สิ้นยุคเรเนซองส์ตะวันตกอุมแบร์โต เอโกศาสตราจารย์แห่งสัญญะวิทยา ผู้แต่งThe Name of Roseเสียชีวิต
เอพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ นักปรัชญา นักสัญญะวิทยา นักประวัติศาสตร์ นักภาษาศาสตร์ และยังเป็นผู้แต่งนวนิยายชื่อก้องโลกเป็นต้นว่า สมัญญาแห่งกุหลาบ หรือ The Name of Rose และ Foucault pendulum อุมแบร์โต เอโก (Umberto Eco) ได้เสียชีวิตแล้วในวัย 84 ปี เอพีรายงานวันนี้(20 ก.พ)ว่า ลอรี กลาเซอร์ (Lori Glazer) โฆษกสำนักพิมพ์อเมริกัน ฮูสตัน มะฟฟิน ฮาร์คอร์ต (Houghton Mifflin Harcourt) ได้ให้ข้อมูลกับเอพีว่า ศาตราจารย์ อุมแบร์โต เอโก ประจำมหาวิทยาลัยโบโลญญา(University of Bologna) ได้เสียชีวิตในวันศุกร์ (19 ก.พ) แต่ทว่า กลาเชอร์ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เอโกเสียชีวิตเพราะเหตุใด และเขาได้เสียชีวิตที่ใด เอโกถือเป็นปราชญ์แห่งโลกตะวันตก เป็นผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสัญญะวิทยา (Semiotics) ที่ว่าด้วย กระบวนการทำให้เกิดความหมาย หรือการหาที่มาของความหมายที่ซ่อนอยู่ และยังเป็นเจ้าของทฤษฎี เกี่ยวข้องกับทฤษฎีการตอบสนองของผู้อ่าน (Reader Response Theory) ซึ่งสิ่งที่เอโกสนใจคือ เหตุใดสิ่งที่ผู้อ่านคิด ในขณะอ่านงานเขียนจึงไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อ และปัจจัยใดเป็นสาเหตุที่ทำให้ ความหมาย นั้นเปลี่ยนไป และจากงานเขียนที่เริ่มตั้งแต่ปี 1988 ในผลงาน Foucault pendulum ของเอโก พบว่าในนวนิยายชิ้นที่ 2 นี้ เขาให้ความสนใจไปยังทฤษฎีมคบคิด (Conspiracy theory) หรือ คือ เรื่องเล่า บทความที่สร้างขึ้นมาจากความคิดของคน หรือกลุ่มคน โดยนำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอื่นๆเพื่อให้ประโยชน์/ให้โทษต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งใด หรืออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลักษณะของทฤษฎีสมคบคิดโดยทั่วไปมีข้อเท็จจริงประกอบอยู่เพียงเล็กน้อย หรือส่วนหนึ่ง เพียงเพื่อเสริมให้เกิดความน่าเชื่อถือว่า มีหลักฐานสนับสนุนที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกันเท่านั้น อาจมีเหตุผลสนับสนุนจากความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อเกี่ยวกับทางศาสนา การเมือง หรือวัฒนธรรมที่แตกต่างไป เรื่องเหล่านี้นักวิชาการจะไม่ใช้อ้างอิง และอุมแบร์โต เอโกได้พัฒนาความคิดนี้ ไปสู่งานเขียนชิ้นรองสุดท้ายในปี 2010 The Prague Cemetery ที่เอโกใช้ตัวเอกของเรื่องเป็นผู้สร้าง "ทฤษฎีสมคบ" ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่า ความสนใจด้านวงสัญญะวิทยาของเอโกเริ่มต้นตั้งแต่งานเขียนนวนิยายเปิดตัวชื่อก้องโลกในปี 1980 สมัญญาแห่งกุหลาบ หรือ The Name of Rose ที่เอโกใช้ความสนใจด้านประวัติศาสตร์ยุคกลาง ที่มีจุดศูนย์กลางอำนาจในกรุงวาติกัน เป็นหลัก ใช้แนวดำเนินเรื่องแนวนิยายสืบสวนของเซอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ หรืออกาธาร์ คริสตี สืบหาความหมายที่ซ่อนอยู่จากร่องรอย และนำไปสู่คำตอบ เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในปี 2000 ศาตราจารย์ อุมแบร์โต เอโก ได้รับรางวัลสูงสุดของสเปน รางวัลเจ้าชายแห่งอัสตูเรียส (Prince of Asturias Prize) ด้านการสื่อสาร ซึ่งผู้มอบรางวัลได้กล่าวชื่นชมงานของเอโกว่า ครอบคลุม และทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ซึ่งงานทั้งหมดของเขาถูกจัดเป็นสิ่งที่เป็นอมตะแห่งยุคร่วมสมัย เอโกเกิดในวันที่ 5 มกราคม 1932 ในเมืองเอเลสซานเดรีย( Alessandria) ทางตะวันออกของเมืองตูริน อิตาลี ที่เอโกได้เคยกล่าวอย่างติดตลกไว้ว่า อารยธรรมที่ถูกเก็บรักษาที่นั่น เป็นเสมือนกับแหล่งข้อมูลทางด้านปัญญาของเขา ที่ทำให้เอโกเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความสงสัย และเป็นศัตรูกับศิลปะทางการใช้ภาษา เอพีรายงานว่า ในปี 1954 อุมแบร์โต เอโก สำเร็จการศึกษาด้านปรัชญา จากมหาวิทยาลัยตูริน โดยมีรายงานว่า นั่นเป็นจุดกำเนิดในความสนใจด้านอารยธรรมยุคกลาง และภาษาศาสตร์ ซึ่งเอโกได้เคยให้นิยาม Semitotics ว่าเป็นวิชาที่ว่าด้วยปรัชญาภาษา (Philosophy of Language) และนอกจากนี้เอพียังกล่าวต่อว่า ในปี 1971 ศาสตราจารย์เอโก กลายเป็นศาสตราจารย์ด้านสัญญะวิทยาคนแรกประจำมหาวิทยาลัยโบโลญญา ซึ่งสถาบันแห่งนี้เป็นถูก่กอตั้งในปี 1088 เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลก ตั้งในเมืองโบโลญญา อิตาลี เอโกถือเป็นผู้ที่เป็นที่รู้จักในแวดวงวิชาการระดับโลก เขาได้รับเชิญไปบรรยายตามสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างทั่วโลก โดยภายในปี 2000 มหาวิทยาลัยที่มีชื่อระดับไอวีลีกทั่วโลก เป็นต้นว่า มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และรวมไปถึงสถาบันการศึกษาสำคัญทั่วโลกอีก 23 แห่งต่างได้มอบปริญญากิตติมศักดิ์ให้กับเอโกทั้งสิ้น เอโกยังเป็นผู้ที่เชื่อมโลกระหว่างวัฒนธรรมร่วมสมัยและอารยธรรมยุโรปเข้าด้วยกัน ซึ่งคล้ายกับว่าชายวัย 84 ปีผู้นี้ทำให้ซูปเปอร์แมน และประวัติศาสตร์ยุโรป สามารถกลับมามีชีวิตโลดแล่นไปด้วยกันได้กับผู้อ่าน ผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงของอิตาลี LEspresso รวมไปถึงการใช้อารมณ์ขันเสียดสี เช่น เคยใช้คำพูดล้อเลียนตัวเองในงานเขียน เป็นต้น รอยยิ้มแบบ Etruscan ใน Foucault pendulum ซึ่งงานของเอโกนั้นมักจะอ่านยาก และศาสตราจารย์ทางด้านสัญญะวิทยาผู้นี้เคยยอมรับว่า ตัวเองเป็นผู้ที่ชื่นชมในความสมบูรณ์แบบ จึงไม่แปลกใจว่า ในงานเขียนแต่ละชิ้นของเอโกนั้น จะคล้ายกับสารานุกรมมากกว่าเป็นเนื้อหานวนิยายแบบทั่วๆไป เช่น ผลงานชิ้นที่ 6 The Prague Cemetery และสไตล์การเขียนของเขายังคล้ายกับ เจมส์ จอยซ์ ที่ศาสตราจารย์ชาวอิตาลีผู้นี้มีสนใจเป็นพิเศษ และเอพีรายงานว่า ศาสตราจารย์ เอโกได้เริ่มต้นอาชีพสื่อสารมวลชนในยุค 50 โดยทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลอิตาลี RAI และตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา เอโกได้เริ่มงานเขียนคอลัมน์ให้กับสื่อต่างๆ โดยในนวนิยายชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นลำดับที่ 7 ของเอโก เขาได้แต่งเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับโลกสื่อสารมวลชน ภายใต้ชื่อ Numero Zero ที่ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2015 นอกจากนี้ยังพบว่า เอโกได้เคยแต่งวรรณกรรมเด็กในภาษาอิตาลี La Bomba e il Generale หรือ ระเบิดและท่านนายพล อีกด้วย เอโกที่ถูกเรียกว่า Renaissance Man แห่งโลกตะวันตก ได้เคยกล่าวไว้ในเรื่องความตายว่า We have a limit, a very discouraging, humiliating limit: death หรือ มนุษย์เรามีข้อจำกัด เป็นข้อจำกัดที่ไม่อาจสู้ได้ เป็นข้อจำกัดที่น่าอับอาย...ไม่อาจฝืน เป็นความตาย และการเสียชีวิตของเขา ทำให้มีผู้ไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก รวมไปถึง บริษัท Merriam-Webster บริษัทเครือข่ายร้านหนังสือยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ บาร์นส์ แอนด์ โนเบิล และเซบาสเตียโน คาร์ดิ (Sebastiano Cardi) เอกอัคราชทูตอิตาลีประจำองค์การสหประชาชาติ
ขอบคุณ MGR Online
อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2559 |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2559 10:27:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1621 Pageviews. |
|
|