แปลงร่างเป็นนักสืบ
ใครที่เปิดเข้ามาอ่านแล้วอยากรู้เรื่องทั้งหมด ย้อนกลับไปอ่าน2บล็อคก่อนหน้านี้นะคะ//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=santaredhat&month=03-2012&date=26&group=2&gblog=18//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=santaredhat&month=03-2012&date=26&group=2&gblog=19ถ้าไม่อยากอ่าน จะสรุปย่อๆให้ฟังปีที่แล้ว เราแอบชอบรุ่นพี่คนนึง ซึ่งเป็นพี่ที่เพิ่งจบ เจอกันที่ค่าย แล้วก็เห็นความน่ารัก และแง่มุมความคิดดีๆของเค้า เลยประทับใจ และคิดว่าเค้าจะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาของเรากับเพื่อนได้ทำไมสรุปแล้วมันสั้นจัง ฮ่าๆๆๆๆๆ เขียนเรื่องราว นั่นคือเวิ่นใช่มะ ฮ่าๆๆๆต่อเลยดีกว่าหลังจากกลับมาจากค่ายก็มานั่งคิดทบทวนดู ว่าจะเอายังไง จะหาทางติดต่อพี่คนนี้มั้ย(ยังไงล่ะ) หรือจะรอโชคชะตานำพาให้เจออีกครั้ง(จะเจอหรอ) และอื่นๆอีกมากมายสุดท้ายก็ต้องมาตอบกับตัวเองให้ได้ว่า ถ้าพยายามแล้วความรู้สึกของเรา จะรู้สึกว่ามันคุ้มมั้ยแก่ความพยายาม จะลองเสี่ยงมั้ยคำตอบที่ได้คือ......เสี่ยงค่ะแต่ปัญหาอยู่ที่ปราศจากวิธีการติดต่อใดๆ เรารู้แต่ ชื่อเล่น คณะ(คณะเดียวกับเรา) และรุ่น ของพี่เค้า เวนกำ แล้วช้านนนนจะไปหาข้อมูลจากหนายยยยอ๊ะ เบสิค Social Networkเนี่ยแหละ มันต้องได้หน่าเริ่มจาก Facebookนั่นเอง แต่จะเอาชื่อเล่นเค้าไปหาก็คงจะเป็นไปได้ยาก เราเลยจัดการเข้าเฟสของพี่รหัสเราที่อยู่รุ่นเดียวกับพี่เค้านั่งไล่ตั้งแต่ตัวAยันตัวสุดท้าย กดเข้าไปดูทุกคนที่ชื่อเข้าข่าย รูปเล็กมันเห็นไม่ชัด ก็กดเข้าไปดูรูปใหญ่ หายังไงก็ไม่เจอ (มารู้ทีหลังว่าเค้ายังไม่เป็นfriendกันด้วยซ้ำจนปัจจุบันนี้)แล้วก็ยังเข้าไปดูรูปที่tagกันมา เผื่อว่าจะมีรูปเค้าแล้วtagไว้ แต่ก็แห้วค่าาาาแต่ด้วยความโชคดี เราเจอเฟสของพี่ค่ายคนนึง ที่อยู่รุ่นเดียวกับพี่เค้าเหมือนกัน โป๊ะเช๊ะ!!!แล้วก็เข้าไป หาที่รูปก่อน แล้วก็เจอรูปนึงที่เค้าถ่ายด้วยกัน แถมtagด้วย เยสสสสสสส เจอเฟสเค้าแล้วววววแอบเข้าไปดูเฟสพี่เค้า คือไม่มั่นใจว่าเพิ่งเริ่มเล่น หรือปิดโปรไฟล์ เพราะอะไรๆน้อยมากข้อมูลที่พอจะเป็นประโยชน์ก็คือชื่อจริง กับเค้ากดไลค์iphone(ก็เลยรู้ว่าเค้ามีไอโฟน)เราก็เอาชื่อจริงเค้าไปหาในกูเกิ้ล แต่คนชื่อนี้มีคนเดียวในประเทศซะที่ไหนล่ะ = = นามสกุลในเฟสเค้าก็สั้นๆ เหมือนย่อมาเลยลองเปลี่ยนเป็นชื่อจริง+คณะ ซึ่งก็เจอข้อมูลเค้ามาบ้าง ได้ นามสกุล รร.ม.ปลาย ข้อมูลการใช้ทุนอีกเล็กน้อยก็ไม่ได้มีอะไรเยอะแยะ หนูอยากได้เบอร์ค่าาาาาาาสุดท้าย หลังจากกูเกิ้ลอยู่หลายวันก็หาเบอร์ไม่ได้สักที มันคงยากเกินไป อย่างนี้มันก็ต้องมีตัวช่วยแท่น แท๊นนนนนนน นั่นคือคุณพี่รหัสสุดหล่อนั่นเอง (หล่อด้วยความดีความชอบที่ช่วยน้องสาวคนนี้ ม๊วบบบบบ)เราก็เลยแชทในเฟสไปหาพี่รหัสเราที่อยู่รุ่นเดียวกับพี่เค้า แล้วก็เว้ากันซื่อๆ มีเกริ่นเล็กน้อยเรื่องไปค่าย แล้วเจอพี่คนนั้น ก็เลยอยากได้เบอร์ ลืมขอที่ค่าย บลาๆๆๆๆๆพี่รหัสก็ให้เบอร์มาเบอร์นึง ซึ่งคืนนั้นก็ลองโทรไป ปรากฏว่าไม่รับจ้าาาาาา แงงงงงแต่ กลางดึกสงัดที่เงียบสงบ (= =) เบอร์นั้นก็โทรกลับมา แต่หลับไปแล้ว มาดูเวลาตอนเช้าประัมาณตี2ได้ คุณพระ!! โทรมาทำไมเวลานี้เราก็ง่วงๆ งงๆ รับสายแบบงัวเงียสุดๆ แต่รู้สึกแปลกๆกับปลายสาย ว่า ใช่หรอว่ะเบอร์นี้ แต่คือสติอะไรก็ไม่เยอะ สุดท้ายก็วางไปทั้งๆที่คุยไม่รู้เรื่องวันต่อมาเรามีไปที่คณะเพื่อเรียนวิชาเลือก ระหว่างเรียนอยู่ก็มีคนโทรมา ซึ่งเป็นเบอร์เดิมพอคุยก็เลยได้พบความชื่อว่า ชื่อหนะใช่ แต่ไม่ใช่คนนี้ คุณพี่รหัสให้เบอร์ผชที่ไหนมาเนี่ยยยยยยยย แทบจะร้องเลยส่งข้อความกลับไปหาพี่รหัสว่า มันไม่ใช่นะคะ มันไม่ใช่อะค่ะบ่ายๆพี่รหัสก็ส่งเบอร์กลับมาอีกเบอร์นึง แล้วก็บอกว่า ขอโทษคับน้อง เบอร์นี้ พี่ชัวร์ พี่เช็คกับเพื่อนแล้ววววเราก็โอเค ใจชื้น ได้เบอร์มา แต่ว่ายังไม่ได้โทร เนื่องจากเรียนอยู่ ภารกิจติดพันพอเย็นๆ พี่รหัสที่รักก็ส่งข้อความมาอีก เอ่อคือพี่ไปถามเพื่อนอีก ได้มาอีก2เบอร์ น้องไปลองเองล่ะกัน ห๊าาาาาาา!!!!! นี่คุณพี่แกล้งคุณน้องอยู่หรอค๊าาาาาาาาาแต่จะทำไงได้ ก็ลองมันทุกเบอร์แหละเบอร์ที่2 โทรไป หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ The number that you dialed ตู๊ดๆๆๆๆๆเอาหนะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่้อย่างเมื่อคืนลองเบอร์ที่3 โทรไปไม่มีคนรับอีกแล้ว = = เวรกำชั้น เมื่อไหร่จะได้คุยเนี่ยจนเบอร์ที่4 เบอร์สุดท้าย พอรับสายปุ๊บ "ฮัลโหลครับ" กรี๊ดดดดดด เสียงนี้ ใช่เลยยยยยยยย ในที่สุดก็หาเจอ (เป็นวันที่1เมษ ปีที่แล้วจ้า)ก็บ่นๆไปเล็กน้อยเรื่องกว่าจะหาเบอร์ได้ แต่ไม่ได้บอกเค้านะ ว่ากรรมวิธีเป็นยังไง ใครรู้ว่าเค้าเป็นใครก็อย่าไปบอกล่ะ เดี๋ยวพี่เค้ากลัวเรา ฮ่าๆๆๆๆๆเราก็เลยเข้าเรื่อง พูดถึงวันค่ายคืนที่2ที่เราฟังคำพูดเค้า แล้วจี้ใจดำ และคิดว่าเค้าจะช่วยได้เราก็สาธยายเรื่องราวทั้งหมดให้เค้าฟังเค้าก็แนะนำมาหลายอย่างนะ ยกมาเป็นบางอันแล้วกัน ชอบมากความคิดของเค้า"พี่จะไม่พูดว่า สิ่งที่ผ่านมาแล้วเราแก้ไขมันไม่ได้ เพราะเราก็จะยังวนเวียนอยู่กับความรู้สึกที่อยากจะแก้ แต่พี่จะบอกว่า ,,สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีที่สุด,,"คือเราฟังแล้วแบบ เออ ก็จริงนะ เพราะเรามัวแต่ไปคิดว่า จะทำยังไง อยากแก้ไข อยากนั่นนี่แต่ถ้าเรามองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว เราก็จะไม่ได้อยากแก้ไขอีก เหมือนเป็นการยอมรับเรื่องนั้นๆอะ"เวลาที่เสียใจ ร้องไห้ก็ไม่ผิด แต่มันผิดตรงที่ ไม่รู้จะเอาตัวเองออกมายังไง"แล้วเราก็มีเล่าแบบความคิดของเรา คือบางทีเราจะเป็นคนที่ค่อนข้างคิดแย้งกับตัวเอง คือคิดอันนึงขึ้นมา อีกเดี๋ยวก็แบบ แต่ยังนั้นไม่ใช่หรอ แล้วก็คือหาคำตอบไม่ได้พี่เค้าก็บอกว่า "รู้ไหม คิดสะเปะสะปะขัดแย้งกันอย่างนี้เค้าเรียกว่าอะไร -เค้าเรียกว่าฟุ้งซ่าน-"เสียง ณ จุดๆนี้ น่ารักมากกกกกกกกกก คือเขิลเลยอะ แค่คุยแล้วก็มีดุเราบ้างบางครั้ง เสียงเค้าจะค่อนข้างเรียบๆ เนิบๆ เข้มๆเค้าบอกว่าเราอะ คิดเยอะเกินไป แถมคิดไม่มีระบบ เอาแต่ฟุ้งซ่าน เลยไม่ได้คำตอบสักทีเค้าก็สอนวิธีคิดมา ใช้เหตุผล อาีรมณ์ และความรู้สึกประกอบกันเพราะถ้าใช้ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว พอมีอะไรทำให้ความรู้สึกเปลี่ยน ความคิดนั้นก็จะหายไปอารมณ์ไม่ต้องพูดถึง แปรปรวนง่ายอยู่แล้วแต่ถ้าใช้เหตุผลอย่างเดียว บางทีความถูกต้องก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมที่สุดเสมอไปแล้วเค้าก็บอกว่า ให้เราลองให้เวลากับตัวเองเพื่อคิดอย่างจริงจัง หาคำตอบ โดยใช้วิธีคิดที่เค้าบอกเราก็โอเคตกลง แล้วก็วางสายไปเราใช้เวลาคิดเยอะ แต่หลักๆก็ยังคงฟุ้งซ่านเหมือนเดิมสุดท้าย วันรุ่งขึ้น เราเลยตัดสินใจโทรไปหาเพื่อนสนิทเราที่เป็นคู่กรณี จริงๆเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีปัญหากันเลย ที่เราลองมาคุยกันจริงๆเราคิดว่า บางทีเราอาจจะต้องช่วยกันแก้ไข ปรับความเข้าใจกัน ก็โทรไปคุย เล่าเรื่องว่าเราคิดอะไรบ้างคำตอบที่ได้กลับมาคือ "เค้าไม่เคยรู้เลยว่าเราน้อยใจเค้า หรือเสียใจอะไรกับที่เค้าทำ" เหมือนว่าทุกอย่างเราคิดไปเอง เข้าใจผิดไปเองคือตอนนั้นไม่รู้จะดีใจที่อย่างน้อยเค้าก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับเรา หรือเราจะเสียใจที่เค้าไม่เคยรับรู้เลยว่าเราเสียใจเรื่องเค้ามากแค่ไหนหลังจากคุยกันเสร็จ เราสรุปได้ว่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะให้เค้าช่วยแก้เลยเหมือนว่าปัญหาทั้งหมดมันเกิดจากความคิดมาก คิดเองเออเองของเราตอนเย็นๆ หลังจากคิดยังไงก็คิดไม่ออก เราก็ไปอาบน้ำ ซึ่งแน่นอน เวลาอาบน้ำเหมาะกับการคิดอะไรสุดๆ ทั้งสบาย ผ่อนคลาย สงบ ได้ยินแต่เสียงน้ำไหลแล้วจู่ๆก็มีความคิดนึงเกิดขึ้นมาว่า "จริงๆเรามีปัญหากับเพื่อนคนนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะมันทำให้เราเจอเพื่อนดีๆอีก2คนที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิท" (เป็นเพื่อนม.ปลายที่เข้ามาปลอบเราในตอนเกิดเรื่อง แล้วก็เป็นเพื่อนซี้กันจนทุกวันนี้)ทันทีที่คิดได้ เราก็รู้สึกเหมือนกับว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมดีที่สุด" อย่างที่พี่เค้าบอกจริงๆ หลังจากนั้นเหมือนอะไรๆก็ดีขึ้น เราเริ่มมองในมุมบวก เริ่มเข้าใจว่าจริงๆเรื่องราวทั้งหมดมันไม่มีอะไรเลย และก็เริ่มปล่อยวางคืนนั้น เราเลยรีบโทรหาพี่เค้า แล้วเล่าเรื่องที่เราคิดให้ฟัง คือเราดีใจมากจริงๆ ที่คิดได้อะ พี่เค้าก็ขำกับอาการของเรา ที่เหมือนเด็กได้ของเล่นอะแล้วเราก็มีปรึกษาเรื่องเรียนต่ออีกเล็กน้อย เพราะแอบไปรู้มาว่าพี่เค้าได้เกียรตินิยมด้วย!!! คนอะไร๊ จะตรงสเปคได้ขนาดนี้ เริ่ดค่าาาาานั่นแหละ หลังจากนั้นก็มีคุยกันเรื่อยๆ ประมาณเดือนละครั้ง พี่เค้าปัจจุบันก็ทำงานใช้ทุนอยู่ตจว เราเลยไม่กล้ารบกวนมาก บางทีโทรไปไม่ว่างอยู่ก็มีมันเป็นความประทับใจของเรา มุมมองของเราซึ่งจริงๆแล้ว เราเองก็ไม่ได้หวังอะไรมากนะ ชอบมันก็ชอบ แต่เราก็ปล่อยไปเรื่อยๆอะ เพราะบางทีเค้าอาจจะมีคนของเค้าอยู่แล้ว (ไม่กล้าถาม)เก็บเรื่องราวของเค้า ให้เป็นฝันหวานๆของเราต่อไป :)))ไว้เจอกันครั้งต่อไปค่อยว่ากันจริงๆเราเคยคิดนะ ถ้าเจอเค้าครั้งหน้า เราจะบอกชอบเค้า คือระยะเวลาที่เค้าใช้ทุน3ปีแบ่งเป็นกรณีที่1 ถ้าเราได้เจอเค้าก่อน3ปี ด้วยความบังเอิญ แบบชะตาฟัาลิขิต งั้นเราคงเกิดมาคู่กันแล้วล่ะ โฮะๆๆๆๆกรณีที่2 ถ้าเราได้เจอเค้าก่อน3ปี โดยการนัดเจอกัน แปลว่า ณ จุดๆนั้น เราคงต้องสนิทกันระดับนึงแล้วล่ะถ้าเค้ายอมมาเจอ เพราะผู้ชายคนนี้เรื่องความเหมาะสม เรื่องอะไรต่างๆ ระวังตัวใช่เล่นกรณีที่3 ถ้าเราได้เจอเค้าหลัง3ปี คือหลังจากกลับมาจากใช้ทุน เวลา3ปีไม่ใช่สั้นๆนะ ถ้าเรามั่นคงกับใครคนนึงได้ขนาดนั้น ก็บอกเค้าไปเหอะจริงๆมีเรื่องราวต่อจากที่เล่าอีกนะ เรื่องที่เจอกันตอนบายเนียร์ เรื่องที่โทรคุยกัน แต่มันเ้ป็นประเด็นย่อยๆที่เราเก็บมายิ้มว่า ช้านนนนนนช่างกล้า ทำอะไรลงปายยยยยยยยยยยยขอไม่เล่าละกัน เขิลเว่อร์ๆ แค่นี้ก็เยอะละใครอย่ากลัวเราน้าาาา ปกติเราไม่ขุดคุ้ยกูเกิ้ลขนาดนี้ ><ขอบคุณที่ตามอ่านเรื่องยาวๆของเราจ้าาาาา
หนูว่าแบบกรณีที่2นี่น่าจะแฮปปี้สุดนะคะ ><
ไปแล้วค่า บล็อกนี้ชมพูๆ อิจฉา
ฝันดีค่ะ ^_____________^