|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Shot fic shinhwa .... ก้าวเดียว ...Special Jin-Dy ep.8 - 9
ก้าวเดียว Special Jin-Dy ep.8 รักน่ะเหรอ ไม่เห็นต้องพูด...
หากเป็นเวลาปกติ เสียงออดที่ดังขึ้นในคาบเรียนสุดท้ายของวันแบบนี้ มันคงทำให้เด็กน้อยคนนึงอมยิ้มซะแก้มแทบฉีกด้วยความดีใจ
แต่นั่นมันก่อนที่อะไร ๆ จะเปลี่ยนไปนี่ (อะไร? คืออะไร)
แอนดี้รับรู้ถึงไรผมบริเวณท้ายทอยที่มันลุกซู่ขึ้นมาขานรับกับเสียงออดจนน่าตกใจ เด็กน้อยกระพริบตาปริบ ๆ อยู่กับที่ซักพักก่อนจะตั้งสติแล้วพยายามระงับประสาทไม่ให้มันหลอนไปมากกว่านี้ ซึ่งมันยากเหลือเกิน เค้าพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปิดฝาปากกาตนเองโดยไม่ให้มือสั่น พยายามอยู่หลายครั้งที่จะฉีกยิ้มน้อย ๆ ให้เพื่อนรอบๆ ตัวที่ส่งเสียงตะโกนมาทางเค้าและโบกมือลาเพื่อแยกย้ายกลับบ้าน
อะไรมันจะหลอนจนเข้าเส้นขนาดนี้หนอ
อย่าลืมนะ เจอกันหลังซ้อม ถ้าเราไม่มา พี่จะตามไปอุ้มเราถึงห้อง แล้วหากว่าวันนี้บังเอิญโชคดีที่หนีพี่พ้นนะแอนดี้ เราก็จะได้รับบทเรียนแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตเลยรู้มั้ยครับคนเก่ง รอยยิ้มเย็น ๆ บนใบหน้าหล่อเหลา ทิ้งรอยไว้ให้หัวใจดวงน้อย ๆ สั่นระริก แอนดี้เพิ่งรู้ตัวว่าคำพูด ไม่สิ ต้องเรียกว่าคำขู่ของจอนจินเมื่อเที่ยง มีอิทธิพลกับเค้ามากมายเหลือเกิน
พี่จินต้องการอะไรกันแน่นะ เฮ้อ! เด็กน้อยชันข้อศอกกับบนโต๊ะเรียน ค้ำคางมนของตนไว้ นิ้วชี้ก็เคาะไปบนแก้มใสเบา ๆ เป็นจังหวะในขณะที่หัวสมองกำลังใช้ความคิด ...
อยากให้เราอยู่เป็นเพื่อนซ้อมงั้นเหรอ ความจำเป็นมีค่าเท่ากับศูนย์ ก็ในเมื่อแต่ก่อนไม่มีเค้ารุ่นพี่ก็ยังซ้อมบอลได้ ไม่เห็นจะขาดใจตายซะหน่อย
หรือว่า ..
พี่จินจะชอบเราจริง ๆ ดวงตาที่เคยหรี่ปรือเบิกกว้างขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อคิดถึงตรงนี้
ถ้าเป็นงั้นจริง ๆ จะทำไงล่ะ แอนดี้!! เด็กน้อยนึกไปถึงรอยยิ้มเหยียด ๆ และสีหน้าของใครบางคนในโรงพยาบาลก็พาลจิตตก หากเป็นงั้นจริง มันคงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เป็นแน่
แน่แหละ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ไหนมันจะรวมเอาความวุ่นวายทั้งหลายเข้าไว้ด้วยกัน เอริค แล้วก็เฮซองอีก
ก็อีแค่จูบเดียว ทำไมมันถึงยุ่งยากแบบนี้นะ
นิ้วมือเล็ก ๆ เลื่อนขึ้นมาไล้แผ่วเบาลงบนริมฝีปากแห้ง ๆ อย่างลืมตัว ความรู้สึกที่เผลอไผลในคราวก่อนยังคงฝังเป็นรอยจาง ๆ ไว้ไม่เลือนหายไปซักที
แต่เรื่องแค่นี้ ถ้าไม่ทำให้จบ มันก็ไม่มีวันจบ แค่เดินเข้าไปบอกจอนจินว่า ตัวเค้าเองไม่ได้รู้สึกอะไรแม้เพียงนิด เค้ารักเอริค รักเอริคคนเดียว แล้วรุ่นพี่ก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว เรื่องที่ผ่านมาเป็นเหตุที่มันระงับไม่ได้ แล้วมันก็ผ่านไปแล้ว เลือกที่จะไม่พูดถึงมันคงดีกับทั้งสองฝ่ายมากกว่า
คิดออกมาได้แค่นั้นแล้วก็ก้มหน้าราบไปกับโต๊ะ ซุกตัวอยู่ในวงแขนตนเอง เวลาผ่านไปซักพักจึงได้หยิบเป้มาสะพายบ่าแล้วเดินออกไปเผชิญความจริงราวกับทหารกล้าที่ไม่เกรงกลัวต่อเหล่าทหารม้าผู้ทรงศาสตราวุธครบครันและเก่งฉกาจทั้งกองทัพงั้นแหละ
เว่อร์คอด
บริเวณสนามหญ้า นักกีฬาเกือบ ๆ 20 ชีวิตยังคงซ้อมบอลกันอย่างเอาจริงเอาจัง แอนดี้นั่งทรุดตัวลงตรงริมสนามใต้ต้นไม้ที่ประจำของเค้า ทว่าวันนี้เค้าไม่ได้เปลี่ยนชุดจากชุดนักเรียนเป็นชุดกีฬา สายตาเรียวเล็กจับจ้องไปยังบุคคลร่างสูงคนหนึ่งในสนามที่ส่งเสียงบัญชาการให้ลูกทีมเล่นบอลไปตามแผนที่ได้วางไว้
ท่าทีที่ดูจริงจัง เสียงพูดที่ขึงขัง เหงื่อกาฬไหลอาบใบหน้าคม จากขาวใสเป็นแดงเรื่อนั่น ทว่ามันกลับทำเอาเด็กน้อยเผลอมองอยู่หลายอึดใจทีเดียว แม้บางครั้งที่รำลึกขึ้นได้ก็จะเลี่ยงจากภาพนั้นก้มลงมองพื้นสนามบ้าง มองนกมองไม้บ้าง แต่แม่เหล็กเดินได้ หายใจได้ วิ่งได้ พูดได้และมีชีวิตคนนั้นก็คอยแต่จะฉุดตนเองให้ดำดิ่มลงสู่ห้วงเหวลึกอยู่ร่ำไป ... อะไรมันจะขนาดนั้น
เสียงนกหวีดหมดเวลาซ้อมดังขึ้น ทุกคนเดินมาร่วมกลุ่มกันริมสนามฟังโค้ชพูดถึงการซ้อมและข้อบกพร่องของแต่ละคนในวันนี้เหมือนทุกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทาง ร่างสูงของจอนจินเดินคุยกับโค้ชไปยังอีกมุมของสนาม ปล่อยเด็กน้อยเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กับที่ว่า ตกลงจะเอาไง รอ หรือชิ่งกลับดี
รอไอ่จินมันเหรอแอนดี้ เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นเบื้องหน้า สติก็ถูกกระตุกให้กลับมายังที่ของมัน บุคคลร่างสูงหน้าตาติดจะตี๋ ๆ ตามแบบฉบับเชื้อสายจีนส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้ ซึ่งเค้าก็พยักหน้ายิ้มรับด้วยดี รุ่นพี่คนนี้เพื่อนสนิทของจอนจินนั่นเอง
โค้ชมีเรื่องคุยกับมันน่ะ รอแป๊บแล้วกันนะ แอนดี้ไม่รู้จะพูดอะไรได้ดีไปกว่าพยักหน้าน้อย ๆ ตอบเพียงเท่านั้น
ชั้นนั่งคุยเป็นเพื่อนก่อนดีมั้ย
ไม่เป็นไรหรอกฮะ ผมอยู่ได้
เหอะ ห้องเปลี่ยนชุดคนมันเยอะ ขี้เกียจไปแย่งอากาศ เท็นเท็นไม่รอคำอนุญาต ล้มตัวลงนั่งข้าง ๆ แอนดี้ ชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ แอนดี้เองก็ไม่ได้รังเกียจผู้เป็นรุ่นพี่คนนี้ เค้าพยักหน้า หัวเราะน้อย ๆ กับมุกตลกของคนตรงหน้าบ้างเป็นบางที จนแทบลืมไปแล้วถึงสาเหตุที่ตนต้องมานั่งอยู่ริมสนามในเวลานี้
คุยอะไรกันน่ะ ชายร่างสูงในชุดกีฬาคุ้นตาส่งเสียงขัดจังหวะขึ้น
ก็เปล่านี่ คุยเรื่อย ๆ
นายไม่ไปเปลี่ยนชุดล่ะเท็นเท็น
อืม ก็ว่าจะไป
งั้นก็ไปซะตอนนี้เลยสิ รออะไรวะ จอนจินยังตีสีหน้าเข้ม ทำน้ำเสียงขรึม ๆ จนแอนดี้ที่กำลังนั่งฟังบทสนทนาระหว่างเพื่อนทั้งสองต้องขมวดคิ้ว
เออ ๆ ไปก็ได้ หวงจริงวุ้ย
หวง???? เด็กน้อยเริ่มเหวอในท่าอ้าปากค้าง กลาย ๆ ว่าไรผมที่คอจะลุกซู่อีกครั้ง
.. ชั้นไปนะแอนดี้ ไว้จะมาคุยด้วยบ่อย ๆ
เอ่อ
ฮะ ลับหลังไอ้เพื่อนหน้าทะเล้นไปแล้ว จอนจินที่ยังคงยืนจ้องมองคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งอยู่กับที่ด้วยสายตานิ่งเฉยโดยไม่พูดอะไร แอนดี้เองเมื่อหลุดจากอาการค้างได้ ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาถอนหญ้าบริเวณใกล้ ๆ มือเล่นแก้เก้อ บรรยากาศรอบตัวตอนนี้มันช่างเงียบเชียบ เงียบจนเกินไปแล้วนะ
ทำไมไม่เปลี่ยนชุดล่ะแอนดี้
ผมจะมาบอกพี่ว่า ผมไม่ซ้อมแล้ว
เรามีปัญหาอะไรล่ะถึงเลิกซ้อม เห็นการซ้อมมันเป็นเรื่องไร้สาระ นึกอยากเล่นก็เล่น นึกอยากเลิกก็เลิกซะเฉย ๆงั้นเหรอ พี่ไม่สนุกด้วยนะ
เปล่าหรอกฮะ แอนดี้เริ่มหน้ามุ่ยเมื่อคนที่พ่นประโยคดุ ๆ นั้น ทำหน้ายักษ์ใส่เค้าอีกต่างหาก
จะไปเปลี่ยนชุดเอง หรือให้พี่เปลี่ยนให้
แต่ว่า...
พี่นับถึง 3 ถ้าเรายังเฉย พี่จะอุ้มเราเข้าไปเอง
เลขตัวแรกยังไม่ถูกเอ่ยออกมา แอนดี้ก็วิ่งแจ้นไปแล้ว จอนจินมองตามร่างเล็ก ๆ นั้นด้วยความขบขันเต็มที
เมื่อคืนที่ความอ่อนไหว..ถูกเติมเต็มด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว .. เค้ายอมรับตัวเองได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเค้ายังคงรัก(และหลง)รุ่นพี่เฮซองมากมายแค่ไหน ส่วนแอนดี้ ... แน่ล่ะ เด็กคนนั้นไม่ใช่ของเล่น แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าสนุกแค่ไหนที่ได้อยู่ใกล้ก็ตาม แต่มันก็แค่นั้น
...แอนดี้เป็นแค่รุ่นน้องคนนึง เป็นคนที่อยู่ใกล้แล้วสบายใจ เป็นแค่คน ๆ นึงที่เค้าอยากอยู่ด้วยเพื่อฆ่าเวลาก่อนไปรับเฮซอง และที่สำคัญ
....เป็นคนรู้ใจของรุ่นพี่เอริค ...
บ่อย ๆ ที่คำ ๆ นี้มันผุดเข้ามาในมโนสำนึก บ่อยจนเริ่มรู้สึกแปลก
ทุก ๆ คราที่หัวใจแกร่งเกิดแกว่งไกวราวกับมีใครเล่นกำลังโล้ชิงช้าอยู่ภายในอก ประโยคเหล่านี้ก็โผล่หน้าเจ๋อ ๆ ออกมาซะทุกทีไป
นั่นมันเป็นแค่จิตใต้สำนึก หรือแค่ประโยคเพื่อสะกดใจให้เลิกไหวหวั่น ..
ดวงตาเรียวดุที่สาดความปรารถนาใส่ตนเมื่อคืน มันยังเด่นชัดราวสลักไว้ในหินอ่อน เมื่อยามเปลือกตาบางพริ้มหลับก็ยังมีเสน่ห์จนต้องเผลอก้มหน้าลงฝังรอยจุมพิตไว้ มันหวานหอมและยังคงตรึงตราอยู่ตรงริมฝีปากจนเผลอตัวลูบไล้เบา ๆ อย่างถวิลหา
แต่กับแววตาใสซื่อ เรียวปรืออีกคู่ ที่ดูไม่มีอานุภาพรุนแรงเท่ากลับยากจะเลือนลืม ...แถมยังเฝ้าปรารถนาอยากลองฝังรอยจูบลงไปซักครั้ง
ใกล้ก็เหมือนไกล เพราะเค้ารู้ดีว่าไม่อาจก้าวล้ำเข้าสู่เส้น ๆ นั้นได้ .. ไม่มีทาง
...........
ประสาทจริง ๆ เลย ฮ่ะ ๆ ๆ
หนุ่มน้อยน่ารักสะพายเป้ไว้บนบ่าเดินกระโดดเริงร่าไปตามถนนริมฟุตบาท นาน ๆ ครั้งก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ในความบ้าของตนเอง
เพราะความกังวลสะสมตลอดทั้งวันที่มีกับจอนจิน ปฏิกิริยาเกร็งๆ ของตนเองต่อหน้าคนผู้นั้นพาลทำให้โรคประสาทแทบถามหา แต่ความรู้สึกนั้น สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ความกังวลบ้าบอของเค้าเพียงคนเดียว เพราะเย็นวันนี้ที่ซ้อมบอล บรรยากาศระหว่างเค้าทั้งคู่ก็กลับเป็นเหมือนเดิม ไม่มีสายตาหวานเยิ้ม ไม่มีน้ำคำกระซิบกระซาบจนน่าเสียวไส้ ไม่มีรอยยิ้มยั่วยุหรือประชดประชันอะไรทั้งนั้น มีเพียงความสนุกสนานและเสียงหัวเราะเหมือนเมื่อก่อน ก่อนที่จะมีเรื่องหน้าขายหน้าเกิดขึ้น
..เรื่องที่ต่อไปนี้เค้าเองก็จะลืมมันไปให้หมดเหมือนกัน
จอนจินกลับมาเป็นเหมือนเดิม แอนดี้ก็พลอยคลายใจ วันนี้เค้าต้องกินข้าวได้เยอะจนเอริคแปลกใจแน่ ๆ อิอิ
เอริค.. มุมปากกระตุกยิ้มเพียงแค่ใบหน้ากวน ๆ ง่วง ๆ ของใครบางคนเผลอโผล่เข้ามาในหัวแค่ชั่ววูบ
คอยดูนะ วันนี้ชั้นจะไม่ปล่อยให้นายแกล้งชั้นเหมือนเมื่อวานแล้ว...ไอ้ยักษ์ตันหากลับ
.............. ลองหวานกันดูมั่งเนอะ
ร่างเล็กในชุดนอนตัวยาวที่เพิ่งแปรงฟันเสร็จ เดินลากเท้าออกมาจุมปุ๊กบนโซฟา คว้ารีโมทกดเปิดทีวีพร้อมเพิ่มระดับเสียงดังขึ้น ก่อนทรุดลงนอนราบฝังตัวเองไว้กับโซฟาตัวนุ่ม
คนร่างสูงหน้าโต๊ะทำงานซึ่งห่างไปเพียงเล็กน้อยหันมองเพียงแว๊บ ก่อนก้มหน้าก้มตาให้ความสำคัญกับลายสลักในกระดาษแผ่นใหญ่ของตนตามเดิม ..
เวลาผ่านไป เสียงทีวีเหมือนจะถูกคนบางคนกดเพิ่มจนดังขึ้น ความดังของมันเริ่มขัดขวางระบบการทำงานในหัวสมองเข้าไปทุกที
เบาหน่อยสิแอนดี้
... เงียบ ราวกับไม่ได้ยิน .. . . . แอนดี้ ชั้นทำงานไม่ได้นะ ถ้านายเปิดเสียงดังขนาดนั้นน่ะ
... เงียบอีกเช่นเคย .. เอริคลุกขึ้นเดินมายังโซฟาหน้าทีวี ชะโงกมองคนตัวเล็กที่ทำทีว่าหลับปุ๋ยไปแล้ว แต่ภายใต้เปลือกตาที่พริ้มลงนั้น กลับมีบางสิ่งบางอย่างกระพริบไหวอยู่ในที
หลับแล้วยังจะเปิดทีวีเสียงดังอยู่อีกนะ ชายหนุ่มเอื้อมมือมาดึงรีโมทในมืออีกคนจ่อไปยังโทรทัศน์ แล้วภาพและเสียงต่าง ๆ ก็ดับวูบลง
เมื่อคนตัวเล็กยังนิ่งเงียบ มุมปากหนาจึงกระตุกยิ้มกริ่ม จอมมารในคราบบุรุษสุดหล่อกำลังอยากออกมาเผยโฉมจะแย่
ทำไมนอนตรงนี้ล่ะแอนดี้ ไปนอนในห้องเถอะ หรือว่าอยากให้ชั้นอุ้ม หืม
...แม้หัวคิ้วของคนหลับจะดูราวกับขยับเล็กน้อยเมื่อสิ้นประโยค แต่ใบหน้าใส ๆ นั้นยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ ปลายเส้นผมสีอ่อนบางเส้น เคลียอยู่บนแก้มกลม ๆ จนชวนจั๊กจี้แทนยิ่งนัก
เอริคทรุดกายลงนอนแนบกับเจ้าตัวเล็ก สองแขนประคองกอดแผ่วเบาอย่างคนที่ต้องการซับความอบอุ่นจากร่างบอบบางมาสู่ผิวเนื้อตนราวกับภายนอกกำลังหนาวเหน็บซะเต็มประดา โซฟาที่ไม่ได้ใหญ่โตมากแบบนี้ เมื่อมี 2 ชีวิตนอนคู่กันมันก็ยิ่งทำให้คับแคบลงถนัด จึงดูราวกับว่าร่างกายที่เบียดบังกันอยู่นั้นถูกกลืนจากสองชีวิตให้เหลือเพียงหนึ่งเดียวไปแล้ว
เมื่อโซฟาที่ยวบลงดังเอี๊ยดอ๊าด แต่คนข้าง ๆ ทำราวกับยังหลงอยู่ในโลกของความฝัน ร่างกายที่ถูกรัดรึงไว้ด้วยสองแขนยังไม่สามารถปลุกเจ้าตัวเล็กที่ยัง(แกล้ง)อยู่ในนิทราให้ตื่น มือเรียวสวยของเอริคที่กอดกุมร่างนั้นจึงเปลี่ยนมาจี้เอาเอวคอดของร่างบางให้สะดุ้งจนดิ้นพล่าด ๆ
จะตื่นรึไม่ตื่น ห๋า! ไม่ตื่นใช่มั้ย แล้วก็เป็นผล
ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ เอริค พอ ฮ่ะ ๆ อุ๊บ นี่ อย่าสิ อ๊า ๆ เอริค ไอ้ยักษ์ ปล่อย ฮ่ะ ๆ ทั้งกระเถิบหนี ทั้งปัดป้อง แต่มือคู่นั้นยังคงตามมาจี้ต่อไม่เว้นเวลาให้หายใจ คนตัวเล็กหัวเราะจนน้ำตาไหล ลมหายใจก็เริ่มติดขัด
แกล้งหลับใช่มั้ย นี่คือการลงโทษที่ก่อกวนเวลาทำงานของชั้น
ปะ .. เปล่าก่อกวนนะ ฮ่ะ ๆ ๆ เอริค อ๊ะ อ่ะ ๆ ฮ่ะๆ ขอ ... ขอโทษก็ได้ ขอโทษ พอแล้ว กว่ามือซุกซนจะหยุดจี้ แอนดี้มีอันต้องหอบเหนื่อย เส้นผมกระจายรุงรัง ใบหน้าระเรื่อแดงด้วยความเหนื่อยอ่อน
เอริคชันศอกพิศมองใบหน้าของอีกคนด้วยรอยยิ้ม มือข้างว่างอีกข้างก็เกลี่ยไรผมที่กระเซิงให้เข้าที่เข้าทาง ลากวนลงมายังแก้มกลม ๆ ริมฝีปากอิ่ม และคางเรียบลื่นนั้นจนแอนดี้เริ่มรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นอีกรอบ
ดวงตาคมสบตาปรือ ๆ ที่ฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง เจ้าตัวเล็กมองตอบอย่างท้าทาย แม้สุดท้ายจะต้องหลบสายตาไปอย่างพ่ายแพ้ เพราะเค้าไม่เคยเอาชนะสายตาของคน ๆ นี้ได้ซักที เพียงแค่มอง มันก็มีอิทธิพลให้ก้อนเนื้อภายในอกข้างซ้าย กระตุกไหวแบบแปลก ๆ จนต้องยอมสิโรราบไปซะทุกที
ไปทำงานต่อสิ เมื่อคนที่ยังละเลียดนิ้วเรียวไปตามแก้มกลมของตนยังไม่มีทีท่าจะหลุดคำพูดอะไรออกมาซักคำ ดวงตาซาตานยังคงทอดสนิทหวานเยิ้ม บรรยากาศก็เงียบแปลก ๆ แอนดี้จึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาซะเอง ก่อนที่ความเงียบจะทำให้เสียงหัวใจเค้าดังชัดเจนไปกว่านี้
ไม่
ไปทำงานได้แล้ว ชั้นจะนอน
แน่ใจเหรอว่าจะนอน ถ้าจะนอนจริง ๆ มานั่งเปิดทีวีกวนประสาทชั้นตรงนี้ทำไม ทำไมนายไม่ไปนอนในห้องล่ะ
ก็ ..
อยากได้อะไร
เปล่า
โกหก
ชิ ...ก็ถ้าชั้นโกหกจริง แล้วจะทำไมล่ะ
ก็จะทำให้พูดความจริงออกมาน่ะสิ จากนิ้วที่ลากเลื้อยเบา ๆ เปลี่ยนเป็นจับใบหน้าของอีกฝ่ายให้หันมารับรสจูบจากริมฝีปากหนา ๆ กดลงไปแรงๆ เพื่อเป็นการย้ำคำพูดเมื่อซักครู่ของตนว่า
ถ้าไม่บอกก็ต้องสืบสวน
ลิ้นสีชมพูชื้น ๆ ลุกล้ำเข้าสู่โพรงปากเจ้าตัวเล็กที่บัดนี้เริ่มดิ้น ทั้งผลัก ทั้งดันให้คนร่างสูงที่ทาบทับตนอยู่หลุดออกไปซักที แต่ยิ่งผลัก เหมือนยิ่งเป็นการยั่วยวนเชิญชวนให้อีกฝ่ายกดริมฝีปากซ้ำลงไปหนัก ๆ อีกครั้ง
อื้อ ๆ ๆ เสียงอู้อี้เล็ดลอดลำคอราวประท้วงแต่ไร้ผล เพราะเมื่อริมฝีปากหนา ๆ ยอมถอยทัพให้คนตัวเล็กหายใจได้เพียงแค่ครึ่งเฮือกก็มีอันต้องประทับกดลงมาใหม่ซ้ำทุกที รอบแล้วรอบเล่าเหมือนต้องการทรมานให้ขาดใจตาย
เมื่อดวงตาเริ่มพล่า ..มองเห็นปุยเมฆสีขาวรำไร สวรรค์ผายมือต้อนรับวิญญาณที่สติใกล้หลุดจากร่างเต็มแก่แล้วโน้นแหละ ถึงยอมเปิดปากให้คนตัวเล็กได้หายใจเต็มๆ ซะที
แฮ่ก ๆ ๆ เอริค จะบ้าเหรอ คิ้วขมวดยุ่งยังกะต้องการฆ่าคน พ่นคำด่าสารพัดใส่ไอ้คนที่ยังคงเอาแต่อมยิ้มดีใจที่แกล้งตนได้สำเร็จอีกรอบ
บอกได้รึยัง
บอกอะไรล่ะ
ก็เรื่องที่มาแกล้งนอนหลับเปิดทีวีเสียงดังกวนชั้นนี่งัย หรือว่า ....
หรือว่าอะไร
อืม! เห็นท่าทางนายที่โรงพยาบาลเมื่อวานชั้นก็แปลกใจ ที่แท้ก็คิดเรื่องแบบนี้อยู่นี่เอง
ไอ้บ้าริค แอนดี้คิ้วขมวด แต่อดยอมรับตัวเองไม่ได้ว่าที่อีกคนพูด มันก็มีส่วนจริง เวลานี้สิ่งที่เค้าต้องการที่สุดก็คืออ้อมกอดอุ่น ๆ ของเอริค แม้บางครั้งแรงกอดจะแน่นหนาและร้อนผ่าวราวต้องการแผดเผาร่างเล็ก ๆ ร่างนี้ให้เป็นจุลก็เถอะ อยากได้รับจุมพิตจากริมฝีปากนี้ แม้บางครั้งรสจูบที่คนตรงหน้าหยิบยื่นให้นั่นมันจะทำเอาแทบขาดใจ อวัยวะภายในบีบตัวอย่างเจ็บปวดทุรนทุรายก็เถอะ และเฮือกสุดท้ายที่เอริคปลดปล่อยอิสระให้ตนหลุดพ้นจากรสจูบ ความรู้สึกมันช่างเหมือนเทพบุตรรูปงามที่ยอมยื่นมือมาฉุดให้ร่างเล็กเปียกปอนและอ่อนแอของเค้าฟื้นจากการจมดิ่งลงไปในห้วงลึกแห่งมหาสมุทร
ทรมาน แต่มันก็น่าหลงใหล ไม่ได้ถักทอด้วยคำรัก..แต่ก็หวานล้ำ
นายจะฆ่าชั้นให้ตายใช่มั้ย ทำไมต้องแกล้งกันแบบนี้ทุกทีด้วยนะ หัวสมองจินตนาการไปไกล แต่ใบหน้ายังงอง้ำน้ำเสียงตัดพ้อเต็มที่
เมื่อก่อนล่ะจับต้องเบา ๆ กอดยังไม่กล้ากอดแรง หรือเดี๋ยวนี้นายไม่รักชั้นแล้ว
ฮ่ะ ๆ ๆ ใครบอกล่ะ เอริคยกศรีษะของแอนดี้ขึ้น แล้วบรรจงวางไว้กับท่อนแขนแกร่งของตน ดึงร่างเล็กให้เอนเข้าหาอกปลายจมูกโด่งฝังให้จมอยู่กับกลุ่มผมสีอ่อนนุ่มมือ แม้เริ่มมีเหงื่อซึม แต่ก็ยังคงหอมรัญจวนเหมือนทุกที
ก็ดูที่นายทำสิ น้ำเสียงอ่อนลงเมื่อมือหนาอีกข้างลูบไล้ไปบนแผ่นหลังเบา ๆ แทนคำขอโทษ
ชั้นน่ะ มันเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่ง นายเองก็คงรู้..ใช่มั้ย
ก็แล้วมันเกี่ยวกันยังงัยล่ะ
เกี่ยวสิ เพราะพูดไม่เก่ง ชั้นเลยต้องใช้ภาษากาย แสดงออกให้นายได้รับรู้ว่า ความจริงแล้วชั้นรักนายมากแค่ไหน
กว่าชั้นจะรู้ ชั้นคงขาดใจตายก่อน
งั้นชั้นก็จะตายตาม
บ้า คนตัวเล็กอมยิ้มก้มหน้าเมินสายตาตัวเองออกห่างจากแววตาระยิบและรอยยิ้มหวาน ๆ นั้น ไม่อยากยอมรับเลยว่า สีหน้าของเอริคตอนนี้บ่งบอกชัดเจนแค่ไหนว่ารัก เพราะแค่นี้ ตัวเองก็แทบควบคุมหัวใจไม่ให้อ่อนยวบได้ลำบากเต็มทีแล้ว
หายป่วยแล้วใช่มั้ย
อืม
งั้น ... ก็ต่อกันเหอะ สีหน้านายมันบอกชั้นว่า นายพร้อมแล้ว
ลามกสิ้นดี
ลามกแล้วนายชอบ ชั้นก็ยอมเป็นคนลามก สองแขนแกร่งยกเอาร่างของคนตัวเล็กมาวางทาบทับตนไว้ ขยับร่างกายให้นอนสบายขึ้นหน่อย
คราวนี้อยู่ข้างบนมั่งนะ นายจะได้ชมวิวจากที่สูง
ไอ้ยักษ์หื่น
วาจาตอบโต้ด่าทอให้สมกับความทะเล้นของเอริคหลุดออกจากปากคนตัวเล็กได้เพียงเท่านั้น มือขวาของเอริคดันท้ายทอยโน้มหน้าให้คนด้านบนก้มเข้าหาริมฝีปากตนอีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างทำการโอบเอวของร่างบางไว้แน่นไม่ให้หล่นลงจากตัว น้ำหนักแอนดี้เบาหวิวกว่าเดิมจนน่าใจหาย อาจเพราะป่วย แต่นั้นก็ไม่สามารถยั้งให้อ้อมกอดเดิมคลายความรัดกุมลง หรือรสจูบจะเบาหวิวขึ้นแต่อย่างใด ...
ชั้นรักนาย เอริค
ชั้นรู้
ขี้โกงชะมัด ทำไมนายไม่พูดคำนี้กับชั้นบ้างนะ
บอกแล้วงัยว่าจะแสดงให้ดู ว่ารักแค่ไหน เอริคพลิกตัวอีกครั้งให้ร่างเล็กนอนหงายลงบนโซฟาตัวนุ่ม ร่างสูงคล่อมร่างเล็กไว้แนบสนิท พลางดึงมือที่โอบรอบคอตนไว้มากดจูบหนัก ๆ และเลื่อนมันมาวางไว้ตรงกระดุมเสื้อนอนของเค้า ไหวไหล่น้อย ๆ ให้แอนดี้เข้าใจว่าต้องทำอะไรต่อจากนี้ ส่วนตัวเค้าเองก็ใช้เพียงมือเดียวลากวนอยู่แถว ๆ กระดุมเสื้อของคนตัวเล็กเช่นกัน
มาแข่งกัน ชั้นจะต่อให้นาย ใครแพ้ต้องรับโทษนะ
สองมือเล็กจึงได้แต่ก้มหน้างุดแกะกระดุมให้คนตรงหน้าอย่างตั้งใจ แม้จะสั่นน้อย ๆ และสะดุ้งสุดตัวเมื่อคนด้านบนเล่นขี้โกงกับตนแทนที่จะปลดกระดุมกลับสอดมือเข้าไปในเสื้อเคล้าคลึงอยู่กับผิวเนื้ออ่อน ๆ ของเค้าซะงั้น
นะ... นายโกงนี่
รีบสิ เดี๋ยวแพ้นะ มุมปากหนาหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอีกแล้ว ประกายตาที่ไม่ละออกจากแววของแอนดี้เลยแม้ซักวินาที มันเริ่มทำเอาเจ้าตัวน้อยปั่นป่วน แอนดี้รู้สึกเกลียด เกลียดเวลาที่โดนจ้องมองแบบนี้ เพราะใบหน้าเค้าจะแดง และเหมือนตนต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้เอริคไปซะทุกทีโดยไร้ข้อโต้แย้งใด ๆ
ถึงจะโดนโกงไปนิดหน่อย และแม้ตอนนี้ลมหายใจจะเริ่มขัด ๆ เพราะมือที่เลื้อยเข้าไปในเสื้อของตน เริ่มทำการอุกอาจกว่าการลูบคลำเข้าไปทุกที แอนดี้จึงตั้งสติ ปลดกระดุมเม็ดที่เหลือของคนร่างสูงอย่างตั้งใจ แต่การโกงมันไม่หมดลงแค่นั้นน่ะสิ
กระดุมเม็ดสุดท้ายบนเสื้อเอริคกำลังจะหลุด เพราะเจ้ายักษ์หื่นตรงหน้ามัวเอาแต่ลูบไล้ กระดุมของแอนดี้จึงยังไม่ถูกปลดออกซักเม็ด เด็กน้อยคลี่ยิ้มกับชัยชนะที่เห็นอยู่รำไรแค่เอื้อม
แต่เดี๋ยวก่อน โค้งสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย . . เจ้าซาตานจอมโกงมันไม่ปลด... แต่มันกลับ...
. . .
แคว่กกกกกกกก~~~~
เสียงสาบเสื้อทั้งสองด้านหลุดออกจากกัน กระดุมทุกเม็ดต่างกระเด็นไปคนละทิศละทางอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน คนโดนกระทำอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่ามันจะเล่นไม้นี้
มันให้ตรูปลดของมัน แต่มันดันฉีกของตรูเนี๊ยะนะ
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก~~~ ไอ้บ้าริคคคคคคคคคคคคคคคค ไอ้ยักษ์ขี้ตุกติก ไอ้ซาตานเจ้าเล่ห์ ไอ้เจ้าพ่อล้านเล่มเกวียน
เอริคยิ้มอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าเหวอ ๆ ของคนแอนดี้
นาย...
คราวนี้ก็กางเกงสินะ จะแข่งกันอีกมั้ย หืม! เจ้าตัวเล็ก
ความต้องการกำราบเอริค สงสัยมันคงไม่ได้ผลอีก ไม่แน่ใจนักว่าเมื่อไหร่ตนจะเอาชนะคน ๆ นี้ได้ซะที
หรือมันจะไม่มีวันนั้น
อยาก NC แต่ไม่ใช่แนว เอิ้กกกกกก
รู้สึกว่ามันไม่ออกทะเล แต่มันวนอยู่ในคลองงัยไม่รุ เหอ ๆ ๆ นี่ช้านเป็นอะไรเนี๊ยะ
พี่ทอมฮะ NC แรง ๆ ของแม่ลูก ขอคิดดูก่อนนะ ไม่รู้จะแต่งได้ป่าว รู้สึกเหมือนว่าพี่รสก็คอยอ่านอีกคน 555 (เมียจินหื่น)
น้องกบ อูด้งรอแป๊บนะ ขอให้เรื่องนี้จบก่อน พี่ไม่ถนัดแต่งหลายเรื่องอ่ะ (เรื่องเดียวก็เอาตัวไม่รอดและ)
พี่เก๋ฮะ คือที่เค้าพูดวันนั้นก็เพราะคิดว่าถ้าไม่ชอบก็อยากให้เลือกอ่านดีกว่า เด๋วมันจะกลายเป็นความรู้สึกไม่ดี เค้าไม่อยากโดนใครเกลียดอ่ะ แต่ถ้าชอบ ก็โอเคฮะ
น้องพลอยชอบหวานเหรอ พี่นึกว่าน้องพลอยชอบแบบจิต ๆ ซาดิสๆ มากกว่าซะอีก 555 รีบไปอ่านหนังสือสอบ แล้วรีบกลับมาแต่งฟิกให้จบเร็ว ๆ ซะที มันทรมานนนนน
พี่บีต้องการหวานแค่ไหน โปรดระบุ (แต่งได้ไม่ได้ก็อีกเรื่อง ~~แป่ว~~)
จริง ๆ มันควรจะจบได้แล้ว แต่เห็นคุณ JM เดาว่าต้องมีคู่พ่อลูก ก็เลยเอาซักหน่อย
*ปูลู รู้สึกไอ้ตอบคอมเม้นนี่จะยาวกว่าฟิกอีกเนอะ กำ ** ปูลูอีกครั้ง ... อย่าเพิ่งเบื่อนะฮะ พุดดี้จะพยายามพายเข้าฝั่งให้ได้ ถ้าเบื่อก็เก็บบัวตูมบัวบานในคลองไปพลาง ๆ ก่อนกะได้
เอวัง~~~
+++++++++++++++++++++++++++ ++++++++++++++++++ +++++++++++ ++++++ +++ + + +
ก้าวเดียว Special Jin-Dy ep.9 เมื่อมีครั้งแรก ก็ย่อมมีครั้งที่ 2
เลิกอ่อนโยนกับผมซักที ...ผมชักรำคาญไอ้เสียงหัวใจที่เต้นถี่ อยู่ในอกข้างซ้ายนี้จวนเจียนจะบ้า
สายตาที่ส่งมาแบบนั้น รู้มั้ยว่ามันทำให้ผมประหม่า มือผมเย็น และใบหน้าผมก็ชา ราวกับว่ากำลังถูกหลอมละลาย
หยุดคำหวานเอาไว้แค่นั้นเถอะ... ผมอาจพลั้งเผลอ แอบคิดเตลิดเข้าข้างตัวเองก็เป็นได้
หยุดทำให้ผมอ่อนแอ อย่าทำให้ผมหวั่นไหว ... เพราะผมเองก็ยังรู้สึกไม่แน่ใจว่าหัวใจแข็งแรงพอ
. . . . .
เสียงเชียร์ดังกึกก้อง สลับกับเสียงกรี๊ดและเสียงกลองรอบ ๆ บริเวณสนามหญ้าสีเขียว ยามบ่าย ๆ ที่แสงอาทิตย์กล้าขึ้นแบบนี้ ทำเอาคนร่างเล็กที่กำลังเดินโซซัดโซเซเพราะต้องแบกกระติกที่บรรจุขวดน้ำเกลือแร่ไว้จนเต็มแถมมีน้ำหนักเกือบเท่าตัวเองต้องหยุดกึกยืนหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย ซักพักจึงใช้พละกำลังทั้งหมดออกแรงยกมันขึ้นอีกครั้ง แต่เพราะขาที่เริ่มหมดแรง แม้เพียงกอหญ้ากอเล็ก ๆ ก็ทำเอาเด็กหนุ่มสะดุดจนเสียหลักได้อย่างไร้เหตุผล
เหวออออ~~~
สองแขนแกร่ง เอื้อมมารั้งเอวบางไว้ได้ทันก่อนเจ้าตัวเล็กจะหน้าทิ่มจูบพื้นดิน ร่างสูงประคองร่างน้อย ๆ ไว้ให้มั่นจนทรงตัวอยู่ ก่อนจะปล่อยแล้วดึงกระติกในมือนั่นมาถือไว้เอง
อ๊ะ!!! พี่จิน ขอบคุณครับ
ทำไมต้องหิ้วมาเอง ไอ้พวกบ้านั้นมันหายหัวไปไหนหมดล่ะ
ก็เห็นเหนื่อย ๆ กัน ผมอยู่เฉย ๆ เลยอยากช่วยบ้างก็แค่นั้นแหละฮะ
กระติกมันหนักกว่าตัวเราอีกนะ นี่ถ้าหกล้มไปแล้วจะทำไง ไม่ต้องลำบากวิ่งไปซื้อน้ำแข็งกันอีกรอบเหรอ คนร่างสูงพูดยิ้ม ๆ พลางเดินนำไปยังสนามอีกด้าน
ผมแค่อยากช่วย อะไรที่พอช่วยได้.. ทีมจะได้ชนะไงฮะ
ด้วยการหิ้วกระติกน้ำนี่น่ะเหรอ
โธ่!...ก็ทำได้แค่นี้นี่หน่า
ฮึ ๆ แค่เรายืนอยู่ริมสนาม พี่ก็มีกำลังใจแล้วล่ะ.. ไม่ต้องห่วงหรอก
ฉับพลันที่ประโยคพิกล ๆ หลุดจากปากของกัปตันทีมสุดหล่อโดยไม่ได้ตั้งใจ อาการชะงักงันกลับปรากฎขึ้นมาแทนที่พร้อม ๆ กันแบบไม่ได้นัดหมาย แอนดี้ยกมือข้างนึงของตนเกาแก้มเบา ๆ แก้เขิน ส่วนจอนจินยกมือข้างว่างเกาศีรษะแก้เก้อไม่ต่างกัน
เอ่อ!! พี่หมายถึง แค่มีคนยืนเชียร์ ไอ้พวกนี้มันก็มีกำลังใจกันแล้ว..
....
เสียงกรรมการในสนามเป่านกหวีดหมดเวลาพักครึ่งดังขึ้น จอนจินที่นัดแนะลูกทีมเรียบร้อย หันมามองคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้มสดใส โบกมือให้ก่อนวิ่งเหยาะ ๆ เข้าสู่สนามตามลูกทีมคนอื่น ๆ
ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ที่รุ่นพี่โยนให้เมื่อครู่ก่อนเข้าสนามยังนอนสงบนิ่งอยู่ในกำมือของแอนดี้ เพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวยามบ่ายแก่ ๆ แบบนี้หรือเปล่า แต่ละคนจึงมีเหงื่อท่วมตัว ผ้าสีขาวสะอาดเปียกชื้นแต่มันกลับรู้สึกอุ่นอยู่ในอุ้งมือเล็ก ๆ อย่างประหลาด ... ประหลาดจนตนเองต้องยกมันขึ้นมองอย่างเผลอตัว ใบหน้าใส ๆ แดงระเรื่อขึ้นอีกนิดเพียงแค่คิดว่าผ้าผืนนี้ในวินาทีก่อนยังคงถูกพาดไว้กับซอกคอของรุ่นพี่จอนจิน เค้ามองมันจนเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองคล้ายคนโรคจิตที่ยืนเพ่งพิศมองผ้าเช็ดหน้าอยู่ได้เป็นวรรคเป็นเวร แอนดี้สะบัดหน้าเร็ว ๆ ก่อนโยนมันไว้บนเก้าอี้ข้างตัวอย่าง(ทำเป็น)ไม่แยแส เงยหน้ามองเกมส์ในสนามที่กำลังดำเนินต่อไป... .. . . ร้านบะหมี่ในซอยใกล้ๆ โรงเรียนเวลานี้เนืองแน่นไปด้วยลูกค้า อาจดูเหมือนขายดี แต่ความจริงแล้วคนในร้านทั้งฝูงนั่นคือทีมฟุตบอลของโรงเรียนทั้งทีมที่พากันมากินบะหมี่ฉลองชัยชนะหลังเกมส์การแข่งขันฟุตบอลระดับจังหวัดจบลง เสียงตะโกนสั่งบะหมี่ถ้วยแล้วถ้วยเล่าดังโหวกเหวกชวนหนวกหู แต่ทุกคนก็รื่นเริงสนุกสนาน เวลาผ่านไปจนกระทั่งส่วนผสมบะหมี่ในตู้กระจกแทบไม่เหลือให้ลูกค้าคนใดอีกนั่นแหละ จึงได้เวลายักย้ายลุกขึ้นเปลี่ยนกิริยาบทกัน
เรากินน้อยจัง ถึงว่าตัวเล็กนิดเดียว
ผมก็ทานน้อยแบบนี้แหละฮะ อีกอย่างก็ผมไม่ได้อยู่ในทีมด้วยซะหน่อย เกรงใจจะแย่
แต่เราก็ช่วยทีมเยอะนี่ เพราะฉะนั้นเราก็มีส่วนในทีมนี้เหมือนกันล่ะ
อืม ๆ ช่าย ๆ เสียงสนับสนุนของลูกทีมบางส่วนที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ เออออเห็นด้วยกับกัปตันทีมกันยกใหญ่
ใครว่าล่ะ..
เอาน่า.... อิ่มแล้วใช่มั้ย งั้นพี่จะเดินไปส่งแล้วกัน
หลักจากชดใช้ค่าเสียหายที่เหมาบะหมี่ไปซะหมดร้าน เอ่ยปากล่ำลาเพื่อนฝูงกันเสร็จ ทั้งคู่ก็เดือนเรื่อย ๆ ไปยังถนนสายเดิม เพื่อไปส่งเจ้าตัวน้อยกลับบ้านอย่างเช่นทุกวัน
พี่จินไม่ไปต่อกับเพื่อนล่ะฮะ ผมกลับเองได้นะ
เราคิดว่าที่พี่เดินมาส่งเพราะเป็นห่วงเรางั้นเหรอ ... ไม่ใช่หรอกนะ เพราะวันนี้พี่ไม่อยากดื่มต่างหาก พรุ่งนี้มีสอบย่อยด้วย
อ๋อ งั้นเหรอฮะ
คนทั้งคู่เดินผ่านเส้นทางที่เคยย่ำไปบ่อย ๆ ทุกครั้งที่ซ้อมบอลเสร็จ สายลมพัดเอื่อย ๆ เสียงหัวเราะเบิกบาน ใบหน้าใส ๆ ของคนข้าง ๆ ทำให้บรรยากาศวันนี้สดชื่นเป็นเท่าตัว ยิ่งผ่านเกมส์นัดดุเดือดมาสดๆ ร้อน ๆ ด้วยการเป็นฝ่ายชนะแบบนี้ ให้เอาอะไรมาแลก ก็คงต้องขอคิดอีกที
แอนดี้เดินไปด้วย เล่นบอลลูกเล็ก ๆ ที่ถือติดมือมาจากสนามด้วย เดาะเบา ๆ โชว์ความสามารถให้รุ่นพี่ผู้มีดีกรีผู้เป็นถึงครูฝึกซ้อมของตนดูอย่างภูมิใจ รอยยิ้มรอยนั้นบนใบหน้าที่เคยอยากลบไป พลันสว่างไสวชัดเจนขึ้นมาในหัวอย่างช่วยไม่ได้สำหรับจอนจิน แล้วก็ต้องเฝ้าบอกกับตัวเองว่า มันคือภาพที่วิจิตรบรรจงภาพหนึ่ง และเค้าก็เป็นแค่ผู้เฝ้าชม หาใช่เจ้าของตัวจริงไม่
ในขณะที่กำลังเฝ้าชมภาพวาดที่สวยงาม ลูกบอลที่คนตัวเล็กเดาะอย่างสนุกสนานเกิดพลาดกระดอนออกจากเท้าไปยังถนนตรงหน้า แอนดี้ก้าวออกไปหวังจะเอื้อมหยิบลูกบอลลูกนั้นไว้โดยไม่ทันระวังตัว
ปี๊ดดดดด~~~~~~~~~~~
แอนดี้!!!!!!!!!
สองแขนรวบร่างเล็กดึงเข้ามายังริมทางไว้ได้อย่างน่าใจหายใจคว่ำเป็นที่สุด ก่อนที่จะโดนรถเก่งคันงามเสย แอนดี้ที่ยังคงตกใจไม่หาย ยืนอกสั่นขวัญแขวนหน้าซีดอยู่กับที่มองลูกบอลลูกน้อย กลิ้งไปยังอีกฟากของถนนด้วยใจเต้นรัว
เป็นอะไรรึเปล่า จอนจินจับไหล่บางเขย่าเบา ๆ ให้คนตรงหน้ารู้สึกตัว แอนดี้ผละสายตาจากลูกบอลลูกนั้นมองคนร่างสูงช้า ๆ
มะ..ไม่เป็นไรและฮะ ขอบคุณพี่จินมาก
แม้ท้องฟ้าจะมืดสนิท แต่ไฟสลัว ๆ ตามเสาที่สาดแสงเป็นระยะก็ไม่สามารถกลบความห่วงใยในแววตาที่อีกคนตรงหน้าส่งผ่านมาได้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันกลับมองดูเด่นชัดจนมากเกินไปด้วยซ้ำ
แอนดี้ไม่รู้ว่าตอนนี้ เค้าควรจะทำยังไงดี ระหว่างยืนนิ่ง ๆ อยู่กับที่หรือสะบัดมือแกร่งนั้นให้หลุดออกจากไหล่บางของตน
ผมไม่เป็นไรแล้วฮะ พี่จินปล่อยได้แล้ว น้ำเสียงที่ตะกุกตะกักเพราะเพียรพยายามสะกดให้มันไม่สั่นไหว เนื่องจากอาการใจหาย ใจเต้น หรือใจสั่นก็สุดแล้วแต่จะนิยามตอนนี้ แต่จอนจินกลับนิ่งราวกับไม่ได้ยินประโยคนั้นไปเสียได้ . . .
หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ระหว่างคนทั้งคู่มันดูเหมือนไม่มีอะไรพัฒนาเกินกว่าความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทสนม
แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ต่างฝ่ายต่างเก็บกักไว้ในใจมันเกินไปกว่านั้น แม้จะมองด้วยตาเปล่าแทบไม่ออกก็ตามที แล้วความเพิกเฉยที่เสแสร้งสร้างกันมาตลอดเวลามันก็ช่วยให้อะไรดีขึ้นจริง ๆ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มันยังคงจะยาวนานต่อไป... . . .
พี่จินฮะ ปล่อยได้แล้ว
อ๊ะ!! ขอโทษ พี่ตกใจไปหน่อย
ไม่ต้องขอโทษหรอกฮะ ผมต่างหากที่สะเพร่าจนเกือบโดนรถชนตายซะแล้ว
ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว จอนจินขยับยิ้มมุมปากน้อย ๆ ปล่อยสองมือออกจากไหล่ให้แอนดี้เป็นอิสระแม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่ขัดกับความต้องการก็ตามที คนตัวเล็กหมุนตัวหันมองซ้ายขวา ก่อนจะวิ่งดุ๊ก ๆ ไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อเก็บลูกบอลของตน
ร่างที่วิ่งห่างออกไป ทำเอาก้อนเนื้อภายในอกออกอาการแปลก ๆ แม้แค่เพียงไม่กี่นาที ที่เด็กน้อยใช้เวลาวิ่งกลับมา แต่แค่วินาทีเดียวก็กลับรู้สึกว่ายาวนานเหลือเกิน ...
แอนดี้ชูลูกบอลในมือให้คนร่างสูงดู และกอดเอาไว้แนบอกเพราะไม่กล้าที่จะเดาะบอลเล่นอีกแล้ว ดวงตาหรี่เล็กแสดงความขอบคุณด้วยความซึ้งใจอย่างไม่มีสิ่งใดเคลือบแฝงและเจือปน แต่คนอีกคนกลับตีค่าความหมายนั่นผิดไปซะหมด ในเวลาเยี่ยงนี้...
ก็แค่รอยยิ้มที่ฉาบติดไว้บนใบหน้าใส ๆ เหมือนทุกวัน แต่กลับดูแตกต่าง
ก็แค่เสียงหัวเราะเดิม ๆ แต่มันกลับดูก้องกังวาน
แค่คำพูดคำจาประโยคธรรมดาเหมือนทุกครั้ง แต่ราวกลับฉุดให้สติที่มีเหือดหายไปสิ้น
ก็แค่ ... แค่ ... แค่ ๆ ๆ ๆ ... นี่เค้าเป็นบ้าอะไรนะ
. . คนทั้งคู่ยังคงเดินเคียงกันอย่างเงียบ ๆ คงเพราะต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไร แต่ยิ่งเงียบยิ่งได้ยินเสียงหัวใจ ยิ่งเงียบ ยิ่งอันตรายต่อความคิดที่ต่างฝ่ายต่างปล่อยให้ไหลกันไปอย่างไม่รู้ทิศทาง
คนร่างเล็กที่เดินเยื่องอยู่ด้านหน้าชักทนกับความเงียบรอบตัวไม่ไหว เด็กน้อยหยุดก้าวหมุนตัวเพื่อหันมาชวนคนข้าง ๆ คุย แต่แล้วการหยุดแบบไม่ได้ตั้งตัว กลับทำเอาคนที่เดินตามมาติด ๆ ชนเข้าอย่างจังจนร่างเล็กเซเล็กน้อย คนชนคว้าเอาร่างบางไว้ทันก่อนจะหงายหลัง ดึงให้ร่างนั้นเซเข้าหาตนแทน
..เสียงการเคลื่อนไหวของก้อนเนื้อในอกดังโครมครามชวนน่ารำคาญ แต่ลมหายใจเบา ๆ ของคนตัวเล็กที่รินรดอยู่บริเวณลำคอของตัวเองนี่สิ มันยิ่งทำเอาทรมานซะยิ่งกว่า
จอนจินดันร่างของแอนดี้ออกห่างจากลำตัวเพียงนิด โน้มตัวประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากอิ่มของอีกคนราวโดนดูดดึงด้วยมนตรา แม้ห้ามใจไว้แล้ว แต่ก็ยังขัดขืน แม้จะได้สติคืนมาแล้ว แต่ก็ยังกลับขาดผึงลงอีก ส่วนคนตัวเล็กที่ตอนนี้แน่นิ่งไป สมองหยุดทำการงานชั่วคราว ไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นผละอกของคนตรงหน้าให้ถอยห่าง ไม่มีแรงในการปฏิเสธลิ้นเรียวนุ่มแต่ร้อนรุ่ม หรือวงแขนแกร่งแต่สัมผัสความอ่อนโยนนั้นได้เลย ..
แสงไฟหน้ารถคันแล้วคันเล่าสาดผ่านร่างทั้งสองไป ยาวนานพอดูที่ริมฝีปากทั้งคู่เคล้าคลึงกันอย่างหวานหอมจนเกือบลืมว่ามันคือริมฟุตบาทสาธารณะ การกระทำที่ดึงสติสัมปชัญญะของทั้งคู่ให้หลุดลอยอยู่ในห้วงแห่งความหวามไหวจนไม่ทันสังเกตถึงการมาของใครบางคน ... . . . . ร่างสูงโปร่งที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับไอพ็อตเพลงโปรด ชะงักงันไปชั่วครู่ ขาที่ก้าวเดินด้วยจังหวะมั่นคงหยุดนิ่ง หัวใจกระตุกวูบราวมีใครมาชักเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงการเต้นให้หลุดออกจากขั้วหัวใจ
. . . จอนจิน~~~~
น้ำเสียงคุ้นหูเพราะระยะห่างไม่ได้มากมายอะไร ดึงให้วงหน้าหล่อเหลาจำต้องผละจากริมฝีปากที่ยังคงรสชาติหวานไว้ให้เงยขึ้นมอง ..
พี่.. สองแขนที่โอบร่างเล็กไว้เมื่อครู่ถูกปลดพันธนาการอย่างอัตโนมัติ คนตัวเล็กที่ยังคงมึนงงกับสถานการณ์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจไม่แพ้อีกคนตรงหน้า ..
ทำไม?? นักร้องนำของวงดนตรีโรงเรียนและว่าที่ศิลปินเดียวของค่ายยักษ์ใหญ่ เจ้าของ เสียงเพราะเสนาะหู ...แต่บัดนี้กลับมีแรงแปร่งออกมาได้แค่เสียงกระซิบแผ่วเบา น้ำตาไหลเอ่อวงแก้มกลมเกลี้ยง แก้มที่จอนจินชอบสูดดมความหอมเป็นที่สุด ..
เมื่อทุกคนนิ่ง คนที่คิดเอาเองว่าตอนนี้ตนคือส่วนเกิน หมุนตัวหันกลับหลังวิ่งหนีจากภาพมายาตรงหน้าออกไปโดยเร็วที่สุด เร็วจนไม่ทันได้ระวังกับรถรารอบ ๆ ตัว
พี่ซองงงงงงงง!!!!!!!!!!!!
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โครมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
พี่.. เฮซอง ดวงตาเบิกโพลงอย่างแทบไม่เชื่อสายตา ภาวนาในใจว่าร่างสูงโปร่งที่นอนแน่นิ่งอยู่ริมทางเท้านั้นมันอาจเป็นแค่เงาของคน ๆ นั้น และเค้าก็สร้างเงานั่นขึ้นมาเพราะความสำนักผิด
.... แต่เงาหรือจะมีมติ มีเลือด มีเนื้อ
เลือดสีแดงฉาดไหลลงสู่พื้นแห้ง ๆ จากหยดเล็ก ๆ กลายเป็นแอ่งใหญ่ แอนดี้ที่ตกใจไม่แพ้กันและดูน่าจะมีสติได้ช้ากว่า กลับวิ่งไปยังร่าง ๆ นั้น เขย่าเบา ๆ ให้คนที่แน่นิ่งรู้สึกตัวขึ้นมาซะที
พี่เฮซอง พี่เฮซอง พี่ ๆ ๆ ๆ .. พี่เฮซองฟื้นสิฮะ พี่จิน เรียกรถพยาบาลหน่อย เด็กน้อยตะโกนโหวกเหวกด้วยน้ำเสียงที่ขาดเป็นห้วง ๆ แต่น้ำตารินที่ไหลจากดวงตารีเล็กกลับไม่ขาดสาย
ไม่จริงใช่มั้ย .. มันคือความฝัน ความฝันแน่ ๆ สองเท้าที่เคยบังคับทิศทางลูกฟุตบอลอย่างแม่นยำกลับไม่ทำงานตามคำสั่งเจ้าของเหมือนเก่า ร่างที่เคยแข็งแกร่งกลับอ่อนแอจนตัวเองก็แปลกใจ
ภาพลมหายใจแผ่ว ๆ ของคนร่างบอบบางที่อาบไล้ไปด้วยเลือดชุ่มโชกทั่วตัว มีเด็กน้อยที่เคยดูสดใสน่ารักกอดประครองร้องไห้ระงม มันช่าง ... มันช่าง ...
...ช่างเหมือนฝันร้าย...
ฝันร้ายที่สุดเท่าที่ชีวิตหนึ่งชีวิตได้เคยประสบพบเจอมา
. . . . . . . ไม่นะ ...
ไม่
สองมือที่เคยแข็งแกร่ง ไขว่คว้าไปหาร่าง ๆ นั้น ด้วยความสั่นเทา แสงสลัวรอบตัวกลับโรยรามืดมิดทีละน้อย ทีละน้อย หยดน้ำหยดเล็ก ๆ คลอหน่วยตาทำให้ภาพตรงหน้าพล่าเลือนไปราวกับความมืดมิดมาครอบทับตัวเค้าไว้ทั้งตัว
ไม่นะ
พี่
พี่เฮซอง
ไม่
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย~~~~~~~
..
ใส่เกียร์หมา วิ่งหนีออกจากบล็อก / ทันมะ เหอ ๆ ๆ
อ๊ากกก อย่าฆ่าเค้าน๊า มันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิสสสสสสสสส
ตะกี๊นั่งอ่านฟิกคุงฮิ และพี่โน่ ดาร์กตั้งกะต้นเรื่องยันกลางเรื่อง เริ่มรู้สึกถึงแววอัมหิตซึมเข้ามาสู่กระแสเลือดตัวเองทีละน้อย
อืม! ฟิกบ้าอะไรของมันฟระ ใจร้าวยังอาย .. หดหู่ฉิบ..
แต่ฟิกนี้ใส้ใส ไม่เป็นเยี่ยงนั้นเน้อ... จะบอกให่ (มั้งนะ 555)
โอ๋ ๆ ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นกันสิ พุดดี้กลัวน๊า
งั้นต่อให้อีกนิด ค้างไว้แบบนี้มีหวังชมรมคนรักนกได้สับเค้าออกเป็นชิ้นๆ แน่
...........................................
... . . . . .
จอนจิน ... จอนจิน... เสียงนุ่ม ๆ คุ้นหู ล่องลอยมาจากที่ไกล ๆ ซักแห่ง แม้แผ่วเบาแต่มันก็ช่วยชโลมให้ใจและลำคอที่กำลังแห้งผาดชุ่มชื้นขึ้นโดยพลัน
มือเรียวนุ่มของใครบางคน เอื้อมมากุมมือหนาที่ไขว่คว้าหาจุดยึดในอากาศฉุดให้ใครบางคนที่กำลังล่วงหล่นสู่หุบเหวดำมืดเบื้องล่างไต่ขึ้นจากความตายได้อีกครั้ง
ดวงตาที่หลับพริ้ม กระพริบถี่ ๆ หลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะเริ่มคุ้นชินกับสภาพรอบตัวที่มีเพียงความมืดเสมือนภาพก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน จะแตกต่างกันก็เพียงแต่ ตรงหน้าเค้า มีเพียงเพดานที่มีแสงสลัว ไม่มีแอ่งเลือด ไม่มีเสียงร้องไห้ปานขาดใจของใครบางคน และที่สำคัญ ร่างโปร่งของคนรัก ยังคงถอดกายเปล่าเปลือยขาวสะอาดอยู่ข้าง ๆ หาใช่ร่างโปร่งที่นอนจมกองเลือดไม่ ริมฝีปากที่พร่ำเรียกชื่อเค้าเบา ๆ และมืออุ่นที่เกาะกุมไว้อย่างไม่ปล่อย คลายให้ปมที่ยุ่งบนหัวคิ้วละลายหายไปได้อย่างอัศจรรย์ ..
พี่ ... พี่เฮซอง
อืม ... เป็นอะไรเหรอ ชั้นเห็นนายนอนกระสับกระส่ายอยู่นานสองนาน ฝันร้ายงั้นสิ
พี่ .. พี่ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย
เป็นอะไรล่ะ ใครที่ไหนจะมาลอบฆ่าชั้นตอนหลับ...นอกจากนาย
พี่ เหงื่อกาฬที่ไหลซึมเต็มใบหน้า ปากที่ยังคงซีดแห้งผาดเฝ้าเอ่ยเรียกหาแต่คนรัก แม้จะนอนยิ้มของข้างตัว แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะหายไป มือเย็น ๆ สั่นไหวเล็กน้อยกุมเอามือเรียวบางไว้แน่นเพราะกลัวเหลือเกินที่จะมีมัจจุราชคนไหนมาพรากดวงใจของตนเองไปอย่างไม่มีวันกลับ ..
ฝันว่าอะไรล่ะ อยากเล่าให้ชั้นฟังมั้ย
ไม่ฮะ ...
ล้างหน้าหน่อยดีมั้ย เหงื่อเต็มหน้าเลย เฮซองชันตัวขึ้นนั่ง ใช้มืออีกข้างซับเหงื่อบริเวณไรผมให้ เพราะมือข้างที่ถูกกุมไว้นั้น คนตรงหน้าไม่มีท่าทีจะปล่อยง่าย ๆ เป็นแน่
พี่..
ว่างัย
พี่ยังคิดถึงมูริมั้ย .. .
หืม! ..มูริเหรอ ...คิดถึงสิ ถามทำไม?
ตอนมูริยังมีชีวิต พี่เล่นกับมันยังงัยบ้างฮะ จอนจินถือโอกาสที่เฮซองเปลี่ยนกิริยาบทให้สบายขึ้น กระเถิบตัวหนุนตักของคนรักอย่างออดอ้อนทันทีซึ่งเฮซองก็ไม่ว่าอะไร
ร้องเพลงให้มันฟัง..
งั้นร้องเพลงให้ผมฟังหน่อยสิ
แต่มูริไม่ชอบชั้นร้องเพลงหรอกนะ นายไม่เห็นเหรอ มันคอยแต่จะมุดหนีทุกที
แล้วทำอะไรอีกเหรอฮะ
หวีขน แต่นายก็ไม่มี ..เอ่อ นี่นะ
แล้วทำอะไรอีกฮะ
อืม! อุ้ม หอมแก้ม จูบ
ข้อแรกพี่คงทำไม่ไหวหรอก งั้นขอสองข้อหลังนะฮะ
... เฮซองเอียงคอมองคนที่กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่บนตักอย่างชั่งใจ
นะ .... ...นะฮะพี่
เห็นแก่ว่านายฝันร้ายนะเนี๊ยะ ใบหน้าน่ารักโน้มตัวลงมากดจมูกโด่งและริมฝีปากลงบนแก้มจอนจินเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมายังริมฝีปากหนา ค่อย ๆ แทรกลิ้นอ่อนเข้าไปยังโพรงปาก ปล่อยให้ความหอมหวานควานเอาความวิตกกังวลให้หมดสิ้นไป
อืม~~~ เสียงครางอย่างแผ่วเบาเล็ดลอดออกจากลำคอของผู้รับ เฮซองจึงได้ผละสัมผัสนั้นออกห่างอย่างอ้อยอิ่ง ... นิ้วเรียวลากเลื้อยไปยังวงหน้าหล่อเหลาที่ขาวซีดเมื่อครู่สู่คิ้วดกดำ คลี่ปมยุ่ง ๆ บนหัวคิ้วให้คลายออก
นอนดีกว่านะ
จะดีเหรอฮะ..
ตัดฉับ --------------
........ ค่อยมาต่อเนอะ ...
ตอนหน้าเห็นควรให้จบลงซะที เพราะมันชักจะวนจนงงไปหมดและ (ทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้า) NC แล้วจบโลด ดีมะ แต่แค่ PG ตรูก็เหงื่อตกและ
ขอบคุณที่ติดตามฮะ
Create Date : 05 มีนาคม 2552 |
|
20 comments |
Last Update : 15 มีนาคม 2552 14:41:48 น. |
Counter : 1668 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: wizze IP: 124.121.230.207 5 มีนาคม 2552 21:41:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลูกหมูของลูกนก IP: 118.172.192.140 6 มีนาคม 2552 20:44:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: kayzila IP: 124.120.143.4 6 มีนาคม 2552 21:04:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: andyBE IP: 58.9.190.30 6 มีนาคม 2552 22:08:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไอ้หนูลูกพ่อ IP: 58.8.40.141 6 มีนาคม 2552 22:24:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: praery_za IP: 58.10.170.129 6 มีนาคม 2552 23:41:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: โบ_andyholic IP: 119.31.78.114 7 มีนาคม 2552 21:54:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: JM IP: 116.58.231.242 11 มีนาคม 2552 3:47:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: duckie IP: 124.122.192.3 13 มีนาคม 2552 23:30:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: wizze IP: 124.120.104.183 15 มีนาคม 2552 18:05:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไอ้หนูลูกพ่อ IP: 58.8.248.166 15 มีนาคม 2552 20:16:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: jenney IP: 58.8.227.184 15 มีนาคม 2552 21:49:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: JM IP: 124.120.198.46 16 มีนาคม 2552 0:00:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: โบ_andyholic IP: 115.67.167.163 17 มีนาคม 2552 21:46:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pekkiokung IP: 58.8.95.144 18 มีนาคม 2552 0:02:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: piyawan IP: 118.172.243.248 18 มีนาคม 2552 17:00:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: Best ค่ะ IP: 124.122.147.67 19 มีนาคม 2552 23:56:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
กำ~~สิ้นเปลืองพลังงาน ทำให้โรคร้อนเพิ่มอีกตรู อ่านจบค่อยมาเม้นอีกทีเน้อ