อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
โคไมนีประกาศชัยชนะปฏิวัติอิสลาม

ผู้นำสูงสุดศาสนาอิสลามแห่งอิหร่าน ประกาศชัยชนะการปฏิวัติอิสลามในตะวันออกกลางจะปรากฏเป็นจริง

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2554 ผู้นำศาสนาอิสลามสูงสุดนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของอิหร่านด้วย ได้ประกาศเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ของชาวอิหร่านว่า “ชัยชนะการปฏิวัติอิสลามในภูมิภาคนี้จะเกิดขึ้นจริง” และได้สรุป
สถานการณ์ในตะวันออกกลางให้ทั่วโลกรับทราบด้วย


อิมามียะฮ์ เจอร์นัล ได้รายงานข่าวคำปราศรัยครั้งสำคัญของท่านผู้นำสูงสุดอายะตุลลอฮ์ ซัยยิดอะลี คอเมเนอี ที่ปราศรัยต่อหน้าชาวอิหร่านกว่าแสนคนเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ของชาวอิหร่าน และได้กล่าวถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งนโยบายต่างๆ ที่กำหนดขึ้นในปีใหม่ มีเนื้อหาเป็นใจความว่า

เหตุการณ์ล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคขณะนี้ ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญอย่างอย่างยิ่ง เป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งได้ชี้ถึงสัญญาณแห่งการตื่นตัวของประชาชาติมุสลิม มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในอิหร่านนับสิบปีมาแล้ว วันนี้กำลังเกิดขึ้นในการใช้ชีวิตของประเทศเหล่านี้

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “ในเหตุการณ์ครั้งนี้ มีสองคุณลักษณะที่พิเศษด้วยกัน ประการแรกคือ “การมีส่วนร่วมของประชาชาด้วยพลังอันแรงกล้าทั้งจิตวิญญาณ หัวใจและร่างกายที่เพียบพร้อม” ประการที่สองคือ “การเคลื่อนไหวที่มุ่งสู่ทิศทางของศาสนา” ซึ่งทั้งสองคุณลักษณะพิเศษนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน”

ด้วยความเฉลียวฉลาดและเก่งกาจของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ท่านสามารถนำประชาชานเข้าสู่สนามแห่งการต่อสู้ ได้สร้างความกระจ่างให้กับคนตาบอดทั้งหลาย และทำให้นักวิเคราะห์ทั้งหลายไม่อาจจะคาดเดา และวิเคราะห์ทิศทางของเหตุการณ์ได้ และสิ่งนี้มันก็กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคที่ประชาชานต่างหลั่งไหลเข้าสู่สนามแห่งการต่อสู้ ซึ่งนักวิเคราะห์ก็ไม่อาจจะที่จะทำการวิเคราะห์เหตุการณ์ได้ การเคลื่อนไหวของประชาชนมีจุดมุ่งหมายแห่งศาสนา ที่มีมัสยิดเป็นศูนย์กลางและการนมาซวันศุกร์เป็นจุดเริ่มต้น

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชาติเหล่านี้ ออกมาต่อสู้ เพราะถูกละเมิดสิทธิ์ และเหยียดหยามศักดิ์ศรี ของความเป็นมนุษย์ อีกทั้งหัวใจของประชาชานต้องบอบช้ำจากการถูกกดขี่จากบรรดาฏอฆูต จากผู้ปกครองที่อยุติธรรม และเผด็จการ”

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “อาทิ เช่น ประเทศอียิปต์ เมื่อครั้งอิสราเอลก่ออาชญากรรม ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก “ฮอสนี มุบาร๊อก” ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดในเหตุการณ์กาซ่าประเทศปาเลนไตน์ เมื่อ “ฮอสนี มุบาร๊อก” ได้ยินข่าวว่าประชาชานผู้ถูกกดขี่ชาวกาซ่า กำลังพังทลายอุโมงค์เพื่อหนีอพยพจากการถูกเข่นฆ่าของยิวไซออนิสต์เข้าไปในอียิปต์ แทนที่เขาจะรีบให้การช่วยเหลือ เขากลับสร้างกำแพงเหล็กที่ฝังลึกใต้ดินถึงสามสิบเมตร เพื่อสกัดกั้นพี่น้องมุสลิมชาวปาเลสไตน์ไม่ให้อพยพหนีได้”

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “ในประเทศลิเบีย ถึงแม้นว่าช่วงแรกของการครองตำแหน่งของกัดดาฟี มีแนวโน้มที่ต่อต้านตะวันตก ทว่าในระยะหลังนี้เขาได้กลายเป็นผู้รับใช้ตะวันตก เห็นได้จากเรื่องราวของเทคโนโลยีนิวเคลียร์

กัดดาฟี ได้นำข้อมูลในเรื่องนี้มอบให้โลกตะวันตก เมื่อผู้กุมอำนาจของโลกเช่นอเมริกาได้เริ่มโจมตี และสกัดกั้นอิหร่านเรื่องนิวเคลียร์ ซึ่งทางการอิหร่านก็ไม่ยอม และมีการพัฒนาในเรื่องนี้ต่อไป ทำให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาสาธารณชนอันนำมาซึ่งความต่ำต้อยแก่พวกเขาในที่สุด”

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “เราก็มีจุดยืนที่ชัดเจนในการประณามการเข่นฆ่าพี่น้องในลิเบีย และเราก็ขอประณามอเมริกาและตะวันตกและพันธมิตร ที่รุกล้ำเข้าไปในลิเบีย ซึ่งพวกเขาอ้างว่า เข้าไปเพื่อปกป้อง และให้ความช่วยเหลือประชาชนในลิเบีย เราถือว่าคำกล่าวอ้างดังกล่าวมิอาจยอมรับได้ เพราะหากพวกเขามีความจริงใจเพื่อปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไฉนจึงนิ่งเฉยต่อการทิ้งระเบิดและเข่นฆ่าประชาชนที่เกิดขึ้นมานานกว่าหนึ่งเดือน โดยไม่เข้ามาให้การช่วยเหลือใดๆ?”

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “อเมริกาและชาติตะวันตกไม่ได้คิดให้การสนับสนุนแก่ประชาชาติชาวลิเบีย ทว่าพวกขาคิดถึงประโยชน์ของบ่อน้ำมัน และตั้งฐานทัพในลิเบียต่างหากซึ่งนี้คือเป้าหมายของอเมริกา และพันธมิตร ซึ่งไม่ว่าจะกรณีใดเราถือว่าการเข้าไปของอเมริการ และพันธมิตรถือว่าไม่เป็นที่ยอมรับได้ เราขอประณามการกระทำนั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “ในเบื้องต้นอเมริกามีความลังแล และวิเคราะห์ไม่ถูกว่าจะวางท่าทีอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เพราะพวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน และไม่เชื่อว่าเหตุการณ์มันจะเลวร้ายเช่นนี้ เพราะพวกเขายังไม่รู้จักประชาชานดีพอ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการแสดงจุดยืน และท่าที่ที่แตกต่างกันออกมา”

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “อเมริกาจะมีการสนับสนุน และปกป้องจอมเผด็จการถึงวินาทีสุดท้าย แต่ทว่าเมื่อเห็นว่า ไม่สามารถปกป้องช่วยเหลือใดๆ ได้ อเมริกาก็จะขว้างทิ้งทันทีเหมือนกับผ้าขี้ริ้วเก่าๆ ชิ้นหนึ่ง นี้คือบทเรียนอันล้ำค่าที่ต้องเรียนรู้ เพราะคราใดที่จอมเผด็จการต่างๆ หมดความสำคัญ ก็จะเหมือนผ้าขี้ริ้วเก่าๆ ที่ไร้ค่าก็จะถูกขว้างโยนทิ้งทันที”

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “ศัตรูได้นำใช้แผนยุทธ์ศาสตร์ที่สำคัญสองประการ ในการเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ คือ “ยุทธศาสตร์การฉวยโอกาส” และ “ยุทธศาสตร์การจำลองภาพ”

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในยุทธวิธีแรก เมื่อไม่สามารถช่วยเหลือปกป้อง “ฮอสนี มุบาร๊อก” ได้ พวกเขาก็พยายามประนีประนอมเพื่อรักรักษาสถานะภาพให้คงไว้ โดยทำการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีขึ้นมาแทนที่คนเก่า ซึ่งแผนการนี้ ถูกนำมาใช้ทั้งในอียิปต์และตูนีเซีย แต่ท้ายที่สุดประชาชนก็รู้ทันเกมนี้ของพวกเขา อเมริกาก็ต้องพบกับความล้มเหลวไม่ได้ผล”

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอีกว่า “ยุทธที่วิธีที่สอง อเมริกามีการความพยายามสร้างภาพจำลองสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอียิปต์และตูนีเซียให้เกิดขึ้นในประเทศอิหร่าน นั่นก็คือสร้างภาพจำลอง "ประชาธิปไตยในอิสลาม" โดยปลุกปั่นผู้ฝั่กใฝ่ศาสนาในอิหร่านให้ลุกขึ้นประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ล้มเหลวมาแล้ว เหมือนกับภาพการ์ตูนล้อเลียน และน่าขันยิ่ง ประชาชาติอิหร่านได้ทำลายแผนการนั้นลง และก็ได้ยัดใส่ปากคืนกลับแก่พวกเขาในที่สุด”.





Create Date : 30 มีนาคม 2554
Last Update : 30 มีนาคม 2554 13:47:09 น. 0 comments
Counter : 5422 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.