ToGethel2
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

การท่องเที่ยว และการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย – จีน , แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศจีนปี 2008

lozocat
lozocat
 26. การท่องเที่ยว และการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย – จีน

มีปัญหาอย่างเดียวกัน คือ ปัญหาความไม่มีระเบียบภายในประเทศของไทยเอง เช่น Local Guide ของไทย ไม่มีความรู้เกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรมของไทยดีพอ ควรฝึกอบรมนักศึกษาราชภัฎต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัดให้เป็น Local Guide เมื่อมี Central Guide ไปจากกรุงเทพฯ ไปถึงต่างจังหวัดก็ควรใช้ Local Guide ในแต่ละจังหวัด เพื่อกระจายเงินรายได้ลงไปในจังหวัดต่าง ๆ ต้องจัดระเบียบบริษัททัวร์ และจัดระเบียบมัคคุเทศน์ ให้เป็นระบบและมีคุณภาพมากขึ้น
ใน10-20 ปีข้างหน้าจีนจะเป็นมหาอำนาจได้ถ้าสามารถแก้ไขความยากจนประชาชน 1/4 ของประเทศได้ซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างมาก ต้องแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ยังมีอยู่ การดำเนินนโยบายของจีนมีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทุกๆด้าน มีการพัฒนา Technology แม้จะสู้ญี่ปุ่นและเกาหลีในปัจจุบันไม่ได้ มียุทธ์ศาสตร์ในการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาดังเช่น สหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่นทำอยู่ในปัจจุบัน

แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศจีนปี 2008


ส่องกล้องเศรษฐกิจ : ดร.จักรพันธ์ ติระศิริชัย กรุงเทพธุรกิจ วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
ในปีนี้ มีความกังวลกันมากถึงภาวะซบเซาที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ตลอดจนผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก แต่เศรษฐกิจหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียคือ ประเทศจีนที่เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออก ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะวิเคราะห์ถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจมาให้ทราบกันนะครับ
ในปี 2007 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเติบโตในอัตรา 11.4% นับเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 13 ปี และอัตราการเติบโตเฉลี่ยใน 5 ปีล่าสุดอยู่ที่ 10.6% อย่างไรก็ตามการเติบโตในไตรมาสที่สี่ปี 2007 นั้นในอัตรา 11.2% แม้จะต่ำกว่าไตรมาสที่สามที่เติบโตอยู่ที่ 11.5% แต่เป็นผลจากรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเพื่อควบคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงการควบคุมการปล่อยเงินกู้ของธนาคารต่างๆ หลายประการ เช่น ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งหมด 6 ครั้ง จาก 6.12% ในต้นปี 2007 เป็น 7.47% ในสิ้นปี 2007
ออกกฎระเบียบการปล่อยเงินกู้ที่เข้มงวดขึ้น การควบคุมและแทรกแซงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ การบังคับใช้ภาษีส่งออกระบบใหม่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่มีการคำนวณภาษีขึ้นกับปริมาณพลังงานที่ใช้ในการผลิต และปริมาณมลภาวะที่เกิดจากกระบวนการผลิต เป็นต้น
การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงต่อเนื่องมายาวนาน ทำให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้นมากทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อในธันวาคมอยู่ที่ 6.5% และเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 6.9% นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศจีนในปีที่ผ่านมาสูงถึง 4.8%
สำหรับแนวโน้มของปี 2008 นั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะชะลอความร้อนแรงลง อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ทั้งนี้ธนาคารโลกได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ของจีนในปี 2008 ลงสู่ 9.6 % จากเดิม 10.8 % และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อ จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.6 % ในปีนี้ จาก 3.8%ที่คาดไว้ในเดือนกันยายน
การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2008 นี้จะลดลงจากปีที่แล้ว และอัตราเงินเฟ้อจะต่ำกว่าในปีก่อนแต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยของผลสำรวจประมาณการจาก Bloomberg ที่ได้ประมาณค่า GDP ของจีนในปี 2008 ไว้ที่ 10.3% และอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 4.1% ด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้
หนึ่ง การเติบโตสูงของจีนนั้นมีรับแรงผลักดันหลักมาจากความต้องการในประเทศ ซึ่งประกอบด้วยการบริโภค และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ทางรัฐบาลจีนอาจดำเนินมาตรการในการชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ และควบคุมอัตราเงินเฟ้อต่อไป ได้แก่ การเพิ่มกฎระเบียบในการปล่อยกู้ที่เข้มงวดขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตามคาดว่าการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จะไม่มากเท่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้วิกฤตการณ์ในตลาดการเงินโลกในปัจจุบัน อาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทแม่ของนักลงทุนต่างชาติที่ไปทำการลงทุนในประเทศจีน ดังนั้นการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในปีนี้มีแนวโน้มว่าจะชะลอลงเช่นกัน
สอง การส่งออกจะชะลอจากการชะลอตัวของความต้องการของสหรัฐอเมริกาทั้งนี้สหรัฐอเมริกา (ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกของจีนไปสู่อเมริกาอยู่ที่ 19.1% ในปี 2007) ประสบปัญหา ซับไพร์มและอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้นั้น
อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัจจัยบวกต่ออัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2008 นี้ คือมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในเดือนสิงหาคมนี้ นอกจากนี้การมีความเป็นได้ว่า รัฐบาลจีนอาจจะผ่อนคลายนโยบาย/มาตรการบางประการที่เคยควบคุมไว้ หากการบริโภคภายในประเทศไม่เติบโตตามเป้าที่กำหนดไว้
แต่อัตราเงินเฟ้อเงินเฟ้ออาจจะสูงมากว่าระดับ 4.8% ในปีก่อนหน้าที่อาจจะสูงกว่า 5% ได้ เนื่องจาก (1) การแข็งค่าของเงินหยวน (2) การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก (3) การเพิ่มขึ้นของราคาธัญพืช และอาหารที่การผลิตลดลงในขณะที่ความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประเทศจีนต้องนำเข้าข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลืองจากต่างประเทศจากเดิมที่เคยส่งออกธัญพืชอาหารหลัก นอกจากนี้และภาวะอากาศที่หนาวเย็นที่ยาวนานมากผิดปกติ และครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางมากจะทำให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตเกษตรในปีนี้
กล่าวโดยสรุปคือ เศรษฐกิจจีน ยังน่าจะเติบโตได้อัตราที่สูงในอัตราประมาณ 10% ได้เพราะเศรษฐกิจจีน พึ่งพาความต้องการภายในประเทศมากกว่าการค้ากับต่างประเทศ ที่สำคัญคือรัฐบาลจีน สามารถควบคุมการใช้จ่ายและการลงทุนได้ ผ่านมาตรการการควบคุมปัจจัยการผลิตตลอดจน การควบคุมอัตราดอกเบี้ย การควบคุมปริมาณเงินผ่านการควบคุมสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้จีนยังมีความจำเป็น ต้องให้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราที่สูงต่อไปอีก ในการสร้างงานรองรับแรงงานใหม่ที่เพิ่มขึ้น ในอัตราหลายสิบล้านคนในแต่ละปี
lozocat
lozocat








 

Create Date : 28 สิงหาคม 2551
1 comments
Last Update : 20 กันยายน 2551 22:40:06 น.
Counter : 881 Pageviews.

 

สนใจเรื่องภาษีของจีน หากมีโปรเจคที่น่าสนใจเกี่ยวกับจีน ขอร่วมด้วยนะคะ
Thanks for sharing information.

谢谢.您的学问帮我多好.希望有机会跟你了解中国的事情.

 

โดย: suanmei2009@gmail.com IP: 111.84.2.193 15 เมษายน 2553 18:37:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


TogetherIB
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ToGetheR ♬ToGeThel2♪

♥ ToGether IBM ♥
Friends' blogs
[Add TogetherIB's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.