กรรมของ " ทักษิณ " คือ // ท่านอธิฐานบารมี เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านมาจาก พุทธภูมิ // ท่านเลยต้องเที่ยวตะเวณช่วยเหลือ คนนับแสนนับล้าน
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
22 พฤศจิกายน 2551

ถลกหนัง..สันติอโศก

บทความ โดย ปูนนก
ถลกหนัง..สันติอโศก (เนื่องจากขณะนี้คุณปลายอ้อกอแขมติดภารกิจ ดังนั้นในช่องบทความของคุณปลายอ้อกอแขมจะเป็นบทความของนักเขียนท่านอื่นแทน ไปก่อนนะคะ )
พุธ ที่ 11 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2551


ถลกหนัง....สันติอโศก

โดย……Albatross



ชุมชนสันติอโศกเป็นชุมชนของผู้ปฏิบัติธรรมที่ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา ถูกจัดตั้งขึ้นโดยพระโพธิรักษ์พระนอกรีตผู้ประกาศตัวเป็นศัตรูกับมหาเถรสมาคมไทย เดิมชื่อนายมงคล รักพงษ์ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นนาย รัก รักพงษ์) เป็นคนศรีษะเกษโดยกำเนิดมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดและมีวาจาเป็นเลิศ อดีตเป็นผู้กำกับละครเวทีมือทองทางโทรทัศน์ผู้โด่งดังเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว ใน ช่วงที่ยังมีอาชีพเป็นผู้กำกับนายรัก รักพงษ์ จัดว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยรายได้มหาศาลที่ตัวเอง สามารถหามาได้โดยง่ายจากงานในวงการบันเทิงและงานสอนหนังสือถึงเดือนละ 120,000 บาท ในขณะที่เงินเดือนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเท่ากับ 40,000 บาท



นายรัก รักพงษ์เสพสุขอยู่บนกองเงินกองทองได้ไม่นานก็เกิดอาการผิดเพี้ยนทางอารมณ์อย่างรุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากการเสพสุขจนเอียน คิดว่าความสุขที่กำลังเสพอยู่นั้นยังไม่ถึงที่สุด จึงคิดหาวิธีที่จะสามารถสร้างความสุขให้ตัวเองได้มากกว่าเดิมโดยเริ่มศึกษาวิชาไสยศาสตร์อย่างจริงจังจนถึงขั้นงมงายและ ออกมายืนยันกับสาธารณะว่าไสยศาสตร์มีจริงและตนเองคือผู้ขมังเวทวิทยาคมไสย ศาสตร์มนต์ดำ ฯ จึงถูกปฏิเสธจากวงการบันเทิงแต่ก็อ้างว่าตนเองเป็นผู้ละทิ้งวงการออกมาเอง นาย รักฯ ดำรงตนเป็นผู้ขมังเวทอยู่พักใหญ่ก่อนตัดขาดจากทางโลกมาศึกษาพระธรรมได้ถึง ขั้นแตกฉานและพบว่าพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ดีกว่าไสยศาสตร์ที่เคยงมงายจึง ตัดสินใจออกบวชเป็นพระภิกษุภายใต้ข้อบัญญัติแห่งมหาเถรสมาคมไทย พระ โพธิรักษ์บวชอยู่ได้ไม่นานก็มีเหตุให้ต้องลาออกจากการเป็นพระภิกษุของมหา เถรสมาคมด้วยเหตุผลที่ว่าตนและพวกไม่สามารถปฏิบัติตามข้อบัญญัติของมหา เถรสมาคมที่ผิดเพี้ยนไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้าได้



ด้วย กิริยาสำรวมน่าเลื่อมใสและสีจีวรสีไม้กรักที่ไม่เหมือนพระภิกษุทั่วไปประกอบ กับเป็นผู้แตกฉานในพระพุทธศาสนาและมีวาจาเป็นเลิศจึงได้รับความเลื่อมใส ศรัทธาจากผู้เคร่งศาสนาในชนบทอย่างรวดเร็ว พระโพธิรักษ์จึงจัดตั้งชุมชนสันติอโศกขึ้นและขยายสาขาออกไปได้อย่างรวดเร็วในหลายจังหวัดเช่น ชุมชนปฐมอโศก จ.นครปฐม ชุมชนศรีษะอโศกที่บ้านเกิด จ.ศรีษะเกษ ชุมชนสีมาอโศก จ.นครราชสีมา เป็นต้น



นัก ปฏิบัติธรรมในชุมชนสันติอโศกส่วนใหญ่เป็นพวกเคร่งศาสนาและปฏิบัติดีปฏิบัติ ชอบอยู่แล้ว แต่เบาปัญญาเพราะการศึกษาขั้นพื้นฐานต่ำ จึงถูกชักจูงได้ง่ายและหลงเชื่ออย่างงมงายบางคนถึงขั้นสามารถตายแทนพระโพธิ รักษ์ได้ วิธีการชักจูงคนเหล่านี้ให้เข้ามา ปฏิบัติธรรมจะใช้วิธี ให้สาวกไปชักชวนคนใกล้ชิดด้วยวิธีและคำพูดที่ได้รับการปลูกฝังเป็นเวลานาน โดยไม่รู้ตัวจากพระโพธิรักษ์ เรียกได้ว่าสามารถถอดคำพูดของพระโพธิรักษ์ออกไปได้ชนิดคำต่อคำเลยทีเดียว โดยสร้างความน่าเชื่อถือให้ชุมชนด้วยการอ้างถึงผู้มีฐานะและชื่อเสียงที่แวะเวียนเข้ามาทำบุญว่าเป็นส่วนหนึ่งของสันติอโศก ด้วยวาทะศิลป์เดียวกันอย่างไม่ผิดเพี้ยนนี้เองทำให้ชุมชนสันติอโศกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดมีการบริหารจัดการปัจจัย 4 แบบระบอบคอมมิวนิสต์ ทุกคนในชุมชนจะร่วมกันทำงานตามความถนัดและได้รับมอบหมายด้วยความซื่อสัตย์ ผลิตผลที่ได้ทุกชนิดจะเก็บเข้าสู่ส่วนกลางแล้วดำเนินการจัดสรรปันส่วนตามที่แต่ละคนต้องการ แต่ ด้วยเหตุที่ทุกคนถูกปลูกฝังอย่างฝังหัวว่าให้อยู่อย่างสมถะทุกคนจึงพร้อมใจ กันแข่งกันเก่า(ใส่เสื้อผ้าเก่าไม่เอาของใหม่) แข่งกันอด(อาหาร) จึงไม่เคยมีปัญหาการทะเลาะเบาะแว๊งกันเรื่องการแบ่งผลประโยชน์เกิดขึ้นเลย นับว่าเป็นวิธีการบริหารจัดการที่แยบยลมาก



พระ โพธิรักษ์ดื้อแพ่งเลี่ยงบาลีปฏิเสธคำขอร้องของมหาเถรสมาคมที่ขอให้พระโพธิ รักษ์และนักบวชผู้ติดตามปฏิบัติให้เป็นแบบอันเดียวกันกับภิกษุอื่นๆ ด้วยการอ้างว่าตนและพวกได้ลาออกจากมหาเถรสมาคมแล้วกฎของมหาเถรสมาคมจึงไม่ สามารถบังคับตนและพวกได้ มหาเถรสมาคมพิจารณาเห็นว่าพระโพธิรักษ์กำลังสร้างอาณาจักรแห่งลัทธิใหม่ขึ้นแต่ยังคงอ้างตนว่าเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับพระโพธิรักษ์จนถึงขั้นถูกจับกุมคุมขังและพ่ายแพ้คดี พระโพธิรักษ์ถูกสั่งบังคับตามคำพิพากษาห้ามเรียกตนเองว่าพระภิกษุและห้ามแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ตั้งแต่นั้นมาพระโพธิรักษ์จึงบัญญัติชื่อตัวเองใหม่เป็น สมณะโพธิรักษ์ แล้วนุ่งห่มชุดแขนยาวสีไม้กรักทับด้วยจีวรสีขาว จนกระทั่งคดีความเริ่มส่างซาลงจึงเปลี่ยนสีจีวรกลับไปเป็นสีไม้กรักตามเดิมแต่ยังคงใส่ชุดแขนยาวสีไม้กรักไว้ด้านในเพื่อเลี่ยงกฎหมาย มหา จัญไรเคยขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ซึ่งกำลังมีอำนาจอยู่ในขณะนั้นช่วยเหลือเรื่องคดีความของสมณะโพธิรักษ์ใน ฐานะที่ตนเองเป็นผู้มีพระคุณเคยเป็นผู้ชักนำ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เข้าสู่วงการการเมือง แต่กลับได้รับการปฏิเสธ สมณะโพธิรักษ์โกรธแค้น พ.ต.ท.ทักษิณฯ เป็นอันมากถึงกับเอ่ยปากออกมาว่า



“ทักษิณฯ มันโอหัง ต้องเอามันลงจากบัลลังก์ให้รู้สำนึก”



ด้วย เหตุแห่งคดีความได้สร้างรอยแค้นที่ฝังลึกให้กับสมณะโพธิรักษ์จนเกิดแรงอาฆาต อำนาจรัฐอย่างรุนแรงและเป็นช่องทางให้มหานอกรีตผู้ถูกปฏิเสธจากพี่น้องร่วม สถาบัน จปร.อันทรงเกียรติ ชักจูงเข้าสู่เวทีพันธมิตรอย่างง่ายดายและกลายเป็นกำลังหลักของพันธมิตรใน วันนี้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองที่ จ.กาญจนบุรี และผลทางการเมืองในอนาคต



เรื่องนี้มีใครเสีย.....



โพธิรักษ์?



มหาจัญไร?



พันธมาร?



.......ไม่เลย.....พวกข้างบนล้วนแต่ได้



“น่าสงสารผู้ปฏิบัติชอบชาวสันติอโศกที่ถูกหลอกใช้อย่างเต็มใจ โดยไม่รู้ตัว”



ไอ้พวกไม่กลัวบาปกรรมหลอกใช้คนซื่อขอให้พวกมันจงฉิบหาย......

เรื่อง บ้านเรามันซับซ้อน ถ้ารู้เพียงผิวเผินยากนักที่จะเข้าใจได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง โปรดบริโภคสื่ออย่างมีวิจารณญาณ มิฉะนั้นท่านจะตกเป็นเหยื่อให้ผู้อื่นหลอกใช้เหมือนชาวสันติอโศกผู้ใสซื่อ




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2551
0 comments
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2551 23:06:00 น.
Counter : 2075 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


VikingsX
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[Add VikingsX's blog to your web]