|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
บทที่ 6
บทที่ 6
หนึ่งอาทิตย์แล้วสินะ กับการไม่ได้พบเจอ วอนอานั่งมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง ใจอยากกดโทรออกแทบขาดหากก็รู้อีกนั่นแหละว่าถ้าโทรไปแล้วจะได้คำตอบอะไรกลับคืนมา และก็คงจะคุยต่ออีกสักสองสามประโยคก่อนจะถูกตัดสาย กำลังยุ่งอยู่ ทานข้าวรึยัง และ คิดถึงพี่นะ แค่นี้จริงๆก่อนที่จะถูกตัดสาย แล้วจะให้เธอเชื่อได้หรือว่าคิดถึงกันจริง
คนข้างบ้านไม่รู้หรือยังไงกันนะว่าเธอคิดถึงแค่ไหน พูดกันแค่ไม่กี่ประโยคจะคลายความคิดถึงได้อย่างไรกัน อารมณ์น้อยใจก็พาลให้น้ำตารื้นขึ้นมาที่หัวตา แต่ใครจะไปร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้กัน วอนอากระพริบตาห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ไม่ได้เจอกันเธอก็เป็นถึงขนาดนี้แล้ว แล้วถ้าเกิดคนข้างบ้านใจแข็งขึ้นมาไม่ให้พบทั้งเดือนล่ะ เธอมิแย่เหรอ
ทำอะไรอยู่น่ะ ทำไมไม่ไปทานข้าว เสียงร่าเริงของโยจูถามขึ้นจากทางด้านหลังพรอมทั้งชะโงกหน้ามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย ด้วยเวลานี้เป็นเวลาพักกองเพื่อรับประทานอาหาร หากสาวร่างบางกลับไม่ไปทานข้าวเสียอย่างนั้น
รอโทรศัพท์อยู่เหรอ เมื่อเห็นเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือพร้อมสายตาที่มองอย่างรอคอยโยจูถึงได้ถามไปอย่างนั้น และก็ได้คำตอบเป็นเสียงถอนหายใจกลับมา ก่อนที่สาวเจ้าจะพูดขึ้น
เปล่าจ๊ะ วอนอาปฏิเสธอย่างที่ใครมองก็รู้ว่าเธอโกหก หากโยจูก็เลือกที่จะยิ้มรับก่อนจะนั่งลงข้างๆที่อีกฝ่ายขยับให้
แล้วทำไมไม่ไปทานข้าว
เฮ้อ ก็รู้อยู่หรอกนะว่าถึงจะรอเท่าไหร่ เขาก็คงไม่โทรมา แต่มันก็ห้ามไม่ได้จริงๆ ในที่สุดวอนอาก็ยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายถาม ด้วยความอัดอั้นตันใจมันมีมากจนแทบล้นทะลักออกมาแล้วตอนนี้ เธออยากระบายกับใครก็ได้ที่พอจะทำให้สบายใจขึ้นบ้างและคนข้างกายตอนนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเธอสนิทด้วยมากที่สุดในตอนนี้ เพราะถ่ายละครร่วมกันมาห้าเดือนแล้ว แถมอายุยังเท่ากันอีกเป็นผลให้สนิทกันได้ไม่ยาก ถือเป็นความโชคดีของพวกเธอเพราะในวงการบันเทิงยากนักที่จะได้ร่วมแสดงกับคนที่วัยใกล้เคียงกันแบบนี้
โยจูเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างแปลกใจที่อีกฝ่ายยอมรับในที่สุด เธอไม่รู้หรอกนะว่าเขาคนนั้นคือใครถึงแม้จะสนิทกับสาวร่างบางมากแค่ไหนก็ตามแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมเผยเรื่องคนรักออกมาและเธอก็ไม่อยากเซ้าซี้ถาม เมื่ออีกฝ่ายไม่อยากให้รู้เธอก็จะเลือกไม่รู้ต่อไป โยจูส่งยิ้มให้กำลังใจพร้อมทั้งแนะนำ
ไม่เห็นจะยากเลย วอนอาก็เป็นฝ่ายโทรไปหาเขาแทนสิ
ก็รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายให้คำแนะนำอย่างจริงใจ แต่มันก็อดที่จะหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้เพราะเธอเป็นฝ่ายโทรหาเขาทุกครั้งตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ไม่ได้เจอกันนี่สิ มันน่าหงุดหงิดมั้ยล่ะ ถ้าเธอไม่โทรไปมีหวังไม่ได้คุยกันตลอดทั้งอาทิตย์แน่ หากก็พยายามควบคุมอารมณ์รักษามารยาทแต่อีกฝ่ายก็ยังจับได้อยู่ดี
หรือว่า
วอนอาเป็นฝ่ายโทรไปทุกครั้งน่ะ โยจูมองพลางชี้หน้าคนข้างตัวอย่างเหลือเชื่อ วอนอาถึงกับตีแขนอีกฝ่ายเข้าให้ ด้วยมันจี้ใจเธอเหลือเกิน ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้มั้ง
ก็ใช่น่ะสิยะ แล้วมันแปลกมากรึไง สาวเจ้าเริ่มแยกเขี้ยวจนเธออดขำไม่ได้ ขำท่ามกลางความเครียดของเพื่อนนี่แหละ
ขำอะไรยะ
โอ๋ๆ เย็นไว้จ๊ะเย็นไว้ โยจูผิดไปแล้ว คนพูดไม่พูดเปล่าหากยังยกมือขึ้นบีบแก้มเธอส่ายไปมาด้วย นี่มันคือการง้อตรงไหนกัน แต่เธอจะโกรธก็โกรธไม่ลงด้วยท่าทางคนง้อมันน่าขำเสียเหลือเกิน ทั้งเลิกคิ้วหลิ่วตา และไอ้ท่าปากจู๋นั่นไปได้มาจากไหนกัน ในที่สุดเธอก็หลุดขำออกมาจนได้
เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย ในที่สุดก็ยิ้มได้แล้ว ไม่เสียแรงที่ทำท่าบ๊องๆให้ดู พูดไปก็เขินไปกับท่าทางของตนเมื่อครู่ นั่นยิ่งเรียกรอยยิ้มให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
โอ้ เกินคุ้มแล้วจ๊ะ ไม่ต้องยิ้มแล้ว เมื่อเห็นสาวอารมณ์บูดเมื่อครู่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาแล้วเธอก็เริ่มกล้าหยอกมากขึ้น
ไม่ดีรึยังไง ก็โยจูอยากให้เรายิ้มไม่ใช่เหรอ วอนอาก็เริ่มมีอารมณ์หยอกกลับ
โห รู้ใจจัง ยังกับแฟนเลยนะนี่ คนพูดที่มัวแต่หัวเราะอยู่จึงไม่ทันได้ดูคนข้างตัวที่สะอึกทันทีที่ได้ยินคำพูดของเธอ วอนอารีบปรับสีหน้าก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็นความผิดปกตินั้น จะเป็นยังไงนะถ้าคนข้างตัวรู้ว่าเธอชอบผู้หญิงด้วยกัน จะยังให้ความสนิทสนมกับเธออีกรึเปล่า
ถ้าสบายใจแล้วก็ไปทานข้าวเถอะ นี่เราหิวจะแย่แล้ว พูดจบก็คว้ามือบางจูงไปยังโต๊ะอาหารที่ทีมงานจัดเตรียมให้และกินนำไปก่อนแล้ว
ระหว่างทางกลับบ้านสาวเจ้ายังไม่วายที่จะเหลือบมองโทรศัพท์เมื่อมันยังนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าถือใบเล็กก็ได้แต่ถอนใจ ก่อนจะหันกลับไปมองวิวทางนอกหน้าต่างที่รถเคลื่อนตัวผ่าน เหม่อลอยไปถึงใครอีกคน
ไม่รู้คนคิ้วเข้มจะคิดถึงเธอบ้างมั้ย คำตอบก็คงเป็นไม่ เพราะถ้าคิดถึงป่านนี้คงจะโทรมาหรือมาหาบ้างแล้ว แต่นี่ไม่มีเลย ไม่มีอะไรสักอย่างที่แสดงออกว่าคิดถึงเธอ ทั้งโทรศัพท์ ทั้งแมสเซจ หรือแม้กระทั่งใน cyworld ก็ไม่เข้ามาเม้นให้ ทำไมมันน่าหงุดหงิดอย่างนี้นะ
รถจอดสนิทตรงหน้าบ้านเธอพอดิบพอดีเรียกสติให้กลับมาอยู่กับภาพตรงหน้าอีกครั้ง วอนอาลงจากรถก่อนจะโค้งให้ผู้จัดการที่มาส่ง มองจนรถเคลื่อนตัวออกไปเธอถึงไขประตูเข้าไปในบ้าน
ทันทีที่แสงไฟส่องสว่าง ห้องที่ดูคุ้นตา ไร้ซึ่งเสียงทีวีหรือเสียงเพลงที่ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น เงียบสงบอยากที่เธออยากให้เป็นมาตลอดในช่วงที่เธอมีใครอีกคนอยู่ด้วย เพราะเธอว่าเสียงพวกนั้นมันดังเกินไป เป็นสิ่งที่ไม่คุ้นสำหรับคนที่ชอบความสงบอย่างเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันเงียบเกินไปเมื่อไม่มีเสียงของเจ้าพวกนี้ วอนอารีบเดินไปกดเปิดทีวี มันส่งเสียงดังตามที่เธอต้องการจริงแต่กลับไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย ความเหงายังคงเกาะกุมจิตใจ เกาะแน่นเสียยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกที่เธอเห็นในสารคดีตอนนี้เสียอีก ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้เธอจะไม่ให้คนคิ้วเข้มย่างกายเข้ามาในห้องนี้เลย วอนอาส่งสายตามองเจ้าตุ๊กแกที่กลายเป็นผู้รับเคราะห์โดยไม่รู้ตัวอย่างอารมณ์ฉุนขาด เห็นอะไรก็พาลให้หงุดหงิดไปหมด ให้มันได้อย่างนี้สิ
อารมณ์ที่กำลังขุ่นมัวก็พาลทำให้ไม่อยากทำอะไร ความอยากอาหารก็ดูจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆตามวันเวลาที่ไม่ได้เจอหน้า ไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นได้มากขนาดนี้ เธอเคยคิดว่าบทที่ผู้กำกับให้แสดงนั้นมันจะมีจริงหรือที่คนอกหักเป็นได้ถึงขนาดนั้น คิดแล้วก็อยากขำแต่ก็ขำไม่ออกเมื่อมาเจอกับตัวเอง นี่ขนาดเธอยังไม่โดนทิ้งเหมือนอย่างในละครเลยนะ อาการแบบนี้ไหงเกิดขึ้นได้ล่ะ
โอย เป็นอะไรไปเนี่ย เข้มแข็งหน่อยสิ
หากนี่กลับไม่ใช่เพียงแค่พูดกับตัวเองเท่านั้น เมื่อนิ้วดันไปกดแป้นพิมพ์พิมพ์เอาคำที่พูดเข้าไปด้วย ไม่รู้หรอกนะว่าเธอมานั่งอยู่หน้าคอมตั้งแต่เมื่อไหร่ นิ้วกดเข้าไปใน cyworldของตัวเองตั้งแต่ตอนไหน แต่ข้อความที่เธอเพิ่งพูดไปมันก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้วตอนนี้ แต่ทันทีที่ได้สติกลับคืนมา นิ้วเรียวก็รีบกดลบข้อความที่เพิ่งพิมพ์ลงไปก่อนจะชะงักเมื่อนึกบางอย่างได้ นิ้วเรียวพิมพ์ประโยคเดิมลงไปก่อนจะกดโพส
เข้มแข็งหน่อยซิ...คนโง่
ใช่ว่าเธอทำประชดใครบางคนหรอกน่ะ แต่อยากให้รู้ว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนมากกว่า ขอยืนยัน ว่านี่ไม่ใช่การทำประชด แค่อยากได้การง้อบ้าง แค่นั้นเอง หนึ่งนาทีผ่านไป ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ ทำคนรอเริ่มหน้าหงิก เย็นไว้ ผ่านไปแค่นาทีเดียวเอง วอนอาพยายามเตือนตัวเอง หากเข้าสู่นาทีที่สอง สาม สี่ ก็ชักเริ่มเย็นไม่ไหว
นาทีที่ห้าหลังจากโพสข้อความ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นาทีนี้เปลี่ยนอารมณ์คนรอได้เลยทีเดียว วอนอาฉีกยิ้มกว้าง และทันทีที่กดรับสายเธอก็ได้ยินเสียงอยากได้ยินมาตลอดช่วงบาย
ทานข้าวรึยัง ปลายสายถามอย่างห่วงใยกับประโยคเดิมของทุกครั้งที่โทรมา
ยัง สั้นกระชับไร้อารมณ์อยากตอบ ด้วยอาการงอนที่สะสมมานานถ้าหากไม่ได้รับการง้อที่พึงพอใจเธอก็อาจจะพาลกดตัดสายกันได้เลยทีเดียว
ทำไมยังไม่กินอีก ดึกดื่นแค่ไหนแล้วรู้มั้ย ทำไมไม่รู้จักดูแลสุขภาพของตัวเองบ้างเลยนะ เป็นอะไรขึ้นมาล่ะยุ่งเลย รีบไปกินเร็วๆเข้า เอ่อ แล้วมีของกินมั้ยถ้ายังเดี๋ยวฉันออกไปซื้อให้ นี่พี่ฟังอยู่รึเปล่า เมื่อเห็นสาวเจ้าเงียบไปนาน ยองชิจึงถามกลับอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับนอกจากเสียงสะอื้นเบาๆที่ดังมาตามสาย คิ้วขมวดเป็นปมอย่างกังวล รีบถามกลับรัวเร็ว
พี่เป็นอะไรน่ะ ร้องไห้ทำไม
โทรมาเพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ ถ้าโทรแค่นี้ต่อไปก็ไม่ต้องโทรมาแล้ว เสียงตะหวาดขึ้นตามแรงอารมณ์ เธอนึกว่าจะได้ยินคำพูดหวานๆเมื่อคนรักโทรมา แต่นี่อะไรโทรมาก็เอาแต่ว่าอยู่ได้ ยิ่งพาลให้เธองอนหนักเข้าไปอีก อยากกดตัดสายขึ้นมาตะหงิดๆ
ปลายสายถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียวเมื่อได้ยินคำตอบ ยองชิมองโทรศัพท์อย่างไม่เชื่อสายตา ไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากคนรัก กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สูดลมเข้าเต็มปอดหอบใหญ่ก่อนจะกรอกเสียงลงไปในเจ้าเครื่องสื่อสารที่เธอเริ่มรู้สึกกลัวมันขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เสียงนุ่มหวานบีบให้น่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้ตอนนี้
ขอโทษ ไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดหรอกนะแต่ขอพูดแบบนี้ไปก่อนแล้วกันเผื่ออารมณ์สาวเจ้าจะดีขึ้น
แค่ฉันคิดถึงพี่น่ะ ถึงได้โทรมา แล้วยิ่งรู้ว่ายังไม่ทานข้าวก็ยิ่งเป็นห่วง พี่เป็นอะไรบอกฉันได้มั้ย เสียงนุ่มหวานที่ดังอยู่ข้างหูช่างเหมือนคนพูดได้มายืนกระซิบอยู่ข้างๆเสียจริงๆ เธออยากเชื่อเหลือเกินว่าคำที่พูดนั้นออกมาจากใจ ไม่ใช่เพียงหลอกให้เธอรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น แต่จะเชื่อได้จริงหรือ
ถ้าคิดถึงจริงก็ต้องมาหาแล้ว เสียงที่ยังสั่นอยู่ตัดพ้อกลับไป พาลให้ปลายสายเร่งฝีเท้า
ทำไมจะไม่จริงล่ะ นี่ก็กำลังจะถึงหน้าห้องแล้ว ออกมาเปิดประตูให้หน่อยสิ
คนคิ้วเข้มพูดไปวิ่งไป อยากถึงหน้าห้องคนรักเร็วๆ อาการของคนรักตอนนี้คงเข้าขั้นวิกฤติแล้วแน่ๆถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าคนรักของเธอกลายเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หากก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยนั้นไว้ เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง ยองชิก็เคาะประตูสองสามครั้งพลางพูดโทรศัพท์ไปด้วย
เดินมาเปิดประตูให้หน่อยสิคะ อยากเห็นหน้าพี่ใจแทบขาดแล้วตอนนี้
ทันทีที่พูดจบบานประตูก็เปิดออกพร้อมทั้งร่างที่โถมเข้ามากอดเอแบบไม่ทันตั้งตัว ยองชิกอดตอบพร้อมกันนั้นก็ดุนร่างพาตัวเองและคนในอ้อมแขนเข้ามาในห้องก่อนจะใช้เท้าปิดประตูตามหลัง มือเรียวลูบหลังปลอบคนขี้แยเบาๆ
คิดถึงพี่จัง เสียงหวานเอ่ยกระซิบที่ข้างหู พร้อมทั้งถือโอกาสสูดกลิ่นหอมจากกายสาวเจ้าไปด้วย
โกหก คนในอ้อมกอดพูดไปสะอื้นไปจนเธอต้องรัดอ้อมแขนให้แน่นเข้า ถ้าคิดถึงแล้วทำไมไม่โทรมาหรือมาหาบ้างเลยล่ะ ยองชิมองแผ่นหลังที่สั่นน้อยๆขอคนรักพลางตบปลอบเบาๆ ทำไมถึงตัดพ้อได้น่ารักอย่างนี้นะ นี่เธอโรคจิตไปแล้วรึเปล่าที่รู้สึกชอบอาการนี้ของคนรักขึ้นมา ถ้าไม่ได้ห่างกันแบบนี้เธอก็คงไม่มีโอกาสได้เห็น คนคิ้วเข้มยิ้มให้กับความคิดก่อนจะรีบกลับมาตีหน้านิ่งดังเดิมด้วยกลัวว่าสาวเจ้าจะเห็นแล้วพาลงอนเธอหนักเข้าไปอีก
เพิ่งรู้นะนี่ว่าพี่อ้อนได้น่ารักขนาดนี้ แถมยังอุ่นกว่าเจ้าหมีอีก คนคิ้วเข้มเลือกที่จะไม่ตอบ กลับพูดในสิ่งที่คนในอ้อมแขนถึงกับดันตัวออกมาเพื่อที่จะมองหน้าคนพูด และตอนนั้นเธอก็ถือโอกาสขโมยจูบสาวเจ้าในทันที
ริมฝีปากนุ่มดูเหมือนจะตกใจในตอนแรก หากเมื่อเรียกสติกลับมาได้ก็เผยอริมฝีปากรับริมฝีปากที่ประกบลงมาก่อนหน้า ไม่รู้ว่าเธอโหยหาไปรึเปล่า เมื่อรู้สึกว่าการจูบครั้งนี้ดูหวานซึ้ง ละมุนละไมมากกว่าครั้งไหนๆ จูบที่ให้ความรู้สึกทั้งขอโทษและรักอยู่ในที
แถมจูบตอบได้ด้วย" รอยยิ้มทะเล้นปรากฏขึ้นบนดวงหน้าก่อนจะกลับมาตีสีหน้าสำนึกผิดดังเดิม อืม ช่างอัจฉริยะจริงๆ
"ขอโทษนะที่ปล่อยให้คิดถึงอยู่แบบนี้ แต่ฉันก็คิดถึงพี่มากเช่นกัน มันทรมานมากเลยรู้มั้ย
รู้สิ วอนอาตอบรับเบาๆ ใบหน้านวลแดงก่ำ และใช่ว่ามีเพียงเธอเพราะคนตรงหน้าก็ผินหน้าหนีเพื่อซ่อนหน้าที่แดงก่ำไว้เหมือนกัน
คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบหากเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของอีกฝ่ายเธอก็ถึงกับใจกระตุกเลยทีเดียว ดีใจที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายก็มีอาการเช่นเดียวกับเธอ ใบหน้าที่หันหนีเพื่อซ่อนรอยแดงไว้เมื่อครู่จึงหันกลับมามองหน้าคนรัก เธอถึงได้สังเกตเห็นขอบตาบวมเป่งช้ำจากการร้องไห้ ยองชิถึงกับตาโต
ทำไมถึงได้ขอบตาช้ำอย่างนี้ล่ะพี่ เพิ่มเข้าฉากร้องไห้มาใช่มั้ยเนี่ย เพราะเพียงแค่ร้องไห้เมื่อครู่คงไม่ทำให้ขอบตาสาวเจ้าช้ำได้ขนาดนี้แน่ นี่หรือว่า คุณเธออินกับบทมากไปจนถึงเก็บมันมาใช้กับชีวิตจริง ถึงว่าทำไมบ่อน้ำตาถึงได้ตื้นขนาดนี้ ยองชิมองหน้าคนรักพลางส่ายหัวอย่างปลงๆ
ไปนอนบนโซฟาเลยไป เดี๋ยวหาผ้าเย็นมาประคบให้ คนคิ้วเข้มชี้ไปทางโซฟาสีขาวขนาดที่คนนอนได้สบายตรงหน้าทีวีที่เจ้าตัวชอบมานั่งดูละครกับเจ้าของห้องบ่อยๆและก็ชอบเผลอหลับไปก่อนละครจบทุกครั้ง มันจึงเสมือนเตียงนอนตัวที่สองของเธอเลยทีเดียว
วอนอามองตามนิ้วคนรักก่อนจะทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อเห็นคนรักนั่งบนเจ้าโซฟาแล้วเธอจึงเดินเข้าไปในครัวและกลับออกมาพร้อมอ่างล้างหน้ากับผ้าสีขาวอีกผืน ก็เห็นสาวเจ้านอนลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมขยับตัวเว้นที่ว่างให้พยาบาลจำเป็นอย่างรู้หน้าที่ ยองชิทิ้งร่างลงนั่งเคียงข้าง มือเรียวจุ่มผ้าขาวลงในอ่างน้ำเย็น บิดหมาดๆ เมื่อหันมาอีกทีก็เห็นคนรักหลับตาพริ้มรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่ผ้าเย็นประคบลงมา กลิ่นหอมอ่อนๆของอโรมาก็โชยเตะจมูก ริมฝีปากอิ่มครี่ยิ้มด้วยความพึงพอใจกับความเอาใจใส่ กลิ่นของมันช่วยให้ผ่อนคลายจนถึงกับจะเคลิ้มหลับได้เลยทีเดียว
ยองชินั่งมองหน้าคนรักที่กำลังครี่ยิ้มก่อนจะยิ้มตาม คงรู้สึกสบายมากล่ะสิเนี่ย ระหว่างรอก็อดที่จะลอบมองสำรวจไม่ได้ ยิ่งสาวเจ้าถูกปิดตาด้วยแล้วเธอก็ขอสำรวจแบบเต็มตาเสียทีเพราะโอกาสแบบนี้มันหาได้ยากจริงๆ ยองชิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
สายตาของผู้สำรวจไล่มองเรือนร่างคนรักอย่างใจเย็น ใบหน้ารูปไข่นวลเนียนขาวใสราวกับผิวเด็ก ริมฝีปากบวมเป่งจากการถูกจูบเมื่อครู่ช่างดูเย้ายวนเสียนี่กระไร หากเธอก็เลือกที่จะหักห้ามใจไม่เอามือไปลูบไล้ด้วยกลัวว่าลูกแกะจะตื่น คงหมดโอกาสที่จะได้สำรวจต่อกันพอดี เมื่อไล่สายตาต่ำลงมาก็พบกับเสื้อเชิ๊ตคอกว้างที่ติดกระดุมเสียต่ำจนเห็นเนินอกรำไร ใครกันช่างออกแบบได้ทำร้ายเธอเสียจริงๆ คนแอบมองถึงกับลอบกลืนน้ำลายรู้สึกว่าลำคอแห้งผากขึ้นมาเสียอย่างนั้น สายตาพยามยามเบื้อนออกจากจุดยุทธศาสตร์ก่อนที่มันจะทำให้ตาพร่าไปเสียก่อน และนั่นดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์เมื่อดันมาเจอจุดยุทธศาสตร์อีกจุดเข้าให้ เรียวขาที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมาราวกับไม่ได้สวมใส่อะไรไว้ด้านใน ถึงแม้เธอจะรู้อยู่เต็มอกว่าภายใต้นั้นมีกางเกงขาสั้นสวมทับอยู่ แต่มันก็สั้นเสียจนถูกซ่อนไว้ใต้เสื้ออีกที ความร้อนเริ่มแผ่ไปทั่วร่าง ลำคอแห้งผากยิ่งกว่าก่อนหน้า แต่ถึงแม้จะอยากดึงสายตาหนีภาพเร้าอารมณ์ตรงหน้ากลับทำไม่ได้เสียนี่ คนคิ้วเข้มจึงได้แต่มองด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ นึกไม่ถึงว่าการแอบมองจะให้ความรู้สึกตื่นเต้นได้มากขนาดนี้
แอบมองอะไรอยู่รึเปล่า เสียงถามเบาๆดังขึ้นจากคนที่นึกว่าหลับ ทำยองชิถึงกับตกใจจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ปากรีบระล่ำระลักบอก
ปะ
เปล่า
เสียงที่ดูตกใจจนเกินเหตุทำคิ้วเรียวที่อยู่ภายใต้ผ้าขมวดอย่างสงสัย หากมือที่กำลังจะจับผ้าเปิดเพื่อมองให้กระจ่างกลับโดนอีกคนร้องห้ามไว้
ห้ามเปิดนะ เดี๋ยวไม่หายกันพอดี
ด้วยความกลัวว่าจะไม่หายตามคำขู่ของคนรัก สาวเจ้าจึงวางมือลงที่เดิม คนขู่ถึงกับถอนใจด้วยความโล่งอก เกือบไปแล้วไหมล่ะ ความรู้สึกไวจังนะ แม่คุณ!
++++++++++ ยาวเกิน ขอตัดไปไว้ตอนหน้านะคะ อ้อ สำหรับตอนหน้าอย่าลืมเดี๋ยวน้ำมาแก้กระหายด้วยนะคะ ช่วงนี้อากาศยิ่งร้อนๆอยู่ อิอิ
Create Date : 01 มิถุนายน 2553 |
|
14 comments |
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 9:28:21 น. |
Counter : 709 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: "=" IP: 119.42.68.28 1 มิถุนายน 2553 16:48:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: สาวก 2มุน IP: 114.128.219.25 1 มิถุนายน 2553 21:12:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: oui IP: 58.9.63.200 1 มิถุนายน 2553 21:26:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: mai.ka IP: 222.123.160.254 1 มิถุนายน 2553 21:30:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: mai.ka IP: 222.123.160.254 1 มิถุนายน 2553 21:38:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: oom IP: 91.84.176.147 1 มิถุนายน 2553 21:49:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไม้หมอน IP: 183.89.22.49 1 มิถุนายน 2553 21:51:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมีน้อย 555 (หมีน้อย555 ) 1 มิถุนายน 2553 23:27:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: นูน่า IP: 58.8.8.74 1 มิถุนายน 2553 23:37:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมีน้อย 555 IP: 58.8.8.74 1 มิถุนายน 2553 23:43:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจ้าเงาะ IP: 124.120.193.251 2 มิถุนายน 2553 1:45:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: Superman IP: 180.210.216.68 2 มิถุนายน 2553 1:51:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: is IP: 114.128.198.143 2 มิถุนายน 2553 7:32:15 น. |
|
|
|
|
|
|
รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก
หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก
ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว
ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร
ต่างคนมาต่างคนไป
ยิ่งยึดยิ่งทุกข์
ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย...
เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน
เมื่อมาจากดิน
ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน
ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน
อยากโง่ก็ยึดต่อไป
คิดได้ก็วางเสีย
พุทธทาสภิกขุ............
..............................
..............................
ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น
เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย...
ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท
---------------------------
พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน
ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
|
|
|
|
|
|
|
สนุกมาก รอ ร๊อ รอ ตอนไปนะคะ