| ชาวบ้าน ลูกจ้างในหมู่บ้านผู้ประกอบธุรกิจ ร่วมกันไว้อาลัยการจากไปของนายอู๋ (ภาพซินหวา) | | | ทว่า ชาวบ้านคนอื่น ๆ อีกประมาณ 33,000 ชีวิตที่อาศัยอยู่ในหวาซี โดยยังไม่ได้รับสิทธิผู้พักอาศัยก็ยังคงไม่สามารถรับส่วนแบ่งหรือผลประโยชน์ก้อนนี้ได้ อู๋ ผู้วายชนม์ได้เข้าพบผู้นำระดับสูงของจีน เขาได้ถ่ายทำตัวเองในภาพยนตร์สั้นฉายในการประชุมพรรคเมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อแนะนำอัตชีวประวัติและผลงานการพัฒนาหมู่บ้าน ทว่าหลังจากเสียชีวิต สื่อจีนต่างพากันรายงานข่าวโคมลอยว่า นิตยสารในสหรัฐฯอย่างไทมส์ ได้ลงภาพเขาบนหน้าปก อู๋เข้าดำรงตำแหน่งในหมู่บ้านนานกว่า 4 ทศวรรษ เปลี่ยนแปลงชีวิตของชาวเกษตรกรให้กลายเป็นเศรษฐี โดยการจัดตั้งองค์กรความร่วมมือขึ้น 12 แห่ง มีตั้งแต่กลุ่มสิ่งทอไปยันผลิตเหล็กกล้า "ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ของผมก็คือ ทำให้ชาวบ้านที่ยากไร้มีชีวิตที่ดีขึ้น คอมมิวนิสต์มีหน้าที่เสาะแสวงหาความสุขมอบให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ" ครั้งหนึ่งอู๋เคยกล่าวไว้เช่นนี้ และซินหวาได้นำคำกล่าวของเขาไปตีพิมพ์ จำนวนเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่หมู่บ้านนี้ขาดแคลนแต่ชาวบ้านก็บอกว่า ไม่จำเป็น รายได้จากผลประกอบธุรกิจของชาวบ้านในปี 2551 สูงถึง 7,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไชน่าเดลีรายงานว่า อย่างไรก็ตาม การแสดงออกซึ่งฐานะความมั่งคั่ง ก็มาพร้อมกับการประณามเรื่องนโยบายเลือกที่รักมักที่ชัง อันกลายเป็นคำถามถึงการผงาดขึ้นของหมู่บ้านหวาซีด้วย เมื่อปี 2554 หวาซีได้ทำการสร้างตึกที่สูงสุดในจีน 74 ชั้น เป็นอาคารลักษณะโรงแรม ด้วยความสูง 328 เมตร มูลค่าการสร้างอยู่ที่ 470 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนั้นยังมีอนุสรณ์วัวทองคำตั้งตระหง่านประดับบารมีความอู้ฟู่ หนึ่งในสี่ของบุตรชายของอู๋ ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ประจำหมู่บ้านในปี 2546 นิตยสารฉบับหนึ่งรายงานว่า ครอบครัวอู๋ มีสัดส่วนครอบครองสินทรัพย์ในหมู่บ้านกว่าร้อยละ 90
|