นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 50 หวังแก้เอดส์ไม่ใช้ยา
ไทยโพสต์ 3 สิงหาคม 2550 2 ศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นประจำปี 2550 ต่างชาติซูฮกยกนิ้วให้ "โมเดลจำลอง" สมการเพื่อการพยากรณ์ ต่อยอดช่วยทางการแพทย์
แย้มโปรเจ็กต์ใหญ่กำลังตีสมการเพื่อรักษาโรคเอดส์ในอนาคตโดยไม่ต้องใช้ยา ติงเด็กรุ่นใหม่ไม่สนใจคณิตศาสตร์ ทั้งที่เป็นพื้นฐานสำคัญของทุกแขนงวิชา
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่โรงแรมสยาม ซิตี้ มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ประกาศรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น และนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2550 โดยนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นได้แก่ ศ.ดร.สมพงษ์ ธรรมพงษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ศ.ดร.ยงค์วิมล เลณบุรี จากมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งทั้งคู่เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านคณิตศาสตร์ ส่วนรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ได้แก่ ผศ.ดร.เฉลิมชนม์ สถิระพจน์, ผศ.ดร.นวดล เหล่าศิริพจน์, ผศ.ดร.วินิช พรมอารักษ์, ผศ.ดร.สันติ แม้นศิริ, ผศ.ดร.อทิตยา ศิริภิญญานนท์ และ ดร.อานนท์ ชัยพานิช
สำหรับงานวิจัยเรื่องทางทฤษฎีจุดตรึงของประเทศไทย โดย ศ.ดร.สมพงษ์ ธรรมพงษา นั้นได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เพราะสามารถนำทฤษฎีไปต่อยอดเป็นงานวิจัยอื่นๆ ส่วนงานวิจัยของ ศ.ดร.ยงค์วิมลคือ การสร้างและวิเคราะห์แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของระบบไม่เชิงเส้น
ศ.ดร.ยงค์วิมลกล่าวว่า งานตัวนี้พูดให้ง่ายคือ การคิดสมการเพื่อการพยากรณ์ โดยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์และเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเรื่องการแพทย์เราจะใช้วิธีพิจารณาตัวแปรและองค์ประกอบต่างๆ มาสร้างเป็นสมการ เพื่อคำนวณหาผลลัพธ์หรือพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น ทั้งแนวทางการรักษา การดูแลร่างกาย ระยะเวลา หรือปริมาณการรับประทานยา ครอบคลุมได้หมด ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาวงการการแพทย์ไทย
"งานวิจัยนี้ จะสามารถประยุกต์เข้าได้กับทุกโรค รวมไปถึงธรรมชาติสิ่งแวดล้อมด้วย ในอนาคตอาจมีการเก็บรายละเอียดตัวแปรต่างๆ เพื่อพยากรณ์ถึงภัยพิบัติ สร้างเหตุการณ์หรือช่วงเวลาจำลองสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพื่อการป้องกัน และยังสามารถต่อยอดใช้ในการเพื่อช่วยรักษาเบาหวานหรือการสลายกระดูกแล้ว และอยู่ระหว่างเริ่มวางแผนใช้ระบบสมการนี้เพื่อช่วยในการรักษาโรคเอดส์ด้วย" ศ.ดร.ยงค์วิมลกล่าว และว่า ปัจจุบันคนติดเชื้อเอดส์ต้องกินยาตลอด ซึ่งกินซักพักเดียวก็ดื้อยา แต่ในอนาคตอาจมีแนวทางการรักษาที่เปลี่ยนไป เมื่อคิดจากองค์ประกอบและตัวแปรต่างๆ อาจมีแนวทางการรักษาที่ไม่ต้องใช้ยาเป็นประจำก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่ปรึกษากันอยู่
ด้าน ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์นักวิทยาศาสตร์ไทยว่า คณิตศาสตร์ถือเป็นส่วนสำคัญ และเป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาประเทศ แต่ขณะนี้เรามีปัญหาที่สำคัญคือ เด็กรุ่นใหม่ไม่ให้ความสนใจกับวิชาคณิตศาสตร์ ทั้งๆ ที่เป็นศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง จึงอยากให้เด็กเปลี่ยนทัศนคติและหันมาสนใจคณิตศาสตร์กันมากขึ้น
"คณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานของวิชาส่วนใหญ่ ไม่ว่างานอะไรๆ ล้วนมีคณิตศาสตร์แฝงอยู่ทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อที่จะเรียน และสามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนๆ การเรียนวิชาอื่น ดูตัวอย่างได้จากผมและ อ.ยงค์วิมล ซึ่งช่วยกันคิดค้นงานวิจัยที่ดีๆ ออกมา นำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติต่อไป" ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวทิ้งท้าย
Create Date : 03 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 3 สิงหาคม 2550 17:17:42 น. |
|
14 comments
|
Counter : 1103 Pageviews. |
|
|
|