... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

บทที่ 6

บทที่ 6

หนึ่งอาทิตย์แล้วสินะ กับการไม่ได้พบเจอ วอนอานั่งมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง ใจอยากกดโทรออกแทบขาดหากก็รู้อีกนั่นแหละว่าถ้าโทรไปแล้วจะได้คำตอบอะไรกลับคืนมา และก็คงจะคุยต่ออีกสักสองสามประโยคก่อนจะถูกตัดสาย
‘กำลังยุ่งอยู่’
‘ทานข้าวรึยัง’
และ ‘คิดถึงพี่นะ’ แค่นี้จริงๆก่อนที่จะถูกตัดสาย แล้วจะให้เธอเชื่อได้หรือว่าคิดถึงกันจริง

คนข้างบ้านไม่รู้หรือยังไงกันนะว่าเธอคิดถึงแค่ไหน พูดกันแค่ไม่กี่ประโยคจะคลายความคิดถึงได้อย่างไรกัน อารมณ์น้อยใจก็พาลให้น้ำตารื้นขึ้นมาที่หัวตา แต่ใครจะไปร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้กัน วอนอากระพริบตาห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ไม่ได้เจอกันเธอก็เป็นถึงขนาดนี้แล้ว แล้วถ้าเกิดคนข้างบ้านใจแข็งขึ้นมาไม่ให้พบทั้งเดือนล่ะ เธอมิแย่เหรอ

“ทำอะไรอยู่น่ะ ทำไมไม่ไปทานข้าว” เสียงร่าเริงของโยจูถามขึ้นจากทางด้านหลังพรอมทั้งชะโงกหน้ามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย ด้วยเวลานี้เป็นเวลาพักกองเพื่อรับประทานอาหาร หากสาวร่างบางกลับไม่ไปทานข้าวเสียอย่างนั้น

“รอโทรศัพท์อยู่เหรอ” เมื่อเห็นเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือพร้อมสายตาที่มองอย่างรอคอยโยจูถึงได้ถามไปอย่างนั้น และก็ได้คำตอบเป็นเสียงถอนหายใจกลับมา ก่อนที่สาวเจ้าจะพูดขึ้น

“เปล่าจ๊ะ” วอนอาปฏิเสธอย่างที่ใครมองก็รู้ว่าเธอโกหก หากโยจูก็เลือกที่จะยิ้มรับก่อนจะนั่งลงข้างๆที่อีกฝ่ายขยับให้

“แล้วทำไมไม่ไปทานข้าว”

“เฮ้อ ก็รู้อยู่หรอกนะว่าถึงจะรอเท่าไหร่ เขาก็คงไม่โทรมา แต่มันก็ห้ามไม่ได้จริงๆ” ในที่สุดวอนอาก็ยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายถาม ด้วยความอัดอั้นตันใจมันมีมากจนแทบล้นทะลักออกมาแล้วตอนนี้ เธออยากระบายกับใครก็ได้ที่พอจะทำให้สบายใจขึ้นบ้างและคนข้างกายตอนนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเธอสนิทด้วยมากที่สุดในตอนนี้ เพราะถ่ายละครร่วมกันมาห้าเดือนแล้ว แถมอายุยังเท่ากันอีกเป็นผลให้สนิทกันได้ไม่ยาก ถือเป็นความโชคดีของพวกเธอเพราะในวงการบันเทิงยากนักที่จะได้ร่วมแสดงกับคนที่วัยใกล้เคียงกันแบบนี้

โยจูเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างแปลกใจที่อีกฝ่ายยอมรับในที่สุด เธอไม่รู้หรอกนะว่าเขาคนนั้นคือใครถึงแม้จะสนิทกับสาวร่างบางมากแค่ไหนก็ตามแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมเผยเรื่องคนรักออกมาและเธอก็ไม่อยากเซ้าซี้ถาม เมื่ออีกฝ่ายไม่อยากให้รู้เธอก็จะเลือกไม่รู้ต่อไป โยจูส่งยิ้มให้กำลังใจพร้อมทั้งแนะนำ

“ไม่เห็นจะยากเลย วอนอาก็เป็นฝ่ายโทรไปหาเขาแทนสิ”

ก็รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายให้คำแนะนำอย่างจริงใจ แต่มันก็อดที่จะหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้เพราะเธอเป็นฝ่ายโทรหาเขาทุกครั้งตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ไม่ได้เจอกันนี่สิ มันน่าหงุดหงิดมั้ยล่ะ ถ้าเธอไม่โทรไปมีหวังไม่ได้คุยกันตลอดทั้งอาทิตย์แน่ หากก็พยายามควบคุมอารมณ์รักษามารยาทแต่อีกฝ่ายก็ยังจับได้อยู่ดี

“หรือว่า…วอนอาเป็นฝ่ายโทรไปทุกครั้งน่ะ” โยจูมองพลางชี้หน้าคนข้างตัวอย่างเหลือเชื่อ วอนอาถึงกับตีแขนอีกฝ่ายเข้าให้ ด้วยมันจี้ใจเธอเหลือเกิน ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้มั้ง

“ก็ใช่น่ะสิยะ แล้วมันแปลกมากรึไง” สาวเจ้าเริ่มแยกเขี้ยวจนเธออดขำไม่ได้ ขำท่ามกลางความเครียดของเพื่อนนี่แหละ

“ขำอะไรยะ”

“โอ๋ๆ เย็นไว้จ๊ะเย็นไว้ โยจูผิดไปแล้ว” คนพูดไม่พูดเปล่าหากยังยกมือขึ้นบีบแก้มเธอส่ายไปมาด้วย นี่มันคือการง้อตรงไหนกัน แต่เธอจะโกรธก็โกรธไม่ลงด้วยท่าทางคนง้อมันน่าขำเสียเหลือเกิน ทั้งเลิกคิ้วหลิ่วตา และไอ้ท่าปากจู๋นั่นไปได้มาจากไหนกัน ในที่สุดเธอก็หลุดขำออกมาจนได้

“เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย ในที่สุดก็ยิ้มได้แล้ว ไม่เสียแรงที่ทำท่าบ๊องๆให้ดู” พูดไปก็เขินไปกับท่าทางของตนเมื่อครู่ นั่นยิ่งเรียกรอยยิ้มให้กว้างขึ้นกว่าเดิม

“โอ้ เกินคุ้มแล้วจ๊ะ ไม่ต้องยิ้มแล้ว” เมื่อเห็นสาวอารมณ์บูดเมื่อครู่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาแล้วเธอก็เริ่มกล้าหยอกมากขึ้น

“ไม่ดีรึยังไง ก็โยจูอยากให้เรายิ้มไม่ใช่เหรอ” วอนอาก็เริ่มมีอารมณ์หยอกกลับ

“โห รู้ใจจัง ยังกับแฟนเลยนะนี่” คนพูดที่มัวแต่หัวเราะอยู่จึงไม่ทันได้ดูคนข้างตัวที่สะอึกทันทีที่ได้ยินคำพูดของเธอ วอนอารีบปรับสีหน้าก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็นความผิดปกตินั้น จะเป็นยังไงนะถ้าคนข้างตัวรู้ว่าเธอชอบผู้หญิงด้วยกัน จะยังให้ความสนิทสนมกับเธออีกรึเปล่า

“ถ้าสบายใจแล้วก็ไปทานข้าวเถอะ นี่เราหิวจะแย่แล้ว” พูดจบก็คว้ามือบางจูงไปยังโต๊ะอาหารที่ทีมงานจัดเตรียมให้และกินนำไปก่อนแล้ว

ระหว่างทางกลับบ้านสาวเจ้ายังไม่วายที่จะเหลือบมองโทรศัพท์เมื่อมันยังนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าถือใบเล็กก็ได้แต่ถอนใจ ก่อนจะหันกลับไปมองวิวทางนอกหน้าต่างที่รถเคลื่อนตัวผ่าน เหม่อลอยไปถึงใครอีกคน

ไม่รู้คนคิ้วเข้มจะคิดถึงเธอบ้างมั้ย คำตอบก็คงเป็นไม่ เพราะถ้าคิดถึงป่านนี้คงจะโทรมาหรือมาหาบ้างแล้ว แต่นี่ไม่มีเลย ไม่มีอะไรสักอย่างที่แสดงออกว่าคิดถึงเธอ ทั้งโทรศัพท์ ทั้งแมสเซจ หรือแม้กระทั่งใน cyworld ก็ไม่เข้ามาเม้นให้ ทำไมมันน่าหงุดหงิดอย่างนี้นะ

รถจอดสนิทตรงหน้าบ้านเธอพอดิบพอดีเรียกสติให้กลับมาอยู่กับภาพตรงหน้าอีกครั้ง วอนอาลงจากรถก่อนจะโค้งให้ผู้จัดการที่มาส่ง มองจนรถเคลื่อนตัวออกไปเธอถึงไขประตูเข้าไปในบ้าน

ทันทีที่แสงไฟส่องสว่าง ห้องที่ดูคุ้นตา ไร้ซึ่งเสียงทีวีหรือเสียงเพลงที่ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น เงียบสงบอยากที่เธออยากให้เป็นมาตลอดในช่วงที่เธอมีใครอีกคนอยู่ด้วย เพราะเธอว่าเสียงพวกนั้นมันดังเกินไป เป็นสิ่งที่ไม่คุ้นสำหรับคนที่ชอบความสงบอย่างเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันเงียบเกินไปเมื่อไม่มีเสียงของเจ้าพวกนี้ วอนอารีบเดินไปกดเปิดทีวี มันส่งเสียงดังตามที่เธอต้องการจริงแต่กลับไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย ความเหงายังคงเกาะกุมจิตใจ เกาะแน่นเสียยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกที่เธอเห็นในสารคดีตอนนี้เสียอีก ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้เธอจะไม่ให้คนคิ้วเข้มย่างกายเข้ามาในห้องนี้เลย วอนอาส่งสายตามองเจ้าตุ๊กแกที่กลายเป็นผู้รับเคราะห์โดยไม่รู้ตัวอย่างอารมณ์ฉุนขาด เห็นอะไรก็พาลให้หงุดหงิดไปหมด ให้มันได้อย่างนี้สิ

อารมณ์ที่กำลังขุ่นมัวก็พาลทำให้ไม่อยากทำอะไร ความอยากอาหารก็ดูจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆตามวันเวลาที่ไม่ได้เจอหน้า ไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นได้มากขนาดนี้ เธอเคยคิดว่าบทที่ผู้กำกับให้แสดงนั้นมันจะมีจริงหรือที่คนอกหักเป็นได้ถึงขนาดนั้น คิดแล้วก็อยากขำแต่ก็ขำไม่ออกเมื่อมาเจอกับตัวเอง นี่ขนาดเธอยังไม่โดนทิ้งเหมือนอย่างในละครเลยนะ อาการแบบนี้ไหงเกิดขึ้นได้ล่ะ

“โอย เป็นอะไรไปเนี่ย เข้มแข็งหน่อยสิ”

หากนี่กลับไม่ใช่เพียงแค่พูดกับตัวเองเท่านั้น เมื่อนิ้วดันไปกดแป้นพิมพ์พิมพ์เอาคำที่พูดเข้าไปด้วย ไม่รู้หรอกนะว่าเธอมานั่งอยู่หน้าคอมตั้งแต่เมื่อไหร่ นิ้วกดเข้าไปใน cyworldของตัวเองตั้งแต่ตอนไหน แต่ข้อความที่เธอเพิ่งพูดไปมันก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้วตอนนี้ แต่ทันทีที่ได้สติกลับคืนมา นิ้วเรียวก็รีบกดลบข้อความที่เพิ่งพิมพ์ลงไปก่อนจะชะงักเมื่อนึกบางอย่างได้ นิ้วเรียวพิมพ์ประโยคเดิมลงไปก่อนจะกดโพส

‘เข้มแข็งหน่อยซิ...คนโง่’

ใช่ว่าเธอทำประชดใครบางคนหรอกน่ะ แต่อยากให้รู้ว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนมากกว่า ขอยืนยัน ว่านี่ไม่ใช่การทำประชด แค่อยากได้การง้อบ้าง แค่นั้นเอง
หนึ่งนาทีผ่านไป ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ ทำคนรอเริ่มหน้าหงิก เย็นไว้ ผ่านไปแค่นาทีเดียวเอง วอนอาพยายามเตือนตัวเอง หากเข้าสู่นาทีที่สอง สาม สี่ ก็ชักเริ่มเย็นไม่ไหว

นาทีที่ห้าหลังจากโพสข้อความ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นาทีนี้เปลี่ยนอารมณ์คนรอได้เลยทีเดียว วอนอาฉีกยิ้มกว้าง และทันทีที่กดรับสายเธอก็ได้ยินเสียงอยากได้ยินมาตลอดช่วงบาย

“ทานข้าวรึยัง” ปลายสายถามอย่างห่วงใยกับประโยคเดิมของทุกครั้งที่โทรมา

“ยัง” สั้นกระชับไร้อารมณ์อยากตอบ ด้วยอาการงอนที่สะสมมานานถ้าหากไม่ได้รับการง้อที่พึงพอใจเธอก็อาจจะพาลกดตัดสายกันได้เลยทีเดียว

“ทำไมยังไม่กินอีก ดึกดื่นแค่ไหนแล้วรู้มั้ย ทำไมไม่รู้จักดูแลสุขภาพของตัวเองบ้างเลยนะ เป็นอะไรขึ้นมาล่ะยุ่งเลย รีบไปกินเร็วๆเข้า เอ่อ แล้วมีของกินมั้ยถ้ายังเดี๋ยวฉันออกไปซื้อให้ นี่พี่ฟังอยู่รึเปล่า” เมื่อเห็นสาวเจ้าเงียบไปนาน ยองชิจึงถามกลับอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับนอกจากเสียงสะอื้นเบาๆที่ดังมาตามสาย คิ้วขมวดเป็นปมอย่างกังวล รีบถามกลับรัวเร็ว

“พี่เป็นอะไรน่ะ ร้องไห้ทำไม”

“โทรมาเพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ ถ้าโทรแค่นี้ต่อไปก็ไม่ต้องโทรมาแล้ว” เสียงตะหวาดขึ้นตามแรงอารมณ์ เธอนึกว่าจะได้ยินคำพูดหวานๆเมื่อคนรักโทรมา แต่นี่อะไรโทรมาก็เอาแต่ว่าอยู่ได้ ยิ่งพาลให้เธองอนหนักเข้าไปอีก อยากกดตัดสายขึ้นมาตะหงิดๆ

ปลายสายถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียวเมื่อได้ยินคำตอบ ยองชิมองโทรศัพท์อย่างไม่เชื่อสายตา ไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากคนรัก กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สูดลมเข้าเต็มปอดหอบใหญ่ก่อนจะกรอกเสียงลงไปในเจ้าเครื่องสื่อสารที่เธอเริ่มรู้สึกกลัวมันขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เสียงนุ่มหวานบีบให้น่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้ตอนนี้

“ขอโทษ” ไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดหรอกนะแต่ขอพูดแบบนี้ไปก่อนแล้วกันเผื่ออารมณ์สาวเจ้าจะดีขึ้น

“แค่ฉันคิดถึงพี่น่ะ ถึงได้โทรมา แล้วยิ่งรู้ว่ายังไม่ทานข้าวก็ยิ่งเป็นห่วง พี่เป็นอะไรบอกฉันได้มั้ย” เสียงนุ่มหวานที่ดังอยู่ข้างหูช่างเหมือนคนพูดได้มายืนกระซิบอยู่ข้างๆเสียจริงๆ เธออยากเชื่อเหลือเกินว่าคำที่พูดนั้นออกมาจากใจ ไม่ใช่เพียงหลอกให้เธอรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น แต่จะเชื่อได้จริงหรือ

“ถ้าคิดถึงจริงก็ต้องมาหาแล้ว” เสียงที่ยังสั่นอยู่ตัดพ้อกลับไป พาลให้ปลายสายเร่งฝีเท้า

“ทำไมจะไม่จริงล่ะ นี่ก็กำลังจะถึงหน้าห้องแล้ว ออกมาเปิดประตูให้หน่อยสิ”

คนคิ้วเข้มพูดไปวิ่งไป อยากถึงหน้าห้องคนรักเร็วๆ อาการของคนรักตอนนี้คงเข้าขั้นวิกฤติแล้วแน่ๆถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าคนรักของเธอกลายเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หากก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยนั้นไว้ เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง ยองชิก็เคาะประตูสองสามครั้งพลางพูดโทรศัพท์ไปด้วย

“เดินมาเปิดประตูให้หน่อยสิคะ อยากเห็นหน้าพี่ใจแทบขาดแล้วตอนนี้”

ทันทีที่พูดจบบานประตูก็เปิดออกพร้อมทั้งร่างที่โถมเข้ามากอดเอแบบไม่ทันตั้งตัว ยองชิกอดตอบพร้อมกันนั้นก็ดุนร่างพาตัวเองและคนในอ้อมแขนเข้ามาในห้องก่อนจะใช้เท้าปิดประตูตามหลัง มือเรียวลูบหลังปลอบคนขี้แยเบาๆ

“คิดถึงพี่จัง” เสียงหวานเอ่ยกระซิบที่ข้างหู พร้อมทั้งถือโอกาสสูดกลิ่นหอมจากกายสาวเจ้าไปด้วย

“โกหก” คนในอ้อมกอดพูดไปสะอื้นไปจนเธอต้องรัดอ้อมแขนให้แน่นเข้า
“ถ้าคิดถึงแล้วทำไมไม่โทรมาหรือมาหาบ้างเลยล่ะ” ยองชิมองแผ่นหลังที่สั่นน้อยๆขอคนรักพลางตบปลอบเบาๆ ทำไมถึงตัดพ้อได้น่ารักอย่างนี้นะ นี่เธอโรคจิตไปแล้วรึเปล่าที่รู้สึกชอบอาการนี้ของคนรักขึ้นมา ถ้าไม่ได้ห่างกันแบบนี้เธอก็คงไม่มีโอกาสได้เห็น คนคิ้วเข้มยิ้มให้กับความคิดก่อนจะรีบกลับมาตีหน้านิ่งดังเดิมด้วยกลัวว่าสาวเจ้าจะเห็นแล้วพาลงอนเธอหนักเข้าไปอีก

“เพิ่งรู้นะนี่ว่าพี่อ้อนได้น่ารักขนาดนี้ แถมยังอุ่นกว่าเจ้าหมีอีก” คนคิ้วเข้มเลือกที่จะไม่ตอบ กลับพูดในสิ่งที่คนในอ้อมแขนถึงกับดันตัวออกมาเพื่อที่จะมองหน้าคนพูด และตอนนั้นเธอก็ถือโอกาสขโมยจูบสาวเจ้าในทันที

ริมฝีปากนุ่มดูเหมือนจะตกใจในตอนแรก หากเมื่อเรียกสติกลับมาได้ก็เผยอริมฝีปากรับริมฝีปากที่ประกบลงมาก่อนหน้า ไม่รู้ว่าเธอโหยหาไปรึเปล่า เมื่อรู้สึกว่าการจูบครั้งนี้ดูหวานซึ้ง ละมุนละไมมากกว่าครั้งไหนๆ จูบที่ให้ความรู้สึกทั้งขอโทษและรักอยู่ในที

“แถมจูบตอบได้ด้วย" รอยยิ้มทะเล้นปรากฏขึ้นบนดวงหน้าก่อนจะกลับมาตีสีหน้าสำนึกผิดดังเดิม อืม ช่างอัจฉริยะจริงๆ

"ขอโทษนะที่ปล่อยให้คิดถึงอยู่แบบนี้ แต่ฉันก็คิดถึงพี่มากเช่นกัน มันทรมานมากเลยรู้มั้ย”

“รู้สิ” วอนอาตอบรับเบาๆ ใบหน้านวลแดงก่ำ และใช่ว่ามีเพียงเธอเพราะคนตรงหน้าก็ผินหน้าหนีเพื่อซ่อนหน้าที่แดงก่ำไว้เหมือนกัน

คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบหากเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของอีกฝ่ายเธอก็ถึงกับใจกระตุกเลยทีเดียว ดีใจที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายก็มีอาการเช่นเดียวกับเธอ ใบหน้าที่หันหนีเพื่อซ่อนรอยแดงไว้เมื่อครู่จึงหันกลับมามองหน้าคนรัก เธอถึงได้สังเกตเห็นขอบตาบวมเป่งช้ำจากการร้องไห้ ยองชิถึงกับตาโต

“ทำไมถึงได้ขอบตาช้ำอย่างนี้ล่ะพี่ เพิ่มเข้าฉากร้องไห้มาใช่มั้ยเนี่ย” เพราะเพียงแค่ร้องไห้เมื่อครู่คงไม่ทำให้ขอบตาสาวเจ้าช้ำได้ขนาดนี้แน่ นี่หรือว่า คุณเธออินกับบทมากไปจนถึงเก็บมันมาใช้กับชีวิตจริง ถึงว่าทำไมบ่อน้ำตาถึงได้ตื้นขนาดนี้ ยองชิมองหน้าคนรักพลางส่ายหัวอย่างปลงๆ

“ไปนอนบนโซฟาเลยไป เดี๋ยวหาผ้าเย็นมาประคบให้”
คนคิ้วเข้มชี้ไปทางโซฟาสีขาวขนาดที่คนนอนได้สบายตรงหน้าทีวีที่เจ้าตัวชอบมานั่งดูละครกับเจ้าของห้องบ่อยๆและก็ชอบเผลอหลับไปก่อนละครจบทุกครั้ง มันจึงเสมือนเตียงนอนตัวที่สองของเธอเลยทีเดียว

วอนอามองตามนิ้วคนรักก่อนจะทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อเห็นคนรักนั่งบนเจ้าโซฟาแล้วเธอจึงเดินเข้าไปในครัวและกลับออกมาพร้อมอ่างล้างหน้ากับผ้าสีขาวอีกผืน ก็เห็นสาวเจ้านอนลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมขยับตัวเว้นที่ว่างให้พยาบาลจำเป็นอย่างรู้หน้าที่ ยองชิทิ้งร่างลงนั่งเคียงข้าง มือเรียวจุ่มผ้าขาวลงในอ่างน้ำเย็น บิดหมาดๆ เมื่อหันมาอีกทีก็เห็นคนรักหลับตาพริ้มรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่ผ้าเย็นประคบลงมา กลิ่นหอมอ่อนๆของอโรมาก็โชยเตะจมูก ริมฝีปากอิ่มครี่ยิ้มด้วยความพึงพอใจกับความเอาใจใส่ กลิ่นของมันช่วยให้ผ่อนคลายจนถึงกับจะเคลิ้มหลับได้เลยทีเดียว

ยองชินั่งมองหน้าคนรักที่กำลังครี่ยิ้มก่อนจะยิ้มตาม คงรู้สึกสบายมากล่ะสิเนี่ย ระหว่างรอก็อดที่จะลอบมองสำรวจไม่ได้ ยิ่งสาวเจ้าถูกปิดตาด้วยแล้วเธอก็ขอสำรวจแบบเต็มตาเสียทีเพราะโอกาสแบบนี้มันหาได้ยากจริงๆ ยองชิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

สายตาของผู้สำรวจไล่มองเรือนร่างคนรักอย่างใจเย็น ใบหน้ารูปไข่นวลเนียนขาวใสราวกับผิวเด็ก ริมฝีปากบวมเป่งจากการถูกจูบเมื่อครู่ช่างดูเย้ายวนเสียนี่กระไร หากเธอก็เลือกที่จะหักห้ามใจไม่เอามือไปลูบไล้ด้วยกลัวว่าลูกแกะจะตื่น คงหมดโอกาสที่จะได้สำรวจต่อกันพอดี เมื่อไล่สายตาต่ำลงมาก็พบกับเสื้อเชิ๊ตคอกว้างที่ติดกระดุมเสียต่ำจนเห็นเนินอกรำไร ใครกันช่างออกแบบได้ทำร้ายเธอเสียจริงๆ คนแอบมองถึงกับลอบกลืนน้ำลายรู้สึกว่าลำคอแห้งผากขึ้นมาเสียอย่างนั้น สายตาพยามยามเบื้อนออกจากจุดยุทธศาสตร์ก่อนที่มันจะทำให้ตาพร่าไปเสียก่อน และนั่นดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์เมื่อดันมาเจอจุดยุทธศาสตร์อีกจุดเข้าให้ เรียวขาที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมาราวกับไม่ได้สวมใส่อะไรไว้ด้านใน ถึงแม้เธอจะรู้อยู่เต็มอกว่าภายใต้นั้นมีกางเกงขาสั้นสวมทับอยู่ แต่มันก็สั้นเสียจนถูกซ่อนไว้ใต้เสื้ออีกที ความร้อนเริ่มแผ่ไปทั่วร่าง ลำคอแห้งผากยิ่งกว่าก่อนหน้า แต่ถึงแม้จะอยากดึงสายตาหนีภาพเร้าอารมณ์ตรงหน้ากลับทำไม่ได้เสียนี่ คนคิ้วเข้มจึงได้แต่มองด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ นึกไม่ถึงว่าการแอบมองจะให้ความรู้สึกตื่นเต้นได้มากขนาดนี้

“แอบมองอะไรอยู่รึเปล่า” เสียงถามเบาๆดังขึ้นจากคนที่นึกว่าหลับ ทำยองชิถึงกับตกใจจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ปากรีบระล่ำระลักบอก

“ปะ…เปล่า”

เสียงที่ดูตกใจจนเกินเหตุทำคิ้วเรียวที่อยู่ภายใต้ผ้าขมวดอย่างสงสัย หากมือที่กำลังจะจับผ้าเปิดเพื่อมองให้กระจ่างกลับโดนอีกคนร้องห้ามไว้

“ห้ามเปิดนะ เดี๋ยวไม่หายกันพอดี”

ด้วยความกลัวว่าจะไม่หายตามคำขู่ของคนรัก สาวเจ้าจึงวางมือลงที่เดิม คนขู่ถึงกับถอนใจด้วยความโล่งอก เกือบไปแล้วไหมล่ะ ความรู้สึกไวจังนะ แม่คุณ!

++++++++++
ยาวเกิน ขอตัดไปไว้ตอนหน้านะคะ อ้อ สำหรับตอนหน้าอย่าลืมเดี๋ยวน้ำมาแก้กระหายด้วยนะคะ ช่วงนี้อากาศยิ่งร้อนๆอยู่ อิอิ







 

Create Date : 01 มิถุนายน 2553
14 comments
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 9:28:21 น.
Counter : 709 Pageviews.

 

โอ้ยยยย ถึงขั้นนี้แล้ว ยังต้องแอบมองอีกเหรอคะยามสา ทรมานทั้งวอนอา ทั้งยองชิ ทั้งคนอ่าน

สนุกมาก รอ ร๊อ รอ ตอนไปนะคะ

 

โดย: วอนวอน (albatross11 ) 1 มิถุนายน 2553 10:05:45 น.  

 

มาไวๆล่ะรออยู่

 

โดย: "=" IP: 119.42.68.28 1 มิถุนายน 2553 16:48:59 น.  

 

ท่าน "=" นี่ใครกันคะ ข้าน้อยอยากรู้จักกก^__^

ก่อนอ่านขอปรกาศนิดนึงนะคะ

ตืด........

เรท ฉ สำหรับผู้ใหญ่ เด็กและเยาวชนควรได้รับคำแนะนำ (อยากติดแบบผู้หญิงห้าบาปมั่ง 55)
ท่านใดที่คิดว่ารับไม่ได้ แค่คิดนะคะก็ไม่ต้องอ่านเลยนะ เพราะบทนี้ไม่อ่านก็ต่อบทหน้าได้ค่ะ(รึป่าว) คงพอเดาได้ค่ะว่าเหตุการณ์จะประมาณไหน มาพร่ำเพ้อไรเนี่ย
ขอย้ำนะคะ อ่านข้ามบทได้ ย้ำนะ ข้ามบทด๊ายยยย ย้ำ
โป๊ก…โอ๊ย เจ๊บ….

อยากแต่งตั้งนานในที่สุดก้ถึงบทนี้ซักที บทก่อนหน้ามองตาไปมองตามาหงุดหงิดมากค่ะ (แต่งเองหงุดหงิดเอง)55

บทที่ 7.1

เมื่อจังหวะการเต้นของหัวใจเริ่มกลับเข้าที่ สายตาเจ้ากรรมก็ดันไปมองที่ที่ทำให้ใจเต้นผิดจังหวะอีกรอบ ปากร้องกั้นด่าตัวเองอยู่ในใจ ว่าให้รีบเบื้อนหน้าหนีก่อนที่เธอจะกลายเป็นไอ้โรคจิตสำหรับคนรัก หากสายตากลับไม่ยอมทำตามที่สมองสั่งเสียนี่ เมื่อมันเอาแต่จ้องเรียวขากลมกลึงที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมามากกว่าเดิมจากการขยับตัวเมื่อครู่ นี่คนรักของเธอสวมอะไรไว้ด้านในรึเปล่าหนอ เธอเริ่มไม่มั่นใจในข้อสันนิฐานของตัวเองก่อนหน้า ใบหน้าร้อนซู่เมื่อภาพในหัวเริ่มจินตนาการณ์ไปไกลจนกู่ไม่กลับ ความร้อนในกายเมื่อครู่ที่นึกว่าดับไปแล้วกลับขึ้นมาอีกครั้งและดูเหมือนครั้งนี้จะมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีเหงื่อซึมขึ้นมาตามขมับ ลำคอแห้งผากเปล่งเสียงพร่าขึ้นมาอย่างลืมตัว

“ร้อนจัง”

เสียงที่แม้จะเอ่ยขึ้นเบาๆคล้ายพึมพำกับตัวเอง แต่เมื่ออยู่ในห้องที่เงียบอีกทั้งยังมีเพียงแค่สองคนแล้วก็ย่อมสามารถได้ยินคำพูดได้อย่างชัดเจน คนถูกปิดตาขมวดคิ้วเป็นปมภายใต้ผ้าขาวเพราะห้องก็เปิดแอร์จนเธอรู้สึกหนาวเสียด้วยซ้ำ หากอีกคนกับบ่นว่าร้อนเสียนี่ เอ๊ะ ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติไป สมองพลันนึกทบทวนน้ำเสียงเมื่อครู่ หากได้ยินไม่ผิด เสียงของคนรักก็ออกจะแหบผิดปกติอยู่บ้าง ความสงสัยเข้าจู่โจมจนลืมกลัวในสิ่งที่ถูกขู่ มือที่ตั้งใจจะดึงผ้าที่ใช้ปิดตาออกกลับถูกรั้งไว้กลางอากาศ ตามมาด้วยการกระทำที่ทำให้ดวงตาภายใต้ผ้าถึงกับเบิกกว้าง

“อ…อื้อ”

ยองชิไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อยที่จะรั้งมือเรียวที่หมายจะเปิดผ้าปิดตาไว้ก่อนที่จะประกบริมฝีปากปิดเสียงที่กำลังจะร้องถาม ริมฝีปากร้อนขบเม้มเบาๆที่ริมฝีปากล่างก่อนจะพยายามแทรกลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานที่เคยได้รับก่อนหน้า เป็นจูบที่เร่งเร้าและเอาแต่ใจจนคนใต้ร่างตามอารมณ์ไม่ทัน แม้ไม่รู้ว่าทำไมคนรักถึงได้ดูรีบร้อนขนาดนี้แต่เธอก็ยอมที่จะตามใจเผยอริมฝีปากให้ลิ้นร้อนเคลื่อนตัวผ่านเข้ามาควานหาความหวานด้านใน มือทั้งสองข้างเคลื่อนตัวไปปลดกระดุมเสื้อคนรักด้วยท่าทางรีบร้อน ความเย็นที่ไล้ผ่านกายช่วยดึงสติวอนอากลับมา สาวเจ้ารีบดึงผ้าปิดตาออก และนั่นถึงได้เห็นดวงตาแวววาวเจิดจ้าของคนรักเหนือร่าง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยคำถามมองอย่างตื่นตระหนกหากยองชิไม่มีเวลาที่จะสนใจตอบคำถามนั้น มือยังคงง่วนกับการปลดกระดุมหากมือที่สั่นเทาก็ทำให้เสียเวลาอยู่มากโข ยองชิสบถออกมาตามแรงอารมณ์ ให้มันได้อย่างนี้สิ ยิ่งรีบๆอยู่ด้วย

“เกิดอะไรขึ้น ยองชิเป็นอะไรไป” เสียงสั่นระล่ำระลักถาม อีกทั้งมือยังกำคอเสื้อไว้แน่ มองคนรักด้วยสายตางุนงงปนตัดพ้อ

“ฉันต้องการพี่ ได้โปรด” เสียงพร่าตอบไปอย่างที่ใจปรารถนา ดวงตามองคนรักนิ่ง

สั้นตรงความหมาย กลับทำเอาคนฟังถึงกับอึ้ง ใบหน้าร้อนซู่ นานทีเดียวกว่าสมองจะประมวลผล มือไม้พลันอ่อนยวบไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน วันที่รอคอยมาถึงแบบไม่ทันตั้งตัวทำเอาสาวเจ้าใจกระตุก เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเสื้อเธอก็หลุดจากร่างลงไปนอนกองบนพื้นเสียแล้ว

เมื่อเสื้อหลุดจากร่างก็ไขความกระจ่างว่าเป็นไปตามข้อสันนิฐานของตัวเองเมื่อกางเกงสีขาวตัวสั้นจิ๋วได้โผล่ออกมาให้ยลโฉม หากแทนที่จะดีใจเธอกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาครามครัน ยองชิมองเจ้าตัวปัญหาที่จะต้องเสียเวลาแก้อีกตาขวาง มือเรียวเคลื่อนตัวไปที่ขอบกางเกงหมายจะกำจัดเจ้ากางเกงตัวจิ๋วให้พ้นตา หากกลับทำไม่ได้ดั่งใจเมื่อสาวเจ้าขยับตัวหนี

วอนอารีบห้ามมือที่กำลังยุ่งอยู่กับขอบกางเกงของเธอ ก่อนจะผินหน้าหลบสายตาอย่างขวยเขิน สองมือพยายามปิดบังทรวงอกที่ถึงแม้จะมีเจ้าผ้าตัวจ้อยโอบอุ้มไว้ชั้นหนึ่งอยู่แล้ว หากเมื่อถูกสายตาเจิดจ้าคู่นี้จ้องมองกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนเปลือยกายเสียอย่างนั้น ยองชิเลิกคิ้วมอง สงสัยว่าทำไมสาวเจ้าต้องห้ามปรามเพราะก่อนหน้านั้นก็ตอบรับสัมผัสเธอด้วยความเต็มใจนี่นา ก่อนจะเข้าใจความหมายเมื่อเห็นดวงหน้าของอีกฝ่าย รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากก่อนที่เธอจะโน้มตัวลงไปจูบคนใต้ร่างอีกครั้ง มือที่ง่วนอยู่กับกางเกงเมื่อครู่เลื่อนไล้ขึ้นมากอบกุมจุดยุทศาสตร์ภายใต้เนื้อผ้าด้านบน บีบเค้นเบาๆ เมื่อจูบจนพอใจจึงผละออกจากริมฝีปากงามเพื่อให้สาวเจ้าได้หอบหายใจ เริ่มไล้จูบไปตามซอกคอผ่านกระดูกไหปลาร้า ลงมาที่เนินอกอิ่ม

วอนอาโอบรั้งต้นคอให้คนด้านบนสัมผัสเธอให้มากขึ้น ผินหน้าเปิดทางเมื่อริมฝีปากไล้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น ก่อนที่ลมหายใจจะกระตุกเมื่ออุ้งปากร้อนดูดเม้นตรงเจ้าจุดยุทธศาสตร์ ไม่รู้ว่าผ้าตัวจ้อยถูกถอดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้านวลแดงก่ำด้วยความเขินอาย

นานพอที่จะปลุกเร้าคนรักให้มีอารมณ์ไปตามทิศทางที่ต้องการ จึงกลับไปง่วงถอดกางเกงตัวสั้นจิ๋วนั่นอีกครั้งและครั้งนี้ดูเหมือนจะง่ายแสนง่ายเมื่อทั้งตัวคนใส่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการยกสะโพกให้เธอรูดเจ้าสิ่งกรีดขางหลุดจากเรียวขางามได้ แต่เมื่อเธอจะโน้มตัวกลับไปหาคนใต้ร่างอีกครั้งกลับถูกแขนเรียวยันร่างไว้ ยองชิเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“เอาเปรียบกันเกินไปแล้ว” สายตาของคนใต้ร่างที่จ้องมองอย่างสื่อความนัย คนด้านบนถึงได้บางอ้อ

“งั้นก็ถอดซะสิ” คนด้านบนพูดอย่างท้าทาย ดวงตาวาววับ

“รับรอง เสื้อฉันถอดง่ายกว่าของพี่เยอะ”
.................
ขั้นอารมณ์แป๊บนะคะ

ปล. พี่ใหญ่ จะเจิมทันท่านยามมั้ยคะเนี่ย แอบลุ้นอยู่นะ 55

 

โดย: สาวก 2มุน IP: 114.128.219.25 1 มิถุนายน 2553 21:12:14 น.  

 

เฮียเจิมให้เองคนดี เก่งจังเฮ้อเลิกผ้าสำเร็จแล้วเย้.....

 

โดย: oui IP: 58.9.63.200 1 มิถุนายน 2553 21:26:39 น.  

 

เจิมคะ เจิม
ขอบคุณ มากๆคะ

 

โดย: mai.ka IP: 222.123.160.254 1 มิถุนายน 2553 21:30:55 น.  

 

ไม่ทันอ่ะ ท่าน oui มาจากไหนเนี่ย
ตัดหน้าได้งัย

แล้วก็มาถึงตอนที่ใครๆรอชม (รวมตัวเองด้วย หุ หุ)
น่ารักจริงท่านยามตามใจคนอ่านสุดๆ

 

โดย: mai.ka IP: 222.123.160.254 1 มิถุนายน 2553 21:38:52 น.  

 

โอ้ย!!!!!! ไอ้เราก็คิดว่าจะทนได้ซักกี่น้ำ ยองชินะ...กว่าจะเลิกได้...วอนอาเนี่ยร้องไห้ไปหลายกระบุงแล้ว..อิอิ
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

 

โดย: oom IP: 91.84.176.147 1 มิถุนายน 2553 21:49:46 น.  

 

โห รอมาหลายบท ในที่สุดก้อ อะจึ๋ยๆๆๆๆ วู้ๆๆๆๆ

สนุกมากๆ ทุกบทเลยคะ โดยเฉพาะ บทที่ 7.1 โอยยย ร้อนคะ ร้อน....หุหุ

ขอบอกว่าแต่งได้เก่งมาก มาก น่าติดตาม สนุกๆ ขอบคุณนะค่ะ รอ รอ รอ

.........ร้อน ร้อน ร้อน....คะ ^_^"

 

โดย: ไม้หมอน IP: 183.89.22.49 1 มิถุนายน 2553 21:51:45 น.  

 

โห ยองชิ เก๊ก gentleman มาตั้งนาน
ไหง ผลีผลาม ตะกรูมตะกราม แบบนี้ละ หมดกัน เสีย look โหมด

เก่งจัง เหมือนอยู่ในห้องด้วยเลย

U R TALENTED

ขอตัวไปโซดน้ำก่อน คอแห้งผากเลยยยย

 

โดย: หมีน้อย 555 (หมีน้อย555 ) 1 มิถุนายน 2553 23:27:51 น.  

 

อะจึ๋ยๆๆๆๆ
tonight is the night

 

โดย: นูน่า IP: 58.8.8.74 1 มิถุนายน 2553 23:37:29 น.  

 

วอนอา พร้อมเสริฟ ตลอดเวลาเลยอ่ะ

ไม่มี ขัดขืน เพิ่มค่าตัวบ้างเลยอ่ะ

ต้องอ่านกุลสตรีบ้างนะ (ฉกรร ต้องเลิกอ่านแล้วอ่ะ)

 

โดย: หมีน้อย 555 IP: 58.8.8.74 1 มิถุนายน 2553 23:43:17 น.  

 

...ว๊า เจ้าเงาะอายุไม่ผ่านนี่นา อ่านไม่ได้ เฮ้อ เยาวชนอย่างเรา ลำบากใจจัง

@^___^"@/'')

 

โดย: เจ้าเงาะ IP: 124.120.193.251 2 มิถุนายน 2553 1:45:46 น.  

 

อ้าวววว กำ ค้างเลย .. จะเอาไรมาสอยล่ะเนี่ยถึงจะลงได้
@^@

 

โดย: Superman IP: 180.210.216.68 2 มิถุนายน 2553 1:51:01 น.  

 

โอ้...ว้าวววววว...

น้องเล็กจ๋าาาา...

บอกได้คำเดียว...สุดยอด ชอบมาก

แต่งเก่งจังเลย เห็นภาพวอนอาชัดเลย แม้ยามหลับตา..อิอิ

ตอนหน้าจะมาเจิมคนแรกให้ได้เลย น้องเล็กจ๋า

รอๆๆๆ ตอนต่อไปมาไวไวนะจ๊ะ...เด่วค้างนานนนนน^^"

 

โดย: is IP: 114.128.198.143 2 มิถุนายน 2553 7:32:15 น.  


albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.