I call it Destiny You call it Love...
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
14 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
Shot fic shinhwa .... ก้าวเดียว ...Special Jin-Dy ep.4-5







ก้าวเดียว Special Jin-Dy ep.4

ความรักของฉัน ยังมีอยู่จริง ใช่มั้ย?








“บ้า บ้าที่สุด” ร่างเล็ก ๆ เดินฝ่าสายฝนเพียงลำพัง กล่นด่าตัวเองมาตลอดทาง ตั้งแต่วินาทีที่วิ่งออกมาจากโรงยิมถึงหน้าประตูโรงเรียน ถนนเส้นที่ทอดยาวจากโรงเรียนสู่ถนนเส้นใหญ่ และมาหยุดหอบเอาตรงริมทางที่เงียบเชียบไร้ผู้คน ตอนนี้เนื้อตัวเปียกปอนแต่เค้าก็ยังเดินต่อไป โดยไม่รู้ซักนิดว่ากำลังจะไปในทิศทางไหน

“กระเป๋าก็อยู่ในล็อคเกอร์ เฮ้อ! งี่เง่าได้อย่างนี้ไงล่ะ ถึงได้โดนเอริคว่าเอาบ่อย ๆ แอนดี้เอ๋ย นายเนี๊ยะมันวัวชัด ๆ”
…
.
“เอ๊ะ!!!.. เอริค”

ชื่อคนสำคัญที่หลุดออกมาจากปากอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดึงสติให้สองเท้าชะงักไปชั่วครู่ แต่เมื่อไม่มีเป้ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเงินซักวอนในมือ ก็ยิ่งหัวเสีย จะไปหาเอริคได้งัยล่ะ..

และที่น่าแปลก ชื่อๆ นี้กลับกระตุกให้ต่อมประสาทตื่นตัวจนขนลุก ทำไมเค้าถึงรู้สึกผิดได้ขนาดนี้นะ เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น

“ก็แค่บรรยากาศมันพาไป เราไม่ได้หลงรักพี่จินซักหน่อย ก็แค่บรรยากาศ” ใช่ แค่บรรยากาศเท่านั้น

เรารักเอริคนี่ แม้หมอนั่นจะห่าม ๆ ชอบเล่นอะไรเจ็บ ๆ บางทีก็ทำเราร้องไห้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกสัมผัสที่รุนแรง มีความรักและความอ่อนโยนแฝงอยู่เสมอๆ สายตาคมกริบคู่นั้น เวลาที่มองมายังเราด้วยความห่วงใย มันก็ทำเอาหัวใจอ่อนยวบได้ทุกที ตอนที่นอนโรงพยาบาลอยู่นาน ก็ได้คน ๆ นี้คอยดูแล

แค่นึกถึงความรักเมื่อครั้งที่ผ่านมา น้ำตาก็พาลจะไหล อาจเพราะเหนื่อย หนาวและสับสน โชคดีที่สายฝนช่วยชะล้างความอ่อนแอนั้นไปได้บ้าง แม้จะไม่หมดซะทีเดียวก็เถอะ

ใบหน้ากลม ๆ เงยมองสายฝนที่หล่นลงมาอย่างพรั่งพรูได้ซักพัก สองขาสั้น ๆ ที่ไร้เรี่ยวแรง ก็ก้าวต่อไป ก้าวไปเรื่อย ๆ พร้อมกับหัวสมองที่คิดย้อนหลังไปไกลถึงใครบางคน ...

คนที่เราเรียกว่ารักได้เต็มปาก และคิดถึงเค้าเสมอได้เต็มหัวใจ

เฝ้าแต่หลงรักเค้าข้างเดียวมานานแค่ไหนตัวเองก็รู้ดี รักเค้ามาก จนไม่อยากให้เค้ามาผูกพัน ยอมอยู่ข้าง ๆ เค้าโดยไม่หวังให้เค้าตอบคำรับรัก เพราะไม่แน่ใจว่าชีวิตนี้มันจะยืนยาวไปอีกเท่าไหร่ เลยกลัวความสัมพันธ์จะทำให้เอริคเจ็บปวดหากวันใดที่ลมหายใจไม่มีแล้ว ความทุกข์ระทมตอนนั้น ยังเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ เหมือนไดอารี่เล่มนั้นที่หมึกยังไม่จางแม้ซักตัวอักษรราวกับจารึกกับหมึกวิเศษ จนวันที่หายดี .. วันที่พระเจ้าประทานโอกาสมาให้ วันที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าของเอริคหลับพริ้มของข้าง ๆ ตัวก็ยังนึกว่าฝัน มีความสุขแค่ไหน ที่อีกคนก็คิดไม่ต่างกัน .. แม้จะเพียงแค่ครั้งเดียว ที่มีโอกาสได้รับฟังคำ ๆ นั้นจากปากของเอริค ... คำที่เค้าบอกรัก เพียงครั้งเดียว

“ชั้นก็รักนาย

แอนดี้”

เพียงครั้ง แต่ก็มั่นใจ ว่าสิ่งที่เค้าพูดคือสิ่งที่เค้ามอบให้ด้วยความรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ

ใช่ เรารักเอริค ... เอริค เจ้ายักษ์ขี้เซาคนนั้นแหละ

“แล้วพี่จินล่ะ พี่จินก็แค่ความใกล้ชิดสินะ ความเผลอไผลบวกกับบรรยากาศไม่มีอะไรมากกว่านั้น

แล้วพรุ่งนี้ล่ะ พรุ่งนี้จะทำยังงัย จะคุยกับเค้ายังงัย”

ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ซ้อมบอลกันปกติเหมือนทุกวัน

หรือวิ่งหนีให้ไกลเค้าที่สุด เพื่อเหตุการณ์จะได้ไม่ซ้ำรอย...


...



.

.
.
.
สายฝนเริ่มเบาบาง แต่เนื้อตัวกลับเปียกปอนไปหมด อุณหภูมิของอากาศ ทำเอาคางของคนตัวเล็กเริ่มสั่น เงยหน้าขึ้นมองถนนอีกที ตอนนี้เค้าก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า ตนเองเดินมาไกลขนาดไหน

“มหา’ลัยของเอริคนี่ ถึงแล้วเหรอ” หัวใจแทบตะโกนร้องอย่างลิงโลด แต่อนิจจา มหาลัยไม่ใช่โรงเรียนมัธยม มันกว้างแสนกว้าง และเค้าก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เอริคอยู่ที่ไหน

“มืดตื๋อเลย มือถือก็ไม่มี ทำงัยล่ะ” เพราะหัวใจอันแน่วแน่ แม้เหนื่อยล้า แต่ยังคงนำพาร่างเล็กที่เปียกปอนเดินฝ่าความมืดและละอองฝนดุ่มๆ เข้าไปยังที่ ๆ หัวใจอีกดวงสิงสถิตอยู่

“ถ้าชั้นเจอนายนะ ชั้นก็คงไม่หนาวแล้ว ใช่มั้ยเอริค”

แอนดี้เดินตามแสงไฟเข้าไปยังถนนเบื้องหน้า หันซ้ายหันขวาก็มีแต่ตึกที่ปิดไฟมืด รอบตัวไม่มีใครซักคนที่พอจะถามทางได้

“เอริคบอกว่าจะกลับดึกเพราะว่าต้องอยู่ช่วยงานชมรม ถึงไม่ใช่ที่ ๆ เอริคอยู่ ไปถามดูก็น่าจะรู้นะ”

สองเท้าก้าวไป และหัวใจที่หนาวเหน็บก็จดจำเพียงหน้าใครบางคน พยายามลืมรสหวานสลัดความวาบหวามเมื่อครู่ออกไปให้หมด...

สองเท้าสั้น ๆ เดินตามหาแสงไฟที่สว่าง ราวหิ่งห้อยน้อยที่เห็นไฟเป็นเสมือนรังรัก .. เพราะคิดว่าอยากน้อยอาจเจอใครเข้าซักคนที่พอจะช่วยเข้าได้
... แล้วสวรรค์ก็เข้าข้างเค้าจริง ๆ


“เอริค”

เจ้าของชื่อเงยหน้าจากฝืนผ้าใบหันขวับมามองตามเสียงเรียก แล้วมีอันต้องตะลึงพรึงเพลิดเมื่อเห็นเจ้าของน้ำเสียงแหบพร่านั้น

“แอนดี้ มาได้งัย แล้ว .. แล้วนี่ทำไมเปียกอย่างนี้” เอริควางพู่กันในมือลง เดินมาใกล้ๆ แอนดี้ ถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองคลุมไปยังร่างที่สั่นสะท้านเพราะความเหน็บหนาว

“ไหนว่าวันนี้จะไปนอนกับแม่ไง แล้วนึกงัยเนี๊ยะ เอาเป็นว่าค่อยคุยกันดีกว่า ไปเปลี่ยนชุดก่อน เดี๋ยวนายเป็นหวัดกันพอดี ทำไมต้องตากฝน บอกให้เอาร่มไปก็ไม่เชื่อกันเลย ไม่ยอมดูแลตัวเองแบบนี้ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา ชั้นจะทำยังไงห๋า”

บ่นยาว 3 กิโลยังกะคนแก่ แต่คนตรงหน้ายังก้มหน้างุด แอบรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ระบายอยู่บนปากที่ขาวซีด ทำไมวันนี้เสียงบ่นของเอริคถึงฟังดูมีเสน่ห์นักนะ

“กอดชั้นหน่อย” เสียงกระซิบแหบพร่า ส่งออกมาจากปากอิ่มเหมือนกระซิบให้ได้ยินแค่ระหว่างคนสองคน

“หะ.. ห๋า ว่าไงนะ”

“กอดชั้นหน่อย ชั้นหนาว”

“เอ๋! ..
..นี่ รู้มั้ย ถึงนายจะชอบเรียกชั้นว่าเจ้ายักษ์ลามก หรือว่าความจริงแล้วชั้นอาจลามกก็จริง แต่ชั้นไม่กระทำการอย่างว่าต่อหน้าประชาชีแบบนี้หรอกนะ ฝันไปเหอะ”

“จูบด้วยนะ เร็วสิ” สีหน้าเรียบเฉย ขอจูบ เหมือนขอลูกอมซักเม็ดเลยวุ้ย

“แอนดี้ .. เป็นอะไร” เอริคใช้สองมือประคองไหล่ของคนร่างบาง เขย่าเบา ๆ เพราะคิดว่าคำพูดนั้นคงหลุดออกมาเพราะอาการเพ้อเป็นแน่

“เอ่อ ... รุ่นพี่ครับ ผมขอตัวซัก 10 นาทีนะครับ” หันไปตะโกนบอกรุ่นพี่ที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการ(แอบฟัง) ก่อนลากร่างที่เปียกชื้นเดินเลี้ยวขวามุมตึกเข้าไปยังห้องอีกห้อง

มือเรียวสวยผลักประตูเบา ๆ พร้อมกับกดสวิทไฟเปิด แล้วห้องที่มืดตื๋อก็พลันสว่างไสว

ห้องนี้คงเป็นห้องวาดภาพ จึงมีฝืนผ้าใบที่วาดยังไม่เสร็จมากมาย กลางห้องมีแจกันดอกไม้ถูกวางไว้บนแท่นมีผืนผ้าสีขาวสะอาดคลุมไว้อีกชั้น

เอริคดึงมือแอนดี้เข้ามาในห้องก่อนจะกดล็อคประตูปิดสนิท คนที่ถูกจูงก็ยังคงนิ่ง และสั่นเล็กน้อยเพราะความหนาว

“ก่อนอื่น เปลี่ยนชุดก่อนนะ ไม่งั้นนายต้องโดนหวัดเล่นงานแน่” คนตัวสูงใช้สองมือถอดเสื้อเจ็คเก็ตที่คลุมให้เมื่อครู่ออก ก่อนลงมือถอดเสื้อกีฬาที่เปียกชื้นของแอนดี้กองไว้ใกล้ๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อสีเชิ้ตแขนยาวของตัวเองที่ใส่อยู่ออกมาสวมให้แทน เพราะขนาดตัวผิดกัน แขนเสื้อจึงยาวเกินแขนของแอนดี้ออกมาโขอยู่ แต่ชั่วโมงนี้ ดีที่สุดก็ได้แค่นี้แหละ

“เหม็นหน่อยนะ วันนี้ชั้นวาดภาพทั้งวัน แต่ยังดีกว่าเปียกล่ะ
... แล้วนี่ คลุมไว้อีกชั้นจะได้อุ่น ๆ ดูสิ หนาวจนปากซีดหมดแล้ว” เอริคหยิบแจ็คเก็ตหนาตัวเดิมคลุมลงไปบนตัวแอนดี้อีกชั้น

“นายล่ะ”

“ชั้นใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวก็ได้แล้ว แต่ กางเกงน่ะ มันไม่มีเปลี่ยนนะ นอกจากนายจะยอมใส่บ็อคเซอร์ของชั้น”

“ไม่ต้องหรอก”

“น้องชายนายหนาวแย่แล้ว ให้ชั้นช่วยเช็ดให้มั้ย” คนพูดยื่นหน้าทะเล้นเข้ามาถาม แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ตลกด้วยแถมไม่มีการด่ากลับเหมือนครั้งก่อน ๆ ก็เริ่มแปลกใจ

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“กอดชั้นหน่อย แค่นายกอดชั้นก็หายหนาวแล้ว” ไม่ต้องรอให้สั่งอีกครั้ง เอริคคว้าตัวแอนดี้เข้ามาในอ้อมกอดทันที มือหนึ่งลูบใบบนกลุ่มผมที่เปียกลู่เบาๆ อุณหภูมิของแอนดี้ทำเอาเค้าเริ่มรู้สึกไม่ดี เพราะมันต่ำจนน่าตกใจ

“กลับบ้านนะแอนดี้ เดี๋ยวชั้นไปส่ง”

“เอริค จูบชั้นหน่อย ..นะ จูบหน่อย” น้ำเสียงแหบพร่าน่าสงสาร ครวญครางอยู่บริเวณไหล่กว้างของตน แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาโรแมนติกกันตอนนี้นะแอนดี้ เอริคคล้ายอ้อมกอด ยื่นมือมาประครองพวงแก้มกลมรั้งให้ใบหน้าที่ก้มงุดเงยขึ้นมาสบสายตากันตรง ๆ

“เวลานายจะให้ชั้นจูบ จำไม่ได้เหรอว่าต้องทำไงน่ะ ลืมไปแล้วเหรอ หืม! ”

“พี่เอริค จูบผมหน่อย” แววตาไม่กระดากอายซักนิด และเอริคก็ไม่ต้องทวนคำขอซ้ำอีกรอบ ริมฝีปากหนา ๆ ครอบเอาริมฝีปากที่ซีดขาวเย็นชืดไว้จนมิด อุณหภูมิภายนอกแสนต่ำ แต่ภายในโพรงปากกลับตรงข้ามจนน่าแปลก .. คนตัวเล็กของเค้าต้องเป็นหวัดแล้วแน่นอน

คลึกเคล้าริมฝีปากจนเริ่มรู้สึกว่าร้อนได้ที่ จึงยอมถอนออกก่อนตัวเองจะเตลิดไปมากว่านี้

“จะให้ชั้นเล่นจ้ำจี้กับนายตรงนี้เหรอ หืม!”

“บ้า..ไม่ใช่ซักหน่อย”

“ถ้างั้นกลับบ้านดีกว่า มาเถอะ ขืนนายเป็นไข้ขึ้นมาชั้นก็เบื่อแย่สิ”

“ต้องทำงานนี่”

“ไม่เป็นไร มีคนช่วยเยอะแล้ว” เอริคปล่อยมือจากแก้มกลมที่ตอนนี้ซับสีเลือดจาง ๆ แม้จะเหน็บหนาวก็เถอะ หันหลังทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่มือบางกลับรั้งตัวเค้าไว้อีกครั้ง

“ ...เอริค

....ชั้นรักนาย”

คิ้วหนาได้รูปเลิ่กสูงเหมือนสงสัย แต่แล้วก็ยิ้มหวานส่งมาให้ ก่อนหันหน้ากลับมากดปลายจมูกฝังไว้บนแก้มระเรื่อและแสนจะเย็นเฉียบนั้นอีกครั้ง
….
..
.

“ชั้นรู้ .... งั้นรีบกลับเหอะ รู้มั้ย…ถ้าชั้นไม่อยากให้รุ่นพี่ทั้งชมรมได้ยินเสียงครางของนายนะแอนดี้ ชั้นรวบนายตรงนี้ไปแล้ว”

“ไอ้เอริคบ้า ชั้นไม่ได้ต้องการแบบนั้นซะหน่อย นายเนี๊ยะนะ..”





...........




ละอองฝนด้านนอกแม้จะเบาบางลงแล้ว แต่ก็ยังคงไม่หยุดโปรยปราย กลิ่นไอเย็นบนพื้น ลอยตัวขึ้นสู่ที่สูง มองไกล ๆ ราวกับเดินย่ำอยู่บนสายหมอก เพราะเบื้องหน้าคือตึกใหญ่ระฟ้าค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่เฮซองต้องมาเทรนหลังเลิกเรียนทุกวัน จอนจินจึงต้องมายืนหลบฝนปล่อยความคิดฟุ้งซ่านอยู่ตรงนี้ ในตู้โทรศัพท์ริมทางเท้า

อาจเพราะพายุฝนที่กระหน่ำตั้งแต่บ่าย บนถนนจึงร้างไปด้วยผู้คน โทรศัพท์มือถือในมือถูกกดไปยังหมายเลขเป้าหมาย แต่แล้วมีอันต้องลบทิ้งไปครั้งแล้วครั้งเล่า อยากเจอหน้าเร็ว ๆ ใจแทบขาด แต่ก็กลัวจะรบกวนการฝึกซ้อม แค่คิดถึงคนที่กำลังยืนรอ หัวคิ้วก็ขมวดปมอีกครั้ง...พลันสมองก็มีใบหน้ากลม ๆ ไม่ต่างกันของใครอีกคนแทรกเข้ามา

“ขอโทษนะแอนดี้ ...มันก็แค่ความต้องการอยากปกป้อง..ก็แค่นั้น” เสียงบ่นพึมพำของคนภายในตู้โทรศัพท์ดังขึ้นเบา ๆ ไอความเย็นที่เกาะกระจกอยู่รอบด้านช่วยพลางสายตาวิตกกังวลของเค้าจากโลกภายนอกได้โดยไม่ต้องกังวล

ใช่สิ ความต้องการอยากปกป้อง ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากนั้น จูบนั้นก็แค่ความผิดพลาด

“ความผิดพลาด ใช่แล้ว มันคือความผิดพลาด”

รู้ทั้งรู้ว่าแอนดี้คือคนที่รุ่นพี่เอริคคบหา ครั้งที่ได้ยินไอ้เพื่อนบ้า 3 ตัวมันพนันขันต่อแย่งกันจีบก็เกิดอาการอยากปกป้อง เห็นคนร่างเล็กนั่งเหม่อคนเดียวอยู่ริมสนามบอลทุกวันก็ยังแปลกใจระคนสงสัย จนวันที่มีโอกาสชวนคุย เห็นแววตาซน ๆ จมูกรั้น ๆ นั้นแล้วอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ ซ้อมบอลด้วยกันทุกเย็นก็แค่ฆ่าเวลาที่จะต้องไปรับเฮซอง แถมด้วยความสนุกสนานที่ได้คุยกับคนที่ถูกคอ มันก็มีแค่นี้จริง ๆ แล้วระหว่างนั้น มันเกิดอะไรขึ้นนะ ..

ก๊อก ๆ ๆ

เสียงเคาะกระจกตู้ ทำเอาสะดุ้งไปเฮือก หันไปมองยังที่มาของเสียงเคาะ กลับได้เจอเพียงนิ้วชี้เรียวยาวของคนด้านนอก บรรจงแหวกไอฝนที่เกาะประตูกระจก ลากวนเป็นข้อความที่ทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาทันที




คิดถึงชั้นมั้ย ♡




ยืนยิ้มให้ข้อความนั้นอยู่อึดใจ ก่อนเจ้าของข้อความจะเปิดประตูโผล่แก้มกลม ๆ ที่แสนจะน่ารักเข้ามาด้านใน แจ็คเก็ตที่มีฮู้ดตัวใหญ่ ปกป้องเจ้าของร่างจากสายฝนได้ดี แต่เนื้อตัวก็ยังเปียกชื้นอยู่บ้าง ยกเว้นเส้นผมที่สุดแสนจะหวงแหนที่ไม่เสียทรงเลยซักนิด อืม ..โชคดีนะเนี๊ยะ

“พี่ไม่ได้ถือร่มมาเหรอฮะ” ไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง พลางสองมือก็ปัดเศษน้ำที่เกาะอยู่ทั่วทั้งตัวให้

“ลืมน่ะ บริษัทแค่นี้เอง ก็เลยใช้แจ็คเก็ตคลุมหัววิ่งมา ไม่ต้องห่วงไม่เปียกหรอก”

“ไม่เปียกได้งัย ดูสิ หนาวจนหน้าแดงแจ๋เลย”

“เป็นห่วงเหรอ” ยืนหน้าเข้าไปใกล้ ทำหน้าทะเล้นใส่อีกต่างหาก”

“ก็เป็นห่วงสิ เดี๋ยวเป็นหวัดก็ร้องเพลงไม่ได้หรอก”

“แค่นี้?” หดคอกลับมาที่เดิม แถมด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ พาลเอาคนร่างสูงต้องอมยิ้ม

“ก็เป็นห่วงทุกอย่างแหละน่า ไม่งั้นจะยืนคอยอยู่นานสองนานทำไม หนาวจะแย่”

“แล้วไป” เฮซองส่งยิ้มด้วยประกายตาระยิบระยับให้กับคนตรงหน้า ก่อนจะเบือนสายตาออกไปมองสายฝนด้านนอก กระชับเสื้อให้แนบตัวเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ตนเองอีกครั้ง

ตู้โทรศัพท์ตู้เล็ก มีผู้ชายตัวโต ๆ หุ่นนักกีฬาคนนึง กับชายร่างบางสูงโปร่งอีกคน ก็กินเนื้อที่ให้แคบเข้าไปอีก จอนจินกกระเถิบกายเบียดเข้ามาทางด้านหลัง สองมือโอบเอวบางฝังใบหน้าตนไว้กับซอกคอของคนรักอย่างออดอ้อน

“เดี๋ยวก็มีใครเห็นหรอก”

“ผมยืนตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้ว ไม่เห็นแม้แต่แมวซักตัว” แม้คนด้านหน้าจะเขยิบหนี แต่จอนจินก็เบียดตัวแนบแน่นกว่าเก่า ทำเอาเฮซองต้องเหลือบมองอย่างระอา

“กลับเหอะ ดึกแล้ว เริ่มหิว”

“ผมรอพี่นานมาก ยังไม่บ่นซักคำ ผมกอดนิดเดียว ทำบ่น”

“โอเค ๆ ก็ให้กอดแล้วงัย กลับเหอะ ละอองฝนแบบนี้ไม่ทำให้เปียกแต่ก็ทำให้เป็นหวัดได้นะ”

“ก็นั่นน่ะซิ ร่มก็ไม่มี จะกลับยังงัยล่ะฮะ”

“แจ็คเก็ตชั้นงัย คลุมไปไม่เปียกหรอก”

“ก็ได้” จอนจินยอมคลายอ้อมกอดของตนออก แต่ยังไม่ปล่อยมือนั้นง่าย ๆ เค้าจับคนร่างบางหมุนหันหน้ามาเผชิญกัน จ้องมองลงไปดวงตาดำคลับนั้นเนิ่นนานก่อนค่อย ๆ ก้มหน้ากดริมฝีปากประทับลงไปเบาๆ ปลายลิ้นหยอกเย้าอยู่ตรงริมฝีปากหวังให้ปากบางนั้นแง้มออกต้อนรับลิ้นร้อน ๆ ของตนเข้าไปด้านในซักที แต่อีกคนนี่สิกลับแกล้งเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น จนปัญญาจะรุกราน

จอนจินดันตัวออก มองใบหน้าอมยิ้มด้วยความขุ่นเคือง เหมือนเด็กโดนขัดใจ ทำเอาเฮซองต้องส่ายหน้าอย่างระอา

“เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว”

“อยากจูบพี่ตรงนี้”

“ทำไมล่ะ”
“โรแมนติกดีออก”

“ปกติคำ ๆ นี้ ต้องเป็นชั้นพูดนะ วันนี้แปลก นายเป็นอะไรรึเปล่าเนี๊ยะ”

“อยากจูบ” อมยิ้มขำ ๆ กับคำพูดตัวเองไปด้วย ยิ่งเห็นคนสวยทำตาโตยิ่งอยากกระชากร่างบางนั่นเข้ามาประกบปากมากขึ้นอีกเท่าตัว

“กลับบ้าน” คนสวยยังไม่ยอมแพ้

“จูบก่อน” อีกคนก็ยอมตาย

“กลับบ้าน”

“จูบ”

“กลับ”

“จูบ”

“กลับ”

“จูบ”

“กลับ”

“กลับ”

“จูบ ...

เฮ้ย!!!” กับดักเล็ก ๆ ทำเอาแมวน้อยตกหลุมพรางจนได้ จอนจินได้โอกาสรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด ประทับริมฝีปากลงไปบดขยี้เค้นความหวานในโพลงปากของอีกฝ่ายออกมา เพื่อเป็นยาวิเศษใช้ชโลมความพลั้งเผลอของใจ ที่มันวูบไหวแปลก ๆ รีดร่องรอยและสัมผัสที่ไม่คุ้นชินออกจากความรู้สึกให้มดสิ้น และคราวนี้กลีบปากบางก็เต็มใจแย้มเผยอให้อีกฝ่ายรุกรานอย่างสมยอมเช่นกัน ..ไอ้ที่เล่นตัวไปเมื่อกี๊ ก็แค่ละครฉากหนึ่งล่ะน่า ..


จูบนี้ยังคงหวานและซาบซ่านไม่เปลี่ยน กลิ่นหอมอ่อน ๆ กลิ่นเดิม ปัดเป่าให้ความรู้สึกตรึงเครียดเมื่อครู่จางหายไปกับไอเย็น ..
..ยาวนานแล้ว ที่เค้าทั้งคู่จูบกันครั้งแล้วครั้งเล่า กอดกันก็บ่อยจนแทบจำรสสัมผัสของกันได้ แม้นานวัน เสียงหัวใจจะไม่เต้นรัวเหมือนก่อน แต่มันก็มีจังหวะที่สงบและสอดคล้อง จนเชื่อมั่นว่า ไม่มีวันไหน ที่จะยอมปล่อยร่าง ๆ นี้ให้ใครครอบครองอีกเป็นแน่

เมื่อวานรู้สึกรักยังงัย วันนี้ก็ยังคงเดิมเสมอ

ครั้นภายภาคหน้าต่อไป จะมีสิ่งที่ทำให้ใจสั่นไหวอีกครั้ง แต่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้

รักนี้ต่างหาก … คน ๆ นี้ต่างหาก ที่มีอยู่จริง ...









จินมันเท่ส์เกินความจริงไปป่ะหว่า พี่รส เหอ ๆ ปกติมันไม่งี้เนอะ

น้องพลอย เอ่อ ฟิกพี่อ่ะ น็อกรอบฟิกหลังไมค์น้องพลอยไปหลายรอบและน๊า แต่งต่อเร็ว ๆ กดดันจะบ้าแย้ววววว

กะว่าจะให้จบในวันวาเลนไทน์ แต่ไม่จบวะฮะ โทดที















++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++
++++++++






ก้าวเดียว Special Jin-Dy ep.5

เมื่อโลกยังกลม และนาฬิกาก็ยังคงหมุนวน






เสียงออดเลิกเรียนดังก้อง ก่อนเสียงเอะอะที่เกิดจากการเก็บข้าวของลงกระเป๋าและเสียงพูดคุยจอแจรอบตัวจะดังกระหึ่มเซ็งแซ่

ดวงตาคู่เรียวเบือนหน้าจากกระดานหันมองไปยังนอกหน้าต่าง ลมหายใจถูกส่งออกมาหนัก ๆ ราวกับต้องการขับให้ความตึงเครียดจางหายไปด้วย เมื่อคนในห้องเริ่มทยอยออกไปเกือบหมดก็ก้มหน้าเก็บของลงกระเป๋าเป้ตัวเองบ้าง


วันนี้สิ่งที่ทำให้สมาธิในการเรียนแตกซ่าน ก็คือการเฝ้าแต่คอยประดิดประดอยคำพูดเพื่อขอโทษใครคนหนึ่ง ตั้งแต่เช้า กลางวัน จนกระทั่งตอนนี้ คำ ๆ ไหนที่พูดออกไปแล้วมันดูไม่งี่เง่านัก ถูกวาดเอาไว้อย่างสวยหรูในหัวสมองประโยคแล้วประโยคเล่า แต่เป็นอันต้องโดนDelete ทิ้งไปซะทุกที

จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันจะดีมั้ย หรือขอโทษไป อีกคนจะรับฟังรึเปล่า

ความกังวลที่ต้องเผชิญหน้า ไม่ว่าจะเป็นประตูโรงเรียน โรงอาหาร หรือแม้แต่ห้องน้ำ ทำเอาเอาชายหนุ่มที่เคยมั่นใจในตัวเองอย่างจอนจิน ต้องอกสั่นขวัญแขวนไปนิดหน่อย นักบอลอย่างเค้า ต่อให้คู่ต่อสู้คือโรงเรียนอันดับ 1 หรือนักบอลมืออาชีพก็ไม่เคยคิดถอยแม้ซักก้าว แต่กับเรื่องนี้มันดันมีข้อยกเว้นจนได้

ใจนึงก็อยากเจอเพื่อจะได้ปลดปล่อยคำขอโทษที่เฝ้าบรรจงสร้างไว้ ทุกอย่างจะได้จบ ๆ อีกใจนึงก็พะวงกลัวปฏิกิริยาของอีกคนจะออกมาในแง่ลบ ถ้าเป็นงั้นมันคงแย่เอามาก ๆ

แต่จนแล้วจนรอด วันทั้งวันที่สายตาเฝ้าเสาะหาร่างเล็ก ๆ กลับพบเพียงความว่างเปล่า แต่ความกังวลนั่น ก็เจือไปด้วยความสบายใจเล็ก ๆ ที่การเผชิญหน้ามีอันต้องยืดไปอีกวัน .. อย่างน้อยคืนนี้ขอไปนอนคิดก่อนเหอะ ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ด้วยรูปแบบไหนดี


ปังงงง~~~~~!!!!

ไอ้จองมินเพื่อนหน้าเป็นตบโต๊ะดังป๊าบ ทำเอาคนที่กำลังวุ่นวายกับความคิดตนต้องสะดุ้งไปเฮือกใหญ่ เงยหน้าขึ้นมาอีกที เพื่อนตัวดี 3 คนก็เอาแต่รุมจ้องหน้าเหมือนต้องการจับผิดอะไรซักอย่าง

“เฮ้ย! นั่งเฉยทำไม ท้องผูกเหรอ ทำไมไม่ไปซ้อม ลุกเด้ ตามกฎข้อที่ 113 เป็นกัปตันทีมน่ะอู้ไม่ได้นะเฟ้ย” เพื่อนคนนึงในกลุ่ม ผู้มีใบหน้าคมคาย แววตาดูเฉลียวฉลาดหลังกรอบแว่นหนาที่ไม่มีเลนส์เป็นคนเอ่ยขึ้น

“ไอ้บ้า ตกใจหมด”

“เหม่อไรวะ”

“เปล่า .... เก็บของอยู่ ไม่มีตารึไง”

“ก็เห็นว่าเก็บของ แต่มันไม่มากไปหน่อยหรือเพื่อน หนังสือไม่มีซักเล่ม เก็บแค่ปากกาด้ามเดียวกินเวลาไป 10 นาทีแล้ว ชั้นนั่งมองแกอยู่ อย่ามาแหลเฟ้ย” เพื่อนตัวดีอีกคนทำหน้าตาดุ เมิงจะคาดคั้นกรูให้ได้เลขเด็ด 3 ตัวรึงัยฟระ ไอ่พวกนี้ ..จอนจินมองหน้าเพื่อนแต่ละคนด้วยสีหน้าระอา ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ

“วันนี้ขอโดด 1 วัน ชั้นมีธุระ”

“มีธุระ? …
...ตามกฎข้อที่ 185 กัปตันทีมห้ามมีธุระถ้าไม่จำเป็น ...แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นให้ต้องมีธุระจริง ๆ ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้แก่ลูกทีมทราบล่วงหน้า เพราะลูกทีมจะได้ทำการหาแผนสำรองในการโดดซ้อมได้ทันท่วงทีเฟ้ย”

“ไอ้เวง กฎอะไรแกวะ เพิ่งเคยได้ยิน” คนหน้าหล่อขมวดคิ้วยุ่งกับประโยคแปลก ๆ และสีหน้าที่ดูจริงจังในกฎบ้า ๆ ของคังมินซะเหลือเกิน ใช่ ไอ้หล่อใส่แว่นนั่นมันชื่อคังมิน (นึกได้แค่นี้)

“แน่แหละ ก็ชั้นเพิ่งคิดขึ้นเมื่อตะกี๊นี่น่า”

“งั้นตามกฎของกัปตัน ลูกน้องที่ชอบสอดเรื่องคนอื่นอย่างแก วันนี้ซ้อมถึงค่ำไปเลย อย่าให้กัปตันรู้ว่าอู้ ไม่งั้นโดนหนัก เข้าใจมั้ย... ไปและ” จอนจินสะพายเป้ขึ้นบ่า เดินฝ่าฝูงมนุษย์ 3 ตัวที่ทำท่าทางสงสัยใคร่รู้อย่างหนัก อะไรมันจะชอบเสือกเรื่องชาวบ้านขนาดนี้ และก่อนเดินพ้นประตูห้องเป็นอันต้องหยุดฝีเท้ากึก เมื่อไอ้เพื่อนตัวดีทั้งหมดทำท่าจะเดินตามตรูดออกไป คิดได้ดีแล้วจึงตัดใจหันมารายงานธุระสำคัญในครั้งนี้ให้เพื่อนผู้แสนดีรู้ ก่อนมันจะเกิดบ้าสะกดรอยตามเพราะความอยากเงือกขึ้นมาล่ะแย่เลย

“ชั้นไปธุระกับรุ่นพี่ แค่นี้พอใจมะ ไม่ต้องตามมา เข้าใจมั้ย”

“รุ่นพี่? …ใครวะ?..พี่เฮซองแฟนนายน่ะเหรอ”

“เออ ...”

“ยังคบกันอยู่อีกเหรอ” ไม่รู้ว่าเป็นคำพล่อย ๆ ที่หลุดออกจากปากหมา ๆ ของใคร เพราะมันเบามาก หันกลับมา แต่ละคนก็ปั้นหน้าเหลอหลายังกะเด็กปัญญาอ่อน ไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น

“ไอ่พวกบ้า ไปซ้อมได้แล้ว นี่คือคำสั่งของกัปตัน ตามกฎข้อที่ 253 วรรคที่ 5 บรรทัดที่ 13 พวกนายต้องฟังคำสั่งของกัปตันและต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เข้าใจมั้ย”

“กฎบ้าไรวะไม่เคยได้ยิน” เท็นเท็นยืนเกาหัวแกรก ๆ”

“แน่ล่ะ เพราะชั้นเพิ่งตั้งขึ้นมา” ว่าแล้วร่างสูงก็เดินลับไป ปล่อยสายตาอีก 3 คู่มองหน้ากันไปมาอย่างเลิ่กลั่ก

“มันหนีซ้อม แล้วบังคับพวกตรูนี่ มันถูกแล้วเหรอวะ ไอ้คังมิน” จองมินทำหน้าซื่อ(บื้อ)ใส่เพื่อน

“อืม! ก็มันเป็นกัปตันนี่หว่า”

“งั้นนายจะซ้อม ว่างั้น”

“มันตั้งกฎขึ้นมาได้ เราก็ตั้งกฎฉบับปรับปรุงของเราแล้วกัน ลูกน้องมีสิทธิ์มีธุระได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตกัปตัน หากว่ากัปตันไม่อยู่ ดีมะ”

“แกสองตัวจะบ้าเหรอ ไอ่จินมันล้อเล่นจะไปจริงจังทำไมฟระ เง่ารึเปล่าเนี๊ยะ ไหน ๆ ก็ว่างแล้ว ไปเดินหาอะไรอร่อย ๆ กระแทกปาก หาของสวย ๆ เป็นอาหารตาดีกว่าว่ะ”



………..


“มาแล้วฮะ รอนานรึเปล่า” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบมาหาเฮซองที่ยืนพิงเสาไฟรออยู่ก่อนแล้ว ในมือเฮซองมีตะกร้าใส่ขนมเล็ก ๆ อยู่ด้วย ดูแล้วก็แปลก ๆ

“นิดหน่อย นายรอชั้นทุกวันนานกว่านี้อีก” เฮซองยิ้มหวานส่งให้

“นัดมาที่นี่ทำไมเหรอฮะ แล้ววันนี้ไม่ซ้อมเหรอ”

“พอดีว่างถึง 6 โมง เลยชวนนายมาเยี่ยมคนป่วยซักหน่อย กวนเวลานายซ้อมบอลรึเปล่า ใกล้แข่งกีฬาแล้วนี่”

“ไม่หรอกฮะ พักซักวันก็ดี เห็นข้อความพี่ผมอุตส่าห์ดีใจ นึกว่าจะชวนไปเที่ยวซะอีก”

“ช่วงนี้ชั้นยุ่งนะ นายก็รู้นี่”

“ยุ่งหรือไม่ พี่ก็ไม่มีเวลาให้ผมอยู่ดีแหละ ดูสิ เอาเวลาที่ควรจะเป็นของผมมาเยี่ยมใครล่ะเนี๊ยะ”

“อิจฉากระทั่งคนป่วยเลยเหรอ เดินไปเหอะ เดี๋ยวก็รู้ว่าใคร ถือซะว่าเรามาเดทกัน ...” เฮซองเอื้อมมือไปกุมมือหนาของจอนจินออกแรงลากร่างใหญ่ ๆ ที่ทำท่าฮึดฮัดขัดใจ ให้เดินตาม

“มาเดทกันที่โรงพยาบาลเนี๊ยะนะ โรแมนติกจริง ๆ” คนโดนจูงได้แต่หน้าง้ำหน้างอ

“กลายเป็นคนขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี๊ยะ” คนเดินจูงก็ยังจูงต่อ

.
.
.

“ว่าแต่ยังไม่บอกผมเลยว่าจะมาเยี่ยมใคร”

“แอนดี้... นายรู้จักใช่มั้ย อยู่โรงเรียนเดียวกันนี่” ฉับพลันขาวยาว ๆ ถึงกับมีอันต้องสะดุดกึก ฝืนตัวให้แข็งไว้ไม่ยอมก้าวขาออกซะดื้อ ๆ

“แอนดี้??... พี่รู้ได้งัยฮะว่าแอนดี้เข้าโรงพยาบาล แล้วทำไมพี่ต้องมาเยี่ยมเค้าด้วยล่ะ สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมถึงไม่รู้” คำถามยาวกว่าขบวนรถไฟ ถูกปล่อยออกมาบนสีหน้างุนงง

“เอริคบอกน่ะ เจอมันที่คณะเมื่อเช้า ส่วนสนิทกันได้งัยนี่ ก็เพราะว่าแอนดี้เป็นแฟนคลับชั้นตั้งแต่สมัยที่เค้าเพิ่งเข้าเรียนโน่น แฟนคลับตัวยงซะด้วยนะ ฉะนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่ชั้นจะต้องเอาใจใส่ดูแลแฟนคลับชั้นเมื่อเค้าไม่สบาย จริงมั้ย”

..
.
.
“เอ่อ!! … คือว่า.. ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลก ๆ น่ะฮะ สงสัยเพราะตากฝนเมื่อคืน ผมกลับก่อนดีกว่า เรื่องเยี่ยมแฟนคลับของพี่ พี่เยี่ยมคนเดียวก็ได้”

“ไม่สบายเหรอ?? เห็นเมื่อกี๊ยังอยากเที่ยวอยู่เลย งั้นเยี่ยมแป๊บเดียวนะ มาถึงหน้าห้องแล้วไม่เข้าไปหน้าเกลียดตายเลย”

“หน้าห้อง???” สิ้นประโยคตกใจของจอนจิน เฮซองก็หันไปเคาะประตูห้องที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจับลูกบิดหมุน ประตูอ้ากว้างออก แต่หัวใจจอนจินกลับหดลีบ ยังไม่ได้ตั้งตัวเตรียมใจที่จะต้องเจอกันเลย



“แอนดี้”


ภายในห้องมีเพียงคนป่วย ที่กำลังนอนจมอยู่กับหนังสือการ์ตูนกองใหญ่ สีหน้าซีด ๆ บ่งบอกอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ แอนดี้ยิ้มกว้างให้กับผู้มาเยี่ยม แต่ทันทีที่สายตามองเลยไปยังคนด้านหลัง กลับทำเอาหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“พี่เฮซอง มาเยี่ยมผมเหรอฮะ”

“อืม! เมื่อเช้าเจอไอ่ริคน่ะ มันบอกว่านายป่วย ชั้นซื้อขนมมาให้นายด้วย ..แล้วนี่ไปทำอิท่าไหนล่ะเนี๊ยะ ถึงต้องเข้าโรงพยาบาล” เฮซองวางตระกร้าเล็ก ๆ ในมือไว้ตรงหัวเตียง ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่ง ทันทีที่ทรุดตัวลงมันทำเอาคนที่ยืนแอบ ๆ ด้านหลังต้องตกใจ เพราะขาดที่กำบังภัยไปซะงั้น

“ก็แค่อยากเล่นน้ำฝนน่ะฮะ แต่พอดี เล่นนานไปหน่อย ความจริงก็ไม่เป็นไรมาก แต่พี่ริคน่ะตื่นตูมไปเอง”

“อายุเท่านี้แล้วนะเรา ยิ่งป่วยง่ายอยู่ยังจะเล่นน้ำฝนอีกเหรอ นี่ถ้าชั้นเป็นเอริค ชั้นจะจับนายตีก้น” แอนดี้ได้แต่ยิ้มแหย ๆ

“นี่อยู่คนเดียวเหรอ แล้วเอริคล่ะ”

“พี่เค้าอยู่มหาลัยน่ะฮะ คงมาค่ำ ๆ โน่นแหละ ส่วนแม่ เพิ่งกลับไปก่อนพี่ซองจะมาซักครู่นี่เองฮะ”

“ออ งั้นชั้นจะอยู่กับนายจนกว่าเอริคจะมาแล้วกัน ดีมั้ย”

“ฮะ”
..
.

“ไม่สบายแล้วยังจะอ่านการ์ตูนอีก เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก”

“พี่ริคเค้ากลัวผมเบื่อน่ะฮะ เลยขนมาให้”

บทสนทนาของทั้งคู่ ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จอนจินเฝ้ามองภาพนั้นอยู่นาน จะขอตัวกลับก็กระไรอยู่ รู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าตนนั่งฟังเสียงใส ๆ ของเฮซองกับเสียงแหบ ๆ ของคนป่วยบนเตียงจนเพลินไปเลย


แอนดี้แทบไม่ได้หันมาสบตาเค้า หากแต่สังเกตดี ๆ ดวงตาฉายแววประหม่านิดหน่อยเมื่อเฮซองเอ่ยถามหรือเรียกชื่อเค้าออกมา

.
.
แสดงว่านายก็กังวลไม่ต่างกันชั้นใช่มั้ย..แอนดี้

.
.
“ใกล้ 6 โมงและ คุยเพลินเลย นายเลยไม่ได้พักผ่อนเลย”

“ไม่เป็นไรฮะ ผมต้องขอบคุณพี่ต่างหากที่ทำให้ผมหายเหงา”

“เอริคยังไม่มา แต่ชั้นคงต้องเข้าบริษัทแล้วล่ะ เอางัยดี ...จอนจิน นายอยู่เป็นเพื่อนแอนดี้จนกว่าเอริคจะมาแล้วกันนะ แล้วค่อยกลับ”

“ห๋า/ห๋า!!!” ประโยคขอร้องบวกคำสั่งกราย ๆ ทำเอาคนทั้งคู่อุทานขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ไม่เป็นไรหรอกฮะ เดี๋ยวพี่ริคก็มาแล้ว”

“ได้งัย เผื่อนายต้องการอะไร จอนจินน่ะเค้าว่างอยู่แล้ว ใช่มั้ยจอนจิน” ใบหน้าอ่อนหวาน น้ำเสียงไพเราะ แต่ดวงตาดุจนน่าขนลุก แบบนี้ขืนปฏิเสธ จะโดนอะไรเนี๊ยะ

“แต่ ...ว่า”

“ตามนี้แหละ ... หายไว ๆ นะแอนดี้..พักผ่อนเยอะ ๆ อย่าไปเล่นน้ำฝนอีกล่ะรู้มั้ย” เฮซองลุกขึ้น ยื่นมือมาลูบผมแอนดี้เบา ๆ

"ขอบคุณพี่ซองมากนะฮะ"

“วันนี้ชั้นคงซ้อมไม่ดึก ไว้เลิกแล้วจะเลี้ยงข้าวนะจอนจิน ไปและ” ประโยคสุดท้ายหันมาร่ำลาคนร่างสูงอีกคน ที่ยืนเอ๋อรับประทานไปแล้ว

“พี่ฮะ .. พี่เฮซอง เดี๋ยวสิ ..พี่”

คนสวยโบกมือให้ทั้งคู่ ก่อนผลักประตูออกไปโดยไม่ได้สนใจจอนจินที่ยังคงอ้าปากค้าง

...
.
.

อยู่กันสองคน แล้วจะทำงัยล่ะคราวนี้ ...






สงสัยว่ามันจะไม่ใช่ช็อทฟิคซะแล้ว


เห็นคอมเม้นบางคนไม่ค่อยจะชอบการนอกใจของคู่นี้เท่าไหร่ แหะ ๆ โทษทีนะฮะ ทน ๆ หน่อย คงจบในเร็ววัน

บทมันเหมือนเด็ก ๆ ไงไม่รู้เนอะ คิดว่าอ่านฆ่าเวลาและกันนะฮะ ขอบคุณอีกที ที่ยังติดตาม แม้เรื่องมันจะห่าม ๆ หน่อยก็เหอะ เอิ้กกกกกกกกก




ฟิคอูด้งอีกเรื่อง เพิ่งแต่งใหม่ฮะ จิ้มเบา ๆ นะฮะ^^ อูด้งทีไร ดราม่าทุกที





Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2552 23:09:13 น. 15 comments
Counter : 826 Pageviews.

 
อ๊ายยยยย พี่ขอบริจาคเลือดด่วน เลือดกำเดาพุ่ง ทั้งฉากป๋า ฉากแม่ลูกในตู้โทรศัพท์ ไม่ไหวๆ เลือดพุ่งหมดตัว

แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกสัมผัสที่รุนแรง มีความรักและความอ่อนโยนแฝงอยู่เสมอๆ
“จูบด้วยนะ เร็วสิ”
“น้องชายนายหนาวแย่แล้ว ให้ชั้นช่วยเช็ดให้มั้ย”

ชอบอ่ะ น้องพุดให้อิจินอ้อนได้น่ารักมากเลย แถมฉลาดอีกและ หลอกแม่นกได้อีกรอบ พี่ชอบประโยคลงท้ายด้วย จะรอตอนต่อไปน๊าาาาาาา

เมื่อวานรู้สึกรักยังงัย วันนี้ก็ยังคงเดิมเสมอ // โรแม้นซดีจัง


โดย: ไอ้หนูลูกพ่อ IP: 58.8.38.119 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:27:12 น.  

 
เอาพลังชีวิตมาฝากคับ

ท้อใจสะกดยังไง



สะกด..มันเอาไว้
ด้วยความอดทน

สะกด..มันเอาไว้ ด้วยหัวใจไม่ยอมแพ้

ให้เหมือนเด็กในภาพ



เธอเกิดมาด้วยร่างกายที่มี
เพียงครึ่งเดียวของเรา
แต่หัวใจเธอฮึดสู้มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า

เก็บภาพนี้ไว้ในใจ
ยามหัวใจคุณอ่อนแอ







โดย: พลังชีวิต วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:35:47 น.  

 
เรายอมให้พี่พุดน็อกรอบอีกหลายรอบเลยอ่ะพี่พุด~

แบบว่าช่วงนี้เราน็อกไปแล้ว...อ่านหนังสือสอบไม่รู้เรื่องเลยเหอๆ

พี่พุดอ่านฟิควันเกิดดี้ฆ่าเวลาไปก่อนนะ~

สอบเสร็จจะรีบมาต่อหลังไมค์เลย

ปล.อ้า...ดี้~ อ้อนซะไม่มีตอนนี้ น่ารัก~


โดย: wizze IP: 124.120.105.219 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:38:16 น.  

 
อืม.................เหตุเกิดเพราะความรู้สึกที่อยากจะปกป้องรึว่าความใกล้ชิด.....ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากอะรัย....มันก็แค่ความอ่อนไหวของหัวใจนั่นเอง......ถึงจะมีรักแท้ในหัวใจก็เถิดนะ.....

ชอบบทอ้อนของหมีดี้เหมือนกัน....ถ้าดี้มันรู้สึกผิดมากๆนี่มันคงอ้อนป๋าสุดใจขาดดิ้นไปเลย

ของจินก็น่ารัก....มิน่าล่ะ แหม่มมันถึงจิ้นเวลาเดินผ่านตู้โทรศัพทื 555555

จอรออ่านตอนจบนะจ๊ะ


โดย: piyawan IP: 118.172.240.144 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:40:37 น.  

 
เหอๆ แต่ละคนสุดท้ายต้องกลับมาตายรังอยู่ดีแต่ก็ดีนะ ถ้ามาหลงรักกันทั้งๆที่มีตัวจริงที่ยังคงรักล้นใจกันอยู่แบบนี้ มันคงเปนเรื่องไม่ดีแน่ๆ


แต่ก็นะ เข้าใจหาวิธีลบรอยกันดีจริงๆวุ๊ย เผลอแค่จูบก็ลบรอยกันต้องจูบ เหอๆ นี่ถ้าเผลอไปมากกว่านี้สงสัยได้มีการลากไปไหนต่อไหนอีกแน่ๆ

ตอนต่อไปจะเปนไงหว่า สงสารเด็กถูกทิ้ง 2 คนเหมือนกันนะเนี่ย อ้าว~~เอาๆไงแน่ตรู

รักจินซอง แต่จินดี้ก็ชอบ เอาเปนว่าขอจินดี้ที่มันไม่ทำร้ายใครได้มั้ย???


โดย: Orange Rose วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:12:30 น.  

 
กรี๊ดดดดดดด.... พี่พุดข๋า...

หนูหลงรักพ่อจินนี่นะค่ะงานนี้ ... แมนมากๆ เท่หาคำบรรยายไม่ได้เลย แต่จะทำจะใด๋ต่อไปใคร แล้วถ้าเกิดออมม่ารู้ทำยังไงละนั้น เอิ๊กกกกก แต่ตอนนี้เห็นตูโทรศัพท์ที่ไร.... มันจะลอยมาลอยไปค่ะพี่ กร๊ากกกก ช่วงนี้หนูยิ่งอึนๆมึนกะตัวเองมากมาย

ป๋ากะนุ้งดี้ก็แหมๆๆๆ ดี้แนวนี้หนูชอบนะค่ะ ไม่หน่อมแน้ม อิอิ ต้องกล้าๆงี้และค่ะ หนูจิ้นไปไหนต่อไหน...

ว่าแต่เผลอๆกันไปนิดหน่อย แต่ของจริงที่อยู่ตรงคือของจริงตลอดไปใช่ไหมค่ะ ครอบครองได้ จับต้องได้ ไม่ใช่ความฝัน เผลอได้นะค่ะ แต่อย่าชอบ... เดี๋ยวช้ำนักรักนี้นะค่ะ อิอิ


ชอบจังค่ะพี่พุดข๋า.... หนูชอบมากๆๆๆๆๆๆ ตามมาอ่านสี่ตอนต่อกัน ชอบมากๆๆๆ รออ่านต่อนะค่ะพี่ รอโรแมนติกต่อนะค่ะ อ่านแล้วยิ้มได้เสมอ... อย่าทำหนูร้องไห้นะค่ะพี่ข๋า.... กร๊ากกกกกกกกก


พี่พุด FIGHTING!!!!!


โดย: praery_za IP: 58.10.170.101 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:36:52 น.  

 
ไม่ได้แวะมานาน มาทีได้อ่าน 4 ตอนเลย ตอนแรกแอบวูบไปพักนึงเหมือนกันนะเนี่ย
นอกใจเหรอ....ไม่น้า....ไว้เรื่องใหม่ซี่...
ตกลงสุดท้ายก็กลับมาที่เดิมใช่มั้ยเนี่ย

ดี้คงรู้สึกผิดมากเลยเนาะ ดูอ้อนสุดฤทธิ์เลย แต่จิน...ดูเท่ไปนิดนึงรึเปล่า ทำไมดูมันง้อแบบไม่ค่อยสำนึกผิดเลย ...รึว่าพี่คิดไปเอง


โดย: rc IP: 118.172.90.66 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:23:33 น.  

 
จินนี่เท่ห์และก็น่ารักมากๆ เป็นทั้งนักบอล และนักบาส (รวมทั้งนักรักด้วย)

นี่ซิน่ะ ที่เค้ามักพูดกันเสมอว่า “รักแท้แพ้ใกล้ชิด” ถ้าจินนี่และน้องดี้ สานต่อกันให้จบ จะเป็นยังงัยน่ะ(แอบจิ้นไปไกลลลลแล้วอ่ะ)

พี่ป๋ากับซองกี้ก็น่ารักมากๆๆ ดูแลคนรักเป็นอย่างดี

เนื้อเรื่องกระชับ ใช้คำและสำนวนที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ น่ะ
เป็นกำลังใจให้น้องพุดจ๊ะ

ปล. นึกว่าน้องพุดจะหยุดพักยาวซะอีก สงสัยใช้เวลาตอนนอนอยู่โรงพยาบาลแต่งแน่ๆเลย เหอๆๆๆ


โดย: Pekkiokung IP: 203.146.75.118 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:04:23 น.  

 
จริงอ้ะ...ไม่มีอารายในกอไผ่จริงๆเหรอ
แล้วทำไมแต่ละคนถึงต้องพูดกับตัวเอง
แบบคำย้ำคำแบบนั้นล่ะ เหมือนกับยัง
สับสนในตัวเองยังไงไม่รุ....

น้องดี้สงสัยจะเมาฝน(หรือเมาจูบจินนี่)
กะจะให้ป๋าจูบกลางงานเลยนะเนี่ย ดีนะ
ที่ป๋าจอมหื่นไม่สนอง(ตนเอง) ไม่งั้นมี
หวังยังไม่ทันหายกลุ้ม ได้อายต่อแน่ๆ

ส่วนจินนี่ก็เข้าใจเล่นคำนะ ทำให้ซองกี้
ตกหลุมจนได้ (ทั้งๆที่ความจริงซองกี้เองก็รออยู่อะนะ) แต่สรุปแล้วก็หวานและโรแมนติคน่ารักดี...

ส่วนประโยคที่ว่า...
"เมื่อวานรู้สึกรักยังงัย วันนี้ก็ยังคงเดิมเสมอ"..... "ครั้นภายภาคหน้าต่อไป จะมีสิ่งที่ทำให้ใจสั่นไหวอีกครั้ง แต่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้"......
"รักนี้ต่างหาก … คน ๆ นี้ต่างหาก ที่มีอยู่จริง" ...

ก็ขอให้คิดได้อย่างนั้นตลอดนะ...ความ
รักจะได้ไม่เสียศูนย์ และก็ไม่ผิดในรัก..

แล้วจะรอตอนต่อไปนะจ๊ะ...................


โดย: JM IP: 116.58.231.242 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:52:51 น.  

 
พี่พุด หวัดดีค่า
มาอีกทีที่สี่ตอนรวดเลย ขอกรี๊ดดดด จินดี้ๆๆๆ พี่พุดถอดสมการได้เนียนมากฮะ
แม้ว่ามันจะเป็นความบังเอิญ บรรยากาศ แล้วก็ความหวั่นไหวเล็กๆ ของทั้งสองคน
แต่ว่า ยังไงดีล่ะ เนียนค่ะเนียน จับคู่แล้วไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนแต่อย่างใด
ตอนนี้ทั้งสองคนก็ต้องการทำสิ่งที่ให้ตัวเองแน่ใจว่ารักของตัวเองจริงๆแล้ว อยู่ที่ไหน
อย่างเช่น น้องดี้ขอจูบ อ๊ากกก เธออยากให้พี่ริคจูบล้างร่องรอยใช่มั้ยคะ
ยังหรอก มันยังติดอยู่ที่ใจน่ะซี่
ติดตามตอนหน้านะค้า




โดย: โบ_andyholic IP: 203.144.236.214 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:39:10 น.  

 
อร๊ายยยยยยย....ขอกรี๊ดอย่างโหยหวน ทำไมชั้นเพิ่งได้อ่านละเนี่ย
ขอเมนท์รวบยอดเลยละกันเนอะ

พ่อนักบอลสุดหล่อของดีชั้นจะนอกใจแฟนเหรอเนี่ย.... แต่เอาหล่ะ...ให้อภัย สิ่งรอบข้างมันเป็นใจขนาดนั้นนี่นา

ชอบ...ตู้โทรศัพท์
ชอบ...ห้องวาดภาพ

น่าตั้งกล้องแอบถ่ายจริงๆ เหอๆๆ






โดย: พี่จิ๋วจิน IP: 58.147.74.4 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:07:58 น.  

 
พี่พุด~ ใครไม่ชอบแต่เราชอบนะ~

เจอประขันหน้ากันขนาดนี้

จินนี่จะทำยังไงละเนี่ย

..ไม่อยากจะคิดเลย..


โดย: wizze IP: 124.120.95.200 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:40:37 น.  

 
ประจันหน้ากันแบบนี้จินนี่จะทำไง


โดย: ket_dd IP: 117.47.184.151 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:15:15 น.  

 
อ๊ายยย จบตอนนี้ ให้ได้ลุ้นเลยน๊าาาาาา

น้องพุดไม่ทำให้ออมม่า กะยักษ์ขี้เซาอกหักแน่นอนเลย น้องพุดออกสวย แล้วก้อใจดี (ประจบซะเลย) นี่แค่มันเผลอใจกันแว๊ปเดียว พี่ก้อเจ็บแทนออมม่าแล้วอ่ะ (ป่าวเว่อร์นะ..เจ็บนิดนุง) งัย..พี่ขอฉากสวีดๆของแม่ลูกอีกน๊าาา (ฉากในตู้โทรศัพท์ยังไม่จุใจ) ถ้าได้แบบเลือดกำเดาพุ่งยิ่งดี ไม่มีฉากแบบนี้ของแม่ลูกนานแล้วน๊าาาาาา (ขอกันตรงๆเลยวุ้ย)


อิจินมันเท่ห์เกินจิงไปบ้างก้อไม่เป็นรัยหรอกน้องพุด ให้มันได้ดูดี เท่ห์ หล่อบ้าง แม้จะแค่ในฟิคก้อยังดี ฮ่าๆๆ พี่เอาฟิคน้องพุดเนี่ย ลบภาพมันในไอซีล่ะ

มาปูเสื่อรอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ น้องพุดสู้ๆน๊าาาา


โดย: ไอ้หนูลูกพ่อ IP: 58.8.37.76 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:13:56 น.  

 
ตอน4 บอกได้คำเดียวว่า เศร้า อะน้องพุด ฮือออออออ


โดย: andyBE IP: 58.9.217.129 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:45:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พุดดิ้งของซอนโฮ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.