ให้เขาจัดเตรียมมะลิ "เก็ดถวา" และสารภี
Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
9 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน # 2



อัพบล็อกคราวนี้ แม้จะไม่ได้เขียนเรื่องของตัวเอง
แต่น้ำหวานเอาเรื่องราวของวีรบุรุษในดวงใจมาฝากให้อ่านนะคะ
“จิตร ภูมิศักดิ์”
น้ำหวานได้ขออนุญาตผู้เขียนกระทู้ในเวบบอร์ดที่น้ำหวานไปเล่นอยู่ประจำ
เพื่อขอเอามาแปะไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว
น้ำหวานจะเอามาลงเป็นตอนๆ นะคะ เพราะคนเขียนเค้าเขียนทิ้งไว้เป็นตอนๆ เหมือนกัน
(เหมาะกับช่วงเวลาที่อยากอัพบล็อกแต่ไม่มีปัญญามากๆ อิอิ)
แต่ละตอนจะยาวซักหน่อยนะคะ แต่สนุก และน่าประทับใจมากๆ ค่ะ

และถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ อยากไปอ่านที่กระทู้จริง หรืออยากให้กำลังใจคนเขียน
ไปตามลิงค์นี้นะคะ..

//forum.serithai.net/index.php?topic=6257.0


ถ้ายังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 เชิญอ่านตอนที่ 1 ก่อนนะคะ จะได้ต่อเนื่อง อิอิ

.......................................................



ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : ฝนแรก


2471 ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพียง 4 ปี นายตรวจสรรพสามิตหนุ่มที่ชื่อ ศิริ ภูมิศักดิ์ ก็ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับ แสงเงิน ฉายาวงศ์ ลูกสาวพ่อค้าในอำเภอเมืองจังหวัดนครนายก จังหวัดเล็ก ๆ ใกล้พระนคร สองปีต่อมาทั้งสองจึงได้ให้กำเนิดบุตรสาวคนแรก ของครอบครัว ศิริ ได้ตั้งชื่อลูกสาวให้สอดคล้องกับชื่อของตนว่า ภิรมณ์ ไม่นานหลังจากนั้น ศิริและครอบครัวก็ต้องย้ายไปอยู่จังหวัดปราจีนบุรี ที่จังหวัดปราจีนบุรีนี่เองที่ เด็กชายสมจิตร ภูมิศักดิ์ ได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลก

เด็กชายสมจิตร เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2473 ที่ ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี แน่นอน ศิริ ตั้งชื่อลูกชายให้สอดคล้องกับพี่สาวคนโต ครอบครัวภูมิศักดิ์ ได้ปักหลักอยู่ที่ปราจีนบุรีนานถึง 6 ปี จึงได้ย้ายตามนายศิริ ซึ่งต้องไปประจำอยู่ที่กาญจนบุรีในปี 2479 ที่นั่นเด็กชายสมจิตรก็ได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษา 2481 เด็กชายสมจิตร ได้เปลี่ยนชื่อเป็น จิตร ตามนโยบายของรัฐบาลในสมัยนั้นที่ต้องการให้คนไทยมีชื่อที่ระบุเพศได้ชัดเจน ครอบครัวภูมิศักดิ์ต้องอพยพย้ายกันอีกครั้งในปี 2483 ไปอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ เด็กชายจิตร ได้เข้าเรียนชั้นมัธยมต้นที่จังหวัดนี้

แต่ต่อมาเพียงอีกเจ็ดเดือนให้หลัง ศิริ ก็ต้องย้ายไปกินตำแหน่งที่จังหวัดพิบูลสงคราม จังหวัดใหม่ที่ไทยยึดได้จากเขมร (จังหวัดพระตะบอง) ในปี 2484 ด้วยเป็นเพราะจิตรเพิ่งจะเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นและจังหวัดพิบูลสงครามก็ยังไม่แน่ชัดว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ศิริ จึงฝากจิตรเอาไว้กับพระที่วัดพิชัยสงคราม (วัดนอก) ที่ซึ่งจิตรต้องใช้ชีวิตเป็นอารามบอยนานถึง 3 ปี แต่สามปีนี้ เป็นสามปีสำคัญที่ฝนแรกได้ให้กำเนิดต้นกล้าผู้ที่จะเติบโตขึ้นเป็นปราชญ์คนสำคัญของไทย สามปีที่เพาะบ่มเด็กชายบ้านนอกให้เข้าสู่โลกของอักษรศาสตร์ จิตรเรียนภาษาเขมรที่นี่!! นอกจากจะต้องหิ้วปิ่นโตตอนเช้าแล้ว จิตรยังต้องเป็นลูกมือในการลงตะกรุดลงยันต์ ซึ่งเป็นภาษาขอม ทำให้ได้เรียนรู้ภาษาเขมรโบราณไปในตัว

เมื่อเรียนจบชั้นมัธยม 3 ศิริซึ่งย้ายไปอยู่ที่จังหวัดพิบูลสงครามได้ถึงสามปี ความเป็นอยู่เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ย้ายจิตรให้ไปเรียนต่อชั้นมัธยม 4 ที่จังหวัดพิบูลสงคราม ในปี 2487 การมาเรียนต่อในจังหวัดที่เคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศษ ทำให้จิตรได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศษ และภาษาเขมร โดยเฉพาะภาษาเขมร เขาแตกฉานถึงขนาดแปลศิลาจารึกโบราณได้เลยทีเดียว

รักแรกของจิตรได้ถือกำเนิดที่นี่ ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก รู้แต่เพียงชื่อของเธอ เวียน เกิดผล น่าเสียดายที่ในปี 2489 เมื่อสิ้นสุดสงครามอินโดจีน ประเทศไทยต้องคืนดินแดนที่ยึดมาได้ให้กับกัมพูชา เป็นเหตุให้หนุ่มสาวคู่นี้ต้องพลัดพรากจากกัน เพราะต้องอพยพกลับประเทศไทย

นอกจากเรื่องราวความรักที่แสนโรแมนติกนี้แล้ว ยังมีเรื่องที่น่าเจ็บปวดเกิดขึ้นกับครอบครัวภูมิศักดิ์ เมื่อความรักของ ศิริ กับ แสงเงิน ก็จบสิ้นลงที่จังหวัดพิบูลสงคราม ภิรมณ์ ภูมิศักดิ์ พี่สาวของจิตรได้บันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า

" คุณแม่ไม่เคยได้รับรักเดียวใจเดียวจากผู้เป็นที่รัก ปีแล้วปีเล่าที่ต้องทนขมขื่นกับความรู้สึกกลัดหนองเมื่อทั้งรู้ทั้งเห็น ว่าผู้ที่ตนรัก เอาใจไปแบ่งปันให้หญิงอื่น เอาทรัพย์สินที่หาได้ไปบำเรอหญิงอื่น โดยไม่ไยดี ต่อบุคคลในครอบครัว... วันหนึ่ง ลูก ๆ ก็ได้ทราบว่าคุณแม่ตัดสินใจเด็ดขาด แยกทางเดินกับคุณพ่อ ลูก ๆ ทราบอย่างไม่ตกอกตกใจ เพราะความ ทุกข์ของ แม่นั้น เรารู้อยู่เต็มอก "

และที่จังหวัดพิบูลสงครามอีกเช่นกัน ที่จิตรได้เรียนรู้บทเรียนแรกเกี่ยวกับการเมือง เขาได้รู้ได้เห็นการเรียกร้อง "เอ็ยสะระ" ของชาวกัมพูชา ซึ่งจิตรได้บันทึกในภายหลังว่านั่นคือความประทับใจการเมืองครั้งแรกในชีวิตของเขา

2490 หลังจาก แสงเงิน แยกทางเดินกับ ศิริ แสงเงินได้อพยพครอบครัวสามแม่ลูกมาอยู่ที่จังหวัดลพบุรี แสงเงินเช่าบ้านและเปิดเป็นร้านรับจ้างเย็บเสื้อผ้า และจำหน่ายเสื้อผ้าอยู่ที่นั่น จิตรได้เขียนโคลงอาฆาตานุสรณ์ ที่สะท้อนความคาดหวังว่าสักวันหนึ่งจังหวัดพระตะบองและอีกสามจังหวัดที่ไทยต้องคืนให้กัมพูชาจะกลับมาเป็นของไทยว่า "หากสยามกลับเกรียงไกร องอาจ นาท่าน แปดเขตต์ไทยเดิมอ้า โอบเข้าถิ่นสยาม" นอกจากนั้นจิตรยังเขียนถึงความอาลัยอาวรณ์คนรักเอาไว้ในนิราศอพยพที่เขาเขียนด้วยความสะเทือนใจ

ด้วยความมองการณ์ไกลของแสงเงิน เธอจึงส่งลูกทั้งสองมาเรียนต่อที่กรุงเทพ โดยภิรมณ์ได้เข้าเรียนต่อที่เตรียมอุดมศึกษา ส่วนจิตรได้เข้าเรียนต่อมัธยม 5 ที่โรงเรียนเบญจมบพิตร ตอนที่จิตรมาขอเรียนต่อนั้น อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนไม่รับเอาไว้ สองพี่น้องต้องต่อสู้อยู่นานกว่าที่โรงเรียนเบญจมบพิตรจะยอมรับจิตรเข้าเรียนทั้ง ๆ ที่รัฐบาลได้ประกาศให้เด็กที่อพยพมาจากกัมพูชาสามารถเข้าเรียนต่อโรงเรียนใหนก็ได้ที่อยากเรียน จิตรได้เข้าเรียนต่อโดยมีภิรมณ์ผู้เป็นพี่สาวลงชื่อเป็นผู้ปกครอง ชีวิตในโรงเรียนเบญจมบพิตรของจิตรเป็นช่วงชีวิตที่ไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากต้องถูกเพื่อนล้อเลียนเป็นประจำว่าเป็นไอ้เขมร ด้วยบรรยากาศเกลียดชังเขมรของคนไทยในสมัยนั้น

เมื่อปิดเทอมภาคฤดูร้อนของชั้นมัธยม 5 จิตรได้กลับไปเยี่ยมแม่ของเขาที่ลพบุรี ที่นั่นจิตรได้พบกับรักแรกของเขาอีกครั้ง และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ซึ่งจิตรได้เขียนบันทึกเอาไว้ว่า

“คุยกับคุณเวียนประเดี๋ยวหนึ่ง สังเกตได้ว่าท่าทางสาวจะมีใจให้อยู่เหมือนกัน”
"วันนี้พูดกันมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา พอลาแม่เขาแล้ว หันไปลาเขา เขายกมือไหว้ หันมองเราจนลับตา..."

ในท้ายบันทึกที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ของจิตร จิตรได้เขียนรำพึงเอาไว้ในภายหลังว่า

"เดี๋ยวนี้ คุณเวียนไปอยู่ที่ไหนหนอ"



ในปีที่จิตรเรียนชั้นมัธยม 6 มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ของคนจีนในไทย มีการก่อความไม่สงบขึ้นประปรายของคนจีนที่อพยพมาอาศัยอยู่ในเมืองไทย อยู่มาวันหนึ่งจิตรได้ไปอ่านบทความของอาจารย์ท่านหนึ่งบนกระดานประกาศข่าวของห้องสมุด มีเนื้อหาเกี่ยวกับนโยบายของจีนที่จะกลืนชาติไทย เมื่อจิตรอ่านเสร็จก็โกรธคนจีนและต้องการที่จะตอบโต้ เขาเขียนจดหมายถึงหัวหน้าชั้นทุกห้อง ชักชวนให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันที่สนามหน้าโรงเรียนตอนพักเที่ยง เมื่อเวลามาถึงนักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนมารวมตัวกัน จิตรจึงได้ขึ้นเวทีนำการประท้วงครั้งแรกในชีวิต จิตรได้ตระโกนร้องถามผู้ชุมนุมประโยคแรกว่า

"จะนิ่งดูดายให้ชาติอื่น ๆ เขากลืนชาติไทยได้ไหม"

เสียงตอบก็ดังกระหึ่มขึ้นมาพร้อม ๆ กันว่า “ไม่ได้ ๆ ๆ”

ชีวิตของนักปฏิวัติได้เปิดฉากแล้ว ณ. เวลานั้นเอง


เมื่อจบมัธยม 6 เขาได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พยาไท ตามรอยพี่สาวซึ่งตอนนี้ได้เข้าเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จิตรเรียนจนจบชั้นเตรียม 2 (ม.ศ.5) ด้วยคะแนนเพียง 65% (เกรดเฉลี่ยประมาณ 2 ต้น ๆ) จากนั้นจึงสอบเข้าเรียนต่อคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2493


ชีวิตในวัยเด็กของจิตร ไม่ได้งดงามสวยหรู เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ชวนฝันเหมือนกับเด็กโดยทั่วไป เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวข้าราชการชั้นผู้น้อย ซึ่งไม่ได้อบอุ่นอย่างที่ควรจะเป็น ต้องระหกระเหิรย้ายติดตามบิดาไปอาศัยอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ชะตาชีวิตได้เคี่ยวกรำให้เขาต้องแกร่ง จิตรไม่ใช่เด็กที่รักการเรียน และไม่ชอบไปโรงเรียนมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่จิตรรักการเรียนรู้ในโลกกว้าง ตอนนั้นจะมีใครรู้หรือไม่ว่าเด็กชายสมจิตร จิตร ภูมิศักดิ์ เมื่อเขาเติบใหญ่ จะกลายเป็นหนึ่งในปราชญ์ของประเทศไทย จะกลายเป็นตำนานของวีรชนคนหนุ่มสาวทุกยุคทุกสมัย ...


...................................

ขอบพระคุณท่านลุงอึ้งเอี๊ยะซือของหนูเป็นอย่างมากค่ะ
สำหรับเพลง "เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ"


Create Date : 09 กันยายน 2549
Last Update : 12 กันยายน 2549 11:50:14 น. 39 comments
Counter : 1413 Pageviews.

 
สู้ ๆ สู้ตาย


โดย: นายผีบ้า (peba_zad ) วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:14:44:47 น.  

 
เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ

ม่านฟ้ายามค่ำ ดั่งม่านสีดำม่านแห่งความร้าวระบบ
เปรียบเหมือนดวงใจ มืดทึบระทม พ่ายแพ้ซานซมพลัดพรากบ้านมา

ต่อสู้กู้ถิ่น และสิทธิ์เสรีกู้ศักดิ์และศรีโสภา
จึงพลัดมาไกล ทิ้งไว้โรยรา จะร้างดังป่าอยู่นับปี

เคยสดใส รื่นเริง ดังนกเริงลม ถลาลอยชื่นชม อย่างมีเสรี
แม้ร้อยวัง วิมานที่มี มิเทียมเทียบปฐพีที่รักมั่น

ความใฝ่ฝันแสนงาม แต่ครั้งเคยเนาว์ ชื่นหวานในใจเราอยู่มิเว้นวัน
ความหวังยังไม่เคยไหวหวั่น ยึดมั่นว่าจักได้คืนเหมือนศรัทธา

แว่วเสียงก้องกู่ จากขอบฟ้าไกล แว่วดังจากโพ้นนภา
บ้านเอ๋ย เคยเนาว์ กังวานครวญมา รอคอยเรียกข้าทุกวัน

--------------------

จิตร ภูมิศักดิ์แต่งเพลงนี้ ใช้นามปากกาว่า สุธรรม บุญรุ่ง
แต่งขึ้นระหว่าง ถูกจองจำในคุกประมาณปี พ.ศ.2503 - 2505

ทองใบ ทองเปาด์ ได้เขียนอธิบายเพลงนี้ในหนังสือ คอมมิวนิสต์ลาดยาว ว่า
ความรัก ความสุขที่เรามีต่อบ้าน ต่อมาตุภูมิของเรานั้นยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใด
พวกเราที่ถูกอสูรเผด็จการบังคับจับให้ต้องพลัดพลากจากบ้าน และครอบครัวที่รัก
รวมทั้งแผ่นดินที่เราเคยทำกินนั้น
ทุกวันอันมืดมนนี้ เราล้วนได้ฟังเสียงกู่เพรียกหาจากแม่ จากลูก จากเมีย
แม้กระทั่งจากพื้นปฐพีที่เราเคยทำกิน

นี่คือความรัก ความศรัทธาของเราที่ทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้อย่างทรนง
เพื่อที่วันหนึ่งเราจะได้มีโอกาสกลับสู่มาตภูมิของเราอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี

นี่คือเสียงเพรียกจากมาตุภูมิของเราชาวลาดยาว

-------------

คัดลอกมาจาก
//www.geocities.com/thaifreeman/jit/pumisak12.html นะคะ


โดย: ลั่นทมสีแสด วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:14:45:49 น.  

 
สวัสดีครับ...เก็ดถวา
แวะมาเยี่ยม


โดย: สดายุ IP: 124.120.199.38 วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:16:51:40 น.  

 
ฝนแรกผ่านไปนานแล้ว ฝนใหญ่ทิ้งช่วง งานทับตาย หวังว่าคงไม่เป็นฝนแล้งนะ อิอิ


โดย: หัวหน้าแดน IP: 58.147.34.218 วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:18:36:51 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณ "นายผีบ้า"

.....

คุณสดายุ ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แวะมาค่ะ


โดย: ลั่นทมสีแสด วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:18:45:29 น.  

 

หัวหน้าแดนคะ..
มันจะเกิดขึ้นไหมคะ ฝนแล้งง่ะ
น้ำหวานคงได้อัพบล็อคตอนที่อยู่ภูเก็ตนะคะ อิอิ


โดย: ลั่นทมสีแสด วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:18:51:10 น.  

 
แค่อ่านเริ่มต้นชอบจัง ยังอ่านไม่เสร็จนะค่ะ ขอย้อนไปอ่านตอนแรกก่อน
**อ้าว เพิ่งเห็นอยู่เจียงฮายด้วย บ้านเกิดเราก็อยู่เจียงฮายเน้อ


โดย: Dressy วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:20:22:39 น.  

 
.....ที่ฐานที่มั่นดอยยาว มีคนสนใจดนตรีหลายคน
จึงตั้งวงดนตรีสมัครเล่น อาศัยเครื่องมือที่มีอยู่ขณะนั้น
เช่น แอ๊คคอเดี้ยน ขลุ่ยผิว ขิม กีต้าร์ แมนโดลิน ไวโอลิน
ผู้รับผิดชอบโรงเรียนซึ่งเป็นนักไวโอลิน ได้นำเพลงนี้มา
เรียบเรียงเสียงประสานโดยนำเครื่องดนตรีทุกชิ้นมาฝึกซ้อมร่วมกัน
ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่เรียกว่า " เสียงเพี้ยนจากมาตุภูมิ "....
....................................
เกร็ดเล็กน้อย ขำๆ เกี่ยวเนื่องกับเพลง

.................................................
ของถูกตีกลับเหรอครับ...แป่ววว......



โดย: พุกไม้ วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:21:52:28 น.  

 
น่าเสียดายเหลือเกินนะคะ เขาเป็นปราชญ์ที่ทิ้งผลงานทรงคุณค่าไว้เยอะมากแก่คนรุ่นหลัง


โดย: brasserie 1802 วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:22:13:21 น.  

 
แวะมาอ่าน..เรื่องราวดีๆ ของคนดีๆ ...คนไทย...

สบายดีนะคะ คุณลั่นทมสีแสด...




โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 10 กันยายน 2549 เวลา:15:48:28 น.  

 
ดีจังเลยค่ะ น้ำหวาน
ป้ามดไม่เคยอ่านมาก่อนเลย


โดย: ป้ามด วันที่: 11 กันยายน 2549 เวลา:14:27:25 น.  

 
เป็นบล็อกที่ถูกใจจังค่ะ ขอadd นะคะ


โดย: จันทร์น้อย วันที่: 11 กันยายน 2549 เวลา:20:44:49 น.  

 
ชอบมากเลยค่ะ ชอบอ่าน
แต่ยังอ่านไม่จบเลยง่วงซะก่อน เหะๆ
พรุ่งนี้จะต้องมาอ่านต่อให้จบให้ได้เลยค่ะคุณน้ำหวาน
แต่ตอนนี้ สวัสดีราตรีสวัสดิ์นะคะ
และขอบคุณมากๆนะคะคุณน้ำหวาน สำหรับกำลังใจในการสอบค่ะ


โดย: tu_bong วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:0:53:20 น.  

 
คุณ Dressy ขา ขอบพระคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
และดีใจมากๆ ค่ะที่ชอบ เดี๋ยวจะไปบอกคนเขียนให้ค่ะ
อย่าลืมกลับมาติดตามอ่านตอนต่อไปนะคะ..

--------

ลุงพุกขา ขอบพระคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ
เกี่ยวกับเพลง "เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ"
ตอนนี้หนูอยู่พระนครแล้ว หอบเอาของที่ตีคืนมาด้วยนะคะ
หนูจะส่งให้ลุงพุกยังไงหนอ???

--------

คุณ brasserie 1802 คะ หายไปนานเลยนะคะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน และดีใจที่ชอบค่ะ

--------

คุณแดดร่มฯ น้ำหวานสบายดีค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาค่ะ


โดย: ลั่นทมสีแสด วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:11:56:37 น.  

 
ป้ามดขา กราบขอบพระคุณที่แวะมาค่ะ
ถ้าป้ามดชอบ อัพบล็อคคราวหน้าน้ำหวานจะไปตามนะคะ

--------

คุณจันทร์น้อยคะ
ด้วยความยินดีค่ะ เดี๋ยวน้ำหวานจะตามไปที่บล็อคค่ะ

--------

คุณ tu_bong คะ แล้วสอบเป็นอย่างไรบ้างคะ
ทุกอย่างโอเคไหม..
ดีใจที่ชอบเรื่องจิตร ภูมิศักดิ์ ค่ะ
เดี๋ยวจะบอกคนเขียนให้นะคะ.. แล้วกลับมาอ่านอีกนะคะ




โดย: ลั่นทมสีแสด วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:12:00:30 น.  

 
จ๊ะเอ๋ ...


โดย: หิ่งห้อย (ztarliners ) วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:18:31:30 น.  

 
พี่สาวค๊าบ
เห็นพี่สาวผมมะค๊าบ พี่สาวผมหายปายค๊าบ

ถ้าพี่เจอ ฝากบอกเธอว่า ผมรออยู่ที่เก่านะค๊าบพี่


โดย: น้องแทน IP: 203.113.13.3 วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:19:44:10 น.  

 
เจ้าเอ๋ๆๆๆๆ ยังไม่ได้นัดกันเรยยย

--------


พี่แทนนนนนนนนนนนนนนน
คิดถึงมากนะคะ พี่แทนหายไป แงๆๆ



โดย: น้ำหวาน IP: 202.93.63.22 วันที่: 13 กันยายน 2549 เวลา:15:23:28 น.  

 
แวะมาสวัสดีครับ คุณน้ำตาล หายหน้าไปนาน เพราะงานมันรัดครับ เพลงประกอบเพราะดีนะครับ...


โดย: piangdin วันที่: 13 กันยายน 2549 เวลา:20:06:45 น.  

 


พี่โมกลับมาแย้ว.....

คิดถึงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: Love U forever. วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:2:14:03 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ

ยาวๆ แต่ก็พยายามอ่านจนจบตอน

คิดถึงนะคะ


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:17:25:48 น.  

 
แวะมาเยี่ยมบล็อกคุณน้ำหวาน อีกทีครับ เฮอะ ๆ เพิ่งสังเกตุว่าตัวเองเรียกคุณว่า น้ำตาล เฉยเลย

ขออภัยครับ

หวังว่าทุกอย่างคงดำเนินไปด้วยดีนะครับ


โดย: piangdin วันที่: 15 กันยายน 2549 เวลา:23:34:23 น.  

 
แวะมาราตรีสวัสดิ์ คุณน้ำหวานค่ะ..

ฝันดีนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ..



โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 18 กันยายน 2549 เวลา:0:19:37 น.  

 
มาทักทายครับ


โดย: Angleevil IP: 124.121.66.222 วันที่: 18 กันยายน 2549 เวลา:21:56:22 น.  

 


มาคิดถึงเจ้าของบล็อกจ้า...


โดย: Love U forever. วันที่: 22 กันยายน 2549 เวลา:1:46:00 น.  

 


ตอนนี้พี่ขอร้องเพลงถั่งโถมโหมแรงไฟก่อนนะน้อง
ปฏิวัติโค่นล้มสังคมแบบเก่า
ปฏิวัติเพื่อเราประชาชาติไทย




โดย: อุ้มสี วันที่: 22 กันยายน 2549 เวลา:11:12:13 น.  

 
จ๊ะเอ๋ ครับ คุณน้ำหวาน

แวะมาเยี่ยมดูว่าบล็อกเป็นยังไงบ้าง
ไม่ค่อยมีโอกาสเวียนมาหากันบ่อย
แต่ก็ยังระลึกถึงมิตรบล็อกเสมอครับ


โดย: piangdin วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:1:50:08 น.  

 
ได้รับของแล้ว..เพิ่งมาถึง
มีแต่เรื่องน่าสนใจทั้งนั้น
...ขอบคุณมากๆ..ครับ


โดย: พุกไม้ วันที่: 24 กันยายน 2549 เวลา:14:53:50 น.  

 
มาอ่านครับ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:15:58:16 น.  

 
แวะมาบอกว่า ระลึกถึงค่ะ...
ไม่ได้แวะมาซะหลายวัน...
สบายดีป่าวคะ...
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:21:32:58 น.  

 

หายจ้อยไปเลยนะน้องไม่สบายหรือว่าอะไรเอ่ย ?
ฝนตกบ่อยๆ รักษาสุขภาพนะน้อง


โดย: อุ้มสี วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:22:29:31 น.  

 
คุณน้ำหวานครับ แวะมาเยี่ยมด้วยความระลึกถึงครับ ชีวิตเป็นยังไงบ้างเอ่ย...


โดย: piangdin วันที่: 7 ตุลาคม 2549 เวลา:14:00:56 น.  

 


โดย: หิ่งห้อย (ztarliners ) วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:17:40:12 น.  

 


สอบยังไม่เสร็จเหรอน้อง
ฝนตกบ่อยๆ รักษาสุขภาพนะจ๊ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:11:55:23 น.  

 
ฝนตก น้ำท่วม โรคภัย
ระวังตัวระวังใจไว้ดีๆนะคับ

เป็นห่วงเน่อ....


โดย: สายลมสีชา วันที่: 12 ตุลาคม 2549 เวลา:15:03:28 น.  

 
หวัดดีค่ะ เจ้าของบ้านหายไปไหนคะเนี่ย...
ไม่ได้แวะมาหลายวันเลย...
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...
อากาศเปลี่ยนแปลง...



โดย: แดดร่มลมโชย IP: 203.144.252.236 วันที่: 12 ตุลาคม 2549 เวลา:20:36:08 น.  

 


เจ้าของบล็อกหายไปกับสายลมเยย


โดย: Love U forever. วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:10:51:22 น.  

 

แวะมากวาดหยากไย่ให้น้องจ้า
อากาศเปลี่ยนแปลงรักษาสุขภาพด้วยนะน้อง


โดย: อุ้มสี วันที่: 20 ตุลาคม 2549 เวลา:17:48:56 น.  

 


สวัสดีครับ...

ดั่งเทียน..ผู้ท่องแท้แก่ตน..

ดั่งคนผู้ ต่อสู้สู่ชน....

ดั่งฝน..ที่หล่น บนผืนไพร

ดั่งดวงใจ ดั่งจิตร ภมิศักดิ์ จากมาตุภมู




ดั่งแสง ..แปล่งนำทาง


โดย: เทียมฟ้า ( เบญจ์ ) (benjarong9 ) วันที่: 22 ตุลาคม 2549 เวลา:1:41:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลั่นทมสีแสด
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันมีแต่ความรักมีแต่ความฝัน
พอจะแบ่งปันคนทุกคน
ถ้าเธอจะมีรักเธอจะมีฝัน
เธอจะปันให้ใครหรือเปล่า

ซื้อคืนฟ้าพราวแสงดาวแสนงามจับดวงตา
ถักทอให้เป็นเช่นรองเท้ามาให้ฉัน

แล้วจะใส่ไปหาโลกในนิทราของเธอ
แต่งเติมความฝันแสนดีให้มีสองเรานิรันดร์
Friends' blogs
[Add ลั่นทมสีแสด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.