เปิดสมุดเหลือง คตส. เช็กบิล 13 เรื่อง 3.7 หมื่นล้านบาท
ประชาชาติธุรกิจ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐ (คตส.) เปิดเผย "สมุดปกเหลือง" ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ คตส.สืบเนื่องมาจากการทุจริตในโครงการต่างๆ
คตส.เริ่มต้นพิจารณาเรื่องของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จำนวน 23 เรื่อง โดยได้พิจารณารับไว้เบื้องต้น 8 เรื่อง และรับเพิ่มเติม จากเรื่องที่มีการร้องต่อ คตส.ในภายหลังอีก 5 เรื่อง รวมทั้งสิ้น 13 เรื่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.การตรวจสอบการซื้อขายหุ้นและโอนหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
ผลการตรวจสอบ การหลีกเลี่ยงภาษีของญาติ บุตรธิดา และบริษัท ของครอบครัวผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรวมเป็นภาษีและเงินเพิ่มที่ ต้องชำระ 33,108 ล้านบาท
2.การให้เงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรและพัฒนาประเทศแก่รัฐบาลสหภาพพม่าของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ผลการตรวจสอบกรณีนี้มีการสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) ให้รัฐบาลสหภาพพม่ากู้เงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการของบริษัทเอกชนรายหนึ่งในจำนวนเงินกู้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
3.การจ้างก่อสร้างและจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง ตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร จำกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ปรากฏว่าจากการตรวจสอบกระแสทางเดินเงินพบว่า การซื้อเครื่องมือวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ผ่านบริษัทคนกลาง ทั้งที่บริษัทที่ประมูลได้ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่าย และบริษัทคนกลางได้รับ ผลประโยชน์ไปประมาณ 300 ล้านบาท จากวงเงินตามสัญญาเฉพาะส่วนนี้ 833 ล้านบาท และพบว่ามีการถอนเงินออกไปในลักษณะปกปิดการได้มาเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
4.การไต่สวนกรณีกล่าวหา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับพวก กระทำผิดทางอาญา กรณีโครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ผลการตรวจสอบ นักการเมือง ข้าราชการและบุคคลอื่น ร่วมกันกระทำความผิดด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำ ทำให้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) และประชาชนได้รับความเสียหายด้วยการจัดหาและติดตั้งสายพานลำเลียงกระเป๋าและสัมภาระผู้โดยสารและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด (CTX 9000 Dsi) ท่าอากาศยานสุวรณภูมิ ในราคาแพงกว่าปกติไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อช่วยเหลือผู้รับจ้างมิให้เป็นฝ่ายประพฤติผิดสัญญาและไม่ต้องเสียค่าปรับ ทำให้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท ถือว่าบุคคลดังกล่าวมีเจตนาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) และประชาชนอันเป็นมูลความผิดทางอาญา
5.การไต่สวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ผลการตรวจสอบ การดำเนินการออกแบบและกำหนดเงื่อนไขในเอกสารประกวดราคาของบริษัท อิเล็คโทรวัตต์คอนซัลติ้งเซอร์วิสเซสส์ (ประเทศไทย) จำกัด และเจ้าหน้าที่ของ บทม.โดยมิชอบ โดยเปลี่ยนชนิดของวัสดุ ท่อร้อยสายไฟฟ้าซึ่งวัสดุที่เปลี่ยนราคาแพงกว่าวัสดุเดิมไม่ต่ำกว่า 2 เท่าตัว และมีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับ การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และกฎหมายอาญาอื่น ความเสียหายที่เกิดขึ้นประมาณ 200 ล้านบาท
6.การไต่สวนกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและภริยา ในการเข้ามาทำสัญญาจะซื้อจะขาย และสัญญาซื้อขายที่ดินของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (ที่ดินถนนรัชดาภิเษก) ซึ่งเป็นการปฏิบัติ ไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
ผลการตรวจสอบ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดทางอาญาที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการ พิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งอัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2550 ความเสียหายเท่ากับมูลค่าของที่ดินจำนวน 4 โฉนด เนื้อที่ 33-0-78.9 ไร่ บริเวณ ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งยังประมาณราคาตลาดมิได้ แต่ราคาที่เกิดปรากฏ ตามสัญญาที่เป็นส่วนของการกระทำผิดเป็นเงิน 772 ล้านบาท
7.การไต่สวนกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับพวก กระทำความผิดเกี่ยวกับโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผลการตรวจสอบ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถูกอายัดทรัพย์ ได้ร่วมกับพวกรวม 49 คนกระทำการที่เป็นความผิดทางอาญา และก่อให้ เกิดความเสียหายแก่รัฐ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการไต่สวนมีพยานหลักฐาน บ่งบอกชัดเจนทั้งเอกสารและพยานบุคคลว่ามีการกระทำผิดทางอาญาจริง และก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ดังนี้
ความเสียหายของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นเงิน 16,027,505,235.94 บาท
ความเสียหายของกระทรวงการคลัง ในส่วนที่ไม่ได้ภาษีอากรที่จะต้องได้ตามประมวลรัษฎากร เป็นเงิน 8,970,740,822.62 บาท
กระทรวงมหาดไทยต้องขาดประโยชน์ในการไม่ได้รับภาษีการพนัน ตามพระราชบัญญัติการพนันฯ เป็นเงิน 12,792,152,581.50 บาท
รวมเป็นความเสียหายของรัฐทั้งสิ้นในการกระทำผิดทางอาญาของผู้ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับพวกเป็นเงินทั้งสิ้น 37,790,398,640.06 บาท
8.การไต่สวนกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับพวก กรณีกระทำความผิดโครงการจัดซื้อต้นกล้ายาง และการดำเนินการโครงการ ปลูกยาง 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ผลการตรวจสอบการอนุมัติโครงการและอนุมัติการใช้เงินกองทุนรวม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไม่ชอบด้วยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พ.ศ.2534 และการขอรับการสนับสนุนจาก สกย.ใช้เงิน CESS ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์ การทำสวนยาง พ.ศ.2503 มูลค่าของการอนุมัติให้ใช้เงินในโครงการนี้ เฉพาะที่เกี่ยวกับการผลิตพันธุ์ยางมีมูลค่า 1,440 ล้านบาท
9.การไต่สวนกรณีทุจริตเกี่ยวกับการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร
ผลการตรวจสอบ การดำเนินการจัดซื้อยานพาหนะดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ซึ่งดำเนินการโดยบุคคลหลายฝ่าย มีมูลค่าน่าเชื่อว่า เป็นการกระทำร่วมกัน มีเป้าหมายอันเดียวกัน ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี ระเบียบ และกฎหมาย โดยมีการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของสินค้า วิธีการ และราคาไว้ล่วงหน้า ส่อไปในทางมีเจตนาทุจริต เป็นเหตุให้มี การจัดซื้อในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เป็นจำนวนเงิน 1,900 ล้านบาทเศษ
10.การไต่สวนกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คณะกรรมการบริหาร และพนักงานธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และพวกร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นพนักงาน หรือเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผลการตรวจสอบ การให้เงินกู้โดยทุจริตของผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีมูลค่าการกู้ประมาณ 5,185 ล้านบาท
11.การไต่สวนกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำความผิดทางกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง (ในส่วนของการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตเกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคมและเรื่องอื่นๆ)
ผลการตรวจสอบ (1) แก้ไขสัญญาข้อตกลงลดส่วนแบ่งรายได้ค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้า (prepaid) เพื่อประโยชน์ แก่บริษัทเอกชนซึ่งเป็นการแก้ไขสัญญาโดยมิได้ดำเนินให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการ ของรัฐ พ.ศ.2535 ให้รัฐเสียผลประโยชน์ตลอดอายุสัมปทานเป็นเงินประมาณ 71,677 ล้านบาท
(2) แก้ไขสัญญาข้อตกลงปรับเกณฑ์การตัดส่วนแบ่งรายได้ให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชน ทำให้รัฐเสียหายประมาณ 700 ล้านบาท
(3) ตราพระราชกำหนดภาษีสรรพสามิตในกิจการโทรคมนาคม และได้มีมติคณะรัฐมนตรีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เสียหายประมาณ 30,667 ล้านบาท
12.การไต่สวนกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพวก กระทำความผิดเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งทางรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของการรถไฟแห่งประเทศไทย ฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผลการตรวจสอบ เป็นการดำเนินการโดยทุจริตซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ 1,200 ล้านบาท
13.การไต่สวนกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพวก ร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างเอกชนโดยการเคหะแห่งชาติ โครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 4 ฐานเป็นพนักงานหรือเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผลการตรวจสอบ การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ในการรับซื้อโครงการ จากการรับซื้อเป็นรายโครงการ (turn key) เป็นการรับซื้อโดยจัดสรรหน่วยดำเนินการให้ผู้ประกอบการ (bid bond turn key) เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้ามาร่วมดำเนินงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถประเมินเป็นตัวเงินได้ไม่น้อยกว่า 415.15 ล้านบาท ทั้งนี้มีความเสียหายที่ยังไม่สามารถประเมินเป็นเงินได้อีกไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท
รวมมูลค่าความเสียหายต่อรัฐทั้งหมดเป็นเงินกว่า 37,790,551,822 บาท
Create Date : 02 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2550 12:35:57 น. |
|
6 comments
|
Counter : 751 Pageviews. |
|
|
ยังไม่ได้อัพบล๊อกใหม่นะคะ ไม่ต้องไปเม้นท์น๊า