|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน # 2
อัพบล็อกคราวนี้ แม้จะไม่ได้เขียนเรื่องของตัวเอง แต่น้ำหวานเอาเรื่องราวของวีรบุรุษในดวงใจมาฝากให้อ่านนะคะ จิตร ภูมิศักดิ์ น้ำหวานได้ขออนุญาตผู้เขียนกระทู้ในเวบบอร์ดที่น้ำหวานไปเล่นอยู่ประจำ เพื่อขอเอามาแปะไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว น้ำหวานจะเอามาลงเป็นตอนๆ นะคะ เพราะคนเขียนเค้าเขียนทิ้งไว้เป็นตอนๆ เหมือนกัน (เหมาะกับช่วงเวลาที่อยากอัพบล็อกแต่ไม่มีปัญญามากๆ อิอิ) แต่ละตอนจะยาวซักหน่อยนะคะ แต่สนุก และน่าประทับใจมากๆ ค่ะ
และถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ อยากไปอ่านที่กระทู้จริง หรืออยากให้กำลังใจคนเขียน ไปตามลิงค์นี้นะคะ..
//forum.serithai.net/index.php?topic=6257.0
ถ้ายังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 เชิญอ่านตอนที่ 1 ก่อนนะคะ จะได้ต่อเนื่อง อิอิ
.......................................................
ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : ฝนแรก
2471 ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพียง 4 ปี นายตรวจสรรพสามิตหนุ่มที่ชื่อ ศิริ ภูมิศักดิ์ ก็ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับ แสงเงิน ฉายาวงศ์ ลูกสาวพ่อค้าในอำเภอเมืองจังหวัดนครนายก จังหวัดเล็ก ๆ ใกล้พระนคร สองปีต่อมาทั้งสองจึงได้ให้กำเนิดบุตรสาวคนแรก ของครอบครัว ศิริ ได้ตั้งชื่อลูกสาวให้สอดคล้องกับชื่อของตนว่า ภิรมณ์ ไม่นานหลังจากนั้น ศิริและครอบครัวก็ต้องย้ายไปอยู่จังหวัดปราจีนบุรี ที่จังหวัดปราจีนบุรีนี่เองที่ เด็กชายสมจิตร ภูมิศักดิ์ ได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลก
เด็กชายสมจิตร เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2473 ที่ ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี แน่นอน ศิริ ตั้งชื่อลูกชายให้สอดคล้องกับพี่สาวคนโต ครอบครัวภูมิศักดิ์ ได้ปักหลักอยู่ที่ปราจีนบุรีนานถึง 6 ปี จึงได้ย้ายตามนายศิริ ซึ่งต้องไปประจำอยู่ที่กาญจนบุรีในปี 2479 ที่นั่นเด็กชายสมจิตรก็ได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษา 2481 เด็กชายสมจิตร ได้เปลี่ยนชื่อเป็น จิตร ตามนโยบายของรัฐบาลในสมัยนั้นที่ต้องการให้คนไทยมีชื่อที่ระบุเพศได้ชัดเจน ครอบครัวภูมิศักดิ์ต้องอพยพย้ายกันอีกครั้งในปี 2483 ไปอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ เด็กชายจิตร ได้เข้าเรียนชั้นมัธยมต้นที่จังหวัดนี้
แต่ต่อมาเพียงอีกเจ็ดเดือนให้หลัง ศิริ ก็ต้องย้ายไปกินตำแหน่งที่จังหวัดพิบูลสงคราม จังหวัดใหม่ที่ไทยยึดได้จากเขมร (จังหวัดพระตะบอง) ในปี 2484 ด้วยเป็นเพราะจิตรเพิ่งจะเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นและจังหวัดพิบูลสงครามก็ยังไม่แน่ชัดว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ศิริ จึงฝากจิตรเอาไว้กับพระที่วัดพิชัยสงคราม (วัดนอก) ที่ซึ่งจิตรต้องใช้ชีวิตเป็นอารามบอยนานถึง 3 ปี แต่สามปีนี้ เป็นสามปีสำคัญที่ฝนแรกได้ให้กำเนิดต้นกล้าผู้ที่จะเติบโตขึ้นเป็นปราชญ์คนสำคัญของไทย สามปีที่เพาะบ่มเด็กชายบ้านนอกให้เข้าสู่โลกของอักษรศาสตร์ จิตรเรียนภาษาเขมรที่นี่!! นอกจากจะต้องหิ้วปิ่นโตตอนเช้าแล้ว จิตรยังต้องเป็นลูกมือในการลงตะกรุดลงยันต์ ซึ่งเป็นภาษาขอม ทำให้ได้เรียนรู้ภาษาเขมรโบราณไปในตัว
เมื่อเรียนจบชั้นมัธยม 3 ศิริซึ่งย้ายไปอยู่ที่จังหวัดพิบูลสงครามได้ถึงสามปี ความเป็นอยู่เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ย้ายจิตรให้ไปเรียนต่อชั้นมัธยม 4 ที่จังหวัดพิบูลสงคราม ในปี 2487 การมาเรียนต่อในจังหวัดที่เคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศษ ทำให้จิตรได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศษ และภาษาเขมร โดยเฉพาะภาษาเขมร เขาแตกฉานถึงขนาดแปลศิลาจารึกโบราณได้เลยทีเดียว
รักแรกของจิตรได้ถือกำเนิดที่นี่ ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก รู้แต่เพียงชื่อของเธอ เวียน เกิดผล น่าเสียดายที่ในปี 2489 เมื่อสิ้นสุดสงครามอินโดจีน ประเทศไทยต้องคืนดินแดนที่ยึดมาได้ให้กับกัมพูชา เป็นเหตุให้หนุ่มสาวคู่นี้ต้องพลัดพรากจากกัน เพราะต้องอพยพกลับประเทศไทย
นอกจากเรื่องราวความรักที่แสนโรแมนติกนี้แล้ว ยังมีเรื่องที่น่าเจ็บปวดเกิดขึ้นกับครอบครัวภูมิศักดิ์ เมื่อความรักของ ศิริ กับ แสงเงิน ก็จบสิ้นลงที่จังหวัดพิบูลสงคราม ภิรมณ์ ภูมิศักดิ์ พี่สาวของจิตรได้บันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า
" คุณแม่ไม่เคยได้รับรักเดียวใจเดียวจากผู้เป็นที่รัก ปีแล้วปีเล่าที่ต้องทนขมขื่นกับความรู้สึกกลัดหนองเมื่อทั้งรู้ทั้งเห็น ว่าผู้ที่ตนรัก เอาใจไปแบ่งปันให้หญิงอื่น เอาทรัพย์สินที่หาได้ไปบำเรอหญิงอื่น โดยไม่ไยดี ต่อบุคคลในครอบครัว... วันหนึ่ง ลูก ๆ ก็ได้ทราบว่าคุณแม่ตัดสินใจเด็ดขาด แยกทางเดินกับคุณพ่อ ลูก ๆ ทราบอย่างไม่ตกอกตกใจ เพราะความ ทุกข์ของ แม่นั้น เรารู้อยู่เต็มอก " และที่จังหวัดพิบูลสงครามอีกเช่นกัน ที่จิตรได้เรียนรู้บทเรียนแรกเกี่ยวกับการเมือง เขาได้รู้ได้เห็นการเรียกร้อง "เอ็ยสะระ" ของชาวกัมพูชา ซึ่งจิตรได้บันทึกในภายหลังว่านั่นคือความประทับใจการเมืองครั้งแรกในชีวิตของเขา
2490 หลังจาก แสงเงิน แยกทางเดินกับ ศิริ แสงเงินได้อพยพครอบครัวสามแม่ลูกมาอยู่ที่จังหวัดลพบุรี แสงเงินเช่าบ้านและเปิดเป็นร้านรับจ้างเย็บเสื้อผ้า และจำหน่ายเสื้อผ้าอยู่ที่นั่น จิตรได้เขียนโคลงอาฆาตานุสรณ์ ที่สะท้อนความคาดหวังว่าสักวันหนึ่งจังหวัดพระตะบองและอีกสามจังหวัดที่ไทยต้องคืนให้กัมพูชาจะกลับมาเป็นของไทยว่า "หากสยามกลับเกรียงไกร องอาจ นาท่าน แปดเขตต์ไทยเดิมอ้า โอบเข้าถิ่นสยาม" นอกจากนั้นจิตรยังเขียนถึงความอาลัยอาวรณ์คนรักเอาไว้ในนิราศอพยพที่เขาเขียนด้วยความสะเทือนใจ
ด้วยความมองการณ์ไกลของแสงเงิน เธอจึงส่งลูกทั้งสองมาเรียนต่อที่กรุงเทพ โดยภิรมณ์ได้เข้าเรียนต่อที่เตรียมอุดมศึกษา ส่วนจิตรได้เข้าเรียนต่อมัธยม 5 ที่โรงเรียนเบญจมบพิตร ตอนที่จิตรมาขอเรียนต่อนั้น อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนไม่รับเอาไว้ สองพี่น้องต้องต่อสู้อยู่นานกว่าที่โรงเรียนเบญจมบพิตรจะยอมรับจิตรเข้าเรียนทั้ง ๆ ที่รัฐบาลได้ประกาศให้เด็กที่อพยพมาจากกัมพูชาสามารถเข้าเรียนต่อโรงเรียนใหนก็ได้ที่อยากเรียน จิตรได้เข้าเรียนต่อโดยมีภิรมณ์ผู้เป็นพี่สาวลงชื่อเป็นผู้ปกครอง ชีวิตในโรงเรียนเบญจมบพิตรของจิตรเป็นช่วงชีวิตที่ไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากต้องถูกเพื่อนล้อเลียนเป็นประจำว่าเป็นไอ้เขมร ด้วยบรรยากาศเกลียดชังเขมรของคนไทยในสมัยนั้น
เมื่อปิดเทอมภาคฤดูร้อนของชั้นมัธยม 5 จิตรได้กลับไปเยี่ยมแม่ของเขาที่ลพบุรี ที่นั่นจิตรได้พบกับรักแรกของเขาอีกครั้ง และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ซึ่งจิตรได้เขียนบันทึกเอาไว้ว่า
คุยกับคุณเวียนประเดี๋ยวหนึ่ง สังเกตได้ว่าท่าทางสาวจะมีใจให้อยู่เหมือนกัน "วันนี้พูดกันมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา พอลาแม่เขาแล้ว หันไปลาเขา เขายกมือไหว้ หันมองเราจนลับตา..."
ในท้ายบันทึกที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ของจิตร จิตรได้เขียนรำพึงเอาไว้ในภายหลังว่า "เดี๋ยวนี้ คุณเวียนไปอยู่ที่ไหนหนอ"
ในปีที่จิตรเรียนชั้นมัธยม 6 มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ของคนจีนในไทย มีการก่อความไม่สงบขึ้นประปรายของคนจีนที่อพยพมาอาศัยอยู่ในเมืองไทย อยู่มาวันหนึ่งจิตรได้ไปอ่านบทความของอาจารย์ท่านหนึ่งบนกระดานประกาศข่าวของห้องสมุด มีเนื้อหาเกี่ยวกับนโยบายของจีนที่จะกลืนชาติไทย เมื่อจิตรอ่านเสร็จก็โกรธคนจีนและต้องการที่จะตอบโต้ เขาเขียนจดหมายถึงหัวหน้าชั้นทุกห้อง ชักชวนให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันที่สนามหน้าโรงเรียนตอนพักเที่ยง เมื่อเวลามาถึงนักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนมารวมตัวกัน จิตรจึงได้ขึ้นเวทีนำการประท้วงครั้งแรกในชีวิต จิตรได้ตระโกนร้องถามผู้ชุมนุมประโยคแรกว่า
"จะนิ่งดูดายให้ชาติอื่น ๆ เขากลืนชาติไทยได้ไหม"
เสียงตอบก็ดังกระหึ่มขึ้นมาพร้อม ๆ กันว่า ไม่ได้ ๆ ๆ
ชีวิตของนักปฏิวัติได้เปิดฉากแล้ว ณ. เวลานั้นเอง
เมื่อจบมัธยม 6 เขาได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พยาไท ตามรอยพี่สาวซึ่งตอนนี้ได้เข้าเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จิตรเรียนจนจบชั้นเตรียม 2 (ม.ศ.5) ด้วยคะแนนเพียง 65% (เกรดเฉลี่ยประมาณ 2 ต้น ๆ) จากนั้นจึงสอบเข้าเรียนต่อคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2493
ชีวิตในวัยเด็กของจิตร ไม่ได้งดงามสวยหรู เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ชวนฝันเหมือนกับเด็กโดยทั่วไป เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวข้าราชการชั้นผู้น้อย ซึ่งไม่ได้อบอุ่นอย่างที่ควรจะเป็น ต้องระหกระเหิรย้ายติดตามบิดาไปอาศัยอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ชะตาชีวิตได้เคี่ยวกรำให้เขาต้องแกร่ง จิตรไม่ใช่เด็กที่รักการเรียน และไม่ชอบไปโรงเรียนมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่จิตรรักการเรียนรู้ในโลกกว้าง ตอนนั้นจะมีใครรู้หรือไม่ว่าเด็กชายสมจิตร จิตร ภูมิศักดิ์ เมื่อเขาเติบใหญ่ จะกลายเป็นหนึ่งในปราชญ์ของประเทศไทย จะกลายเป็นตำนานของวีรชนคนหนุ่มสาวทุกยุคทุกสมัย ...
...................................
ขอบพระคุณท่านลุงอึ้งเอี๊ยะซือของหนูเป็นอย่างมากค่ะ สำหรับเพลง "เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ"
Create Date : 09 กันยายน 2549 |
|
39 comments |
Last Update : 12 กันยายน 2549 11:50:14 น. |
Counter : 1414 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: นายผีบ้า (peba_zad ) 9 กันยายน 2549 14:44:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: สดายุ IP: 124.120.199.38 9 กันยายน 2549 16:51:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: หัวหน้าแดน IP: 58.147.34.218 9 กันยายน 2549 18:36:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: Dressy 9 กันยายน 2549 20:22:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: พุกไม้ 9 กันยายน 2549 21:52:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้ามด 11 กันยายน 2549 14:27:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: tu_bong 12 กันยายน 2549 0:53:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: หิ่งห้อย (ztarliners ) 12 กันยายน 2549 18:31:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้องแทน IP: 203.113.13.3 12 กันยายน 2549 19:44:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้ำหวาน IP: 202.93.63.22 13 กันยายน 2549 15:23:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: piangdin 13 กันยายน 2549 20:06:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: piangdin 15 กันยายน 2549 23:34:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: Angleevil IP: 124.121.66.222 18 กันยายน 2549 21:56:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 22 กันยายน 2549 11:12:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: piangdin 23 กันยายน 2549 1:50:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: พุกไม้ 24 กันยายน 2549 14:53:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 3 ตุลาคม 2549 22:29:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: หิ่งห้อย (ztarliners ) 8 ตุลาคม 2549 17:40:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 10 ตุลาคม 2549 11:55:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: แดดร่มลมโชย IP: 203.144.252.236 12 ตุลาคม 2549 20:36:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 20 ตุลาคม 2549 17:48:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: เทียมฟ้า ( เบญจ์ ) (benjarong9 ) 22 ตุลาคม 2549 1:41:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงราย Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ฉันมีแต่ความรักมีแต่ความฝัน พอจะแบ่งปันคนทุกคน ถ้าเธอจะมีรักเธอจะมีฝัน เธอจะปันให้ใครหรือเปล่า
ซื้อคืนฟ้าพราวแสงดาวแสนงามจับดวงตา ถักทอให้เป็นเช่นรองเท้ามาให้ฉัน
แล้วจะใส่ไปหาโลกในนิทราของเธอ แต่งเติมความฝันแสนดีให้มีสองเรานิรันดร์
|
|
|
|
|
|
|