กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
บุญ
ข้อธัมม์ที่ถาม-เถียงกันบ่อย
หลักปฏิบัติ
สภาวธรรม
ปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง
ผู้พิพากษาตั้งตุลา ใ ห้ สั ง ค ม ส ม ดุ ล
คติธรรมสั้นๆ
ภาษาธรรมวันละคำ
รู้เขา รู้เรา
ปัจฉิมวาจา
ความเป็นมาของการบวช
การทำวัตรสวดมนต์
ทำยังไงจึงจะมีอายุยืนและมีความสุข
นิพพาน-อนัตตา ฉบับเพียงเพื่อไม่ประมาท
พลังดันคน
ที่ทำงานของจิต
บรรลุธรรมอะไร?
พุทธปรัชญาในสุตตันตปิฎก
ธัมมาธิบาย
สวดมนต์
ความจน เ ป็ น ทุ ก ข์ ใ น โ ล ก
เรียนบาลีเพื่อรักษาพุทธพจน์
ศีล-ธรรมไม่มาโลกาจะพินาศ
หลักธรรมสำหรับผู้ยังไม่นับถือศาสนาใดๆ
ก่อนศึกษาพุทธธรรม
ภาค ๑. มัชเฌนธรรมเทศนา
ภาค ๒. มัชฌิมาปฏิปทา
ภาค ๓. อารยธรรมวิถี
วัฒนธรรมประเพณี
จารึกธรรม
สมาธิ,ฌาน
ตุลาคม 2565
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
9 ตุลาคม 2565
กรรมของสังคม
เด็กปัจจุบันโตไวกว่าที่คิด
ตาดู หูฟัง แบบอย่างบันทึกข้อมูล
สรรพสิ่งอาศัยกันและกัน
กรรมของสังคม
ศีล ธรรม
อารัมภบท
กรรมของสังคม
ค่อยๆทำความเข้าใจหัวข้อนี้แล้วเทียบเรื่องราวหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม
-
กรรมในระดับสังคม หรือกรรมของสังคม
บางที มีการตั้งข้อสงสัย หรือถึงกับถกเถียงกันว่า
กรรมของสังคม
หรือกรรมในระดับสังคม มีหรือไม่ ?
บางคนเห็นว่า กรรมเป็นเรื่องเฉพาะตัวของบุคคล กรรมของใคร ก็ของคนนั้น ใครทำ ใครได้ กรรมจึงมีแต่ในระดับบุคคล เป็นเรื่องส่วนตัว
เพราะฉะนั้น กรรมของสังคม หรือ กรรมในระดับสังคม จึงไม่มี
คำพูดทำนองนี้ บางทีก็เป็นการพรางตัวเอง หรือถึงกับหลอกตัวเอง ในการพิจารณาเรื่องนี้ อาจจะไม่ต้องตอบคำถาม แต่ยกหลักมาแสดง และให้ผู้ถามหรือผู้สงสัย ตอบคำถามหรือแก้ข้อสงสัยของตนเอง
กรรมคืออะไร ทุกคนตอบได้ว่า กรรมคือการกระทำ หรือให้ชัดขึ้นว่า กรรมคือการกระทำที่เกิดจากเจตนา หรือจำเพาะลงไปเลย ตามพุทธพจน์ว่า กรรมคือเจตนา หรือเจตนาเป็นกรรม
ในแง่บุคคล
ใครทำกรรม คือเป็นเจ้าของเจตนา ก็เสวยผลของกรรม คือผลของเจตนานั้น ตรงนี้เห็นได้ว่าเฉพาะตัว น้ำในแก้วน้ำใบนี้ ใส่สีแดงลงไป น้ำในแก้วน้ำใบนี้ ก็มีสีแดง ในใบโน้นใส่สีเขียวก็มีสีเขียวในใบโน้น ของใครของมัน
ทีนี้
มองกว้างออกไป
หรือ พูดอย่างเป็นกลางๆ ว่า
มนุษย์
นี้ต่างจากวัตถุสิ่งธรรมชาติทั้งหลายอื่นทั่วไป
ตรงที่มีการกระทำ และการกระทำของเขานั้น เกิดจากเจตนา
หรือเป็นไปตามเจตจำนง เรื่องราวของมนุษย์ทุกอย่าง ตัดแต่งเสื้อผ้า สร้างบ้านสร้างเรือน เป็นชาวนา เป็นกรรมกร มีอาชีพต่างๆ จนสร้างบ้านสร้างเมือง ฯลฯ เป็นเรื่องที่เกิดจาก
การกระทำของมนุษย์ เกิดจากเจตจำนงของมนุษย์
เริ่มหรือตั้งขึ้นมาจากเจตนาของคน เป็นไปตามเจตจำนงของคน
ที่ภาษาพระเรียกว่า กรรม
เรื่องของมนุษย์ที่มนุษย์ทำขึ้นมานี้ มากมายเต็มไปทั่ว จนพูดกันว่า โลกของมนุษย์ หรือสังคมมนุษย์ แต่รวมแล้ว โลกของมนุษย์นั้น ก็คือโลกแห่งการกระทำของมนุษย์ หรือโลกแห่งเจตจำนง ที่เจตนาของมนุษย์จัดสรรปั้นปรุง หรือสร้างสรรค์ขึ้นมา
โลกของมนุษย์นั้นจึงเป็นโลกของกรรม
พูดง่ายๆ ว่า กรรมเป็นเรื่องของมนุษย์ เรื่องของมนุษย์ก็คือกรรม ว่าเป็นกลางๆไม่ต้องไปจำกัด หรือแยกว่ากรรมของบุคคล หรือกรรมของสังคม ว่ากรรมในระดับบุคคล หรือในระดับสังคม แทนที่จะแยกอย่างนั้น ควรจะแยกกรรมที่เป็นเรื่องของมนุษย์ ต่างออกไปจากเรื่องของพืช เรื่องของวัตถุหรือสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
กรรมที่เป็นเรื่องของมนุษย์นี้ มองเป็นกลางๆ อย่างนี้ ก็เห็นตั้งแต่บุคคลขึ้นไปถึงทั้งสังคม ทั้งโลก
เหมือนอย่างที่พูดว่า แต่ละบุคคลมีชีวิตของตนๆ แล้วบุคคลทั้งหลายมาอยู่ร่วมกัน มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ก็เป็นสังคมขึ้นมาเอง ข้อนี้ฉันใด กรรมที่เป็นวิถีชีวิตของบุคคล เมื่อบุคคลทั้งหลายมาอยู่ร่วมกัน ก็ทำกรรมต่อกันและทำกรรมด้วยกัน ก็เกิดเป็นกรรมที่เป็นวิถีของสังคมขึ้นมาเอง นี่ก็ฉันนั้น
กรรมที่เป็นเฉพาะตัวบุคคล ก็มี แล้วพอมองกว้างออกไป เป็นกลางๆ กรรมก็เป็นเรื่องของมนุษย์ เป็นตัวการที่สร้างโลกของมนุษย์ขึ้นมา ไม่ต้องไปแยกว่าเป็นกรรมในระดับบุคคล หรือกรรมในระดับสังคม นอกจากเพื่อความสะดวกในการศึกษาพิจารณา
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านเป็นเกษตรกร
ทำมาหากินกันด้วยความขยันหมั่นเพียร อยู่กันมาเป็นปกติสุข ต่อมา
นักพนันชนไก่
ที่เชี่ยวชาญคนหนึ่ง เข้ามาเยี่ยมหมู่บ้าน นำศิลปะของตนมาแสดง และเผยแพร่ชักชวน คนไหนชื่นชอบเชื่อถือ คือ มีเจตนารับเอามาทำตาม ก็เป็นกรรมของคนนั้น และเขาก็จะได้รับผลกรรมของตน เป็นเรื่องเฉพาะตัวของเขา นี่มองแค่ตัวคนนั้นเป็นบุคคล
แต่มองกว้างออกไป
ปรากฏ ว่า ต่อมาไม่นาน หัวหน้าครอบครัวแทบทั้งหมู่บ้านนั้น ชื่นชอบเชื่อตาม เล่นพนันชนไก่กันทั่ว สนุกสนานกันมาก ไม่เป็นอันทำมาหากิน ชาวบ้านที่เชื่อและทำตาม แต่ละคนก็ได้รับผลกรรมของตัวไป
- แต่เมื่อ
มองกว้างทั้งหมู่บ้าน
นั้น
ปรากฎผลรวมว่า ชาวหมู่บ้านนั้น
มีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป มีการดื่มสุรา มีการลักขโมยมาก เป็นต้น แล้วความเจริญความเสื่อม ทุกข์หรือสุขก็ตามมาแก่คนหมู่บ้านนั้น สภาพของหมู่บ้านนั้น แม้แต่สภาพแวดล้อมดินน้ำลมไฟ ก็เปลี่ยนไป
อย่างนี้ คือกรรมเป็นเรื่องของคน หรือ เรื่องของโลกมนุษย์ เป็นของบุคคล หรือของสังคม ก็เห็นได้เอง และในด้านหลักกรรม เมื่อมองให้กว้าง ปัจจยาการก็ถึงกันหมดเองเป็นธรรมดา
ชาวพุทธไทยจำนวนมากเคยได้ยินพุทธพจน์ว่า "
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
" แปลว่า โลกเป็นไปตามกรรม. บางทีก็ยกมาพูดมาอ้างกัน แต่มักไม่ดูความหมายให้ชัด
โลกในพุทธพจน์
นี้ ก็คือ
สังคมมนุษย์
ทีนี้ โลกมนุษย์ หรือสังคมมนุษย์นี้ เป็นไปตามกรรมอย่างไร
พุทธพจน์นี้มาในวาเสฏฐสูตร
ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดง
หลักกรรม
เพื่อหักล้างระบบวรรณะของพราหมณ์
พราหมณ์มีลัทธิ
ว่า พระพรหมสร้างโลก และจัดสรรทุกอย่างมาเสร็จ สำหรับสังคมมนุษย์ กำหนดให้คนแยกเป็น ๔ วรรณะ คือ
กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร
อย่างที่รู้กัน
เกิดมาในวรรณะไหน ก็ต้องอยู่ในวรรณะนั้นจนตาย เปลี่ยนแปลงไม่ได้
พระพุทธเจ้าทรงคัดค้านลัทธิพราหมณ์นั้น โดยตรัสว่า โลกมนุษย์ หรือสังคมมนุษย์นี้ เป็นไปตามกรรม กรรมในที่นี้ ทรงเน้น
กรรม
ที่คนทำเป็นประจำ จนเป็นวิถีชีวิตของคน แล้วก็เป็นวิถีของชุมชน กลุ่มชน นั่นก็คือ กิจการงาน
อาชีพ
(คำว่า
กรรม
ในภาษาบาลี บ่อยมาก หมายถึง
การงานอาชีพ
)
ความเป็นไปของมนุษย์ในสังคม
อย่างนี้แหละ ที่ตรัสว่า
โลกเป็นไปตามกรรม
คือ โลกไม่ใช่เป็นไปตามที่พระพรหมสร้าง และไม่ใช่ว่ากำหนดมาให้เป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้นตายตัว โลกหรือสังคมนี้ เป็นไปตามกรรม คือ การกระทำ เช่นการงานอาชีพ ที่คนมีเจตจำนงเลือกประกอบหรือจัดทำ
พุทธพจน์ใน
วาเสฏฐสูตร
ตรงนี้ ได้ยกมาอ้างบ่อย แต่เป็นการอ้างอิงเพื่ออธิบายในต่างแง่ความหมาย หรือไม่ก็เป็นการเน้นย้ำ ขอนำมาแสดง ณ ที่นี้ด้วย ดังนี้
"ดูกรวาเสฏฐะ ท่านจงรู้อย่างนี้ว่า ในหมู่มนุษย์ ผู้ใดอาศัยโครักขกรรมเลี้ยงชีพ ผู้นั้น เป็นชาวนา มิใช่พราหมณ์....ผู้ใดเลี้ยงชีพด้วยศิลปะต่างๆ ผู้นั้นเป็นศิลปิน...ผู้ใดอาศัยการค้าขายเลี้ยงชีพ ผู้นั้นเป็นพ่อค้า...ผู้ใดเลี้ยงชีพด้วยการรับใช้ผู้อื่น ผู้นั้นเป็นคนรับใช้...ผู้ใดอาศัยการลักทรัพย์เลี้ยงชีพ ผู้นั้นเป็นโจร...ผู้ใดอาศัยศรและศัสตราเลี้ยงชีพ ผู้นั้นเป็นทหารอาชีพ... ผู้ใดเลี้ยงชีพด้วยหน้าที่ปุโรหิต ผู้นั้นเป็นเจ้าหน้าที่การบูชา หาใช่พราหมณ์ไม่...ผู้ใดปกครองบ้านเมือง ผู้นั้นเป็นราชา หาใช่พราหมณ์ไม่ ฯลฯ เราเรียกคนที่ไม่มีกิเลสค้างใจ ไม่มีความถือมั่น ว่าเป็นพราหมณ์...
"คนมิใช่เป็นพราหมณ์เพราะชาติกำเนิด แต่เป็นพราหมณ์เพราะกรรม ไม่เป็นพราหมณ์ก็เพราะกรรม เป็นชาวนาก็เพราะ
กรรม
(การงาน อาชีพ ความประพฤติ การดำเนินชีวิต)
เป็นศิลปิน เป็นพ่อค้า เป็นคนรับใช้ เป็นโจร เป็นทหาร เป็นปุโรหิต และแม้แต่เป็นราชา ก็เพราะกรรม บัณฑิตทั้งหลายผู้เห็นปฏิจจสมุปบาท ฉลาดในกรรมและวิบาก ย่อมมองกรรมตามเป็นจริงอย่างนี้ โลกย่อมเป็นไปเพราะกรรม หมู่ประชาย่อมเป็นไปเพราะกรรม.."
(ม.ม.13/707/643-9)
เป็นอันว่า ตามหลักพุทธธรรม สังคมปรากฎตัวและเป็นไปตามกรรม คือ การงานกิจการอาชีพที่คนทำ และวิถีชีวิตที่ดำเนินไปตามนั้น ไม่ใช่เป็นวรรณะตามชาติกำเนิด อย่างที่พราหมณ์บอกว่าพระพรหมกำหนดจัดสรรบันดาลมา
ดังที่กล่าวแล้วว่า หลักกรรมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของหลักปฏิจจสมุปบาท และในบทที่ว่าด้วย
ปฏิจจสมุปบาท
ที่ผ่านมาแล้ว ก็ได้อ้างอิงให้เห็นว่า
พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงปฏิจจสมุปบาท ตอนที่เป็นปัจจยาการแห่งการเกิดขึ้นของปัญหาความชั่วร้ายในสังคมไว้ด้วย
อาจจะเรียกว่า
ปัจจยาการแห่งทุกข์ของสังคม
ก็ได้ แต่ทั้งนี้ก็เป็นการตัดแยกออกมาดูเพื่อประโยชน์ในการศึกษาเรื่องราว
(299)
ตัวอย่างช่วยอธิบาย
พอปัญหากระทบต่อสังคมแรงที ผู้มีหน้าที่ก็ออกมาเต้นที ก่อนก็เต้นเรื่องทางม้าลาย ตอนนี้เงียบไปล่ะ ตอนนี้ปัญหาอดีต ตร. เมายากราดยิงลูกเด็กเล็กแดงเสียชีวิตหลายสิบคน ออกมาเต้นเรื่องยาเสพติดล่ะ นี่แหละกรรมของสังคม ส่วนคนเสพก็เป็นกรรมรับผลของกรรมส่วนบุคคลไป
https://www.facebook.com/thestandardth/photos/a.1725541161072102/3165726093720261/
ตอกย้ำเรื่องดังว่าให้ชัดอีก
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjVXBSZoUgSjCfLSMOQE6sgZWwZYTylYIJmkUXcO9k_bW7dYdzT9VwjWZi_mG1zqg32w4pdgjKZhlt2UjmuB1kG-udOr8BJb0TTOZtu99I58sB22xRUkQrbuqpucbpvc1Rw2B2yK9eiozu-amnF8ku-92cP7c1c6wI71gb8nQfD2LhUN1HW1ciyB86N/w438-h640/311341289_1276907879725356_4894582432943637695_n.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg4w4P2O7BAhLIbmv0RjBd8sLqHOjbuvZOfmAxp3BU0W6MUTWeVmtxCHZcfTpYasV8pJYt7LYG0QBTR5Umu7ygYBigEud5JCzImuVuwVU2K1k16N1l2ODiVH1tFZx4RJOcve_Cs7l3fHfRh-Q2aLwAKzDl18dOGRWEXOZymkYcNvcf_-qxLGzpoGoGi/s320/6416473306194366065.jpg
https://www.facebook.com/photo/?fbid=514041547398778&set=a.492363369566596
"...มีมากมีเยอะจริง แต่หาไม่ได้ง่าย" มีมาก แต่หาไม่ง่าย
ที่ว่าหาไม่ง่าย เพราะผิดกฎหมายจะทำแบบโจ่งแจ้งหาทำ-ซื้อเหมือนกุ้งหอยปูปลาไม่ได้ มีมากแต่หาไม่ได้ง่ายๆ
Create Date : 09 ตุลาคม 2565
Last Update : 1 มกราคม 2567 17:17:19 น.
0 comments
Counter : 439 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
Bloggang.com