คุณพรเศก ภาคสุวรรณ Reserve Channel Director ของ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หัวขบวนนำพวกเราออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน KLM มุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติ Schiphol กรุงอัมสเตอร์ดัม เมื่อเดินทางถึงจึงเลือกเช็กอินก่อนที่ร้าน RED ร้านอาหารสุดฮิปสไตล์ Surf and Turf ที่มีเมนูให้เลือกเพียง 2 ชนิด คือ Lobster กับ Steak รับประทานคู่กับไวน์และเบียร์ตามสไตล์ที่แต่ละคนชอบ จากนั้นจึงเดินย่อยอาหารกลับโรงแรมสไตล์หนุ่มบาร์เทนเดอร์ และแวะบาร์ท้องถิ่น Genever ต้นตำรับของชาวดัตช์กันคนละช็อตก่อนนอน วันรุ่งขึ้นได้เดินชมเมืองอัมสเตอร์ดัม ไม่ว่าจะเป็นตลาดวอเตอร์ลูเปลียน (Waterlooplein) จับจ่ายของเก่าของมือสองสไตล์วินเทจกันนิดหน่อย แล้วค่อยเดินต่อไปยังจัตุรัสดัม สแควร์ (Dam Square) หน้าพระราชวัง ซึ่งได้มีการจัดงาน พร้อมทั้งร้านรวงขายของมากมาย และสวนสนุก ทุกคนได้ลิ้มลอง Caramel waffle ของท้องถิ่น และแวะซื้อของฝากยอดนิยม Old Amsterdam Cheese กลับบ้านด้วย ตกค่ำแวะไปกินอาหารสไตล์พื้นเมือง พร้อม Ketel One Bloody Mary สไตล์ Market Serve ก็เข้าทางหนุ่มๆ มิกโซโลจิสต์ ที่จะหยิบจับโน่นนี่มาผสมเป็น Twist Cocktail แจกจ่ายผู้เข้าร่วมทริปจากประเทศอื่นๆ ด้วย เป็นธรรมเนียมเมื่อรับประทานอาหารค่ำกันอิ่มแล้ว ก็จะไปตระเวนหาที่แฮงเฮาต์กันต่อ จนมาหยุดที่ Mystique Bar ซึ่งมีมิกโซโลจิสต์ระดับเวิลด์คลาสอยู่ถึงสองคน ทำให้มีโอกาสลอง Ketel One Cocktail Signature ไปคนละสองสามดริงก์ เมื่อเครื่องติดจึงได้เวลาพาไปคลับต่อไปชื่อ Ape ซึ่งตอนเข้าไปก็จะอยู่ได้เฉพาะหน้าบาร์ ดื่มค็อกเทลจากบาร์เทนเดอร์สาวท้องถิ่นเล็กน้อย แต่พอเข้าสู่เวลาห้าทุ่มครึ่ง กำแพงที่เป็นตู้เก็บเหล้าก็เปิดออก กลายเป็นอีกห้องหนึ่งซึ่งมีฟลอร์เต้นรำและบูทดีเจพร้อมเลย เมื่อเปลี่ยนอารมณ์เป็นคลับ คาเทล วัน วอดก้า ก็มาเป็นขวด พร้อมกับมิกเซอร์ Sprite Energy Drink ตลอดจนโทนิกและโซดา แต่คืนนี้เราอยู่ไม่ดึกกันมากนัก แค่ตีสองก็เดินสูดอากาศเย็นๆ กลับโรงแรมโดยไม่ต้องกลัวด่านเลยครับ
|