<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 มีนาคม 2555
 
 
แปลงร่างเป็นนักสืบ

ใครที่เปิดเข้ามาอ่านแล้วอยากรู้เรื่องทั้งหมด ย้อนกลับไปอ่าน2บล็อคก่อนหน้านี้นะคะ

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=santaredhat&month=03-2012&date=26&group=2&gblog=18

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=santaredhat&month=03-2012&date=26&group=2&gblog=19

ถ้าไม่อยากอ่าน จะสรุปย่อๆให้ฟัง

ปีที่แล้ว เราแอบชอบรุ่นพี่คนนึง ซึ่งเป็นพี่ที่เพิ่งจบ เจอกันที่ค่าย แล้วก็เห็นความน่ารัก และแง่มุมความคิดดีๆของเค้า เลยประทับใจ และคิดว่าเค้าจะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาของเรากับเพื่อนได้

ทำไมสรุปแล้วมันสั้นจัง ฮ่าๆๆๆๆๆ เขียนเรื่องราว นั่นคือเวิ่นใช่มะ ฮ่าๆๆๆ

ต่อเลยดีกว่า

หลังจากกลับมาจากค่ายก็มานั่งคิดทบทวนดู ว่าจะเอายังไง จะหาทางติดต่อพี่คนนี้มั้ย(ยังไงล่ะ) หรือจะรอโชคชะตานำพาให้เจออีกครั้ง(จะเจอหรอ) และอื่นๆอีกมากมาย

สุดท้ายก็ต้องมาตอบกับตัวเองให้ได้ว่า ถ้าพยายามแล้วความรู้สึกของเรา จะรู้สึกว่ามันคุ้มมั้ยแก่ความพยายาม จะลองเสี่ยงมั้ย

คำตอบที่ได้คือ......เสี่ยงค่ะ

แต่ปัญหาอยู่ที่ปราศจากวิธีการติดต่อใดๆ เรารู้แต่ ชื่อเล่น คณะ(คณะเดียวกับเรา) และรุ่น ของพี่เค้า เวนกำ แล้วช้านนนนจะไปหาข้อมูลจากหนายยยย

อ๊ะ เบสิค Social Networkเนี่ยแหละ มันต้องได้หน่า

เริ่มจาก Facebookนั่นเอง แต่จะเอาชื่อเล่นเค้าไปหาก็คงจะเป็นไปได้ยาก เราเลยจัดการเข้าเฟสของพี่รหัสเราที่อยู่รุ่นเดียวกับพี่เค้า

นั่งไล่ตั้งแต่ตัวAยันตัวสุดท้าย กดเข้าไปดูทุกคนที่ชื่อเข้าข่าย รูปเล็กมันเห็นไม่ชัด ก็กดเข้าไปดูรูปใหญ่ หายังไงก็ไม่เจอ (มารู้ทีหลังว่าเค้ายังไม่เป็นfriendกันด้วยซ้ำจนปัจจุบันนี้)

แล้วก็ยังเข้าไปดูรูปที่tagกันมา เผื่อว่าจะมีรูปเค้าแล้วtagไว้ แต่ก็แห้วค่าาาา

แต่ด้วยความโชคดี เราเจอเฟสของพี่ค่ายคนนึง ที่อยู่รุ่นเดียวกับพี่เค้าเหมือนกัน โป๊ะเช๊ะ!!!

แล้วก็เข้าไป หาที่รูปก่อน แล้วก็เจอรูปนึงที่เค้าถ่ายด้วยกัน แถมtagด้วย เยสสสสสสส เจอเฟสเค้าแล้ววววว

แอบเข้าไปดูเฟสพี่เค้า คือไม่มั่นใจว่าเพิ่งเริ่มเล่น หรือปิดโปรไฟล์ เพราะอะไรๆน้อยมาก

ข้อมูลที่พอจะเป็นประโยชน์ก็คือชื่อจริง กับเค้ากดไลค์iphone(ก็เลยรู้ว่าเค้ามีไอโฟน)

เราก็เอาชื่อจริงเค้าไปหาในกูเกิ้ล แต่คนชื่อนี้มีคนเดียวในประเทศซะที่ไหนล่ะ = = นามสกุลในเฟสเค้าก็สั้นๆ เหมือนย่อมา

เลยลองเปลี่ยนเป็นชื่อจริง+คณะ ซึ่งก็เจอข้อมูลเค้ามาบ้าง ได้ นามสกุล รร.ม.ปลาย ข้อมูลการใช้ทุนอีกเล็กน้อย

ก็ไม่ได้มีอะไรเยอะแยะ หนูอยากได้เบอร์ค่าาาาาาา

สุดท้าย หลังจากกูเกิ้ลอยู่หลายวันก็หาเบอร์ไม่ได้สักที มันคงยากเกินไป อย่างนี้มันก็ต้องมีตัวช่วย

แท่น แท๊นนนนนนน นั่นคือคุณพี่รหัสสุดหล่อนั่นเอง (หล่อด้วยความดีความชอบที่ช่วยน้องสาวคนนี้ ม๊วบบบบบ)

เราก็เลยแชทในเฟสไปหาพี่รหัสเราที่อยู่รุ่นเดียวกับพี่เค้า แล้วก็เว้ากันซื่อๆ มีเกริ่นเล็กน้อยเรื่องไปค่าย แล้วเจอพี่คนนั้น ก็เลยอยากได้เบอร์ ลืมขอที่ค่าย บลาๆๆๆๆๆ

พี่รหัสก็ให้เบอร์มาเบอร์นึง ซึ่งคืนนั้นก็ลองโทรไป ปรากฏว่าไม่รับจ้าาาาาา แงงงงง

แต่ กลางดึกสงัดที่เงียบสงบ (= =) เบอร์นั้นก็โทรกลับมา แต่หลับไปแล้ว มาดูเวลาตอนเช้าประัมาณตี2ได้ คุณพระ!! โทรมาทำไมเวลานี้

เราก็ง่วงๆ งงๆ รับสายแบบงัวเงียสุดๆ แต่รู้สึกแปลกๆกับปลายสาย ว่า ใช่หรอว่ะเบอร์นี้ แต่คือสติอะไรก็ไม่เยอะ สุดท้ายก็วางไปทั้งๆที่คุยไม่รู้เรื่อง

วันต่อมาเรามีไปที่คณะเพื่อเรียนวิชาเลือก ระหว่างเรียนอยู่ก็มีคนโทรมา ซึ่งเป็นเบอร์เดิม

พอคุยก็เลยได้พบความชื่อว่า ชื่อหนะใช่ แต่ไม่ใช่คนนี้ คุณพี่รหัสให้เบอร์ผชที่ไหนมาเนี่ยยยยยยยย แทบจะร้อง

เลยส่งข้อความกลับไปหาพี่รหัสว่า มันไม่ใช่นะคะ มันไม่ใช่อะค่ะ

บ่ายๆพี่รหัสก็ส่งเบอร์กลับมาอีกเบอร์นึง แล้วก็บอกว่า ขอโทษคับน้อง เบอร์นี้ พี่ชัวร์ พี่เช็คกับเพื่อนแล้วววว

เราก็โอเค ใจชื้น ได้เบอร์มา แต่ว่ายังไม่ได้โทร เนื่องจากเรียนอยู่ ภารกิจติดพัน

พอเย็นๆ พี่รหัสที่รักก็ส่งข้อความมาอีก เอ่อคือพี่ไปถามเพื่อนอีก ได้มาอีก2เบอร์ น้องไปลองเองล่ะกัน ห๊าาาาาาา!!!!! นี่คุณพี่แกล้งคุณน้องอยู่หรอค๊าาาาาาาาา

แต่จะทำไงได้ ก็ลองมันทุกเบอร์แหละ

เบอร์ที่2 โทรไป หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ The number that you dialed ตู๊ดๆๆๆๆๆ

เอาหนะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่้อย่างเมื่อคืน

ลองเบอร์ที่3 โทรไปไม่มีคนรับอีกแล้ว = = เวรกำชั้น เมื่อไหร่จะได้คุยเนี่ย

จนเบอร์ที่4 เบอร์สุดท้าย พอรับสายปุ๊บ "ฮัลโหลครับ" กรี๊ดดดดดด เสียงนี้ ใช่เลยยยยยยยย ในที่สุดก็หาเจอ (เป็นวันที่1เมษ ปีที่แล้วจ้า)

ก็บ่นๆไปเล็กน้อยเรื่องกว่าจะหาเบอร์ได้ แต่ไม่ได้บอกเค้านะ ว่ากรรมวิธีเป็นยังไง ใครรู้ว่าเค้าเป็นใครก็อย่าไปบอกล่ะ เดี๋ยวพี่เค้ากลัวเรา ฮ่าๆๆๆๆๆ

เราก็เลยเข้าเรื่อง พูดถึงวันค่ายคืนที่2ที่เราฟังคำพูดเค้า แล้วจี้ใจดำ และคิดว่าเค้าจะช่วยได้

เราก็สาธยายเรื่องราวทั้งหมดให้เค้าฟัง

เค้าก็แนะนำมาหลายอย่างนะ ยกมาเป็นบางอันแล้วกัน ชอบมากความคิดของเค้า

"พี่จะไม่พูดว่า สิ่งที่ผ่านมาแล้วเราแก้ไขมันไม่ได้ เพราะเราก็จะยังวนเวียนอยู่กับความรู้สึกที่อยากจะแก้ แต่พี่จะบอกว่า ,,สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีที่สุด,,"

คือเราฟังแล้วแบบ เออ ก็จริงนะ เพราะเรามัวแต่ไปคิดว่า จะทำยังไง อยากแก้ไข อยากนั่นนี่

แต่ถ้าเรามองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว เราก็จะไม่ได้อยากแก้ไขอีก เหมือนเป็นการยอมรับเรื่องนั้นๆอะ

"เวลาที่เสียใจ ร้องไห้ก็ไม่ผิด แต่มันผิดตรงที่ ไม่รู้จะเอาตัวเองออกมายังไง"


แล้วเราก็มีเล่าแบบความคิดของเรา คือบางทีเราจะเป็นคนที่ค่อนข้างคิดแย้งกับตัวเอง คือคิดอันนึงขึ้นมา อีกเดี๋ยวก็แบบ แต่ยังนั้นไม่ใช่หรอ แล้วก็คือหาคำตอบไม่ได้

พี่เค้าก็บอกว่า "รู้ไหม คิดสะเปะสะปะขัดแย้งกันอย่างนี้เค้าเรียกว่าอะไร -เค้าเรียกว่าฟุ้งซ่าน-"

เสียง ณ จุดๆนี้ น่ารักมากกกกกกกกกก คือเขิลเลยอะ แค่คุย

แล้วก็มีดุเราบ้างบางครั้ง เสียงเค้าจะค่อนข้างเรียบๆ เนิบๆ เข้มๆ

เค้าบอกว่าเราอะ คิดเยอะเกินไป แถมคิดไม่มีระบบ เอาแต่ฟุ้งซ่าน เลยไม่ได้คำตอบสักที

เค้าก็สอนวิธีคิดมา ใช้เหตุผล อาีรมณ์ และความรู้สึกประกอบกัน

เพราะถ้าใช้ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว พอมีอะไรทำให้ความรู้สึกเปลี่ยน ความคิดนั้นก็จะหายไป

อารมณ์ไม่ต้องพูดถึง แปรปรวนง่ายอยู่แล้ว

แต่ถ้าใช้เหตุผลอย่างเดียว บางทีความถูกต้องก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมที่สุดเสมอไป

แล้วเค้าก็บอกว่า ให้เราลองให้เวลากับตัวเองเพื่อคิดอย่างจริงจัง หาคำตอบ โดยใช้วิธีคิดที่เค้าบอก

เราก็โอเคตกลง แล้วก็วางสายไป

เราใช้เวลาคิดเยอะ แต่หลักๆก็ยังคงฟุ้งซ่านเหมือนเดิม

สุดท้าย วันรุ่งขึ้น เราเลยตัดสินใจโทรไปหาเพื่อนสนิทเราที่เป็นคู่กรณี จริงๆเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีปัญหากันเลย ที่เราลองมาคุยกันจริงๆ

เราคิดว่า บางทีเราอาจจะต้องช่วยกันแก้ไข ปรับความเข้าใจกัน ก็โทรไปคุย เล่าเรื่องว่าเราคิดอะไรบ้าง

คำตอบที่ได้กลับมาคือ "เค้าไม่เคยรู้เลยว่าเราน้อยใจเค้า หรือเสียใจอะไรกับที่เค้าทำ" เหมือนว่าทุกอย่างเราคิดไปเอง เข้าใจผิดไปเอง

คือตอนนั้นไม่รู้จะดีใจที่อย่างน้อยเค้าก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับเรา หรือเราจะเสียใจที่เค้าไม่เคยรับรู้เลยว่าเราเสียใจเรื่องเค้ามากแค่ไหน

หลังจากคุยกันเสร็จ เราสรุปได้ว่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะให้เค้าช่วยแก้เลย

เหมือนว่าปัญหาทั้งหมดมันเกิดจากความคิดมาก คิดเองเออเองของเรา

ตอนเย็นๆ หลังจากคิดยังไงก็คิดไม่ออก เราก็ไปอาบน้ำ ซึ่งแน่นอน เวลาอาบน้ำเหมาะกับการคิดอะไรสุดๆ ทั้งสบาย ผ่อนคลาย สงบ ได้ยินแต่เสียงน้ำไหล

แล้วจู่ๆก็มีความคิดนึงเกิดขึ้นมาว่า "จริงๆเรามีปัญหากับเพื่อนคนนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะมันทำให้เราเจอเพื่อนดีๆอีก2คนที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิท" (เป็นเพื่อนม.ปลายที่เข้ามาปลอบเราในตอนเกิดเรื่อง แล้วก็เป็นเพื่อนซี้กันจนทุกวันนี้)

ทันทีที่คิดได้ เราก็รู้สึกเหมือนกับว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมดีที่สุด" อย่างที่พี่เค้าบอกจริงๆ หลังจากนั้นเหมือนอะไรๆก็ดีขึ้น เราเริ่มมองในมุมบวก เริ่มเข้าใจว่าจริงๆเรื่องราวทั้งหมดมันไม่มีอะไรเลย และก็เริ่มปล่อยวาง

คืนนั้น เราเลยรีบโทรหาพี่เค้า แล้วเล่าเรื่องที่เราคิดให้ฟัง คือเราดีใจมากจริงๆ ที่คิดได้อะ พี่เค้าก็ขำกับอาการของเรา ที่เหมือนเด็กได้ของเล่นอะ

แล้วเราก็มีปรึกษาเรื่องเรียนต่ออีกเล็กน้อย เพราะแอบไปรู้มาว่าพี่เค้าได้เกียรตินิยมด้วย!!! คนอะไร๊ จะตรงสเปคได้ขนาดนี้ เริ่ดค่าาาาา

นั่นแหละ หลังจากนั้นก็มีคุยกันเรื่อยๆ ประมาณเดือนละครั้ง พี่เค้าปัจจุบันก็ทำงานใช้ทุนอยู่ตจว เราเลยไม่กล้ารบกวนมาก บางทีโทรไปไม่ว่างอยู่ก็มี

มันเป็นความประทับใจของเรา มุมมองของเรา

ซึ่งจริงๆแล้ว เราเองก็ไม่ได้หวังอะไรมากนะ ชอบมันก็ชอบ แต่เราก็ปล่อยไปเรื่อยๆอะ เพราะบางทีเค้าอาจจะมีคนของเค้าอยู่แล้ว (ไม่กล้าถาม)

เก็บเรื่องราวของเค้า ให้เป็นฝันหวานๆของเราต่อไป :)))

ไว้เจอกันครั้งต่อไปค่อยว่ากัน

จริงๆเราเคยคิดนะ ถ้าเจอเค้าครั้งหน้า เราจะบอกชอบเค้า คือระยะเวลาที่เค้าใช้ทุน3ปีแบ่งเป็น

กรณีที่1 ถ้าเราได้เจอเค้าก่อน3ปี ด้วยความบังเอิญ แบบชะตาฟัาลิขิต งั้นเราคงเกิดมาคู่กันแล้วล่ะ โฮะๆๆๆๆ

กรณีที่2 ถ้าเราได้เจอเค้าก่อน3ปี โดยการนัดเจอกัน แปลว่า ณ จุดๆนั้น เราคงต้องสนิทกันระดับนึงแล้วล่ะถ้าเค้ายอมมาเจอ เพราะผู้ชายคนนี้เรื่องความเหมาะสม เรื่องอะไรต่างๆ ระวังตัวใช่เล่น

กรณีที่3 ถ้าเราได้เจอเค้าหลัง3ปี คือหลังจากกลับมาจากใช้ทุน เวลา3ปีไม่ใช่สั้นๆนะ ถ้าเรามั่นคงกับใครคนนึงได้ขนาดนั้น ก็บอกเค้าไปเหอะ


จริงๆมีเรื่องราวต่อจากที่เล่าอีกนะ เรื่องที่เจอกันตอนบายเนียร์ เรื่องที่โทรคุยกัน แต่มันเ้ป็นประเด็นย่อยๆที่เราเก็บมายิ้มว่า ช้านนนนนนช่างกล้า ทำอะไรลงปายยยยยยยยยยยย

ขอไม่เล่าละกัน เขิลเว่อร์ๆ แค่นี้ก็เยอะละ

ใครอย่ากลัวเราน้าาาา ปกติเราไม่ขุดคุ้ยกูเกิ้ลขนาดนี้ ><

ขอบคุณที่ตามอ่านเรื่องยาวๆของเราจ้าาาาา


Create Date : 28 มีนาคม 2555
Last Update : 28 มีนาคม 2555 22:00:01 น. 1 comments
Counter : 746 Pageviews.

 
เรื่องเบอร์โทรนี่อ่านแล้วเขิลแทน อิอิ

หนูว่าแบบกรณีที่2นี่น่าจะแฮปปี้สุดนะคะ ><

ไปแล้วค่า บล็อกนี้ชมพูๆ อิจฉา

ฝันดีค่ะ ^_____________^


โดย: หิมะสีนํ้าเงิน วันที่: 29 มีนาคม 2555 เวลา:21:47:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

*SantaRedHat*
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add *SantaRedHat*'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com