ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
26 ตุลาคม 2555

ยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยาย ขบวนแห่พระศรีมหาอุมาเทวี ปี 55 (วัดแขกสีลม)

"24 ตุลาคม 2555 เย็นนี้จะมีงานพิธีขบวนแห่งานประจำปีของวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) โดยใช้เส้นทางจากถนนสีลมขาเข้าถึงแยกนรารมย์ - เลี้ยวขวาย้อนเส้นทางถนนนราธิวาสฯ ถึงแยกนรินทร - เลี้ยวขวาย้อนเส้นทางถนนสาทรเหนือ ถึงแยกสาทร เลี้ยวขวาถนนสุรศักดิ์ - ถึงแยกสุรศักดิ์เลี้ยวขวาย้อนเส้นทางถนนสีลมขาเข้า - ถึงวัดพระศรีมหาอุมาเทวี คาดว่าจะเสร็จสิ้นพิธีขบวนแห่เวลาประมาณตีสาม"


ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญ หรือมีอะไรมาดลใจ ให้ผมเปิด Facebook จากไอโฟนในระหว่างยืนรอรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระราม 9 เพื่อเดินทางกลับบ้านตอนหนึ่งทุ่มกับน้องสาวคนสนิท ผมก้มมองหน้าจอกวาดสายตาอ่านข้อความไปเรื่อยๆ อยู่พักใหญ่ พลันสายตาก็มาหยุดอยู่กับข้อความที่ปรากฎอยู่ข้างต้นว่าเย็นนี้จะมีขบวนแห่ งานประเพณีที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี และปีนี้ผมก็แอบตั้งใจลึกๆ แล้วว่าจะต้องหาโอกาสมาชมให้ได้ แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ หลังจากเช็ควันมารอชมซะดิบดี อยู่ดีๆ ก็หลงลืมวันสำคัญที่ตั้งใจไปซะได้ แต่แล้วเมื่อเห็นข้อความดังกล่าวปรากฎขึ้นมา ผมก็งงกับตัวเองไม่ใช่น้อย ว่าเราจะเดินทางกลับบ้าน หรือจะไปเฝ้าชมขบวนแห่ดี?

ติ๊กต็อกๆ คิดอยู่ไม่นาน... ผมก็มายืนหน้าสถานีรถไฟใต้ดินศาลาแดง (สถานที่รถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดสำหรับการเดินทางไปวัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือวัดแขกสีลม) ท่ามกลางสายฝนเม็ดโต ที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลดละ และมีที่ท่าว่าจะไม่หยุดเอาง่ายๆ ผมรีรอหันซ้ายหันขวา ยังไม่กล้าตัดสินใจเดินออกจากชายคาสถานีเหมือนกับผู้โดยสารอีกหลายสิบชีวิต ที่กลัวจะเปียกฝน... แต่ด้วยความตั้งใจที่ปรารถนาว่า จะไปชมความยิ่งใหญ่ของขบวนแห่ให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้งในปีนี้ และนี่ก็เลยเวลามานิดหน่อยแล้วด้วย ผมจึงค่อยๆ ใช้วิชาตัวลีบเดินเลาะเลียบริมฟุตบาท จากถนนสีลม ไปจนถึงสี่แยกถนนสีลม-นราธิวาส ซึ่งเมื่อมองออกไปจะเห็นถนนฟากหนึ่งถูกปิดกั้นด้วยรั้วเหล็ก มีเจ้าหน้าที่หลายสิบชีวิตยืนคุ้มกันความเรียบร้อย ท่ามกลางวงล้อมของศิษยานุศิษย์ที่ทยอยเดินทางจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเฝ้ารอชมขบวนแห่ที่มีเพียงครั้งเดียวในรอบปีด้วยความศรัทธา แม้วันนี้ฝนจะตก ตัวจะเปียก คนจะเยอะ หรืออากาศร้อนอบอ้าวแค่ไหน ก็ไม่มีใครยอมไปไหน ทุกคนล้วนนั่งรอยืนรอด้วยลมหายใจจดจ่อ เพราะอีกไม่กี่อึดใจนั้น ขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ตระการตาก็จะปรากฎต่อสายตาของทุกๆคน

เวลาผ่านล่วงเลยมากเท่าไหร่ บนถนนสีลมย่านวัดแขก ก็ยิ่งคึกคักไปด้วยประชาชน และผู้มีจิตศรัทธาหลั่งไหลเดินทางมาร่วมงานอย่างไม่ขาดสาย ผู้คนส่วนใหญ่ใส่ชุดสีขาวล้วน บางคนก็แต่งชุดแขกบ้างตามความศรัทธา รวมทั้งเสียงดนตรีสไตล์ภารตะบรรเลงดังกระหึ่มก้อง ให้ความรู้สึกตื้นเต้นคึกคักด้วยไม่น้อย บรรยากาศในห้วงยามนี้เหมือนกับเรากำลังเดินอยู่ในประเทศอินเดียยังไงยังงั้น และในมือของทุกคนนอกจากจะถือข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น โทรศัพท์มือถือไว้ถ่ายรูปและโพสต์ให้เพื่อนดูโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คแล้ว เกือบทุกคนยังถือพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองสดที่หอบมาจากบ้านเพื่อบูชาพระ แม่อุมา ไม่ก็หิ้วถุงมะพร้าวแก่ที่ปลอกเปลือกมาแล้ว สำหรับเตรียมเอาไว้โยนให้แตกบนท้องถนน ขณะแห่รูปพระแม่อุมาเทวี นัยว่าเป็นเป็นล้างพื้นถนนให้บริสุทธ์สะอาดก่อนขบวนแห่ของพระแม่มหาอุมาเทวี จะมาถึง

ในระหว่างรอขบวนแห่ในอีกไม่ถึงชั่วโมง ข้างหน้านั้น ผู้เขียนได้ใช้เวลาเล็กๆ น้อยๆ เดินตามถนนสีลมขึ้นไปบริเวณวัดพระศรีมหาอุมาเทวี ชั่วโมงนี้หันมองไปทางไหนรอบตัวก็ล้วนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเบียดเสียดแน่น เอียดจนแทบไม่มีช่องว่างให้เดินหรือหายใจมากนัก ริมฟุตบาทถูกจับจองจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และร่างทรงจากตำหนักต่างๆที่เฝ้ารออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งยังบรรจงจัดโต๊ะบูชาของตัวเองอย่างสวยงามสำหรับรอรับขบวนแห่ ส่วนพื้นถนนบริเวณหน้าโต๊ะบูชา ก็ถูกปูด้วยดอกดาวเรืองสีเหลืองสดแน่นเอี๊ยดจนแทบมองไม่เห็นที่ว่าง บนโต๊ะมีเทพเจ้าหลายสิบองค์ประดิษฐานเรียงราย ให้ผู้มีจิตศรัทธาเข้ามากราบไหว้ได้ตลอดทาง มุมซ้ายขวาประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิด และเครื่องบูชามากมาย ทั้งผลไม้ ธูปเทียน บรรยากาศรอบตัวของผมในเวลานี้ จึงอบอวลไปด้วยกลิ่นควันธูปลอยโชยมาปะทะจมูกตลอดเวลา


หันไปอีกมุมหนึ่งโต๊ะบูชาบางตำหนักกำลังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยยืนห้อมล้อม ชมการร่ายรำของร่างทรงหญิงชาย ที่กำลังร่ายรำบูชาพระแม่อุมาเทวีด้วยท่วงท่าสวยงาม บางตำหนักก็มีคนมาช่วยสลับกันร่ายรำ สร้างสีสันและความศรัทธาอันแปลกตาให้กับผู้ที่ยังไม่เคยมาชมเป็นยิ่งนัก กว่าจะเดินถึงหน้าวัดพระศรีอุมาเทวี ก็เล่นเอาผู้เขียนเหนื่อยไม่ใช่น้อยกับการสอดแทรกตัวไปท่ามกลางเหล่าฝูงชน และยิ่งใกล้วัดแขกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแน่นขนัดจนไม่สามารถเบียดเสียดเข้าไปได้ แต่เมื่อมองจากภายนอก เราก็สามารถมองเห็นความงดงามของสถาปัตยกรรมของวัดแขก ซึ่งเป็นศิลปะโบราณของอินเดียตอนใต้ หากนักเดินทางไม่ได้มาชมในช่วงเวลานี้ ก็สามารถมาสักการะบูชาได้ทุกวัน โดยภายในวัดประดิษฐานพระแม่ศรีอุมาเทวี เป็นเทพประธานอยู่กลางโบสถ์ แวดล้อมด้วยพระพิฆเนศ พระขันธกุมาร พระศิวะ พระกฤษณะ พระวิษณุ พระแม่ลักษมี และพระแม่กาลี ซึ่งอัญเชิญมาจากอินเดีย

ส่วนของถวายของบูชาพระแม่อุมาเทวี มักใช้พวงมาลัยดาวเรืองล้วนๆ หรือร้อยสลับกับดอกกุหลาบ อาจมีลูกมะนาวด้วย และที่ขาดไม่ได้คือมะพร้าว รวมไปถึงนมสด และผลไม้นานาชนิด หากใครยังไม่เคยมาและไมได้เตรียมข้าวของบูชาไปด้วย ก็สามารถแวะซื้อจากรอบๆ วัด หรือในวัดที่จัดไว้เป็นถาดๆ พร้อมยกเข้าไปบูชาได้เลย เมื่อจุดธูปเทียนบูชาเสร็จเรียบร้อยตรงหน้าโบสถ์ ก็เอาถาดผลไม้และเครื่องสักการะต่างๆ เข้าไปในโบสถ์ ซึ่งในนั้นจะมีพราหมณ์อยู่สองคน ประจำตำแหน่งอยู่ด้านหน้าประตู โดยพราหมณ์คนหนึ่งจะทำหน้ายกถาดองบูชาจากเราเอาไปถวายพระแม่ ส่วนพราหมณ์อีกคนจะถือถาดบรรจุน้ำและผงเจิมๆ หน้าผากให้กับผู้มาบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งผงเจิมมี 2 สี คือ สีแดง เรียกว่าผงชาด หรือผงกุมกุม สีขาว จะเรียกว่า ผงวิภูติ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นผู้หญิงพราหมณ์จะเจิมสีแดงที่หน้าผาก ส่วนผู้ชายจะเจิมให้ทั้งทั้งสองสีเลย ระหว่างนั้นก็อย่าเพิ่งรีบเดินออกไปไหนนะครับ เพราะขณะที่พราหมณ์คนแรกเอาของไปถวายพระแม่อุมา สักพักท่านจะเอาเอาถาดพร้อมของบูชาอย่างหนึ่งมาคืนให้เรา แต่ละคนจะได้รับไม่เหมือนกัน บางคนอาจได้ของกิน เช่น กล้วย นม เพื่อเป็นสิริมงคล บางคนอาจได้พวงมาลัยดอกไม้ กลับไปบูชาที่บ้านก็ได้ 

ตามประวัติกล่าวไว้ว่า วัดพระศรีอุมาเทวี หรือวัดแขกสีลม เป็นวัดของศาสนาพราหมณ์ที่สร้างขึ้นเป็นศาสนสถานบูชาพระอุมาเทวี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 5 โดยคณะชาวอินเดียชนเผ่าภารตะฑราวิฑนาดู (ทมิฬ) ในระยะแรกนั้นมีการตั้งรูปเคารพ "มารีอามัน" หรืออีกนัยว่า พระศรีมหาอุมาเทวี ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นเทวีผู้บำบัดปัดเป่าและรักษาไข้ทรพิษ เป็นเทพที่ชาวทมิฬให้ความเคารพนับถือมาแต่โบราณ เดิมสร้างขึ้นที่บริเวณหัวลำโพง เป็นศาลไม้ ต่อมาเริ่มทรุดโทรมลง จึงได้ย้ายไปอยู่ที่บริเวณวัดพระศรีอุมาเทวีในปัจจุบัน

พระศรีมหาอุมาเทวี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า พระแม่อุมา นั้น เป็นพระมเหสีของพระอิศวร หรือพระศิวะ เมื่อยามที่พระองค์ทรงเสวยร่างเป็นเจ้าแม่อุมาจะเป็นเจ้าแห่งความเมตตากรุณา และความสง่า ดังนั้น ผู้มีจิตศรัทธาจึงนิยมไปกราบไหว้บูชาและขอพรในทุกเรื่องๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ โชคลาภ เงินทอง การทำมาค้าขึ้นฯลฯ แต่ที่สมปราถนามากที่สุดต้องยกให้เรื่องความรักและการขอบุตร และในช่วง 1-9 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี จะมีพิธี ‘นวราตรี` เพื่อบูชาพระแม่อุมาเทวีครั้งยิ่งใหญ่ เป็นพิธีที่สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยพระเวท เชื่อกันว่าจะเป็นขบวนที่พระแม่และขบวนเทพเสด็จลงมายังโลกเพื่อประทานพรให้ กับมนุษย์ทั้งหลาย งานจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีพร้อมกันทั่วโลก และในวันสุดท้ายของงาน เรียกกันว่า ‘วันวิชัยทัสมิ' `วันแห่งชัยชนะ' จะมีการอัญเชิญเทวรูปพระแม่อุมาเทวีและเทวรูปองค์อื่นๆ ออกมาแห่เพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชา ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 24 ตุลาคม 2555 นั่นเอง

หลังจากเฝ้าชะเง้อรอขบวนแห่กันอยู่พักใหญ่ ฝนที่ตกหนักก็หยุดนิ่งสนิท เหมือนราวกับรู้ว่า ขบวนของพระแม่อุมากำลังจะเคลื่อนตัวออกมาแล้ว และยิ่งเสียงดนตรีของขบวนมหรสพที่เดินนำขบวนดังก้องมากขึ้นเท่าไหน่ ผู้คนที่เฝ้ารออยูรอบๆ ก็ออกมาออยืนรอกันเต็มท้องถนน โดยขบวนแห่ในคืนนี้เริ่มต้นด้วยคนทรงของพระแม่ศรีมหาอุมาเทวี ที่เดินๆ วิ่งๆ สลับกับการร่ายรำไปตามจังหวะของดนตรีที่บรรเลงในทวงทำนองที่สนุกสนานอีกทั้ง ในปากยังคาบเหล็กแหลม ซึ่งปลายเหล็กแหลมเสียบลูกมะนาวไว้ที่ปลายทั้งสองด้าน บนเนื้อตัวมีตะขอเหล็กแหลมเกี่ยวตามแขนและแผ่นหลังเดินโปรยผงเจิม ศักดิ์สิทธิ์และดอกไม้ให้แก่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และผู้มาตั้งโต๊ะบูชาตลอดสองข้างทางที่ขบวนเคลื่อนผ่านด้วยสีหน้าอันเรียบ เฉย ปราศจากความรู้สึกเจ็บต่อสิ่งที่ปรากฎให้เห็นบนร่างกายอสักนิดเลย ทั้งๆ ที่ผู้เขียนแอบมองเห็นแล้วหวาดเสียวแทน

ถัดจากขบวนคนทรง ก็เป็นขบวนรถที่ประดิษฐานเทวรูปเทพต่างๆ ไล่เรียงลำดับจาก องค์พระพิฆเนศ ตามมาด้วยพระขันธกุมาร ถัดมาเป็นพระกฤษณะ และพระกัตตวรายัน ก่อนจะปิดท้ายขบวนแหอันยิ่งใหญ่ในค่ำคืนนี้ด้วยขบวนรถสีทองมลังเมลืองของพระ แม่ศรีมาอุมาเทวี ที่ประดิษฐานอยู่ตรงกลางบนราชรถ ขนาบข้างด้วยเทวรูปศักดิ์สิทธิ์อีกสององค์ คือ องค์ซ้ายเป็นเทวรูปพระแม่สรัสวตี ส่วนองค์ขวาเป็นเทวรูปพระแม่ลักษมี และในระหว่างที่ขบวนราชรถเคลื่อนไปตามเส้นทางที่กำหนด ก็มีประชาชนผู้มีจิตศรัทธานำเครื่องบูชาทั้งผลไม้นานาชนิด พวงมาลัย ขนม นม หมากพลู บายศรี จัดใส่พานสวยงามมายืนเข้าคิวต่อแถวกับผู้คนนับร้อยนับพันคน เพื่อถวายต่อเทวรูปที่หน้าราชรถแต่ละองค์ บ้างก็นำการบูรใสในกะลามะพร้าวแล้วจุดไฟสว่างโชติช่วงพุ่งพวยด้วยด้วยเปลว เพลิงสีแดงใส่บนถาดเครื่องบูชาเพื่อนนำมาถวาย ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรักของพระแม่ที่เสด็จลงมายังโลกเพื่อประทานพรและ ความสุขให้กับมนุษย์ทั้งหลายในวันนี้ โดยทุกคนต้องถอดรองเท้าและยืนเท้าเปล่าขณะขบวนรถแห่เคลื่อนผ่าน ส่วนหน้าขบวนรถก็ดูเหมือนชุลมุนวุ่นวาย กับการกั้นผู้คนของผู้มีจิตศรัทธาหลายร้อยคน ที่ต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาต่อแถว และดึงเชือกขบวนรถแห่ของพระแม่ให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และอิ่มเอมไปด้วยความสุข

นี่กระมัง คือความศรัทธาอันยิ่งใหญ่เหนือคำมาบรรยาย เพราะคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่ผู้คนมากหน้าหลายตา และไม่เคยพบพานกันมากก่อน ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกันด้วยซ้ำ แต่มีใจมุ่งมั่นศรัทธาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มาร่วมขบวนแห่และขอรับพรจากพระแม่พระที่ประทานให้ในค่ำคืนนี้!


แต่ก่อนที่ขบวนรถของพระแม่ศรีอุมาเทวีจะมาถึง ด้วยความเชื่อว่าเราต้องล้างสิ่งสกปรกบนพื้นท้องถนนให้สะอาดหมดจดด้วยน้ำบริ สุทธ์ ซึ่งน้ำมะพร้าว ถือว่าเป็นน้ำบริสุทธิ์ ประชาชนทุกคนจึงพร้อมใจกันนำมะพร้าวแก่ที่เตรียมจากบ้าน มาโยนลงไปบนท้องถนนจนเสียงดังแตกโพล๊ะๆ น้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ไหลรินออกจากมะพร้าวนับร้อยลูกที่อยู่ตรงหน้าผม ชำระล้างพื้นถนนที่เคยสกปรกให้สะอาดหมดจน ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่จากทางวัดรีบใช้อุปกรณ์เก็บกวาดเปลือกมะพร้าว ดันกองมะพร้าวรวมกันไว้ริมถนน ก่อนขบวนรถแห่ของพระแม่อุมาจะเคลื่อนมาถึง... กว่าขบวนจะแห่เสร็จในปีนี้ ผมคาดว่าคงใช้มะพร้าวหลายหมื่นลูก ใครไม่เชื่อก็ต้องหาโอกาสมาชมด้วยตาตัวเองสักครั้ง!

เกือบตีหนึ่งแล้ว ขบวนรถแห่ของพระศรีมหาอุมาเทวี เคลื่อตัวจากสีแยกถนนสีลม- นราธิวาสไป ได้สักพัก แสงสีทองจากขบวนรถค่อยๆ เลือนลับไกลออกไปจากสายตามผม ประชาชนรอบด้านที่เข้ามาสักการะและเช่ายันต์จากทางวัดเพื่อนำกลับไปบูชาที่ บ้าน ต่างก็ทยอยเดินทางกลับ โต๊ะหมู่บูชาเบื้องหน้าถูกเก็บกวาดอย่างเรียบร้อย บรรยากาศรอบกายเข้าสู่สภาพปกติ... แต่ค่ำคืนนี้กว่าจะเสร็จสิ้นพิธีของขบวนแห่ก็คาดว่าน่าจะเกือบเช้า เพราะปีนี้เส้นทางขบวนแห่ไกลขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อย แต่ด้วยความศรัทธาจากผู้คนทั่วทุกสารทิศที่ผมสัมผัสได้ในค่ำคื่นนี้ ก็ทำให้ผมอิ่มเอิบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ผมนั่งรถกลับบ้านพร้อมพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองสดที่บูชากลับมาและเก็บ ไว้ในกระเป๋าเป้ หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เหมือนกับผู้ศรัทธาทุกคนที่เฝ้ารอวันนี้มาตลอดหนึ่งปีเต็ม

เรื่อง: ธนปกรณ์ สุขสาลี

ภาพ: ธนปกรณ์ สุขสาลี, ศมวงศ์ บำรุงรส และคุณกอล์ฟ ลาดกระบัง

ขอขอบคุณ: คุณศมวงศ์ บำรุงรส ที่เอื้อเฟื้อกล้องให้เก็บภาพสวยๆ สำหรับการทำงานในครั้งนี้ 

  • สนับสนุนเนื้อหา สนุกท่องเที่ยว



  • Create Date : 26 ตุลาคม 2555
    Last Update : 26 ตุลาคม 2555 8:22:41 น. 1 comments
    Counter : 7585 Pageviews.  

     


    โดย: Kavanich96 วันที่: 27 ตุลาคม 2555 เวลา:5:23:57 น.  

    ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
    Comment :
      *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
     

    sitcomthai
    Location :
    กรุงเทพฯ Thailand

    [ดู Profile ทั้งหมด]

    ฝากข้อความหลังไมค์
    Rss Feed
    Smember
    ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










    ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
    ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







    Online Users


    New Comments
    [Add sitcomthai's blog to your web]