|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Shot fic shinhwa .... ก้าวเดียว ...Special Jin-Dy ep.13
ก้าวเดียว Special Jin-Dy ep.13 The end รักย่อมเข้าใจในรัก...
. . . . .
เย็นมากแล้วหน้ามหาวิทยาลัยคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เฮซองเดินเอื่อย ๆ ฆ่าเวลา เฝือกที่ยังไม่ได้ถอด ทำให้การเดินเป็นไปโดยลำบากซักหน่อยเพราะต้องคอยหลบหลีกผู้คนที่เดินมาชนแขนตัวเอง ใบหน้าหวานชะเง้อมองโน่นนี่อยู่นาน ก่อนจะสายตาจะบังเอิญมองเห็นใครบางคนคุ้นตาเดินตรงรี่เข้ามาทางเค้าซะก่อน
แอนดี้!
หวัดดีฮะ พี่เฮซอง
มาหาเอริคเหรอ น่าจะอยู่ที่คณะนะ
ความจริงแล้ว ผมจะมาชวนพี่ไปกินเค้กต่างหากล่ะ ร้านน้ำชาหัวมุมถนนฝั่งโน่น เค้กอร่อยมากฮะ
หืม..!?..
ไปนะฮะ ผมเลี้ยงเอง ไปเหอะ คนตัวเล็กเดินนำหน้าพร้อมออกแรงจูงมืออีกข้างของรุ่นพี่ให้เดินตามมาเร็วๆ โดยไม่ต้องรอฟังคำตอบรับ
. . . ...
ร้านกาแฟร้านเล็ก ๆ ยามเย็น ผู้คนไม่มากมายจนน่าอึดอัดนัก แอนดี้หันไปสั่งม็อคค่าปั่นให้ตัวเองที่เคาเตอร์ส่วนเฮซองก็สั่งกาแฟเย็น ทั้งคู่ถือถาดโดยมีเค้กหน้าตาสวยอีก 2-3 ชิ้นที่คนตัวเล็กเอาแต่ชี้ ๆ พากันมายังโต๊ะเล็ก ๆ ริมหน้าต่างมุมสุดของร้าน
หิวรึเปล่าเนี๊ยะแอนดี้ สั่งมาซะเยอะเชียว
อ๋อ!... ก็ด้วยน่ะฮะ แต่ปกติเวลามากับเอริคทีไร ก็สั่งแบบนี้แหละ หมอนั่นน่ะไม่เคยช่วยซักชิ้น แต่ก็หมดอยู่ดี แอนดี้ยิ้มให้รุ่นพี่ตรงหน้าก่อนจัดการกับม็อคค่าและเค้กของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย
นายคงชอบเค้ก
ของหวานช่วยทำให้ผ่อนคลายนะฮะ แต่มากไปมันก็ไม่ดีหรอก แอนดี้ที่ใส่ใจอยู่กับการตักเค้กเข้าปากโดยไม่สนใจสายตาของรุ่นพี่หน้าสวยที่มองมายังตนเองอย่างสงสัยใคร่รู้ ..
จริง ๆ เค้าก็รู้อยู่หรอกนะ ว่าเฮซองจะคอยให้เค้าพูดอะไรซักอย่าง .. แต่ขอชิมเค้กเพิ่มความกล้าก่อนเถอะ แม้มันจะไม่ช่วยให้แข็งแรงขึ้นเหมือนผักขมของป๊อปอาย แต่อย่างน้อยมันก็ทำช่วยผลักเวลาให้เค้าได้รวบรวมสมาธิขึ้นอีกนิด
นายมีอะไรจะพูดกับชั้นเหรอแอนดี้
...แอนดี้จำใจวางช้อนคันเล็กลง ดูดน้ำในแก้วอีกอึกใหญ่กลั้วคอ ก่อนกลับมานั่งตัวตรง ใบหน้าน่ารักเงยสบตากับรุ่นพี่คนสวยอย่างไม่มีความหวาดหวั่นเพียงซักนิดในอยู่ในแววตานั้น
ราว ๆ 1 เดือนหลังเปิดเทอม... ผมกับพี่จอนจินซ้อมบอลตอนเย็นด้วยกันทุกวัน นั่นก็เพราะผมไม่อยากกลับบ้านเร็ว แม่ผมท่านเดินทางไปต่างประเทศบ่อย และฝากผมไว้กับเอริคน่ะฮะ หมอนั่นมักกลับค่ำทุกวัน ผมก็เลยต้องเอ้อละเหยอยู่ข้างนอก จนใกล้ๆ เวลาที่เอริคจะกลับ ตอนนั้นพี่จินซ้อมบอลคนเดียวทุกเย็นเห็นว่าฆ่าเวลาระหว่างไปรับพี่ที่บริษัท .. ตั้งแต่นั้นเราสองคนก็เลยสนิทกัน ...
เฮซองไม่แน่ใจนัก ว่าแอนดี้ต้องการจะสื่อถึงอะไร แต่เค้าก็ตั้งใจฟังประโยคเหล่านั้นเงียบ ๆทุกประโยค ยิ่งนึกตาม ก็ยิ่งเห็นภาพ ยิ่งเห็นภาพ ก้อนเล็ก ๆ เท่ากำปั้นที่อยู่ภายในอกด้านซ้ายก็พากันเต้นตุบ ๆ ราวกับมีใครกำลังเคาะผนังห้องเล่นด้วยค้อนยักษ์
..เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย นายสองคนถึงสนิทกัน ..เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย .. นายสองคนถึงได้ทำแบบนั้นต่อหน้าชั้น .... ..เพราะแบบนั้นใช่มั้ย...
... ผมรู้ฮะว่าพี่รู้สึกยังไง ..แต่พี่จินไม่ใช่คนผิดคนเดียว ผมก็ผิดด้วย ผมบอกพี่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มนะฮะ ว่าพี่จินรักพี่ พี่เค้าไม่ได้คิดอะไรกับผมมากไปกว่ารุ่นน้องคนนึง และเราสองคนก็ไม่มีอะไรกันมากไปกว่านั้น ..สถานการณ์ตอนนั้น...มันพูดลำบาก เพราะถ้าพูดไปก็เหมือนแก้ตัว .....แต่ผมอยากให้พี่ซองเข้าใจพี่จินเค้าหน่อย เค้าเสียใจมากนะฮะ
พอเถอะแอนดี้ ชั้นไม่ได้โกรธนาย ชั้นรู้ว่านายไม่ได้เป็นคนเริ่ม... ถ้านายต้องการขอโทษ เอาเป็นว่ามันไม่จำเป็น นายไม่ใช่คนผิด
ถ้าพี่คิดอย่างนั้น พี่ก็ต้องรับฟังคำขอโทษจากพี่จินด้วย...
ทำไมนายต้องเดือดร้อน ต้องคอยเป็นห่วงเป็นใยจอนจินด้วยถ้านายสองคนไม่มีอะไรจริง ๆ เหมือนที่บอกชั้น
เสียงที่ไม่ได้ดังมาก แต่มันสูงกว่าระดับปกติธรรมดาที่คุยกันมาตั้งแต่ต้น ทำเอาเด็กน้อยเริ่มหน้าเสีย หากแต่ก็ยังคงฝืนปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
เพราะผมแค่รู้สึกว่า ผมสมควรต้องบอกให้พี่รู้ และผมรู้ดีฮะ ว่าพี่จินกำลังรู้สึกยังไง..ผมต้องขอโทษ หากคำพูดของผมจะทำให้พี่ไม่พอใจ แต่ถึงยังไง ผมก็แค่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ผมควรรับผิดชอบด้วยเหมือนกัน . . . .... พี่เค้ารู้สึกแย่มาก ๆ ที่เป็นสาเหตุให้พี่ต้องเจ็บตัว แถมยังทำร้ายจิตใจพี่อย่างแสนสาหัส เค้าสำนึกผิดอยู่เสมอจนแทบไม่อยากเอาหน้ามาให้พี่เห็นอยู่แล้ว ที่โรงเรียน ผมก็เห็นพี่เค้าหงอย ๆ ไป จะดีแค่ไหนหากพี่จะลองหยิบยื่นโอกาสให้เค้าซักนิด ให้เค้าได้พยายามทำในสิ่งที่ควรจะทำไม่ใช่เพื่อทดแทนความผิด แต่เพื่อเป็นการให้เค้าได้พิสูจน์ตัวเองอีกซักครั้ง ... เวลานี้ เวลาที่พี่ไม่มีเค้า พี่เองก็ไม่ได้รู้สึกดีนักใช่มั้ยล่ะฮะ ถ้าเป็นแบบนั้น พี่จะทรมานตัวเองไปทำไม
ฮึ ..โอกาสงั้นเหรอ
ฮะ โอกาส
เค้าทำความไว้ใจและความซื่อสัตย์ระหว่างเราพังไปหมดแล้ว นายคิดว่าเค้าสมควรจะได้รับโอกาสอีกงั้นเหรอ..แอนดี้ นายน่ะยังเด็ก นายไม่เข้าใจหรอก...
นักเรียนทำผิด ยังมีภาคทัณฑ์ จำเลยยังสามารถยื่นอุทธรณ์ นักโทษยังมีอภัยโทษ ไม่มีใครไม่เคยทำผิดนะฮะ ผมเดาเอาว่าแม้แต่พี่ซองเองก็เคย ใช่มั้ย?
พลั้งปากพูดอะไรที่มันไม่สมควรไปบ้างรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าสีหน้ารุ่นพี่ตรงหน้าตอนนี้ มันบ่งบอกอารมณ์ไม่ถูก หรือเค้าจะยุ่งเรื่องอะไรไม่เข้าเรื่องอีกแล้ว นี่ถ้าเอริครู้เข้าว่าเค้าทำอะไรลงไป มีหวัง ได้คำบ่นมากระบุงโตเป็นแน่
ชั้นรู้สึกว่านายเข้าใจจอนจินดีจริง ๆ นะแอนดี้ ใบหน้าหวานละออกจากดวงตากลมใสตรงหน้า ให้กับแก้วกาแฟของตนที่บัดนี้มันเริ่มละลาย น้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ ลอยตัวขึ้นมาอยู่เหนือผิวกาแฟ มือบางคนมันเล่นช้า ๆ เหมือนหัวสมองกำลังใช้ความคิดไปด้วย
ทำไมผมถึงจะไม่เข้าใจล่ะฮะ ก็ในเมื่อตอนนั้น ผมก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน อยากขอโทษแต่คิดอีกทีก็อยากหนีหน้าเอริคไปให้ไกล ๆ อยากทำดีกับเค้า แต่มันก็น่าละอายเกินกว่าจะมองหน้าเค้าติด ละอายจนแทบคิดว่าชาตินี้ มันคงจะไม่มีสิ่งไหนทดแทนความผิดนี้ได้ พี่จินเองก็คงไม่ต่างกันหรอกฮะ ดีไม่ดี เค้าอาจแย่กว่าผมหลายเท่าก็ได้ เฮซองเงยหน้าขึ้นจากแก้วกาแฟของตัวเองหันมองเด็กน้อยด้วยความฉงน หัวคิ้วเรียวเริ่มขมวดจนยุ่ง
แต่ชั้นไม่เคยบอกเอริคเรื่องนายนะแอนดี้
เพราะงั้น หมอนั่นคง
ไม่จำเป็นต้องบอกเค้าหรอกฮะ เอริคน่ะ รู้ดีทุกอย่างอยู่แล้ว
ผมถึงอยากให้พี่หยิบยื่นโอกาสให้พี่เค้าเหมือนที่ผมได้รับจากเอริค ... ...จริง ๆ ผมไม่อยู่ในฐานะที่สามารถอ้อนวอนอะไรพี่ได้ แค่พี่ไม่ต่อยหน้าผมแรง ๆ ซักทีก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว แต่เชื่อผมนะพี่ซอง เชื่อผมซักครั้ง... พี่จินน่ะ เค้ารักพี่มาก ให้เค้าโอกาสเค้าได้พิสูจน์ความรู้สึกของเค้าให้พี่ได้รู้ด้วยเถอะนะฮะ
..................... ... . .. . . . เฮซองกลับออกจากร้านกาแฟด้วยอารมณ์ไหนก็ลืมไปแล้ว กลับมาถึงบ้านได้ไง ก็ยังงง ๆ ตัวเอง 3 ชั่วโมงแล้วที่เค้ายังคงขังตัวเองอยู่ในห้อง วันนี้ไม่ได้เข้าบริษัทก็ลืมโทรไปบอก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ดูเหมือนเจ้าของไม่สนใจจะกดรับ ปล่อยให้บทเพลงริงโทนสำหรับเบอร์พิเศษ และเบอร์ทั่วไปดังระงมอยู่ตลอดเวลาซะอย่างนั้น
เค้ายอมรับกับตัวเองว่าโกรธแอนดี้อยู่นิดหน่อยในตอนแร ก ๆ แต่ก็พยายามคิดว่าน้องไม่ใช่คนผิด อาจเป็นการมากไปหากจะพาลรู้สึกไม่ดีกับคนโน้นคนนี่ไปทั่ว และยิ่งหลังจากคุยกันวันนี้ ก็ยิ่งปรับอารมณ์ให้นิ่งได้ลำบากลำบนเหลือเกิน
ไม่ใช่ไม่อยากยกโทษ ไม่ได้รู้สึกดีซักนิดที่ต้องเป็นแบบนี้ แต่จะให้ลงกันง่าย ๆ มันก็ยิ่งไม่ใช่เค้า ...
โอกาสงั้นเหรอ อย่างกะเค้าเองในตอนนี้คงหยิบยื่นอะไรให้ใครได้งั้นแหละ ในเมื่อความรู้สึกดี ๆ ค่อย ๆ ถูกกัดกร่อนลงไปเรื่อย ๆ อยากให้โอกาสตัวเองลืมทุกสิ่งทุกอย่างในวันนั้นเหมือนกันนะ ให้ดีเค้าน่าจะหัวแตกความจำเสื่อมไปเลยด้วยซ้ำ ... แต่จนแล้วจนรอด ภาพที่คอยแทรกเข้ามาในหัว ก่อนที่เค้าจะสลบไปตอนนั้น ทำยังไง มันก็ลบออกไปไม่ได้เหมือนกัน
หากชั้นให้โอกาสนาย แล้วเราจะกลับมาเหมือนเดิมได้งั้นเหรอ... ทั้ง ๆ ที่เราก็ต่างมีความกังวลในใจด้วยกันทั้งคู่ ...
แล้วถ้าชั้นให้โอกาสนาย ชั้นจะยังเจ็บปวดอยู่แบบนี้หรือเปล่า ...
และหากว่าสิ่งที่นายต้องการคือโอกาสจริง ๆ มันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วใช่มั้ย...จอนจิน
.....................
ร่างสูงอยู่ในชุดนักเรียนที่ดูไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ เพราะอารามรีบร้อนทำเอาวิ่งชนประธานนักเรียนโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดขอโทษ รีบจนลืมกระทั่งว่าวันนี้เป็นเวรทำความสะอาดห้อง สงสัยพรุ่งนี้ได้โดนเพื่อนตัวดีรุมยำ รีบจนลืมแล้วว่าเย็นนี้โค้ชนัดคุยเรื่องโควตาเรียนต่อ รีบจนลืม ลืมไปหมดทุกอย่าง ..สาเหตุเพียงแค่ข้อความข้อความเดียวจากเบอร์พิเศษ เค้าก็แทบกระโดดตัวลอยดีใจเหมือนได้ถ้วยบอลโลกไว้ในครอบครองยังไงยังงั้น
รอที่ลานน้ำพุ 4 โมงครึ่ง ห้ามสาย ไม่งั้นเจอดีแน่ **เฮซอง**
ตลอดท้ายคาบได้แต่นั่งรอสัญญาณหมดเวลา ถ้าอาจารย์ไม่มีดีกรีดุระดับเอแบบนี้ เค้าอาจแอบย่องออกจากห้องก่อนหมดคาบไปแล้วก็ได้
ร่างสูงหยุดหอบเมื่อถึงสถานที่นัด ความเหนื่อยแล่นมาแกะกุมท่อนขาไว้ทั้งสองข้างจนแทบขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ เค้าใช้แขนสองข้างค้ำเข่าตัวเอง ก้มตัวลงหอบหายใจถี่ ๆ เหงื่อเม็ดโตผุดพลายเต็มหน้าผากและใบหน้าจนไม่เหลือที่ว่าง กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาดได้ลำบากเหลือเกิน
ช้าไป 4 นาที เสียงใส ๆ ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้ต้องหมุนตัวกลับมามองคนรักที่ทำหน้างองุ้มด้วยความไม่พอใจที่เค้ามาสายไปตั้งสี่นาที ถึงแม้คนตรงหน้าจะคิ้วขมวด สายตาดุประหนึ่งต้องการฆ่าเค้าให้ตาย แต่ตอนนี้หัวใจเค้ากลับเบิกบาน ยิ้มหวานจนแก้มแทบปริที่ได้เห็นหน้าสวย ๆ จับจ้องมาที่เค้า ไม่ใช่ด้วยหางตา แต่เป็นดวงตาทั้งดวง คำพูดที่ไม่ใช่คำประชดประชันหรือด่าทอเหมือนครั้งก่อน ๆ แต่เป็นคำพูดธรรมดาทั่วไป
โรงเรียนผมกับลานน้ำพุอยู่ห่างกันตั้งไกล พี่ลืมไปแล้วเหรอฮะ นี่ผมก็รีบสุดชีวิตแล้วนะ
รีบสุดชีวิตได้แค่นี้ งั้นก็ไปตายแล้วเกิดใหม่เถอะ คนสวยสะบัดหน้าพรืด มองเผิน ๆ ก็คล้าย ๆ นางเอกหนังในทีวีเวลางอนพระเอกเหมือนกันนะ
พี่ฮะ ผมขอโทษ ผมดีใจมากนะฮะตอนได้รับข้อความพี่ อยากจะโดดเรียนมาด้วยซ้ำ
ว่าแต่พี่ มีอะไรกับผมรึเปล่า แม้เข่าอ่อนจนแทบไร้แรงยืน แต่จอนจินก็ยังคงก้าวฉับ ๆ ตามคนร่างบางที่เดินหน้าบุ้ยไปโดยไม่รอเลยซักนิด
พรุ่งนี้เป็นวันเกิดแม่ จะให้ไปเป็นเพื่อนช่วยเลือกของขวัญให้หน่อย
เป็นเพื่อน ... คนหล่อสีหน้าสลดลงทันทีที่ประโยคนั้นเหมือนจงใจเน้นพยางค์คำว่าเพื่อนซะชัดแจ๋วให้รู้เค้าได้รู้ถึงสถานะปัจจุบันของตนเอง
ใช่สิ มีปัญหาอะไรเหรอ
เอ่อ!! ไม่มี...ก็ได้ฮะ ให้เป็นเพื่อน เป็นคนใช้ เป็นคนบ้า หรือเป็นทาส เป็นอะไรก็ได้ ขอแค่ผมได้มีตัวตนอยู่ใกล้ๆ พี่แบบนี้ ผมก็พอใจแล้ว ร่างสูงก้มหน้างุดเดินตามคนสวยต้อย ๆ อย่างเจียมตน
ถ้านายต้องการอย่างนั้น งั้นวันนี้ก็เริ่มจากทาสก่อนละกัน ดีมั้ย ตามมาเหอะ ไม่ต้องพูดมาก
. . . ร้านนาฬิกาแบนด์หรูใจกลางทีนเซ็นเตอร์ มีคนร่างบางหยิบจับนาฬิกาหลายเรือนขึ้นมาพินิจพิจารณา ปากก็พึมพำถามคนร่างสูงที่ได้แต่ยืนนิ่งเพราะวันนี้เค้าอยู่ในฐานะแค่ ทาส ออกเสียงเสนอความคิดไปก็โดนเจ้านายขัดไปซะทุกอย่าง แถมจิ๊ปากเหมือนไม่พอใจ
แล้วพี่จะถามผมทำไม พอตอบก็ไม่ชอบอีก
ก็ความคิดนาย รสนิยมนายมันไม่ได้เรื่องนี่น่า ไม่ต้องบ่น ชั้นเอาเรือนนี้แหละ มือบางส่งนาฬิกาที่ตัวเองเลือกแล้วเลือกเล่าไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงให้พนักงานขายสาวที่ยืนฉีกยิ้ม ดวงตาวิบวับราวกำลังเคลิ้มฝันจับจ้องอยู่ แค่ใบหน้าลูกค้าหล่อ ๆ 2 คนตรงหน้าเท่านั้น
ก็เรือนนั้นผมเลือกเป็นเรือนแรกเลยนะ ไหนพี่ว่าไม่ชอบ จอนจินเงียบไปได้แค่อึดใจ อ้าปากพูดเรื่องจริงที่ทำให้คนหน้าสวยต้องหันมาทำตาดุเหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออีกหน
ถ้าไม่เงียบ ชั้นจะให้นายจ่าย
ยังกะผมหยุดพูดแล้วพี่จะจ่ายนี่ นั่นมันกระเป๋าตังค์ผมนะ
ถ้าขืนพูดอีก ชั้นจะไม่ให้นายตามไปด้วย คำขู่นี้เป็นประกาศิต ได้ผลกว่าการควักเงินจำนวนมากมายในกระเป๋าที่ไม่ใช่ของตนเองซะอีก จอนจินจำต้องเม้มปากสนิทแทบทันที
เมื่อได้ของตามต้องการแล้ว เค้ายังเดินตามคนรักเงียบ ๆ เดินดูโน่นนี่อีกหลายร้าน ว่าไป ถ้ามองเผิน ๆ ก็เหมือนการเดินเที่ยวปกติ เพียงแค่ฐานะมันผิดไปจากเดิมก็เท่านั้น เค้าได้แต่เดินถือถุงกระดาษที่ไม่ได้หนักมากอะไรตามหลังเฮซอง ซึ่งปกติ ถ้าเราไม่เดินจับมือกัน เราก็ต้องเดินไปพร้อมกัน แค่คิดก็น่าสมเพชตัวเองเหลือเกิน แต่นี่ก็ถือเป็นโชคดีมากแล้ว
โชคดี คำนี้สินะ ที่แอนดี้หมายถึง .. . .
รถแท็กซี่ขับวนมาจอดตรงหน้าอพาร์ทเม้นคุ้นเคย ทาสหนุ่มผู้เจียมตนได้แต่เอ๋อ สงสัยใคร่รู้ขนาดไหนแต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม เพราะเกรงว่าจะถูกคำสั่งให้ยืนคาบไม้บรรทัดถือถังน้ำยืนหน้าห้องตลอดคืนอีกคำสั่ง แต่เมื่อลิฟท์ตัวเดิม เลื่อนมาจอดตรงชั้นเป้าหมาย แถมยังเป็นห้องที่เคยคุ้น ความสงสัยมันก็ยิ่งปิดไม่มิด ถามตรงนี้คงไม่เป็นไร ยังไงซะถ้าถูกถีบออกมานอกห้อง เค้าก็ยังถือกุญแจอีกดอก
ทำไม พี่ถึงมานี่ล่ะฮะ
นายนี่นะ ก็วันเกิดแม่พรุ่งนี้ ขืนถือของขวัญโต้ง ๆ เข้าไปงี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ได้เซอร์ไพร์สน่ะสิ ถามอะไรไม่มีความคิดซะเลย ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดสุดชีวิต ก่อนหมุนตัวพรวดเข้าห้องครัวไป ปล่อยให้ทาสผู้หล่อเหลายืนเกาหัวมองของขวัญในมืออย่างงง ๆ
กะอีแค่นาฬิกาข้อมือ ใส่กระเป๋าไว้ซะก็มองไม่เห็นแล้ว มันไม่ใช่เปียโนซักหลัง หรือว่าของอะไรใหญ่ ๆ ซักอย่างที่หลบยังไงก็หลบไม่พ้นซะหน่อย
ชายหนุ่มหยักยิ้มให้ตัวเองนิด ๆ มองตามคนร่างโปร่งที่กำลังดื่มน้ำอึก ๆ ในครัวอย่างนึกขัน ... เฮซองยกโทษให้เค้าแล้วงั้นหรือ ทำไมมันช่างง่ายดาย ทั้ง ๆ ที่ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ท่าทีที่ปรากฏ บอกได้เป็นนัย ๆ ว่ามันคงยากเหลือเกิน ...
ไม่ใช่เค้าไม่ดีใจ แค่สงสัย แต่ถึงจะเป็นเพราะเหตุใด มันก็คือเรื่องดีไม่ใช่หรือ
ชายหนุ่มวางสัมภาระไว้บนโซฟา เดินตามคนรักเข้าไปในครัวช้า ๆ เค้าพิงตู้เย็นมองสีหน้าที่นิ่ง ๆ นั่นอย่างมีความสุข มือหนา อยากเอื้อมคว้าเอวบางเข้ามากอดแทบขาดใจ แต่ต้องชะงักตัวเองเอาไว้ อะไรที่มันทำให้อีกคนไม่พอใจ ไม่ทำจะดีที่สุด
ผมขอโทษนะฮะ ผมไม่ได้หวังให้พี่ยกโทษให้ผมหรอก สิ่งไหนที่ผมพอจะทำให้พี่หายเจ็บปวดได้ สิ่งไหนที่พี่ทำแล้วสบายใจ ผมจะทำให้พี่ทันที
แก้วบางในมือถูกกำไว้จนแน่นราวจะแหลกละเอียดคามือ สายตาเฮซองไม่ได้จับจ้องไปยังเจ้าของประโยคนั้น หากแต่กลับเพ่งไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
นายขอโทษชั้นมากี่ครั้งแล้ว จอนจิน
ไม่รู้สิฮะ รู้แต่ว่าเยอะจนผมจำไม่ได้
แล้วมันช่วยอะไรได้รึเปล่า
คงไม่ ...ล่ะมั้ง
งั้นก็หยุดพูดซะ ยิ่งพูด ชั้นยิ่งรำคาญ
ร่างโปร่งหมุนตัวเดินเลี่ยงออกไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์นอกระเบียง สองมือยกขึ้นกอดอก ปล่อยให้สายลมเย็นเอื่อย ๆ ชะล้างความเสียใจและน้อยใจในอกให้มลายหาย หัวใจอ่อนลงไปแล้วกว่าครึ่ง แม้จะไม่ทั้งหมดแต่เค้าก็ต้องจัดการความรู้สึกที่ยังคั่งค้างของตัวเองให้หมดจากใจซะที
เฮซองคิดกับตัวเองมาทั้งคืนเรื่องโอกาส แน่ล่ะ การกระทำวันนี้มันขัดกับนิสัยตัวเองจากหัวเป็นหาง เค้าไม่เคยอ่อนให้ใครถ้าตัวเองไม่ผิด เค้าไม่เคยยอมใครหน้าไหน เค้าไม่เคยลงให้ใครก่อน แต่ครั้งนี้ เหมือน ๆ เราทั้งคู่ต่างก็บอบช้ำ และเค้าก็รู้ตัวเองว่าตัวเค้าเอง รักคนที่ทำให้เค้าเจ็บคนนี้ไม่น้อย ฉะนั้นมันคงไม่น่าอายมาก หากจะยอมในสิ่งที่ไม่เคยยอม และทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำซักครั้งหนึ่ง
สองแขนแกร่งเอื้อมมาโอบรอบตัวจากด้านหลังเบา ๆ เพราะไม่ได้ตั้งตัว แรงดึงจึงทำเอาร่างบางเซไปนิดจนต้องทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดพิงไว้กับหน้าอกแกร่ง ผิวเนื้อที่แทบไม่ได้แตะกันมานานคล้ายเกิดเป็นประจุไฟฟ้าอ่อน ๆ จนสะดุ้ง เพราะเตรียมใจไว้แล้ว และเหมือนที่คาดคิดไว้ เค้าจึงไม่สะบัด ไม่ขัดขืน ยืนอ้อยอิ่งซึมซับความอบอุ่นจากแผงอกคุ้นเคยเพียงเงียบ ๆ
. . . มันเป็นเพียงแค่โอกาสเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ชั้นพอจะหยิบยื่นให้นายได้ ฉะนั้น มันจะไม่มีอีกครั้ง นายเข้าใจใช่มั้ย
ขอบคุณฮะพี่.. คำขอบคุณจากใจเปล่งออกมาจากความรู้สึกพองโตราวลูกโป่งที่ถูกอัดด้วยแก๊สเต็มลูก วงแขนแกร่งเริ่มรัดแน่นด้วยความเผลอจนร่างทั้งคู่แนบชิด จมูกโด่งโน้มลงสู่เรือนผมหอมนุ่มสูดกลิ่นคุ้นเคยครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยรอยยิ้มเกลื่อนหน้า ....
... เค้าดีใจจนเริ่มรู้สึกกลัว ..กลัวว่าถ้าอ้อมกอดนี้คลายลง คนตรงหน้าจะหายจากเค้าไปอีกครั้ง .. . . ในครานั้น ...
สิ่งที่เหมือนจริง สัมผัสที่อุ่นติดริมฝีปากตีตราฝังลึกเป็นรอย ยังกลายเป็นแค่ความฝัน แอ่งเลือด คราบน้ำตา ร่างบอบบางที่แดงฉาน พร่าเลือนเสมือนความฝันกลับกลายเป็นเรื่องจริง
นั่นมันทำเอาใบหน้าคมเริ่มตึงเครียดด้วยความหวาดหวั่น .. ไม่กล้าแม้จะกระพริบตาเพราะกลัวตื่นมาอีกที เรื่องนี้จะกลายเป็นแค่ฝันไปอีก
นี่ ชั้นเจ็บนะ จะบีบจนตายคามือเลยรึไง
คนในอ้อมกอดเริ่มประท้วงด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด จนต้องยอมคลายอ้อมแขน ร่างบางหันมาทำคิ้วขมวด ยกแขนข้างที่ยังมีเฝือกให้ดูเหมือนเตือนใจว่าอย่าทำแบบนี้กับคนป่วยอีก
ผมขอโทษ ผมดีใจเกินไปน่ะฮะพี่
ลืมอีกที นายตายแน่ เฝือกชั้นยังไม่ได้ถอดเลยนะ หรือกะจะฆ่าชั้นทางอ้อมเนี๊ยะ
งั้นกอดเบา ๆ นะ ท่าทีทะเล้นยกมือสองข้างทำทีจะขอกอดจริงๆ คนร่างบางได้แต่หมุนตัวหลบวุ่นวายไปหมด
ไม่ต้อง พอแล้ว
งั้นจูบ
ไอบ้า
ครั้งแรกก็ว่าจะแค่แกล้งเฮซองขำ ๆ แต่เห็นสีหน้าแดงระเรื่อ ปากบางเม้นสนิท หัวหิ้วขมวดกันจนเป็นโบแล้วมันก็ชักอดใจไม่ไหว นานแค่ไหนแล้วนะ จริง ๆ ก็อาทิตย์กว่า แต่เค้ากลับถวิลหาริมฝีปากบาง ๆ นั้นเหลือเกิน
มือแกร่งคว้าไหล่บางดึงเข้ามาใกล้ พยายามไม่แตะถูกแขนข้างที่เจ็บ ดวงตาคู่คม จ้องมองลึกลงไปในดวงตาที่ฉายแววหงุดหงิดปน ๆ เขินอายไม่น้อยอย่างเสน่หา วงหน้าหล่อค่อย ๆ เลื่อนลงไปใกล้หมายจุมพิตให้สมดังรอคอย . . . . . . นะ.. นายเป็นแค่ทาสนะ ลืมแล้วเหรอ เฮซองถอยกรูไป 1 ก้าว แต่ใบหน้าหล่อเหลายังตามติดไม่ห่าง
ผมขออนุญาตพี่แล้วนะ
แต่... ไม่ทันที่คำห้ามจะมีผลบังคับใช้ ริมฝีปากหนาพร้อมประกบลงไปแผ่วเบาปิดปากบางไว้แทบทันทีจนสะดุ้ง ดวงตาเรียวเบิกโพรงมองใบหน้าหล่อเหล่าที่กำลังพริ้มตาหลับ ซึมซับกลีบปากนุ่มละมุน ทำเอาคนใจแข็งอย่างเค้าต้องอ่อนยวบ ค่อย ๆ หลับตาซึมซับสัมผัสที่คุ้นเคยเช่นกัน ความหิวกระหายที่รอคอยลิ้มชิมรสมาเนิ่นนานทำเอาจูบนั้นหวานซ่านจากปลายลิ้นลดรินสู่หัวใจ มือแกร่งเอื้อมมากอดประคองร่างที่เริ่มหมดแรงให้คงยืนอยู่ได้โดยถนัด ขณะที่มือด้านปกติของอีกฝ่ายก็โอบรอบคอประคองร่างตนไว้ไม่ให้หงายหลัง ลิ้นร้อน ๆ สัมผัสกันจนครบแทบทั่วทุกองศาจนเริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยหอบแล้วนั่นแหละ จึงได้โอกาสใช้เล็บจิกแรง ๆ ลงไปบนไหล่แกร่งเพื่อประท้วงขออากาศคืนบ้าง
ร่างสูงยอมถอนริมฝีปากออกแต่โดยดี เค้ายิ้มมุมปากให้ใบหน้าสวยที่ยังคงออกอาการไม่สบอารมณ์สีหน้างอง้ำแดงแจ๋อยู่กับที่โดยไร้คำพูดแม้สองขาแทบยืนไม่อยู่แล้วก็ตาม ว่าแล้วชายหนุ่มจึงรวบเอาร่างบางเดินมาวางไว้บนโซฟาตัวนุ่มหน้าทีวีจอยักษ์ เพราะมืออีกด้านยังคงไม่แข็งแรง การระดมทุบเพื่อประท้วงการกระทำนั้นจึงเป็นไปด้วยความไม่ถนัดนัก ได้แต่ปล่อยให้อีกคนทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทาบทับไว้อย่างไร้ทางหนี
จะทำอะไรน่ะ
ปล้ำ!! .. มั้งฮะ??
หยุดนะ ออกไปเลย พอชั้นดีด้วยหน่อยนายก็เป็นซะอย่างนี้
ใบหน้าคมหล่อที่ยังอมยิ้มสลดวูบ รอยยิ้มหวานพลันหุบเหมือนดอกไม้เฉา เค้าถอยหลังช้า ๆ ดันตัวเองขึ้นนั่งหันหลังให้กับคนร่างบางที่ยังพึมพำด่าทอไม่หยุด ..
แขนชั้นยังไม่หายดี นายก็เห็นนี่
...
ถ้านายทำแรงจนหักขึ้นมาอีกทีจะว่าไง
ผมขอโทษ ผมแค่ดีใจมากไป ขอโทษถ้าทำให้พี่หงุดหงิดอีก พี่อุตส่าห์ยกโทษให้แล้ว ได้แค่นั้นผมก็ควรจะพอ .. ผมมันน่ารังเกียจจริง ๆ
อาการนิ่งไปของอีกฝ่าย ทำเอาเฮซองเริ่มใจเสีย เค้าไม่ได้รังเกียจอ้อมกอด หรือรอยจูบนั่นซักนิด ตรงกันข้าม กลับอยากโดนกอด อยากโดนริมฝีปากหนานั่นครอบครองอยู่ตลอดเวลาใจแทบขาด แค่ตอนนี้เค้ายังไม่พร้อมกับอะไรแบบนี้ ไม่พร้อมทั้งร่างกาย ไม่พร้อมทั้งจิตใจ หากจะให้เหมือนเดิมนั่นมันก็อาศัยเวลาไม่ใช่เหรอ
มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก รอให้ชั้นหายดีก่อนสิจอนจิน
ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มอบอุ่นให้เป็นการบ่งบอกว่าไม่เป็นไร แม้แววตาจะยังคงเจือไปด้วยความน้อยใจหรืออะไรก็แล้วแต่ นั่นมันทำเอาคนมองต้องเผลอเศร้าใจตาม
เฮซองยกมือขึ้นมาเกาแก้มแกรก ๆ อย่างไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไร วินาทีก่อน เค้ายังคงเป็นนายอยู่นี่ ไหงตอนนี้ถึงตกอยู่ในสภาพทาสเองซะแล้วก็ไม่รู้ ... . . . . เอาเป็นว่า ชั้นยอมให้นายมัดจำ ดีมั้ย สีหน้าแดงเรื่อเพราะพูดเอง ก็รู้สึกอับอายเองซะงั้น แต่ดวงตาเรียวสวย ยอมพริ้มหลับ ยื่นหน้าทำปากจู๋เชิญชวนให้อีกฝ่ายมัดจำโดยไม่มีข้อโต้แย้ง จอนจินได้แต่ชะงักไปนิด เค้าแค่คิดว่าวันนี้โชคดีที่สุดในชีวิตแล้ว จะเรียกร้องขออะไรกับอีกคนมากไปก็ใช่ที่ ในเมื่อคนผิดก็คือเค้าเอง แต่พอได้มาเห็นกิริยาน่ารัก ๆ แบบนี้ด้วยแล้ว ความรู้สึกต่าง ๆ ยิ่งประเดประดังเข้ามากระแทกใจโครมใหญ่ รู้สึกดีใจ รู้สึกเสียใจ รู้สึกอะไร ๆ มากมายจนแยกแยะประเภทไม่ถูก
เฮซองยอมเค้า ยอมแบบที่ไม่เคยยอมใครทั้งที่คนผิดคือเค้า และนั่นมันยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่า นับแต่นี้ ชีวิตนี้คงพร้อมยอมพลีเพื่อคนตรงหน้า
..ชีวิตนี้ เพื่อคน ๆ นี้คนเดียวก็เพียงพอแล้ว . . . ผมสัญญาฮะ ผมจะไม่ทำให้พี่เสียใจอีกแล้ว
ชายหนุ่มพูดจบ ก็พร้อมประกบริมฝีปากตนลงไปบนริมฝีปากที่ค้างรออยู่เนิ่นนาน สัมผัสเบา ๆ อย่างอ้อยอิ่ง ไม่รุนแรง ไม่รุกเร้า แต่ก็อุ่นวาบไปถึงขั้วหัวใจ ... มือหนาสอดเข้าไปยังกลุ่มผมนุ่ม โน้มใบหน้าสวยลงมาพรมจูบทั่วหน้าผากมน นิ้วโป้งหยาบไล้เบา ๆ ยังรอยแผลเป็นที่ทิ้งรอยเล็ก ๆ ไว้เตือนใจเป็นทางยาว แล้วประทับรอยจูบซับรอยแผลเบา ๆ แทนคำขอโทษ ก่อนเลื่อนลงมายังเปลือกตาที่หลับพริ้ม ทีละข้าง เหมือนจะช่วยลบภาพในใจทั้งหลายที่พาลให้ดวงใจดวงเล็ก ๆ นี้เศร้าหมองลง ถึงจะลืมมันไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็อย่าให้มันทำร้ายให้คนรักเค้าต้องเจ็บเลย ...
มือแกร่งเอื้อมรั้งไหล่บางเข้ามาแนบชิด ก้มหน้าลงตีตราฝังริมฝีปากไว้บนไหล่ที่เริ่มสะท้านเบา ๆ ระเรื่อยลงมายังเรียวแขน ละเลียดดื่มด่ำเก็บความหวานทีละเล็กละน้อย จากไหล่จนถึงข้อมือ ผ่านโซ่เส้นเล็กที่ข้อมือบาง หยุดประทับความเย็นชืดบนแผ่นป้ายสลักอักษร JS ที่ห้อยไว้เนิ่นนาน ลงสู่นิ้วมือทีละนิ้ว ทีละนิ้ว ...
จอน... จอนจิน พอ..เถอะ เสียงหวานเริ่มขาดห้วง ดวงตาเรียวสวยมองตามแนวจูบทั่วร่างที่ยังทิ้งความอุ่นไว้ในผิวเนื้อก็พาลให้ใจเคลิบเคลิ้มจนแทบละลายตายตรงโซฟานุ่ม นี่ขนาดไม่ได้สัมผัสหรือเร่งเร้า เค้ายังแทบลืมหายใจ ... ใบหน้าหล่อเงยขึ้นยิ้มอ่อนหวานให้ พร้อมประกายตาฉ่ำเยิ้มที่ดูเหมือนว่าจะมองมาทางเค้าเพียงผู้เดียว ... จากนี้ และตลอดไป
ผมรักพี่ฮะ พี่เฮซอง ... ผมรักพี่
.. . . รอยร้าว...ไม่ใช่ว่ามันเกิดได้ แล้วจะไม่มีวันดีดังเดิมซะเมื่อไหร่ อย่างน้อยก็ต้องอาศัยระยะเวลาประสาน ...ด้วยความเชื่อมั่นในกันและกัน ...
มันอาจยาก แต่คงไม่ยากเกินไปสำหรับหัวใจสองดวงหรอกใช่มั้ย
จบเหอะ เนอะ ..
จบมันง่าย ๆ แบบนี้แหละ กร๊ากกกกกกกก ยิ่งเขียนยิ่งถอยหลัง กรรม!
รู้สึกมันจะยาวเกินช็อตฟิกและ
ไว้พบกันเรื่องใหม่นะฮะ ขอบคุณที่ติดตาม
คัมซาฮัมนิดา....
Create Date : 06 เมษายน 2552 |
|
9 comments |
Last Update : 6 เมษายน 2552 20:09:23 น. |
Counter : 2326 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: wizze IP: 124.120.109.224 6 เมษายน 2552 20:20:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: ket_dd IP: 117.47.190.234 6 เมษายน 2552 20:33:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: โบ_andyholic IP: 115.67.146.104 7 เมษายน 2552 22:02:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: piyawan IP: 118.172.250.237 7 เมษายน 2552 22:04:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: JM IP: 116.58.231.242 8 เมษายน 2552 0:06:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไอ้หนูลูกพ่อ IP: 58.8.39.6 10 เมษายน 2552 20:22:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: beer IP: 49.230.107.104 13 มิถุนายน 2558 20:49:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ทั้งดีใจทั้งเศร้าใจ
ซองหายโกรธจิน จินมีความสุข และเป็นทาสรักของซองไปตามระเบียบ
ส่วนดี้ก็สบายใจที่ทำให้ซองเข้าใจจินได้เหมือนเดิม โดยมีเจ้ายักษ์อยู่ข้างๆ
ทุกอย่างจบได้อย่างมีความสุข
แต่... แต่...
มันจบแล้วอ่ะT-T
ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย
เอาเป็นรอเรื่องหน้านะคะพี่พุด
เอาจินดี้อีกเราก็ไม่ว่านะ 55+