงห์สอง อู่ทองรุ่นที่ 1 อู่ทองรุ่นที่ 2 แต่ละกลุ่มมีอายุแตกต่างกัน

องค์ที่น่าสนใจคือ พระพุทธรูปสุโขทัย หมวดวัดตะกวน เพราะหาดูได้ยากมามาก รวมถึงพระพุทธรูปศิลปะอยุธยาตอนกลางและอยุธยาตอนปลาย ที่ทรงเครื่องอย่างหรูหราละเอียดลออ แสดงถึงยุคสมัยอันรุ่งเรืองในประวัติศาสตร์ชาติไทย

ขอบคุณ มติชนออนไลน์
คุณภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

สิริสวัสดิ์อาทิตยวารค่ะ

Create Date : 11 ธันวาคม 2554

Last Update : 11 ธันวาคม 2554 8:35:46 น.

0 comments

Counter : 2385 Pageviews.