ผู้ป่วยเข้าคิวเปลี่ยนอวัยวะเพียบ บริจาคอวัยวะ กันไหมครับ
ผู้จัดการออนไลน์ 26 กรกฎาคม 2550 ผู้ป่วยเข้าคิวเปลี่ยนอวัยวะเพียบ เผยรอจนตายไปแล้ว 380 คน
สธ.ระบุผู้ป่วยรอปลูกถ่ายอวัยวะเพียบ แต่ขาดแคลนอีกมาก 4.8% เท่านั้นที่ได้รับการปลูกถ่าย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตระหว่างรออวัยวะแล้ว 380 คน เผยไตเป็นอวัยวะที่รอการปลูกถ่ายมากที่สุด ชวนคนไทย บริจาคอวัยวะถวายในหลวง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
วันนี้ (26 ก.ค.) ที่ลานห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดโครงการ บริจาคอวัยวะถวายในหลวง โดยมีเครือข่ายผู้พิการ และศิลปิน ดารา เข้าร่วมรณรงค์ด้วย อาทิ น.ส.แอน ทองประสม ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล นายคริสโตเฟอร์ อิงลิช นพ.มรกต กรเกษม รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยรอรับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาผู้ป่วยที่อวัยวะสำคัญเสื่อมสภาพ แต่ปัญหาคือการขาดแคลนอวัยวะ แต่ละปีคาดมีผู้เสียชีวิตที่สามารถบริจาคอวัยวะได้เกือบ 2,000 คน ดังนั้น เพื่อช่วยชีวิตพี่น้องชาวไทยด้วยกัน ให้มีอวัยวะเพียงพอต่อการปลูกถ่าย ไม่มีการซื้อขายอวัยวะ และเหนือสิ่งอื่นใด คือ ร่วมกันทำความดีในโอกาสอันเป็นมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค.2550 สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สปสช.แล สสส.จึงจัดโครงการ บริจาคอวัยวะถวายในหลวง เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมบริจาคอวัยวะ ถวายเป็นพระราชกุศล ไตเป็นอวัยวะที่มีผู้รอรับการปลูกถ่ายมากที่สุด ส่วนหนึ่งมาจากโรคไต มีเครื่องฟอกไตที่ช่วยต่อเวลาให้รอต่อไปได้นานเท่าที่ผู้ป่วยสามารถไปฟอกได้ แต่อวัยวะอื่นๆ ไม่อาจฟอกรอได้ เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่อวัยวะนั้นๆ เสื่อม ผู้ป่วยก็ต้องเสียชีวิตไป ซึ่งมีผู้เสียชีวิตระหว่างรอรับอวัยวะแล้ว 380 คน ขณะที่ผู้ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจรายหนึ่ง มีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวจนถึงปัจจุบันก็ 20 ปีแล้ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมรณรงค์ในโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยจะพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความรู้เรื่องการบริจาคอวัยวะ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องต่อประชาชน นพ.มรกต กล่าว นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา มีผู้บริจาคอวัยวะหลังจากเสียชีวิตแล้ว 436,365 คน แต่ยังขาดแคลนอวัยวะอยู่ ซึ่งภาวการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกประเทศที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะ จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้รอรับอวัยวะถึง 2,238 คน แต่มีผู้ป่วยเพียง 107 คน หรือ 4.8% เท่านั้น ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ยังมีผู้ป่วยอีก 2,131 คน ที่รอคอยความหวังที่จะได้รับชีวิตใหม่ อวัยวะ 3 อันดับแรกที่มีผู้รอรับการบริจาคมากที่สุด คือ 1.ไต 1,848 ราย มีผู้ได้รับการปลูกถ่าย 114 ราย หรือ 6.2% 2.ตับ 231 ราย มีผู้ได้รับการปลูกถ่าย 24 ราย หรือ 10.4% 3.หัวใจและปอด 49 ราย มีผู้ได้รับการปลูกถ่ายเพียง 5 ราย หรือ 10.2% และมีผู้รอรับการบริจาคตับอ่อน 4 ราย แต่ยังไม่มีใครได้รับการปลูกถ่ายงกับประชาชน นพ.มรกต กล่าว นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ สสส.กล่าวว่า การที่มีผู้บริจาคอวัยวะจำนวนน้อย ส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อที่เกรงว่า หากบริจาคแล้วเมื่อเกิดใหม่ในชาติหน้า จะมีอวัยวะไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่มีเหตุผลจะเป็นเช่นนั้น ตรงกันข้ามการบริจาคอวัยวะ คือ การทำบุญที่ยิ่งใหญ่ โดย 1 ร่างกายที่สมบูรณ์อาจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ถึง 7 ชีวิต โดยนำ 1 หัวใจ 1 ตับ 1 ตับอ่อน 2 ปอด และ 2 ไต ไปปลูกถ่ายได้ การปลูกถ่ายอวัยวะเป็นแนวทางเอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพประการหนึ่ง ที่จะทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งทางกาย จิตใจ และสังคม เพราะเมื่อเชื่อว่า การบริจาคอวัยวะ คือ การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ผู้บริจาคย่อมดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ให้ร่างกายสมบูรณ์พร้อมสำหรับทำการบุญที่ยิ่งใหญ่ ทั้งนี้ ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ทราบขั้นตอนการบริจาค โดยนอกจากสอบถามได้ที่หมายเลข 1666 แล้ว จะมีเอกสารจัดวางที่สถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ สถานีบริการน้ำมันบางจาก ปตท.ร้านสะดวกซื้อวีชอป ไทยชอป ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และเสรีเซ็นเตอร์ พญ.เรณู ศรีสมิต ที่ปรึกษาอาวุโส สปสช.กล่าวว่า โรคไตวาย โรคหัวใจ เป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง การรักษาที่ดีที่สุด คือ การปลูกถ่ายอวัยวะ สปสช. จึงสนับสนุนงบประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบการรับบริจาคอวัยวะของ รพ.ศูนย์ทั่วประเทศ จำนวน 24 แห่ง และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับบริจาคอวัยวะ โดยตั้งเป้าหมายจะนำอวัยวะจากผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ป่วยสมองตายจำนวน 200 ราย ไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยที่รอคอยได้ประมาณ 500 ราย วันเดียวกัน รศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก โรงพยาบาลรามาธิบดี และกรรมการโครงการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ กล่าวว่า ภาวะเม็ดเลือดขาวผิดปกติทำให้ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคธาลัสซีเมีย ไขกระดูกฝ่อ โรคต่อมน้ำเหลือง รอรับการปลูกถ่ายไขกระดูกปีละกว่า 1,000 คน แต่ได้รับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวประมาณปีละ 200 คน คนไข้ที่ไม่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก เพราะหาไขกระดูกที่เข้ากับเซลล์ของคนไข้ไม่ได้ อีกทั้งค่าใช้จ่ายสูงเฉลี่ยรายละ 500,000-700,000 บาท ข้อจำกัดดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี ขณะที่การปลูกถ่ายไขกระดูกรักษาโรคเหล่านี้หายขาด มีการศึกษาค่าใช้จ่ายคนไข้ธาลัสซีเมียที่ต้องให้เลือดและกินยาขับเหล็กตลอดชีวิต อยู่ที่รายละ 7 ล้านบาท คาดว่ามีผู้ป่วยโรคนี้กว่า 50,000 คน ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์มีโอกาสรับการรักษาที่ได้มาตรฐาน โรคหายขาด ซึ่งเป็นการชุบชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วย จึงจัดโครงการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกเฉลิมพระเกียรติฯ ขึ้น มีผู้ป่วยลงทะเบียนรอรับการปลูกถ่ายไขกระดูก 81 คน ทำการรักษาไปแล้ว 50 คน ขณะที่เงินรับบริจาคไม่เพียงพอ จึงขอเชิญชวนร่วมบริจาคเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ชื่อ มูลนิธิโครงการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ธนาคารกรุงไทย สาขาเตาปูน เลขที่บัญชี 020 0004336 6 ธนาคารกสิกรไทย สาขาซอยรางน้ำ เลขที่บัญชี 052 267645 4 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดี เลขที่บัญชี 026 422066 2 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาแยกสะพานกรุงธน เลขที่บัญชี 072 134059 0 สามารถนำไปหักภาษีได้ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่มูลนิธิรามาธิบดี โทรศัพท์ 0 2201 1205 และ 0 2201 2535 ในวันเวลาราชการ นอกจากนี้ ในวันที่ 5 สิงหาคม จะจัดกิจกรรมคืนสู่เหย้าผู้เปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ที่ห้องประชุมอรรถสิทธิ์เวชชาชีวะ ชั้น 5 ตึกศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
Create Date : 27 กรกฎาคม 2550 |
|
15 comments |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2550 16:00:17 น. |
Counter : 1456 Pageviews. |
|
|
|