Bloggang.com : สมาชิกหมายเลข 2464472 : ....."เผือก".....

....."เผือก".....

วันนี้อยากเล่าพฤติกรรมของสามีฝรั่งชาวเยอรมันของฉัน
ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ คนไทยเรียกว่า “เผือก”
แต่สำหรับคนเยอรมัน (อาจไม่ใช่ทุกคน) มองว่าสามารถทำได้
นี่คือ สิ่งที่บ่งบอกว่า ทำไมสังคมไทย กับสังคมเยอรมัน ถึงแตกต่างกัน

อย่างที่เคยเขียนไว้ว่า กิจกรรมยามว่าง
เมื่อมาอยู่เยอรมันของฉันกับสามี คือ เมื่อเห็นอากาศดีๆ มีแดด
ก็จะพากันออกไปเดินเล่น แม้จะเป็นหน้าหนาวอุณหภูมิติดลบ
เหตุการณ์ “เผือก” ในวันนี้ คือ ขณะที่เราเดินผ่านซุปเปอร์มาเก็ต
สามีเห็นวัยรุ่นหญิง-ชาย 2 คน ยืนสูบบุหรี่
ซึ่งสามีคะเนอายุแล้ว ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดแน่นอน
สามีเปรยว่า เขาควรจะพูดดีไหมนะ
ฉันก็ยิ้มๆ นึกในใจว่า ถ้าเป็นที่เมืองไทย อย่าเชียวนะคุณ
แต่ที่สุด สามีก็ตัดสินใจเดินเข้าไปคุย ฉันยืนรอห่างๆ
ได้ยินแต่เสียงสามีพูด บอกกับเด็กวัยรุ่นสองคนนั่น
ว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ราชการ (อะไรประมาณนี้)
ไม่ได้ยินเสียงเด็กพูดตอบว่าอะไร เห็นแต่เด็กยอมไม่สูบต่อ
พอสามีเดินกลับมา ก็บอกว่า เหลือเชื่อที่เด็กสองคนนั่น
บอกว่า พ่อเค้าให้สูบ ฉันเลยหัวเราะ ถามว่า
แล้วคุณเชื่อที่เด็กบอกว่าพ่อให้สูบจริงๆ หรือ
เด็กสองคนนั่นจะตอบเป็นอย่างอื่นอะไรล่ะ
ความหมายที่ฉันแปลได้ คือ เด็กสองคนนั้นตอบคือ
จะสื่อว่า “พ่อกรูยังไม่ว่า เมิงเป็นใครมาเผือก”
นี่คือ วิธีคิดของฉัน ที่อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้เช่นกัน
สามีเองก็ไม่แน่ใจ ว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้น มันถูกต้องไหม
จริงอยู่ว่า มันไม่ใช่หน้าที่กงการอะไร
ถึงจะมีตำแหน่งหน้าที่การงาน ก็สามารถทำได้แค่ในขอบเขต
ซึ่งหลายวันก่อนก็เคยมาเล่า ว่าเจอนักเรียนทำผิดกฎระเบียบ
ขี่มอร์เตอร์ไซค์เข้ามาในเขตห้ามขี่ ต้องเดินจูงเท่านั้น
สามีเข้าไปหยุด และตักเตือน แต่ถูกนักเรียนยอกย้อน
เรื่องต้องถึงหัวหน้า ซึ่งกรณีนี้สามีว่า เขามีสิทธิ์มีอำนาจที่จะทำ
แต่กรณีกับเด็กวัยรุ่นสองคนนี้ ไม่อยู่ในอำนาจ
เพียงแค่ ความมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม ไม่อยากเห็นสังคมเละเทะ
เด็กอายุ 13-14 ยืนสูบบุหรี่ในที่สาธารณะอย่างไม่สะทกสะท้าน
ทั้งที่ทุกคนต่างก็รู้ว่า กฎหมายไม่อนุญาต
ถ้าแต่ละคน ต่างพากันคิดว่าธุระไม่ใช่ บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร
แต่ยังไง ฉันก็รู้สึก ชื่นชม ที่เด็กๆ ที่นี่ เมื่อรู้ตัวว่าทำผิด
ก็ยอมรับการถูกตักเตือน ไม่ก้าวร้าวตอบโต้
ไม่ได้บอกว่า ทุกคน แต่เจอบ่อย
แต่สามีก็ว่า เดี๋ยวนี้สังคมก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน
คนเยอรมันทุกวันนี้ ก็ละเลยกฎระเบียบกันมากขึ้น
พอเดินไปได้ระยะหนึ่ง ก็เจอตำรวจสองคนจอดรถนั่งคุยกัน
สามีฉัน แวะเข้าไปหาทันที บอกเล่ากับตำรวจ
ว่าเขาเห็นเด็กสูบบุหรี่ จึงได้เดินเข้าไปตักเตือน
เจตนาคือ ที่ทำไปคงไม่ผิดใช่ไหม

สิ่งที่ฉันสรุปได้ คือ สังคมจะดี ทุกคนต้องมีจิตสำนึกช่วยกัน
แต่ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องมีผลต่อส่วนรวม ไม่ใช่ เรื่องส่วนตัว
สังคมไทย ยังห่างไกลมาก ไม่ต้องใครหรอก
ฉันเองนี่แหละ หลายวันก่อนมีคนเอาถุงขยะไปวางผิดวัน
อย่างที่รู้ๆ กัน ว่าที่เยอรมัน ทิ้งขยะ ต้องแยกประเภท
การจัดเก็บ ก็มีกำหนดว่า วันนี้เก็บขยะอะไร วันนั้นเก็บขยะอะไร
ถึงฉันมาอยู่ใหม่ ฉันก็เรียนรู้และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเสมอ
แต่เพื่อนบ้านคนเยอรมัน คิดว่าฉันไม่รู้
พอเห็นมีคนเอาขยะมาวางผิด ก็คิดว่าเป็นฉัน เดินมาสอบถาม
สามีฉันก็ตอบไปว่า ไม่ใช่บ้านเรา ซึ่งมันก็จบแค่นั้นแหละ
แต่นิสัยไทยๆ ของฉันนี่สิ แอบเคือง ห่ะ เห็นกรูเป็นคนต่างชาติสินะ
ตรงนี้ สามีก็เคยตำหนิ ว่าฉันควรจะปรับทัศนคติเสียใหม่
ไม่ใช่อะไรๆ ก็คิดแต่เรื่อง เหยียดเชื้อชาติ

Create Date : 10 มกราคม 2559

Last Update : 10 มกราคม 2559 7:33:14 น.

0 comments

Counter : 662 Pageviews.