พระองค์ท่านทรงทราบใช่ใหม............"
ภาพจากเดือนก.พ. 2559 เมื่อผู้เขียนเข้าพบเพื่อขอสัมภาษณ์ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ที่มูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อจะนำข้อมูลไปเขียนหนังสือแนวพัฒนาตนเองของผู้เขียน นอกจากเรื่องราวเกี่ยวกับดร.สุเมธเองแล้ว ผู้เขียนก็ได้ถามถึงหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร.๙ ด้วย ดร.สุเมธได้ประมวลหลักการทรงงานไว้ ๑๐ ข้อ คือ 1) ความซื่อสัตย์สุจริตต้องมาอันดับแรก 2) ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน 3) มีความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน 4) ให้เริ่มจากหลักการ หลักวิชาการ และแล้วนำไปทดสอบทดลอง 5) ดูความต้องการของประชาชนเป็นหลัก 6) ยึดธรรมชาติเป็นหลัก 7) ให้รู้รักสามัคคี 8) ทำอะไรให้เริ่มจากเล็กไปหาใหญ่ 9) ยึดความพอดีพอควรเป็นที่ตั้ง และ 10) ยึดธรรมะเป็นที่ตั้งในทุก ๆ เรื่อง สอนโดยไม่สอน นอกจากนี้ดร.สุเมธยังกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร.๙ ยังทรงมีวิธี สอนงานแบบไม่สอน อีกด้วย โดยจะทรงเน้นการปฏิบัติให้ลูกศิษย์ดู และจูงใจนักเรียนให้มาสนใจ แต่ไม่เคยทรงสั่งหรือทรงบังคับให้ทำ จะทรงสอนอย่างละเอียดให้เข้าใจทุกแง่มุม และที่สำคัญทรงเน้นเสมอว่า การสอนควรยึดรากฐานเดิมของสังคมไทยไว้ ไม่ควรคัดลอกจากต่างประเทศมากเกินไป ทรงงานหนัก จากคำบอกเล่าของดร.สุเมธยัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร.๙ นั้นทรงงานหนักมาก ใครถวายหนังสืออะไรขึ้นไปจะทรงอ่านหมด อ่านอย่างละเอียดทุกหน้า รู้หรือไม่ว่าตั้งแต่ปลายปี 2493 เป็นต้นมา พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานปริญญาไปแล้วรวมน้ำหนักทั้งสิ้น 220 ตัน จากหนังสือ หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล อีกทั้งยังทรงงานไม่มีวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ทรงงานถึงดึกดื่นทุกวันเพราะตรัสว่า ความทุกข์ยากของประชาชนนั้นรอไม่ได้
เคยรับสั่งให้ผมเข้าเฝ้าฯ ในวันศุกร์ พระองค์ตรัสว่า ที่ตรงนี้ที่ตรงนั้นเขาอดอยากอยู่ ผมกราบบังคมทูลว่า เดี๋ยววันจันทร์ข้าพระพุทธเจ้าจะรีบไปพระพุทธเจ้าข้า พระองค์รับสั่งทันทีว่า ความทุกข์ความทรมานไม่มีวันหยุดหรอก เขาทุกข์เดี๋ยวนี้ ต้องไปเดี๋ยวนี้เลย
จากหนังสือ ตามรอยพระยุคลบาท ครูแห่งแผ่นดิน โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ไม่ทรงมีวันเกษียณ ดร.สุเมธเล่าว่า ในวันเกิดครบอายุ 60 ปีของตนเอง หลังจากได้ถวายงานแล้ว ตนได้เข้าไปกราบบังคมทูลขอพระราชทานพรเนื่องในวันเกิดของตน ซึ่งถึงวัยเกษียณพอดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร.๙ ทรงรับสั่งถามกลับสั้น ๆ ว่า แล้วฉันล่ะ? ในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 72 พรรษา และยังทรงงานอยู่อย่างหนักเหมือนเดิม ดร.สุเมธเล่าว่าหลังจากนั้นตนไม่เคยนึกเรื่องเกษียณอีกเลย และตั้งใจจะทำงานอย่างเต็มที่ไปตลอดตราบใดที่สุขภาพยังอำนวย พรพระราชทานครั้งสุดท้าย ในปีที่ดร.สุเมธเองอายุครบ 72 ปี ก็ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายงาน และหลังจากนั้นก็ขอพระราชทานพรวันเกิด ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร.๙ ทรงพระประชวรและประทับอยู่ที่รพ.ศิริราชแล้ว ดร.สุเมธเล่าว่า ขณะที่ตนก้มกราบรอรับพรพระราชทานอยู่กับพื้นนั้น ทรงเงียบไปพักหนึ่ง แล้วดร.สุเมธก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ ตกมาที่บ่าดัง ปึ้ก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัวร.๙ ทรงน้อมพระวรกายลงมาจากพระเก้าอี้ เพื่อตบบ่าดร.สุเมธแล้วตรัสสั้น ๆ แต่ทรงย้ำถึง 3 ครั้งว่า สุเมธ
งานยังไม่เสร็จ
สุเมธ
งานยังไม่เสร็จ
สุเมธ
งานยังไม่เสร็จ
ผู้เขียนขอสารภาพว่า เมื่อได้ยินดร.สุเมธถ่ายทอดพระราชดำรัสสั้น ๆ แต่กินใจยิ่งนี้ให้ฟัง ถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาทันที ต้องพักการสัมภาษณ์ครู่หนึ่งเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด
เพราะพระราชดำรัสนั้นสื่อความหมายชัดเจนว่า แม้จะมีพระชนมายุมากแล้ว และทรงพระประชวรอยู่ พระองค์ท่านก็ยังทรงเป็นห่วงพวกเราพสกนิกรอยู่เหลือเกิน
ฝากกราบบังคมทูล หลังจากการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นลง ผู้เขียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งเพราะเกรงว่าจะเป็นการมิควรที่จะไปรบกวนผู้ใหญ่แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจขอดร.สุเมธไปว่า ถ้าท่านได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านอีกครั้ง ฝากกราบบังคมทูลได้หรือไม่ว่าพวกเราพสกนิกรรักพระองค์ท่านและเป็นห่วงพระพลานามัยของพระองค์เหลือเกิน ถึงตรงนี้ดร.สุเมธเม้มปากนิ่ง สีหน้าดูครุ่นคิดไปครู่หนึ่งแล้วบอกว่า พระอาการไม่ค่อยดี วันนี้ก็เพิ่งมีพระปรอทอีก สิ่งที่คนไทยอยากได้ยิน ผู้เขียนรู้สึกว่าใจหายวูบ มองดร.สุเมธนิ่งไปสักครู่เช่นกัน และได้ยินเสียงตัวเองถามออกไปว่า
แต่พระองค์ท่านทรงทราบใช่ไหมคะว่าพวกเราประชาชนทุกคนรักพระองค์ท่านมากแค่ไหน.. ดร.สุเมธหันมาตอบทันทีด้วยสีหน้ามั่นใจว่า อ๋อ แน่นอน หัวใจผู้เขียนเต้นแรงขึ้นด้วยกำลังใจที่วูบขึ้นมา คำยืนยันจากดร.สุเมธว่าพระองค์ท่านทรงทราบอย่างแน่นอนถึงความรักที่พวกเรามีต่อพระองค์ทำให้ผู้เขียนรู้สึกใจชื้นขึ้น อย่างน้อยพระองค์ก็ทรงทราบ
. สิ่งที่พวกเราทำได้ เย็นวันนั้นผู้เขียนกลับออกมาจากมูลนิธิชัยพัฒนาด้วยความรู้สึกมุ่งมั่นยิ่งกว่าเดิมที่จะทำประโยชน์ให้เพื่อนร่วมชาติ ให้แผ่นดิน ตามแบบที่ตนถนัดให้ดีที่สุด เท่าที่กำลังสติปัญญาจะพอทำได้ เพราะว่า
งานยังไม่เสร็จ
ขอถือโอกาสนี้เชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านให้ร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน ช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนร่วมชาติให้ดีที่สุดตามความถนัดของตนไปอย่าง ไม่มีวันเกษียณ อย่าให้การเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร.๙ เป็น จุดสิ้นสุด ของน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่
แต่ขอให้เป็น จุดเริ่มต้น ของ การมีน้ำใจให้กันและกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในหมู่พวกเราชาวไทยเถิด ขอบคุณข้อมูลจาก www.doctor-nash.com
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2559 |
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2559 23:31:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 551 Pageviews. |
|
|