(สัมภาษณ์/มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 23 มีนาคม 2555)
ถึงเฉลียวจะวางมือจากธุรกิจแล้วให้ บุตรชายหญิง สุทธิรัตน์-สราวุฒิ อยู่วิทยา เป็นผู้รับผิดชอบสานงานต่อ ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง มาตั้งแต่ตอนอายุ 70 แต่เมื่อครั้นข่าวการจากไปของเฉลียวในวัย 89 ปี ผู้ได้รับการจัดอันดับจากฟอร์บส์ นิตยสารทางการเงินระดับโลกให้เป็นผู้มั่งคั่งอันดับ 3 ของไทย และอันดับ 205 ของโลก ด้วยสินทรัพย์ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 1.5 แสนล้านบาท
เกิดคำถามว่า แล้วอาณาจักรของกระทิงแดง จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร สิ่งที่เฉลียวทำมาจะได้รับการสานต่อ หรือในมุมของพ่อยังมีอะไรให้ห่วงหรือไม่
มีคำตอบจากการสัมภาษณ์ สุทธิรัตน์ หรือ "ตุ๊กตา" บุตรสาวซึ่งได้ชื่อว่า ถอดแบบมาจากเฉลียวผู้พ่อทุกกระเบียดนิ้ว มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย สมถะ ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบเรียบง่ายธรรมดา ไม่ใช้เครื่องประดับล้ำค่าราคาแพง
เธอปลีกเวลามาให้สัมภาษณ์หลังงานสวดพ่อวันที่่่ 5 ในวัดเครือวัลย์ วัดที่เป็นสถานที่จัดงานซึ่งยึดหลักแบบเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อตามเจตนารมณ์ของเฉลียวผู้พ่อ ซึ่งเธอบอกว่าพี่น้องในตระกูลอยู่วิทยาได้ตกลงกันแล้วว่าจะบริจาคเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีผู้มาร่วมทำบุญในงานสวดพระอภิธรรม และพระราชทานเพลิงในวันที่่ 24 มีนาคม ให้มาเพื่อการบำรุงวัดทั้งหมด
- งานหลักๆ ที่จะสานต่อจากพ่อ
เรื่องหลักที่่จะสานต่อจากพ่อ ก็คงเป็นเรื่องธุรกิจ โครงการเพื่อสังคมก็ยังทำต่อไป สำหรับโครงการที่จะดำเนินต่อไปจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก คือ 1.เรื่องความมั่นคงทางอาหาร 2.เรื่องสิ่งแวดล้อม และ 3.โครงการสำหรับผู้ด้อยโอกาส
แต่ละเรื่องจะมีข้อแยกย่อยแตกต่างกันออกไป เช่น ผู้ด้อยโอกาสก็มีทั้งเด็กพิเศษ คนตาบอด รวมทั้งโครงการ "เมืองมีน้ำใจ" เพื่อสร้างพลังชุมชนให้เข้มแข็ง โดยนำวัฒนธรรมที่มีอยู่สานให้ชุมชนเข้ามาหากันมากขึ้น
แต่ละปีกระทิงแดงได้จัดทำโครงการเพื่อสังคมเฉลี่ยปีละ 10-12 โครงการ และปีล่าสุดได้ดำเนินการรวมทั้งหมด 17 โครงการภายใต้ 3 หัวข้อหลักที่ได้กล่าวมาในข้างต้น เพราะ 3 เรื่องนี้ถือเป็นหัวใจของการเปลี่ยนแปลงสังคม อย่างความมั่นคงทางอาหาร เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิต เพราะเชื่อว่าอีกหน่อยก็คงจะเกิดคำถามว่าชาวนาจะยังอยู่ได้อีกหรือไม่ แล้วเราจะรับประทานอะไร หรือจะรักษาพันธุ์แท้ของประเทศไทยได้อย่างไร
"ส่วนสิ่งแวดล้อมนั้น ปัจจุบันเมือง และโลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็ต้องหันกลับไปสู่อดีตก่อนที่จะเป็นวันนี้ โดยการดึงพื้นที่ สีเขียวกลับมา ดึงสิ่งแวดล้อมให้กลับมาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่การปลูกป่าแล้วก็ไม่มีคนดูแล และสุดท้ายป่าก็ตาย"
- โครงการเหล่านี้เป็นสิ่งที่พ่อได้ทำมาตลอด
ใช่ ทั้งหมดเป็นการสานต่อโครงการของคุณพ่อ อย่างเช่น อีสานเขียว ซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางด้านอาหาร เป็นโครงการในพระราชดำริ ที่มีการเปลี่ยนจากพื้นที่ที่แห้งแล้ง มาเป็นผืนนา เราเข้าไปเสริมให้สำเร็จ หรือการสร้างฝายชลประทาน ก็เป็นความมั่นคงทางด้านอาหารบวกสิ่งแวดล้อม ทุกอย่างจะอยู่ภายใต้ 3 หัวข้อหลักจะทำต่อไป ไม่เคยเปลี่ยน
หรือโครงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส เรื่องการศึกษา การแจกทุน โครงการกระดานดำกระทิงแดง หัวใจทั้ง 3 เราให้อย่างเดียว แต่ถ้าเราหยุดให้ มันจะหยุดไปด้วยหรือไม่ สิ่งที่เราทำคือความยั่งยืนหรือการสร้างให้ทุกคนมีจิตอาสา เพราะเมื่อเราหมดแรงทำไม่ไหวหรือตายไป แต่จิตอาสาก็ยังอยู่และจะทำให้สิ่งที่เราทำมาตลอดก็ดำเนินต่อไปได้ไม่มีวันหยุด คำนี้ถึงจะเรียกว่าความยั่งยืน
ในอดีตคุณพ่อเริ่มจากน้ำ ด้วยการร่วมกับกรมชลประทาน สร้างฝาย หรือเรื่องการศึกษาก็ทำทางสายครูอาจารย์ พระสงฆ์ พระป่า
ในส่วนการศึกษาจะสานต่อในเรื่องการให้ทุนโครงการกระดานดำ จริงๆ แล้ว ทุกอย่างเป็นการสานต่อมาตลอดเพื่อให้แข็งแรงมากขึ้น ได้หัวใจสำคัญของความยั่งยืนในเรื่องของจิตอาสา เราจากมาก็สามารถดำเนินการต่อกันได้ โครงการที่ทำมาก็มีทั้งเรื่องการขุดบ่อน้ำ สร้างอ่างเก็บน้ำ ทั้งเรื่องทฤษฎีใหม่ ซึ่งก็เป็นช่วงของการติดตาม
สิ่งที่ทำมา เราก็ได้เห็นความเปลี่่ยนแปลงของการรวมตัวของชุมชนมาโดยตลอด จากที่ไม่มีข้าวกิน มาเป็นเหลือกินเหลือใช้ แถมยังส่งกลับมาให้เรา สิ่งนี้มันมากกว่าเงินทองเสียอีกซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพ่อทำมา และตั้งใจให้เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มแรก
- ในแง่ธุรกิจลูกๆ ก็มาสานต่อแล้ว
ในแง่ธุรกิจไม่น่าห่วง เราก็ยังสานต่อเหมือนเดิม จริงๆ แล้วธุรกิจ เราก็ช่วยกันทำมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะคุณพ่อพักผ่อน แต่หัวใจการทำธุรกิจคือทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้คือ เรื่่องคน การมองคน หัวใจของความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีอย่างเดียว แต่ควรต้องกลับมามองคนรอบตัว คนในองค์กร ให้ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำงานด้วยความสุข ทำงานด้วยความรัก เป็นครอบครัวเดียวกัน
นี่คือสไตล์การทำงานของคุณพ่อ ให้พนักงานรัก ผูกพันกับองค์กร อย่างที่เห็นในงานศพบางคนอยู่กับคุณพ่อมานานสนิทกับคุณพ่อ มีพนักงานหลายคนมาร่วมงานคุณพ่อด้วยความสนิทและซาบซึ้ง
- คุณพ่อยังมีอะไรให้ห่วงอีกหรือไม่
ความจริงแล้วต้องบอกว่าคุณพ่อหมดห่วง เพราะคุณพ่อได้บอกลูกๆ ไว้ ตั้งแต่เล็กจนโตแล้ว และคุณพ่อจะพูดทุกวันเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต และพ่อก็เห็นเราทำกันมา เป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องธุรกิจก็รายงานตามเหตุอันควร
ต้องเรียกว่าคุณพ่อไม่มีห่วง ท่านจากไปด้วยความสงบจริงๆ
สิ่งที่เราเห็น (งานศพ) คือสิ่งที่พ่อฝากไว้คือความเรียบง่าย ต่อทุกอย่าง ต่องาน ต่อธุรกิจ
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่คุณพ่อทำให้กับเราทุกวันคือการเปิดเทปให้ฟังทุกวันตั้งแต่เด็ก เป็นเทปปรัชญาจีน ของท่านเหลี่ยวฝาน คือโอวาท 4 ของท่านเหลี่ยวฝาน ซึ่งจะแจกในงานพระราชทานเพลิงด้วย เทปที่พ่อเปิดให้ฟัง เป็นการเล่าเรื่องราวของพ่อคนหนึ่ง มีอยู่ 4 อย่าง คือ 1. การสร้างอนาคต 2. วิธีแก้ไขความผิดพลาด 3. วิธีสร้างความดี และ 4. ความถ่อมตน
ในเทปเหลี่ยวฝานยังบอกถึงเรื่องของการทำความดีด้วยว่า การทำดีนั้น ทำดีได้โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครเห็น การปิดทองหลังพระคือการได้บุญ 100% การตั้งใจให้คนอื่นเห็นในสิ่งที่เราทำดีนั้น บุญจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ อันนี้คือสิ่งที่อยู่ในเทปคำสอนที่พ่อนำมาเปิดให้เราฟังทุกวัน เกิดมาก็ได้ยินแล้ว
เนื้อหาหลักส่วนใหญ่จะเป็นการดำเนินชีวิต ส่วนเรื่องธุรกิจไม่ค่อยมีมากในเทปนี้ เพราะลูกๆ ยังไม่มีธุรกิจใดๆ จึงมุ่งไปที่เรื่องการดำเนินชีวิต ความสามัคคีในหมู่ลูกหลานเป็นสิ่งอันประเสริฐ
นอกจากนี้พ่อยังสอนให้เป็นคนกตัญญูรู้คุณต่อทุกคน ต่อผู้มีอุปการคุณ ต่อเพื่อน พ่อแม่ ต่อผู้อาวุโส ซึ่งคุณพ่อเป็นแบบนี้ มีความกตัญญูและความเรียบง่าย
- เรื่องธุรกิจพ่อได้วางมือมา ระยะหนึ่งแล้ว
ท่านได้หยุดพัก ไม่เรียกว่าวางมือ แต่เราต้องรู้กาลเทศะว่า เราจะรายงานท่านในระดับไหน ตอนนั้นท่านอายุ 70 กว่าแล้ว ส่วนกิจวัตรของพ่อ ที่ต้องทำทุกวันคือ เช้าขึ้นอ่านหนังสือพิมพ์ ขี่จักรยานรอบโรงงานรอบบ้าน เดินจงกรม หลังๆ ขี่จักรยานไม่ไหว ก็จะเปลี่ยนเป็นการเดิน แต่เดินมีสติ เป็นคนแต่งตัวง่ายๆ นุ่งกางเกงแพร เสื้อยืดขาว ใส่หมวกงอบ
- เรื่องการดำเนินธุรกิจเรด บูล ในต่างประเทศ
เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของนายเฉลิม อยู่วิทยา ตอนนี้้เรด บูลมีจำหน่ายมากกว่า 70 ประเทศ การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศถือเป็นโอกาสมากกว่า ความสำเร็จของเรด บูล ต้องบอกว่าเป็นเพราะพื้นฐานการดำเนินธุรกิจของคุณพ่อ คือ ความจริงใจในการดำเนินธุรกิจ และโชคดีที่ได้พันธมิตรที่ดี คือ นายดีทริช เมเทสซิทซ์ และหลักในการทำธุรกิจของคุณพ่อเวลาการทำธุรกิจก็จะใช้ ใจซื้อใจ
- ในฐานะทายาท มองเรื่องการจัดอันดับของฟอร์บส์ที่ให้คุณพ่อเป็นบุคคลร่ำรวยอันดับ 205 และมีสินทรัพย์กว่า 1.5 แสนล้านบาทอย่างไร
เฉยๆ เพราะคุณพ่อพูดทุกวัน เป็นธรรมะว่า
"เราทุกคนเกิดมาจากดิน ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง สุดท้ายมันก็เป็นเถ้าธุลี ไม่มีใครเอาไปได้เลยแม้แต่สิ่งเดียว ท่านจึงเป็นท่านอย่างวันนี้"
และพี่น้องทุกคนได้พูดคุยกันแล้ว เงินที่ได้จากการทำบุญในงานศพพ่อครั้งนี้้้ เราจะบริจาคและถวายให้วัดเครือวัลย์ทั้งหมด
|