พฤษภาคม 2555

 
 
1
2
22
23
24
25
27
29
 
 
All Blog
โทบี แมไกวร์ สัมภาษณ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ พูดคุยเกี่ยวกับ The Amazing Spider-Man
เรื่องราวเบื้องหลังของ The Amazing Spider-Man นั้น “มหัศจรรย์” ไม่แพ้กับชื่อของหนัง เพราะก่อนที่จะมีการยกเครื่องใหม่ให้กับแฟรนไชส์นี้นั้น ผู้กำกับ แซม เรมี่ เจ้าของผลงาน Spider-Man 1 จนถึงภาค 3 ได้พัฒนาโครงการ Spider-Man 4 ไปแล้วไม่น้อยเลย โดยมีข่าวชัดเจนว่า โทบี แมไกวร์ ก็จะกลับมารับบทสไปเดอร์แมน พร้อมทั้งข่าวที่ จอห์น มาลโควิช จะรับบทเป็นผู้ร้ายในเรื่องซึ่งก็คือ วัลเจอร์ แต่เนื่องจากไม่มีความชัดเจนระหว่าง Sony ผู้ถือลิขสิทธิ์สร้างหนังของทั้งแฟรนไชส์นี้ กับ แซม เรมี่ ผู้กำกับคนนี้จึงไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำให้ภาค 4 ออกมาได้ดีมีคุณภาพ และต้องทันเวลาฉายในช่วงซัมเมอร์ปี 2011 นอกจากนั้นดูเหมือนว่าเรมี่ ยังเข็ดกับภาค 3 ที่ถูกบังคับให้ใส่ วีน่อม ลงไปในหนัง จึงไม่น่าแปลกใจที่สุดท้าย Spider-Man 4 จึงไม่เกิดขึ้น



แต่แน่นอนว่า หาก Sony ไม่ทำอะไรเลย และทิ้งแฟรนไชส์นี้ไว้โดยไม่สร้างหนังนานเกินไป พวกเขาจะเสียลิขสิทธิ์แฟรนไชส์อันมีค่านี้กลับไปให้กับ Marvel (ซึ่งจะว่าไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่) ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังการยกเครื่องใหม่ การมี The Amazing Spider-Man โดยผู้กำกับใหม่ และนักแสดงใหม่ มิใช่การเตรียมการเพื่อเชื่อมสไปเดอร์แมนให้เข้ากับ The Avengers แต่อย่างใด เพราะสุดท้ายแล้ว แม้พวกเขาจะถือกำเนิดใน “บ้าน” Marvel หลังเดียวกัน แต่ตอนนี้เหมือนอยู่คนละ “โลก” ซึ่งหากใครที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับฮีโร่ Marvel ที่สตูดิโออื่นถือลิขสิทธิ์อยู่ ไม่ควรพลาด เบื้องหลังลิขสิทธิ์ฮีโร่ค่าย Marvel: สไปเดอร์แมน และวูลฟ์เวอรีนจะมีวันโผล่ในหนัง The Avengers หรือไม่?

กลับเข้ามาประเด็นหลักของข่าวนี้กันดีกว่าครับ วันนี้มีบทสัมภาษณ์ระหว่างสไปเดอร์แมนคนเก่า และคนใหม่มาฝาก ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียว ดูซิว่าสองคนนี้มีอะไรคุยกันเกี่ยวกับบทบาท ปีเตอร์ พาร์คเกอร์/สไปเดอร์แมน และการยกเครื่องใหม่ให้กับแฟรนไชส์นี้ บทสัมภาษณ์นี้ไม่ใช่ของทาง Sony เพื่อโปรโมทหนังแต่อย่างใด หากแต่เป็นบทสัมภาษณ์พิเศษที่นิตยสาร Vman จัดขึ้นเป็นพิเศษ และนี่ไม่ใช่บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มนะครับ แต่เป็นเพียงบางส่วน



โทบี แมไกวร์ สัมภาษณ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ พูดคุยเกี่ยวกับ The Amazing Spider Man

แต่แน่นอนว่า หาก Sony ไม่ทำอะไรเลย และทิ้งแฟรนไชส์นี้ไว้โดยไม่สร้างหนังนานเกินไป พวกเขาจะเสียลิขสิทธิ์แฟรนไชส์อันมีค่านี้กลับไปให้กับ Marvel (ซึ่งจะว่าไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่) ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังการยกเครื่องใหม่ การมี The Amazing Spider-Man โดยผู้กำกับใหม่ และนักแสดงใหม่ มิใช่การเตรียมการเพื่อเชื่อมสไปเดอร์แมนให้เข้ากับ The Avengers แต่อย่างใด เพราะสุดท้ายแล้ว แม้พวกเขาจะถือกำเนิดใน “บ้าน” Marvel หลังเดียวกัน แต่ตอนนี้เหมือนอยู่คนละ “โลก” ซึ่งหากใครที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับฮีโร่ Marvel ที่สตูดิโออื่นถือลิขสิทธิ์อยู่ ไม่ควรพลาด เบื้องหลังลิขสิทธิ์ฮีโร่ค่าย Marvel: สไปเดอร์แมน และวูลฟ์เวอรีนจะมีวันโผล่ในหนัง The Avengers หรือไม่?

กลับเข้ามาประเด็นหลักของข่าวนี้กันดีกว่าครับ วันนี้มีบทสัมภาษณ์ระหว่างสไปเดอร์แมนคนเก่า และคนใหม่มาฝาก ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียว ดูซิว่าสองคนนี้มีอะไรคุยกันเกี่ยวกับบทบาท ปีเตอร์ พาร์คเกอร์/สไปเดอร์แมน และการยกเครื่องใหม่ให้กับแฟรนไชส์นี้ บทสัมภาษณ์นี้ไม่ใช่ของทาง Sony เพื่อโปรโมทหนังแต่อย่างใด หากแต่เป็นบทสัมภาษณ์พิเศษที่นิตยสาร Vman จัดขึ้นเป็นพิเศษ และนี่ไม่ใช่บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มนะครับ แต่เป็นเพียงบางส่วน พบกับฉบับเต็มได้ ที่นี่

โทบี แมไกวร์ สัมภาษณ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ พูดคุยเกี่ยวกับ The Amazing Spider Man

โทบี แมไกวร์ พูดถึง The Amazing Spider-Man และการยกเครื่องใหม่ กับ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ว่า

“ตอนที่มันเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ผมตื่นเต้นอยู่กับสองเรื่องหลักๆ หนึ่ง ตอนที่รู้ว่า [ผู้กำกับ] มาร์ค เว็บบ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ ผมว่าเขาเป็นตัวเลือกที่เจ๋งมากๆ แล้วผมก็สงสัยต่อว่าใครจะมาเล่นเป็น ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ตอนที่รู้ว่าเป็นคุณ ผมนี้แบบ นั่นมันโคตรเพอร์เฟ็คต์เลย ผมแค่อยากให้มันออกมายอดเยี่ยม ซึ่งผมคิดว่า แอนดรูว์เป็นนักแสดงที่เก่ง ผมเลยยินดีกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น”

โทบี แมไกวร์ สัมภาษณ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ พูดคุยเกี่ยวกับ The Amazing Spider Man ด้าน แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ก็ได้เผยถึงการคัดตัวนักแสดง และยังพูดถึงการเปรียบเทียบตัวเองกับนักแสดงคนอื่นที่คัดตัวด้วยกัน

“ผมเป็นเพื่อนกับหลายคนที่ไปคัดตัวเพื่อรับบทนี้ ผมเคยไปกินข้าวเย็นกับ เจมี่ [เบลล์] วันที่ทั้งผมและเขาไปคัดตัวมา เราลองเอาโน้ตและเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามต่างๆ ของเรามาเปรียบเทียบกัน แล้วเราก็ผ่านขั้นตอนแปลกๆ เหล่านั้นไปได้ ผมเลยคิดว่ามันคงจะน่าสนใจ ถ้าเอาทุกคนมาพูดคุยกันแล้วก็สัมภาษณ์กัน คุยกันว่ากระบวนการเหล่านั้นมันมั่วขนาดไหนที่พวกเราต้องแข่งกัน แล้วก็ที่ต้องรู้ว่าพอเราถอดชุดออก เดี๋ยวจะมีคนอื่นมาใส่ต่อทั้งที่มีเหงื่อคนก่อนติดอยู่ มันประหลาดมากๆ”

การฟิลด์ยังพูดถึงสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความกดดันของการถ่ายทำทดลองว่า

“มาร์ค [เว็บบ์] เขายอดเยี่ยมมาก เขาเปิดกว้างและคอยให้กำลังใจตลอด คุณจะมีพื้นที่ที่มีคนประมาณ 30 คนคอยตัดสินคุณอยู่ คอยมองหน้าคุณแล้วกระซิบกระซาบกัน มันเป็นอะไรที่น่าอายและกระอักกระอ่วนมากๆ ถ้าคุณรู้ตัว พอจะเข้าใจใช่ไหม”

เมื่อเปรียบเทียบความสำเร็จของ The Avengers กับ Spider-Man ภาคแรกที่กวาดรายได้ทะลุหลัก 100 ล้านดอลลาร์แรกในปี 2002 แมไกวร์เล่าถึงความแตกต่างของวงการหนังในอดีตว่า

“ผมว่าหนังของเรามันต่างไปนิดนึงเพราะหนังในสมัยก่อนยังไม่แข่งขันกันเรื่องเปิดตัวสุดสัปดาห์เหมือนกับทุกวันนี้ Harry Potter ภาคแรกออกฉายก่อนเราประมาณ 6 เดือนซึ่งมันก็เป็นอีกปรากฎการณ์หนึ่งตั้งแต่วันแรก มันบ้ามากๆ เพราะตอนนั้นมันเป็นของใหม่ แต่ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเลยในประวัติศาสตร์หนัง แต่มันเป็นการก้าวกระโดด แล้วมันก็เกิดขึ้นกับเรา ผู้คนไม่ได้คาดหวังให้ [Spider-Man ปี 2002] ออกมาเป็นแบบนั้น … ชีวิตผมเปลี่ยนไปมากหลังจากสุดสัปดาห์ที่หนังออกฉาย มันช็อคมากๆ”




ขอบคุณข้อมูลและอ่านข้อมูล & ตัวอย่างหนังได้ที่  The Avengers กับ Spider-Man



Create Date : 13 พฤษภาคม 2555
Last Update : 13 พฤษภาคม 2555 23:20:49 น.
Counter : 1497 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อร่อยได้ ไม่อ้วน Enjoy Baking
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]